กวินก้าวลงจากรถด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เสียงส้นรองเท้าหนังกระทบพื้นหินอ่อนดังก้องในโรงแรมหรูใจกลางเกาะฮ่องกง คีย์ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางเฉียบขาด ก้าวเข้ามารายงานทันที
"พวกมันทิ้งร่องรอยไว้ ที่ลานจอดรถหลังบ้านเมื่อคืน" กวินพยักหน้า ดวงตาคมกริบประดุจเหยี่ยวที่กำลังจับเหยื่อ
คีย์ยื่นแท็บเลตให้กวิน ภาพจากกล้องวงจรปิดถูกเปิดขึ้น เงาคนสองคนวิ่งหลบซ่อนอย่างว่องไว แต่เพียงชั่ววินาทีเดียว กวินก็สังเกตเห็นสัญลักษณ์บางอย่างที่สักอยู่ข้างคอของคนหนึ่ง
"มันคือคนของหลงเว่ย" กวินกัดฟันกรอด เอ่ยชื่อศัตรูเก่าอย่างเกลียดชัง
หลงเว่ยผู้นำแก๊งมาเฟียสัญชาติจีนที่เคยพ่ายแพ้ให้กับกวินในสงครามธุรกิจเมื่อหลายปีก่อน และสูญเสียพื้นที่ทำเงินสำคัญไปเพราะมือของเขา
"ให้ลูกน้องกระจายข่าว ปิดล้อมทางหนีทั้งหมด" กวินออกคำสั่งเสียงกร้าว "ฉันไม่สนว่าต้องจ่ายเท่าไร ฉันต้องได้ตัวมันมา!"
คีย์รับคำสั่งอย่างแข็งขัน ก่อนแยกตัวไปทันที ทิ้งให้กวินยืนกำมือแน่นอย่างเดือดดาล
ครั้งนี้พวกมันไม่ได้แค่เล่นงานเขา แต่กล้ามายุ่งกับวันสุข และสำหรับกวิน นั่นคือเส้นที่ห้ามใครก้าวข้ามเด็ดขาด
วันสุขนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก พลางเปิดโทรทัศน์ดูข่าวฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ แต่เธอรู้สึกแปลกเหมือนมีสายตาจ้องมองอยู่ตลอดเวลา เธอหันขวับไปมองนอกหน้าต่าง แต่ไม่พบอะไร นอกจากต้นไม้ไหวเอนตามแรงลม
“คิดมากไปเองแล้วมั้งเรา” เธอพยายามบอกตัวเอง แต่ขนแขนกลับลุกซู่ไม่หยุด
ในความมืดไกลออกไป ชายคนหนึ่งในชุดดำสนิทกำลังจับตามองวันสุขผ่านกล้องส่องทางไกล เขากดวิทยุสื่อสารรายงานเบื้องบน
"เป้าหมายอยู่ในคฤหาสน์ ไม่มีการ์ดติดตัว แต่รอบบ้านมีคนเฝ้าหนาแน่น ใจเย็น ๆ...รอจังหวะ"
จากนั้นเสียงตอบรับเบา ๆ จากอีกฝั่งก็ตามมา
"ถ้ามีโอกาส จัดการได้เลย...อย่าให้มันรู้ตัวเด็ดขาด" ชายชุดดำยิ้มเหี้ยมในมุมมืด สัญญาณเริ่มต้นของแผนล่อลวงได้ถูกปล่อยออกมาแล้ว
กวินกลับมาที่คฤหาสน์ในสภาพอารมณ์คุกรุ่น เขาเดินตรงไปยังห้องรับแขก เจอวันสุขนั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟา ดวงตาเธอมีแววไม่สบายใจชัดเจน
"มีอะไร?" เขาถามทันทีที่เห็นสีหน้าเธอผิดปกติ
"ฉันรู้สึกเหมือนมีคนแอบมอง" วันสุขเอ่ยเบา ๆ
กวินขมวดคิ้วเข้ม หันไปสั่งการ์ดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
"ตรวจสอบทุกตารางนิ้วของคฤหาสน์เดี๋ยวนี้!"
การ์ดหลายคนรีบกระจายกำลังทันที กวินเดินเข้ามาหาเธอ นั่งยองลงตรงหน้า ใช้สองมือจับไหล่เล็กไว้มั่น
"ถ้ามีอะไรผิดปกติแม้แต่นิดเดียว ต้องบอกผมเข้าใจไหม" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยจนวันสุขใจสั่นวูบ
"แต่...ฉันกลัว" เธอสารภาพเสียงแผ่ว
กวินกระชับอ้อมแขน ดึงเธอเข้ามาในอ้อมอกแน่นหนา เป็นการยืนยันว่าเธอจะต้องปลอดภัย
"ผมอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครทำอะไรคุณได้" เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหูอย่างหนักแน่น วันสุขหลับตาลงชั่วครู่ ปล่อยให้ตัวเองพิงไหล่เขาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะรีบดันตัวออกห่าง เธอยังคงต่อต้านความรู้สึกวูบวาบในใจของตัวเองอย่างดื้อดึง
อย่าเชื่อเขา...อย่าหวั่นไหวไปกับเขา
กวินลุกขึ้นเต็มความสูง หันไปสั่งคีย์ที่กลับเข้ามาพร้อมรายงาน
"เพิ่มการ์ดอีกสองเท่าโดยรอบคฤหาสน์ และตั้งกล้องตรวจจับความร้อนทันที"
"ได้!" คีย์ตอบรับเสียงดัง
กวินหันกลับมามองวันสุขอีกครั้ง ดวงตาคมเข้มสื่อความหมายเพียงหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร เขาจะปกป้องเธอไว้ให้ได้
อีกด้านหนึ่งของเมือง หลงเว่ยนั่งจิบไวน์ช้า ๆ มองแผนผังคฤหาสน์ของกวินด้วยแววตาเย็นชา
"ในเมื่อแย่งชีวิตมันไม่ได้ง่าย ๆ..." เขาพึมพำยิ้มเหี้ยม "งั้นก็เอาผู้หญิงคนนั้นล่อมันออกมาเอง"
เสียงหัวเราะต่ำดังก้องในความมืด...เกมล่าการเอาคืนเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
กลางดึกท่ามกลางแสงไฟสลัวและความเงียบสงัดในคฤหาสน์ วันสุขเดินลงมาชั้นล่างเพื่อหาน้ำดื่ม ทันใดนั้น
เสียงหน้าต่างแง้มเบา ๆ ดังขึ้นที่ปลายทางเดิน เธอหันขวับไปมองด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ“ใครน่ะ...” เธอพึมพำ ก่อนจะก้าวขาช้า ๆ เข้าไปใกล้ด้วยความระแวง แต่ทันใดนั้นเอง ร่างสูงใหญ่ในชุดดำก็พุ่งเข้ามาคว้าแขนเธออย่างรวดเร็ว!
"กรี๊ด!!" วันสุขร้องออกมาสุดเสียง พยายามดิ้นหนีเต็มแรง เสียงดังพอที่จะปลุกกวินที่อยู่บนห้องให้สะดุ้งตื่นขึ้นทันที
เขากระชากปืนพกจากใต้หมอนแล้วพุ่งตัวออกจากห้องด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
"วันสุข!!" กวินตะโกนเสียงลั่น ร่างสูงพุ่งลงบันไดอย่างรวดเร็ว ทันทีที่กวินมาถึง เขาเห็นร่างวันสุขกำลังโดนลากออกไปทางประตูหลัง ไม่ต้องคิดแม้เสี้ยววินาที กวินเล็งปืนไปที่ขาของคนร้ายแล้วเหนี่ยวไกทันที
ปัง! เสียงปืนดังสนั่นกลางดึก กระสุนเจาะเข้าไปที่น่องของชายชุดดำ ทำให้คนร้ายร้องลั่นก่อนจะปล่อยมือจากวันสุข
"วิ่งไป!" กวินตะโกนสั่ง พลางกระโจนเข้าใส่ศัตรูอีกสองคนที่โผล่มาจากความมืด
วันสุขพยายามวิ่งหนีสุดแรง แต่ยังไม่ทันถึงประตู
มือหยาบกร้านอีกข้างก็คว้าคอเสื้อเธอจากด้านหลัง"ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนังหนู!" คนร้ายแสยะยิ้มเหี้ยม
กวินหันมาในวินาทีสุดท้าย เขาตะโกนจนแทบสุดเสียง
"ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!!!" กวินยกปืนขึ้นเล็ง แต่ก่อนที่นิ้วจะกดไก กระสุนจากคนร้ายอีกคนก็กระแทกเข้าใส่ไหล่ของเขาอย่างจัง
ปัง!
"อึ่ก..." กวินทรุดฮวบลงกับพื้น เลือดไหลซึมจากแผลกระสุน
วันสุขเห็นภาพนั้นแล้วใจแทบสะบั้น เธอกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
"กวิน!!!" คนร้ายใช้โอกาสชุลมุนนี้ ลากตัววันสุขออกไปได้สำเร็จ ทั้งที่วันสุขดิ้นรนสุดแรง แต่แรงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เช่นเธอ ไม่อาจสู้แรงผู้ชายชาตรีกำยำได้
เวลาต่อมากวินถูกคีย์และลูกน้องอีกชุดที่เพิ่งมาถึงพยุงตัวขึ้น
"มึงบ้าไปแล้วเหรอกวิน วิ่งชนกระสุนแบบนั้น!!" คีย์ตวาดเสียงดังก้อง แต่กวินไม่ตอบ เขาเพียงกัดฟันแน่น ฝืนลุกขึ้นทั้งเลือดโชกด้วยแรงโทสะ
"พวกมันจับตัววันสุขไป" สายตาของกวินแดงก่ำด้วยความโกรธและห่วงหา
"ฉันจะพาเธอกลับมา...ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม"
คีย์สบตาเพื่อนรักอย่างเข้าใจ เขาพยักหน้าอย่างหนักแน่น
"งั้นเราไปด้วยกัน" คีย์ให้คำมั่น
"ทุกคนเตรียมอาวุธ เป้าหมายเดียว ช่วยนายหญิงคืนมา!!"
ลูกน้องของกวินทุกคนต่างขานรับเสียงดังลั่น เสียงโห่ร้องดังสนั่นคฤหาสน์ที่กลายเป็นสนามรบ
ในอีกฟากหนึ่งของเมือง วันสุขถูกจับขังในโกดังร้าง ร่างกายทั้งตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เสียงฝีเท้าหนักเดินวนไปมาไม่ไกลนัก
"หึหึ นังหนูนี่สินะ จุดอ่อนของไอ้กวิน" เสียงเย็นเฉียบของหลงเว่ยดังขึ้นในความมืดสลัว
"คราวนี้แหละ ไอ้กวิน...มันจะต้องมาคุกเข่ากราบกรานต่อหน้าฉัน"
ฝั่งของกวินกวินนั่งอยู่ในรถยนต์ ลมหายใจหนักหน่วง เลือดที่ไหลออกจากบาดแผล ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บเพราะสิ่งเดียวที่เขาคิดถึงตอนนี้มีเพียงแค่...วันสุข"รอหน่อยนะ ฉันกำลังไปช่วยเธอแล้ว" กวินพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงสั่นพร่ารถยนต์หลายคันแล่นฝ่าเส้นทางมืดสลัวของฮ่องกง มุ่งหน้าสู่โกดังร้างริมท่าเรือ ภายในรถคันหน้า กวินนั่งอย่างเงียบ ๆ สีหน้าของเขาเย็นชาจนคนรอบข้างไม่กล้าเอ่ยปาก แขนข้างหนึ่งของเขาพันผ้าแน่นหนาเพื่อห้ามเลือด แต่แววตากลับเด็ดเดี่ยวและดุดันเสียยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ"ไหวแน่นะ" คีย์ถามเสียงหนัก"กูไม่เป็นไร" กวินตอบเสียงต่ำ "ไม่มีอะไรสำคัญกว่าการเอาวันสุขกลับมา"คีย์พยักหน้า พลางเช็คปืนสั้นในมือให้พร้อม"ตามแผนนะ ยิงเปิดทางที่ด้านหน้า กูกับทีมบุกเข้าด้านหลัง มึงเข้าไปหานายหญิงโดยตรง""อืม" กวินรับคำสั้น ๆ ดวงตาของเขาแข็งกร้าว ราวกับพร้อมฟาดฟันศัตรูให้แหลกละเอียดด้านในโกดังร้าง วันสุขถูกมัดมือไขว้หลัง ปิดปากสนิทด้วยเทปกาว นั่งอยู่บนเก้าอี้เก่า ๆ ท่ามกลางแสงไฟเพียงดวงเดียวที่สาดลงมา เสียงฝีเท้าและเสียงหัวเรา
กวินก้าวลงจากรถด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เสียงส้นรองเท้าหนังกระทบพื้นหินอ่อนดังก้องในโรงแรมหรูใจกลางเกาะฮ่องกง คีย์ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางเฉียบขาด ก้าวเข้ามารายงานทันที"พวกมันทิ้งร่องรอยไว้ ที่ลานจอดรถหลังบ้านเมื่อคืน" กวินพยักหน้า ดวงตาคมกริบประดุจเหยี่ยวที่กำลังจับเหยื่อคีย์ยื่นแท็บเลตให้กวิน ภาพจากกล้องวงจรปิดถูกเปิดขึ้น เงาคนสองคนวิ่งหลบซ่อนอย่างว่องไว แต่เพียงชั่ววินาทีเดียว กวินก็สังเกตเห็นสัญลักษณ์บางอย่างที่สักอยู่ข้างคอของคนหนึ่ง"มันคือคนของหลงเว่ย" กวินกัดฟันกรอด เอ่ยชื่อศัตรูเก่าอย่างเกลียดชังหลงเว่ยผู้นำแก๊งมาเฟียสัญชาติจีนที่เคยพ่ายแพ้ให้กับกวินในสงครามธุรกิจเมื่อหลายปีก่อน และสูญเสียพื้นที่ทำเงินสำคัญไปเพราะมือของเขา"ให้ลูกน้องกระจายข่าว ปิดล้อมทางหนีทั้งหมด" กวินออกคำสั่งเสียงกร้าว "ฉันไม่สนว่าต้องจ่ายเท่าไร ฉันต้องได้ตัวมันมา!"คีย์รับคำสั่งอย่างแข็งขัน ก่อนแยกตัวไปทันที ทิ้งให้กวินยืนกำมือแน่นอย่างเดือดดาลครั้งนี้พวกมันไม่ได้แค่เล่นงานเขา แต่กล้ามายุ่งกับวันสุข และสำหรับกวิน นั่นคือเส้นที่ห้ามใครก้าวข้ามเด็ดขาดวันสุขนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก พลางเปิดโทรทัศน์
วันสุขเดินตามชายมีอายุคนนั้นขึ้นบันไดไป สายตามองโดยรอบบ้านที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา มันใหญ่กว่าบ้านของเธอที่ประเทศไทยเสียอีก พื้นที่นี้ต้องมีเงินมากแค่ไหนถึงจะซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางเมืองขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะเดาไม่ได้...เขามีอะไรที่เธอยังไม่รู้อีกนะ“ผมชื่อชวน เป็นหัวหน้าพ่อบ้านที่นี่ หากต้องการอะไรเรียกได้ตลอดเลยครับนายหญิง” ชายมีอายุแนะนำตัวอย่างสุภาพ“ขอบคุณค่ะ ลุงพูดไทยคล่องมากเลยค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เมื่อท่าทางของชายแก่ดูใจดี“ผมเป็นคนไทยครับ ครอบครัวของผมทำงานให้ตระกูลนี้มาหลายรุ่นแล้ว ผมเป็นรุ่นที่สาม”คำบอกเล่าทำให้หญิงสาวถึงกับเบิกตาโต เธออึ้งกับเรื่องราวที่ได้รับฟัง“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?” เธอพูดเบา ๆ“ถ้าตอบได้ผมจะตอบครับ”“ดูจากบ้านหลังนี้แล้วกวินเขารวยมากใช่ไหมคะ?” เธอถามหยั่งเชิง“ครับ”“เขาทำธุรกิจอะไรเหรอคะ?”“หลายอย่างครับ”เป็นคำตอบที่กว้างมาก จนยากจะคาดเดา ทำเอาวันสุขถอน
วันสุขนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของกวิน เธอไม่สามารถข่มตาให้หลับสนิทได้ เมื่อลมหายใจอุ่นกระทบกับผิวคอของเธอ“ยังเจ็บอยู่เหรอ”“เปล่า”“ทำไมถึงยังไม่หลับ หรือเป็นเพราะอ้อมกอดของผม”“ใช่!”“ขอโทษแล้วกันนะที่ทำให้หวั่นไหวหัวใจ”“เหอะ มโนเนอะ..กอดของนายมันทำให้ฉันเจ็บกว่าเดิมจนนอนไม่หลับย่ะ” วันสุขดันตัวออกห่าง แต่เขาก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด แถมยังถูกเขากระชับกอดแน่นกว่าเดิมอีก ไม่สนคำต่อว่าของเธอแม้แต่น้อย“งั้นเดี๋ยวกอดเบา ๆ แล้วกัน” เขาพูดอย่างโอนอ่อนพร้อมกระทำดั่งปากว่า“นายไม่รีบไปง้อสาวคนนั้นหรือไง” เมื่อพยายามถอยห่างแล้วไม่สามารถทำได้ จึงจำต้องอยู่ในอ้อมกอดอุ่นแบบนั้น“ไม่จำเป็น ตัดความสัมพันธ์ไปแล้วจบคือจบ ผมไม่ใช่คนที่หันหลังกลับไปเดินเส้นทางเดิม” เขาให้เหตุผลเมื่อได้ยินคำตอบ วันสุขก็ไม่ถามอะไรต่อ ความล้าและร่างกายที่ระบมทำให้เปลือกตาของเธอเปิดต่อไม่ไหว จนคล้อยหลับไปในที่สุดไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่หญิงสาวหลับสนิทไป เธอลืมตาตื่นในยามแสงแดดจวนจะหายไป ลืมตามองโดยรอบไม่พบคนที่นอนกอด เป็นอีกคราที่เธอตื่นมาเพียงลำพัง ไม่มีข้อความบอกกล่าว ไม่มีการบอกเล่าใด ๆ ให้เธอรับรู้...เธอควรจะรู้สึกดีสิเ
“คนบ้าอะไรขืนใจคนอื่นแล้วก็มาทำดี ตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า” เธอยังคงนอนบ่นพึมพำ สะดุ้งตัวเมื่อมือของกวินลูบหลังเธอเบา ๆ แสดงให้ชัดไปเลยในสิ่งที่เธอกล่าวหา“มีความสุขด้วยกัน ยังจะมาบอกว่าขืนใจอีกเหรอ เสียงหวานของเธอมันย้อนแย้งกับที่พูดเมื่อกี้เลยนะ”“หุบปากแล้วนอนซะ” คำพูดนี้ปกติแล้วจะได้ยินจากปากของเขา แต่บัดนี้กลับตรงกันข้ามเสียอย่างนั้นแสงแดดอ่อนสอดส่องทะลุผ้าม่านเข้ามาในห้องนอน ทำให้วันสุขรู้สึกตัว เธอเปิดเปลือกตาเพื่อปรับรับแสงของวันใหม่ หันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างตัวเธอ ใบหน้าของเขาทำให้ภาพกิจกรรมบนเตียงแสลงในใจ โชคชะตาทำไมถึงใจร้ายกับเธอนัก ใจหนักแน่นไม่ยินยอม แต่พอถูกไล่ต้อนร่างกายกับทรพี หญิงสาวพลิกตัวตะแคงหันหลังแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปง เสียใจกับการที่ถูกคนใจร้ายย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่าแขนแกร่งโอบกอดเอวของเธอเบา ๆ ปลายจมูกคมสันสัมผัสลงซอกคอ แรงสะอื้นทำให้กวินลืมตาตื่น“ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ” สรรพนามเรียกขานเปลี่ยนไปตามอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นมา“โดนขืนใจจะให้ฉันยิ้มหน้าบานหรือไง
วันสุขกลับขึ้นมาบนห้องนอนที่เหมือนกรงขัง หลังจากเหล่าเจ้าของร้านค้าออกไปจากห้องโถงใหญ่กลางบ้าน การถูกกวินไล่ต้อนทำให้เธออับอายและเสียหน้า จนแทบอยากมุดแผ่นดินหนี ตอนนี้เธอแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีลูกสาวตระกูลใหญ่ ไม่ต่างไปจากทาสหรือของเล่นคนรวยเธอจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง มองเพดานแล้วเกลือกกลิ้งไปมาอย่างคนไม่มีอะไรจะทำ หนังสือในชั้นก็อ่านจนไม่รู้จะอ่านเล่มไหน เพราะเธออ่านจนหมดทุกเล่มแล้วเสียงเปิดประตูทำให้วันสุขหันไปมอง ป้านางเดินเข้ามาพร้อมกับสิ่งของมากมายที่กำลังให้คนขนเข้ามา เธอรีบลุกนั่งวางตัวใหม่ให้เรียบร้อย“คุณกวินบอกให้เอามาให้คุณค่ะ”“อวดรวย” เธอพูดค่อนขอดแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยิน“เย็นนี้คุณลงไปทานข้าวที่ห้องอาหารนะคะ คุณกวินอยู่ทานข้าวด้วย”“หนูจะไม่ทำตามคำสั่ง่ของเขาหรอก ป้ายกอาหารมาให้หนูบนห้องเหมือนเดิมเถอะค่ะ”“อย่าทำแบบนั้นเลยนะคะ ป้าเป็นห่วงกลัวว่าคุณจะถูกลงโทษอีก แม้คุณเขาจะดูเป็นคนดี แต่ถ้าได้พูดคือทำจริงนะคะ”คำเตือนของป้านางเธอเข้
เกือบสองสัปดาห์ที่กวินไม่ได้แวะไปหาหญิงสาว เพราะบาดแผลที่ได้รับยังไม่สมานดี หากเจอหน้าเธอเขากลัวจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เขาไม่อยากบังคับเธอนอนด้วยจากการฝืนใจซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่อยากเห็นเธอขัดขืนต่อต้านเขาอยากได้เธออย่างเต็มใจ แม้วันแรกที่เจอเธอเขาจะใช้กำลังบังคับ นั่นเพราะเขามีเหตุผล จำต้องทำให้เธอเป็นภรรยาทางพฤตินัยด้วยวิธีนั้น เพื่อผูกมัดไม่ให้เธอกล้าจากเขาไปไหน มันคือเงื่อนไขข้อตกลงที่เขาต้องยอมรับ เพราะรับปากคนบางคนเอาไว้ และอีกอย่างก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง“แม็ก...ช่วยไปติดต่อกับช็อปในห้างของเรา ที่เขาขายสินค้าที่ผู้หญิงชอบใช้ และพวกช็อปเสื้อผ้าให้หน่อย ตามลิสต์ที่วันสุขจดมาให้ เธออยากซื้อของ” กวินบอกลูกน้องมือขวาพร้อมกับยื่นกระดาษที่ได้รับมาจากป้านางเมื่อสองสามวันก่อนให้แม็กธุรกิจในประเทศไทยที่ยุ่งเหยิง กวินจัดการจนทุกอย่างเริ่มลงตัวเข้าที่เข้าทาง วันนี้เขากลับมาบ้านพักในตอนเย็น พร้อมกับเจ้าของช็อปสินค้า พร้อมคนติดตามมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายแท้และไม่แท้ นำสินค้ามาให้วันสุขได้เลือกซื้อ ตามรายการที่เธอร้องขอ ด้วยอิทธิพลของกวิน การยกช็อปมาที่
“เสร็จแล้ว ปวดแผลหรือเปล่า” วันสุขออกปากถาม ใจลึกเกลียดเขาจนแทบไม่อยากมองหน้า แต่ด้วยความจิตใจดีทำให้เธอต้องฝืนช่วยเหลือคนที่ได้รับบาดเจ็บ“อืม ปวดนิดหน่อย”“ที่นี่ไม่รู้มียาแก้ปวดหรือเปล่า นายออกไปหากินเองแล้วกัน”“มันมีอยู่ในตู้ตรงนั้น” เขาชี้นิ้วบอกเธอ“บอกไว้ก่อนนะ ฉันยังเกลียดนายเหมือนเดิม แต่ที่ฉันทำแผลให้ก็เพราะฉันไม่ได้เป็นคนใจร้ายไส้ระกำแบบนาย” พูดกระแนะกระแหนแล้วเดินไปหยิบยา“รู้”“รีบกินแล้วก็รีบไปนอนซะ”วันสุขยื่นยาแก้ปวด พร้อมแก้วน้ำเปล่า เขารับแล้วจัดการกินมันลงท้อง จากนั้นจึงเอนตัวนอนบนเตียง“เดี๋ยว เดี๋ยว...ลุกขึ้นมาเลยนะ!” วันสุขดึงหมอนที่เขากำลังจะหนุนออกด้วยความเกรี้ยวกราด“อะไรอีกล่ะ”“กลับไปนอนห้องนายเส่”“อย่ายุ่ง นอนไหนก็เรื่องของผม” พูดพร้อมกับแย่งหมอนคืน ทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตา“แหวะ! ผม แสลงหูชะมัด” คำพูดโอนอ่อนทำให้วันสุขรู้สึกสะอิดส
หลายวันมานี้วันสุขอยู่แต่ห้องสีเหลี่ยมเดิม ๆ บรรยากาศอุดอู้ทำให้เธอเบื่อหน่าย อยากออกไปสูดอากาศข้างนอก แต่ก็ไม่สามารถไปได้ ตอนนี้เธอเหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกขังในกรงเพื่อรอฟังคำสั่ง เธอกิน นั่ง นอน วนเวียนอยู่แบบนั้นจนตะวันตกดินวันแล้ววันเล่า เคยอ้อนวอนป้านางให้ปล่อยเธอออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง“น่าเบื่อชะมัด...มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวฉันกันแน่” อิงฟ้านอนมองเพดาน เธอพร่ำถามตัวเอง สภาพการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ บางความรู้สึกวันสุขก็แทบไม่อยากจะเทียบว่าเป็นนกน้อยในกรงทอง มันเหมือนกับทาสหรือนางบำเรอเสียมากกว่าหลายวันนับตั้งแต่วันที่วันสุขไม่สบาย เธอก็ยังไม่ได้เห็นหน้าของกวินอีกเลยจวบจนตอนนี้“ไอ้บ้านั่นหายไปไหน?” เธอนอนบ่นพึมพำ“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น...คิดถึงฉันอยู่หรือไง” เสียงที่คุ้นเคยทำให้วันสุขดีดตัวลุกนั่ง มองไปยังเจ้าของเสียงด้วยสีหน้านิ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี“ฉันเกลียดขี้หน้านาย แล้วนี่เข้ามาทำไม?”“ลืมหน้าที่ตัวเองแล้วหรือไง”“ออกไปเลยนะ...ฉัน