วันสุขเดินตามชายมีอายุคนนั้นขึ้นบันไดไป สายตามองโดยรอบบ้านที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา มันใหญ่กว่าบ้านของเธอที่ประเทศไทยเสียอีก พื้นที่นี้ต้องมีเงินมากแค่ไหนถึงจะซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางเมืองขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะเดาไม่ได้...เขามีอะไรที่เธอยังไม่รู้อีกนะ
“ผมชื่อชวน เป็นหัวหน้าพ่อบ้านที่นี่ หากต้องการอะไรเรียกได้ตลอดเลยครับนายหญิง” ชายมีอายุแนะนำตัวอย่างสุภาพ
“ขอบคุณค่ะ ลุงพูดไทยคล่องมากเลยค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เมื่อท่าทางของชายแก่ดูใจดี
“ผมเป็นคนไทยครับ ครอบครัวของผมทำงานให้ตระกูลนี้มาหลายรุ่นแล้ว ผมเป็นรุ่นที่สาม”
คำบอกเล่าทำให้หญิงสาวถึงกับเบิกตาโต เธออึ้งกับเรื่องราวที่ได้รับฟัง
“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?” เธอพูดเบา ๆ
“ถ้าตอบได้ผมจะตอบครับ”
“ดูจากบ้านหลังนี้แล้วกวินเขารวยมากใช่ไหมคะ?” เธอถามหยั่งเชิง
“ครับ”
“เขาทำธุรกิจอะไรเหรอคะ?”
“หลายอย่างครับ”
เป็นคำตอบที่กว้างมาก จนยากจะคาดเดา ทำเอาวันสุขถอนหายใจ เมื่อไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน
“อย่างเช่น?”
“หลัก ๆ ก็คาสิโนและสถานบันเทิงครับนายหญิง...ผมว่าเดินทางมาเหนื่อย ๆ นายหญิงพักผ่อนเถอะครับ”
หัวหน้าพ่อบ้านเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงความสงสัย หญิงสาวอยู่ในห้องแสนกว้างลำพัง เธอทิ้งตัวนอนบนเตียงขนาดแปดฟุต สายตามองเพดานอย่างใช้ความคิด
“เขาเป็นนักธุรกิจ? มาเฟีย? นักเลงอย่างนั้นเหรอ?” เธอพูดเพียงลำพัง “นี่ฉันหลงเข้ามาในดงอะไรกันแน่ละเนี่ย...ที่บอกไม่วางใจให้ฉันอยู่คนเดียวเพราะศัตรูเยอะเหรอ ตายห่าแล้วไงชีวิตฉัน” เมื่อมโนภาพก็ทำให้ต้องสบถหยาบ ดีดตัวลุกนั่งอย่างตื่นตระหนก “อย่าบอกนะว่าเขาทำงานผิดกฎหมายด้วย”
“ผมไม่ได้ทำงานผิดกฎหมายแบบที่คุณว่า”
ประตูเปิดออก พร้อมกับคนที่เธอคุ้นหน้า เขาเอ่ยปฏิเสธในคำครหานั้น
“ต่อให้ทำงานสีเทาก็ไม่แปลกหรอก ฉันเจอนายวันแรกพฤติกรรมของนายมันต่างจากพวกนักเลงซะที่ไหน?”
“ผมไม่ใช่นักเลง”
“ข่มเหงรังแกผู้หญิงแบบนั้นก็ไม่ต่างกันหรอก” เธอแย้งเชิดหน้าพูดท้าทายด้วยความมาดมั่น
ไม่รู้ว่าเธอช้า หรือว่าเขาไวกว่าความเร็วแสง ทำให้เธอถูกปิดปากด้วยปากของเขาจนตั้งตัวไม่ทัน การสัมผัสกระชั้นชิดทำให้วันสุขถึงกับเบิกตาโต ทำตัวไม่ถูกได้แต่กำชายเสื้อแน่น
“หิวหรือเปล่า” เอ่ยในระยะประชิด จังหวะละริมฝีปากออกจากเรียวปากนุ่มนิ่มนั้น
“อืม เริ่มหิวนิดหน่อย” ความร้อนเห่อบนใบหน้าอย่างไม่อาจเก็บกลั้น วันสุขพยักหน้าให้คำตอบ หัวใจเต้นระส่ำกับสิ่งหวาบหวิวที่เขาประเคนให้ จนไม่กล้าเงยหน้าสบสายตาคนตัวสูง
“งั้นเดี๋ยวไปทานข้าวกัน” กวินเอ่ยเสียงเรียบ แต่ดวงตาคมนั้นยังจับจ้องใบหน้าที่แดงซ่านของเธออย่างพอใจ ก่อนจะคว้ามือบางมากุมไว้แน่นเสียจนวันสุขสะดุ้ง
“ฉันเดินเองได้ ไม่ต้องลาก!” เธอรีบโวยวาย พลางพยายามชักมือกลับ แต่กวินหาได้ใส่ใจ เขากระตุกมือเบา ๆ พาเธอก้าวออกจากห้องด้วยท่าทางที่ดูเหมือนใจเย็น แต่สายตากลับแพรวพราวอย่างคนที่ได้ชัยชนะ
พวกเขาเดินผ่านโถงบ้านอันโอ่อ่าไปยังห้องอาหารกว้างขวาง โต๊ะไม้เนื้อดีจัดวางอาหารอย่างหรูหรา กลิ่นหอมของกับข้าวสไตล์จีนผสมตะวันตกลอยฟุ้งชวนให้ท้องร้อง
วันสุขนั่งลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เธอรู้สึกเหมือนถูกกวินลากมาโดยไร้ทางเลือกอยู่ตลอดเวลา และแม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเขาได้เลย
“กินเยอะ ๆ หน่อยนะ เดี๋ยวจะไม่มีแรงทะเลาะกับผม” เขาเอ่ยแซวขณะตักข้าวใส่จานให้เธออย่างสุภาพ ผิดกับภาพลักษณ์มาเฟียที่เธอคิดไว้
“อยากจะเอาชนะฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?” เธอเงยหน้าถามอย่างหาเรื่อง แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะเบา ๆ
“เปล่า ผมอยากดูแลคุณมากกว่า” ประโยคธรรมดาแต่กลับทำให้หัวใจวันสุขสะดุด เธอรีบก้มหน้ากินข้าวแก้เขิน ทั้งที่ในใจรู้สึกวูบวาบอย่างประหลาด
ในระหว่างมื้ออาหาร กวินรับโทรศัพท์สายหนึ่ง น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
“เฝ้าไว้อย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด” ประโยคนั้นทำให้วันสุขเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที มีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ และมันไม่ใช่เรื่องเล็กด้วย...
หลังจากวางสายกวินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกจากที่นั่ง เดินอ้อมมาหาเธอ
“คืนนี้ คุณนอนคนเดียวไม่ได้”
“หมายความว่าไง?” วันสุขเบิกตากว้าง
กวินย่อตัวลงมาระดับสายตาเธอ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมจะอยู่ข้าง ๆ คุณเอง”
วันสุขเหมือนสมองเบลอไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากกวิน คนที่เคยเป็นเหมือนศัตรู คนที่เธอรู้สึกเกลียดจนเข้ากระดูกดำ กลับมาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นแบบนี้ ใจของเธอมันดันเชื่อเขาอย่างง่ายดายเสียได้
“เอ่อ...แล้ว...” เธออ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พลางหลบสายตาคมคายที่มองมาไม่วางตา
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก” เขายกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอื้อมมือแตะเส้นผมเธอเบา ๆ “แค่คอยปกป้อง...ก็เหนื่อยพอแล้ว”
วันสุขแทบอยากเอาหัวมุดโต๊ะอาหารหนีความเขิน แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไรต่อ กวินก็ลุกขึ้นแล้วยื่นมือมาตรงหน้า
“ถ้าอิ่มแล้วอยากไปเดินเล่นไหมล่ะ เผื่อจะหลับง่ายขึ้น”
“อืม...ก็ได้” เธอตอบเสียงเบา ยอมวางช้อนแล้ววางมือลงบนฝ่ามือของเขา
ค่ำคืนนี้ฮ่องกงเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ สวนหย่อมภายในคฤหาสน์มีเพียงแสงไฟอ่อน ๆ สาดส่อง เงาของคนสองคนทอดยาวไปตามพื้นสนามหญ้า
พวกเขาเดินเคียงกันไปเงียบ ๆ สายลมเย็น ๆ พัดโชยมาปะทะใบหน้า ทำให้วันสุขรู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้าง กวินชำเลืองมองเธอเป็นระยะ ก่อนจะถามเสียงเบา
“หนาวไหม?”
วันสุขส่ายหน้า แต่คนตัวสูงก็ไม่รอฟังคำปฏิเสธ เขาถอดเสื้อคลุมสูทของตัวเอง โยนพาดไหล่เธออย่างง่ายดาย
“อย่าดื้อ” เขาว่าพลางส่งยิ้มน้อย ๆ ให้
เธอทำหน้าง้ำงอ แต่ยอมใส่เสื้อคลุมของเขาไว้ดี ๆ โดยไม่ต่อล้อต่อเถียง
ทันใดนั้นเองเสียง ปัง! ดังขึ้นจากทิศทางสวนหลังคฤหาสน์ กวินชะงัก ดึงวันสุขเข้ามาแนบตัว สายตาเขาเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบแทบในทันที
“กลับเข้าไปในบ้าน” เขาสั่งเสียงขรึม พลางผลักวันสุขให้อยู่ข้างหลัง แต่ยังไม่ทันได้ขยับ คนร้ายที่ซุ่มอยู่ในเงามืดก็ปาอะไรบางอย่างมาอย่างรวดเร็ว
เพล้ง! กระจกของโคมไฟสวนแตกกระจาย เสี้ยวกระจกเล็ก ๆ กระเด็นใส่แขนวันสุข
“โอ๊ย!” วันสุขร้องออกมาด้วยความตกใจและเจ็บแปลบ เลือดไหลซึมออกจากบาดแผลบาง ๆ บนท่อนแขนขาว กวินเห็นดังนั้น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวทันที เขารีบประคองตัวเธอไว้แน่น
“ไหวไหม?” น้ำเสียงของเขาอ่อนลงทันตา แต่ยังแฝงด้วยความร้อนรน
“นิดหน่อย ไม่เป็นไร...” วันสุขพยายามฝืนยิ้มทั้งที่น้ำตาซึม
“ไม่ต้องพูด!” เขาตวาดอย่างห่วงจัด แล้วไม่รอช้า อุ้มเธอขึ้นแนบอกอย่างง่ายดาย ก่อนจะรีบพากลับเข้าไปในตัวคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ลูกน้องที่ซุ่มดูแลกระจายกำลังไล่ล่าคนร้ายที่ลอบเข้ามา
กวินวางวันสุขลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม รีบหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาจากตู้ด้านข้าง เขานั่งลงตรงหน้าเธอ ใช้มือใหญ่จับข้อมือเล็กอย่างเบามือที่สุด ก้มหน้าลงเป่าเบา ๆ ที่บาดแผลคล้ายปลอบขวัญ
“เจ็บมากไหม...” เสียงของเขาแผ่วเบาอย่างที่วันสุขไม่เคยได้ยินมาก่อน เธอส่ายหน้า น้ำตาคลอเบ้าเพราะความรู้สึกอบอุ่นมากกว่าความเจ็บ
กวินทำแผลให้เธออย่างพิถีพิถัน ตาไม่ละไปจากแผลแม้แต่วินาทีเดียว เมื่อเสร็จสิ้นเขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธออย่างจริงจัง
“ต่อไป...อย่าห่างจากผมแม้แต่ก้าวเดียว เข้าใจไหม” เขาเอ่ยเสียงนุ่ม แต่น้ำเสียงนั้นแน่วแน่จนวันสุขรู้สึกเหมือนหัวใจจะละลาย เธอพยักหน้าช้า ๆ รู้สึกว่าการได้อยู่ในอ้อมแขนของเขาตอนนี้มันปลอดภัยมากกว่าที่ไหนบนโลกเสียอีก...
แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ้าม่านเข้ามาในห้อง วันสุขลืมตาตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า แขนที่พันด้วยผ้าพันแผลไว้เตือนถึงเหตุการณ์เมื่อคืนได้เป็นอย่างดี เธอหันมองข้างกาย พบว่ากวินนั่งอยู่ที่โซฟาข้างเตียง ตายังคงหลับเหมือนหลับไปทั้งที่ยังนั่งอยู่ในท่าเดิม
เสื้อนอกของเขาถูกถอดวางพาดเก้าอี้ ผูกเนกไทคลายออกเล็กน้อย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงอย่างไม่ตั้งใจ ภาพของกวินในยามหลับนั้น ทำให้วันสุขชะงักสายตา ไม่ใช่ใบหน้าเย็นชาแบบที่เธอเห็นเสมอ... แต่เป็นใบหน้าของคนที่ดูเหนื่อยล้าและอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ
'เขา...นั่งเฝ้าเราทั้งคืนเหรอ' ความคิดหนึ่งฉายขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ วันสุขรีบสะบัดหัวไล่มันออก
อย่าใจอ่อน! เธอเตือนตัวเองเสียงดังในหัว เขายังเป็นศัตรู...ยังเป็นคนที่ทำให้ชีวิตเธอพังลง วันสุขค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง กลัวจะทำให้เขาตื่น แต่ไม่ทันไร กวินก็ขยับตัว ลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มแหบพร่าเบา ๆ เพราะเพิ่งตื่นนอน
วันสุขสะดุ้งเล็กน้อย พยักหน้าก่อนจะเบือนหน้าหนีสายตาที่จับจ้องมา
“แขนยังเจ็บอยู่ไหม” กวินถาม ขณะลุกขึ้นเดินมาหาเธอ
“ไม่เป็นไร” เธอรีบบอก กลัวว่าความใกล้ชิดจะทำให้หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะอีก
แต่กวินไม่เชื่อ เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ จับข้อมือที่พันผ้าไว้อย่างเบามือ แล้วเลิกชายผ้าออกดูแผล แผลเริ่มตกสะเก็ด แต่รอยเลือดเก่า ๆ ยังเห็นชัดเจน เขาขมวดคิ้วแน่น
“ครั้งหน้า ถ้าผมสั่งให้ทำอะไร อย่าเถียง” เขาสั่งเสียงจริงจัง
วันสุขเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ตอบโต้ แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่นประหลาดจากความเป็นห่วงของเขา
กวินแตะหน้าผากของเธอเบา ๆ คล้ายวัดไข้ ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่พบความผิดปกติ
“ผมมีเรื่องต้องไปจัดการ...” เขาลุกขึ้นยืน สายตายังคงจับจ้องเธอ “คุณพักอยู่ที่นี่ อย่าออกไปไหนเด็ดขาด เข้าใจไหม”
“แล้วนายจะไปไหน” วันสุขเผลอถามออกไปอย่างไม่รู้ตัว
กวินนิ่งไปชั่วอึดใจ ราวกับชั่งใจว่าจะบอกดีไหม
สุดท้ายเขาก็เอ่ยออกมา
“สืบหาคนที่ลอบทำร้ายคุณเมื่อคืน”
“ฉันเหรอ?” วันสุขเบิกตากว้างอย่างตกใจ กวินพยักหน้า ดวงตาคมกริบแฝงด้วยความแข็งกร้าว
“มันไม่ได้ต้องการชีวิตผม แต่มันหมายถึงคุณ...เพื่อเล่นงานผม”
เขาพูดเสียงเรียบแต่หนักแน่น คำพูดนั้นทำให้วันสุขรู้สึกหน่วงในอกอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่เพียงตัวเธอที่ตกอยู่ในอันตราย แต่ยังกลายเป็นจุดอ่อนของเขาโดยไม่รู้ตัว
“ฉันไม่ได้อยากเป็นภาระให้นายนะ” เธอพึมพำออกมาเบา ๆ
กวินเดินเข้ามาใกล้อีกครั้ง ย่อตัวลงจนระดับสายตาพวกเขาเท่ากัน
“คุณไม่ใช่ภาระของผม วันสุข” เขาเอ่ยช้า ๆ ชัด ๆ “คุณคือสิ่งเดียวที่พ่อคุณฝากไว้กับผม...และผมจะไม่มีวันยอมให้ใครทำร้ายคุณได้”
ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้หัวใจวันสุขสั่นไหวอย่างรุนแรง แต่แล้วเธอก็รีบเตือนตัวเองอีกครั้ง...ว่าอย่าเพิ่งเชื่อคำพูดของคนคนนี้ อย่าลืมสิ ว่าเขาอาจเป็นคนที่พรากพ่อไปจากเรา เธอเบือนหน้าหนีซ่อนดวงตาแดงระเรื่อไว้อย่างลนลาน
กวินมองเห็นทุกการเปลี่ยนแปลงของเธอ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรอีก นอกจากใช้มือใหญ่วางลงบนหัวเธอเบา ๆ อย่างนุ่มนวล แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้วันสุขนั่งนิ่งอยู่เพียงลำพัง พร้อมกับหัวใจที่ปั่นป่วนยิ่งกว่าเดิม...
สองเท้าก้าวเหยียบผืนแผ่นดินประเทศไทย หลังจากที่เธอไปเรียนต่อต่างประเทศสี่ปีไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดเลยสักครั้ง วันสุข ลูกสาวอันเป็นที่รักของตระกูลผู้มั่งคั่ง เธอกลับมายังดินแดนบ้านเกิดหลังจากคว้าใบปริญญามาเป็นของขวัญแก่ผู้มีพระคุณให้ได้ภาคภูมิใจ วันสุขยืนสูดลมหายใจด้วยรอยยิ้ม เธอคิดถึงใบหน้าของผู้เป็นพ่อแม่ที่เปื้อนยิ้ม ตอนนี้พวกท่านคงตระเตรียมอาหารจานโปรดเพื่อรอต้อนรับเธอเป็นแน่“คิดถึงจังเลย” วันสุขแหงนหน้ามองบนท้องฟ้า แล้วสบถออกมาด้วยรอยยิ้มระหว่างรอให้รถยนต์ของที่บ้านมารับสายตามองเห็นรถยนต์ยี่ห้อหรูขับพุ่งทะยานด้วยความเร็ว พร้อมกับรถยนต์ของเหล่าผู้ติดตามอีกคัน ขับมาจอดเทียบจุดที่เธอยืนรอ ชายฉกรรจ์ร่างสูงในชุดสูทสีเข้ม ยืนเรียงแถวตรงข้าม จนทำให้เธอตกใจ ก่อนจะมีชายหนุ่มอีกคนเดินมาหยุดตรงหน้าของเธอวันสุขนึกสังหรณ์ใจบางอย่าง คนที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ดูไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่ เขาดูเป็นผู้ชายอันตราย ไม่น่าไว้วางใจ...ใช่คนของพ่อจริงเหรอ? เป็นคำถามที่ก่อเกิดในใจ“คุณพ่อให้คุณมารับฉันเหรอคะ?” เธอเอ่ยถามอย่างสุภาพ แต่ก็ยังคงระวังตัว(“ลูกน้องคุณพ่อดูไม่ค่อยคุ้นหน้าเลย หรือว่าท่านเปลี
วันสุขพยายามตั้งสติที่แทบเหลือน้อยนิด มองโดยรอบของห้อง ชั่วความคิดหนึ่งพลันนึกได้ บ้านหลังนี้ปกติจะมีลุงคนสวนเก่าแก่คอยดูแลบ้านหลังนี้ ทว่าตั้งแต่ที่เธอเข้ามายังไม่เห็นแม้แต่เงาของลุงคนนั้น การตกแต่งภายในห้องก็เปลี่ยนไป เธอจำไม่ผิดแน่ว่านี่คือบ้านพักต่างจังหวัดที่พ่อของเธอเคยพามาก่อนจะไปเรียนต่างประเทศ เธอไม่ได้ความจำสั้นขนาดนั้น“ต่อไปห้องนี้จะเป็นห้องส่วนตัวของคุณ ผมสั่งคนออกแบบตกแต่งใหม่ หวังว่าคุณจะพอใจ” เขาพูดหน้าตาย พร้อมกับขยับตัวไปนั่งลงข้างเธอ ใช้หลังมือสัมผัสลูบไล้ข้างแก้มของเธอ“อย่ามาลุ่มล่ามกับฉัน...ถึงบ้านของฉันแล้ว หมดหน้าที่ของคุณ เสร็จแล้วไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้” วันสุขปัดมือหนานั้นเต็มแรง หยัดตัวลุกยืนท่วมหัวคนแปลกหน้า จ้องตาเขม็ง ตวาดเสียงแข็งชี้นิ้วไปทางประตูขับไล่“หน้าที่ของผมยังไม่หมดแค่นี้หรอก”“พ่อฉันอยู่ไหนบอกมานะ ฉันจะไปหาพ่อของฉัน”“คุณไม่มีทางได้เจอพ่อของคุณหรอก” “นายหมายความว่ายังไง...ก่อนหน้าฉันถามนายก็ไม่ตอบ พ่อแม่ฉันไปไหน!”“...แม่ของคุณอยู่บ้านที่ราชบุรี ส่วนพ่อของคุณเขาจากไปตั้งแต่สี่เดือนก่อน” วันสุขนิ่งงันเหมือนถูกสาป เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้
วันสุขพยายามกระเสือกกระสนลงจากเตียง แต่แข้งขากลับอ่อนแรงลง เธอเกือบจะล้มฟุบแต่ร่างกายยังไม่ทันได้สัมผัสกับพื้น ก็ถูกคนแปลกหน้าที่พาเธอมารับตัวไว้ในอ้อมแขน การถูกสัมผัสจากเพศตรงข้าม ทำให้เธอรู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง ร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ยิ่งเห็นใบหน้าเขายิ่งเหมือนปลุกเร้าความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้จักเธอเหมือนกระหายอยากให้เขาสัมผัสในส่วนที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมากกว่านี้ เลือดในกายพุ่งพล่านเรียกร้องบางอย่างมากกว่านี้“นายเอาอะไรให้ฉันกิน” เธอถามด้วยน้ำเสียงหอบกระเส่า มือเรียวเล็กไม่อยู่สุขลากไล้ไปตามลำคอแกร่งของชายแปลกหน้า ทั้งที่ภายในใจพยายามต่อต้านแต่ร่างกายกลับสวนทาง“หึ...เธอคิดว่าไงล่ะ” เขากระซิบข้างหูของเธอ จากนั้นก็อุ้มร่างอรชรวางลงบนเตียงวันสุขเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เธอกลืนลงท้องมันคืออะไร เธอพยายามเรียกสติตัวเองกลับคืนมา ทว่าร่างกายกลับไม่เป็นดั่งใจเอาเสียเลย เธอกำลังจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกด้วยมือที่สั่นเทา เขามองเธอด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์“ปากบอกไม่ยอม เธอถามร่างกายตัวเองหรือยัง?...ทนได้เหรอ?” เขากระแนะกระแหนเย้ยหยัน“อย่ามาใกล้ฉัน” วันสุขร้องปราม เมื่อเขาเข้ามาใกล้ชิดเธอวันส
ดวงตะวันส่องแสงทอสว่างเข้ามาในห้องนอนแสนกว้าง วันสุขนอนสลบหมดเรี่ยวแรงหลังกิจกรรมรักอันเร่าร้อนจบลง เป็นเวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เธอหลับไป ลืมตามองรอบด้านพบเพียงความว่างเปล่า ไร้เงาของคนที่ก่อนหน้าทำร้ายร่างกายและจิตใจเธอ “คุณตื่นแล้วเหรอคะ ป้าเอาข้าวมาให้ค่ะ” ยังไม่ทันได้เหยียบสัมผัสกับพื้น หญิงมีอายุคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามาทันที เป็นคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน“คุณเป็นใครคะ?” วันสุขเอ่ยถาม“ป้าเป็นแม่บ้าน ดูแลที่นี่มาได้สักพักแล้วค่ะชื่อนาง”“ป้านาง”“ทานข้าวเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน”คนมาใหม่วางถาดอาหารลงบนโต๊ะ พลางมองมายังเธอด้วยรอยยิ้มที่ดูไร้พิษภัย วันสุขก้มมองตัวเองก่อนจะกำชับเสื้อให้ปิดมิดชิด เธอรู้สึกอายกับร่อยรอยช้ำที่คนป่าเถื่อนกระทำกับเธออย่างไม่ออมมือ เขาทิ้งรอยจูบเอาไว้จนทั่วร่างกาย“ป้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกคุณ แต่ป้าอยากให้คุณอดทนและเข้มแข็ง” หญิงมีอายุเอ่ยให้กำลังใจ เธอเห็นวันสุขแล้วอดสงสารไม่ได้“หนูไม่รู้จะทนได้แค่ไหน” วันสุขกล่าวอย่างคนหมดหวัง“จากที่ป้าอยู่ที่นี่มาคุณกวินเป็นคนใจดีนะคะ”“เขาชื่อกวินเหรอคะ?”“ค่ะ”“แล้วตอนนี้เขาไปไหนเหรอคะ?”“ป้าก็ไม่ทร
"ปล่อยฉัน ไอ้บ้า" ตอนนี้เธอรู้สึกกลัวจนสั่นไปทั้งตัว จะยืนหยัดให้มั่นก็แทบยืนไม่ไหว ยิ่งเห็นแววตาดุร้ายของกวินยิ่งเริ่มทำให้เธอใจเสีย"เธอมันวอนเอง" เสียงพูดคำรามรอดไรฟัน แววตาดุดันน่ากลัว"นายไม่มีสิทธิ์ทารุณฉันแบบนี้” ท่าทีของกวินทำให้วันสุขนึกหวาดกลัว แต่เธอก็ยังกัดฟันสู้ต่อปาก“เธอควรได้รับการสั่งสอน ว่าการเป็นภรรยาที่ดี เชื่อฟังเป็นยังไง ไม่ใช่อยากถ่มน้ำลายใส่หน้าผัวตามใจได้”“นายไม่ใช่ผัวฉัน”“หรือต้องให้ย้ำ”ท่าทีของเขาเริ่มน่ากลัวเข้าไปอีก นั่นยิ่งทำให้วันสุขเริ่มใจคอไม่ดี สีหน้า น้ำเสียง และท่าทางเขาสามารถฆ่าเธอได้จริง ๆ“ปล่อยฉันเถอะ" แน่ล่ะใครจะไม่รักตัวกลัวตาย เธออ้อนวอนเขารอบแล้วรอบเล่า เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ"ได้สิ ฉันจะปล่อยเธอ" เขาลดปืนลงแล้วตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นเฉียบคำพูดที่ออกจากปากสร้างความดีใจให้กับเธอ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก"แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้""!!!"แต่แล้วความดีใจทั้งหมดของเธอก็หล่นวูบลงพื้น ยืนทรงตัวแทบไม่อยู่เมื่อเขาตอบออกมา ความกลัวครอบงำเมื่อเขาขึ้นนกปืนและเล็งปลายกระบอกปืนมายังเธอ...มันคงจบลงแล้วในวันนี้ ชีวิตที่เคยสดใสของผู้หญิงตัวเล็
เสียงปืนยังคงก้องในหูหลอกหลอนเธอ ภาพเหตุการณ์โหดร้ายสร้างความหวาดกลัวจนวันสุขเก็บไปฝัน เม็ดเหงื่อท่วมใบหน้า เธอส่ายหัวไปมา จนคนที่นอนข้าง ๆ รู้สึกตัวตื่นกลางดึก“ไม่นะ ไม่” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยทั้งที่ไม่ได้ลืมตากวินเอื้อมมือเปิดสวิตช์ไฟดวงเล็กบนหัวเตียง เขาใช้หลังมือสัมผัสลงหน้าผากของวันสุข เธอตัวร้อนอย่างกับไฟ ทำให้เขาตกใจ รีบเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้เธอ ทุกขั้นตอนเขาดูแลวันสุขด้วยตัวเองโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หาย” ภายนอกดูโหดเหี้ยมและใจร้าย แต่ลึกภายใต้จิตสำนึกกลับแอบซ่อนความอ่อนโยนและอบอุ่นเอาไว้ พิษไข้ของวันสุขทำให้กวินยังคงคอยเช็ดตัวให้เธอจนความร้อนเริ่มลดลง เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วจัดการสวมเสื้อผ้าให้เธอ แล้วทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ หญิงสาวจนถึงเช้าการสัมผัสของใครบางคนทำให้วันสุขรู้สึกได้ เธอค่อย ๆ ปรือตาอย่างเชื่องช้า มองเห็นใบหน้าคมสันของกวินที่นั่งอยู่ข้างเตียง เธอเห็นเขารีบดึงมือกลับ แล้วลุกพรวดจากเก้าอี้“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้” เธอถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
หลายวันมานี้วันสุขอยู่แต่ห้องสีเหลี่ยมเดิม ๆ บรรยากาศอุดอู้ทำให้เธอเบื่อหน่าย อยากออกไปสูดอากาศข้างนอก แต่ก็ไม่สามารถไปได้ ตอนนี้เธอเหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกขังในกรงเพื่อรอฟังคำสั่ง เธอกิน นั่ง นอน วนเวียนอยู่แบบนั้นจนตะวันตกดินวันแล้ววันเล่า เคยอ้อนวอนป้านางให้ปล่อยเธอออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง“น่าเบื่อชะมัด...มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวฉันกันแน่” อิงฟ้านอนมองเพดาน เธอพร่ำถามตัวเอง สภาพการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ บางความรู้สึกวันสุขก็แทบไม่อยากจะเทียบว่าเป็นนกน้อยในกรงทอง มันเหมือนกับทาสหรือนางบำเรอเสียมากกว่าหลายวันนับตั้งแต่วันที่วันสุขไม่สบาย เธอก็ยังไม่ได้เห็นหน้าของกวินอีกเลยจวบจนตอนนี้“ไอ้บ้านั่นหายไปไหน?” เธอนอนบ่นพึมพำ“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น...คิดถึงฉันอยู่หรือไง” เสียงที่คุ้นเคยทำให้วันสุขดีดตัวลุกนั่ง มองไปยังเจ้าของเสียงด้วยสีหน้านิ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี“ฉันเกลียดขี้หน้านาย แล้วนี่เข้ามาทำไม?”“ลืมหน้าที่ตัวเองแล้วหรือไง”“ออกไปเลยนะ...ฉัน
“เสร็จแล้ว ปวดแผลหรือเปล่า” วันสุขออกปากถาม ใจลึกเกลียดเขาจนแทบไม่อยากมองหน้า แต่ด้วยความจิตใจดีทำให้เธอต้องฝืนช่วยเหลือคนที่ได้รับบาดเจ็บ“อืม ปวดนิดหน่อย”“ที่นี่ไม่รู้มียาแก้ปวดหรือเปล่า นายออกไปหากินเองแล้วกัน”“มันมีอยู่ในตู้ตรงนั้น” เขาชี้นิ้วบอกเธอ“บอกไว้ก่อนนะ ฉันยังเกลียดนายเหมือนเดิม แต่ที่ฉันทำแผลให้ก็เพราะฉันไม่ได้เป็นคนใจร้ายไส้ระกำแบบนาย” พูดกระแนะกระแหนแล้วเดินไปหยิบยา“รู้”“รีบกินแล้วก็รีบไปนอนซะ”วันสุขยื่นยาแก้ปวด พร้อมแก้วน้ำเปล่า เขารับแล้วจัดการกินมันลงท้อง จากนั้นจึงเอนตัวนอนบนเตียง“เดี๋ยว เดี๋ยว...ลุกขึ้นมาเลยนะ!” วันสุขดึงหมอนที่เขากำลังจะหนุนออกด้วยความเกรี้ยวกราด“อะไรอีกล่ะ”“กลับไปนอนห้องนายเส่”“อย่ายุ่ง นอนไหนก็เรื่องของผม” พูดพร้อมกับแย่งหมอนคืน ทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตา“แหวะ! ผม แสลงหูชะมัด” คำพูดโอนอ่อนทำให้วันสุขรู้สึกสะอิดส
วันสุขเดินตามชายมีอายุคนนั้นขึ้นบันไดไป สายตามองโดยรอบบ้านที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา มันใหญ่กว่าบ้านของเธอที่ประเทศไทยเสียอีก พื้นที่นี้ต้องมีเงินมากแค่ไหนถึงจะซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางเมืองขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะเดาไม่ได้...เขามีอะไรที่เธอยังไม่รู้อีกนะ“ผมชื่อชวน เป็นหัวหน้าพ่อบ้านที่นี่ หากต้องการอะไรเรียกได้ตลอดเลยครับนายหญิง” ชายมีอายุแนะนำตัวอย่างสุภาพ“ขอบคุณค่ะ ลุงพูดไทยคล่องมากเลยค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เมื่อท่าทางของชายแก่ดูใจดี“ผมเป็นคนไทยครับ ครอบครัวของผมทำงานให้ตระกูลนี้มาหลายรุ่นแล้ว ผมเป็นรุ่นที่สาม”คำบอกเล่าทำให้หญิงสาวถึงกับเบิกตาโต เธออึ้งกับเรื่องราวที่ได้รับฟัง“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?” เธอพูดเบา ๆ“ถ้าตอบได้ผมจะตอบครับ”“ดูจากบ้านหลังนี้แล้วกวินเขารวยมากใช่ไหมคะ?” เธอถามหยั่งเชิง“ครับ”“เขาทำธุรกิจอะไรเหรอคะ?”“หลายอย่างครับ”เป็นคำตอบที่กว้างมาก จนยากจะคาดเดา ทำเอาวันสุขถอน
วันสุขนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของกวิน เธอไม่สามารถข่มตาให้หลับสนิทได้ เมื่อลมหายใจอุ่นกระทบกับผิวคอของเธอ“ยังเจ็บอยู่เหรอ”“เปล่า”“ทำไมถึงยังไม่หลับ หรือเป็นเพราะอ้อมกอดของผม”“ใช่!”“ขอโทษแล้วกันนะที่ทำให้หวั่นไหวหัวใจ”“เหอะ มโนเนอะ..กอดของนายมันทำให้ฉันเจ็บกว่าเดิมจนนอนไม่หลับย่ะ” วันสุขดันตัวออกห่าง แต่เขาก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด แถมยังถูกเขากระชับกอดแน่นกว่าเดิมอีก ไม่สนคำต่อว่าของเธอแม้แต่น้อย“งั้นเดี๋ยวกอดเบา ๆ แล้วกัน” เขาพูดอย่างโอนอ่อนพร้อมกระทำดั่งปากว่า“นายไม่รีบไปง้อสาวคนนั้นหรือไง” เมื่อพยายามถอยห่างแล้วไม่สามารถทำได้ จึงจำต้องอยู่ในอ้อมกอดอุ่นแบบนั้น“ไม่จำเป็น ตัดความสัมพันธ์ไปแล้วจบคือจบ ผมไม่ใช่คนที่หันหลังกลับไปเดินเส้นทางเดิม” เขาให้เหตุผลเมื่อได้ยินคำตอบ วันสุขก็ไม่ถามอะไรต่อ ความล้าและร่างกายที่ระบมทำให้เปลือกตาของเธอเปิดต่อไม่ไหว จนคล้อยหลับไปในที่สุดไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่หญิงสาวหลับสนิทไป เธอลืมตาตื่นในยามแสงแดดจวนจะหายไป ลืมตามองโดยรอบไม่พบคนที่นอนกอด เป็นอีกคราที่เธอตื่นมาเพียงลำพัง ไม่มีข้อความบอกกล่าว ไม่มีการบอกเล่าใด ๆ ให้เธอรับรู้...เธอควรจะรู้สึกดีสิเ
“คนบ้าอะไรขืนใจคนอื่นแล้วก็มาทำดี ตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า” เธอยังคงนอนบ่นพึมพำ สะดุ้งตัวเมื่อมือของกวินลูบหลังเธอเบา ๆ แสดงให้ชัดไปเลยในสิ่งที่เธอกล่าวหา“มีความสุขด้วยกัน ยังจะมาบอกว่าขืนใจอีกเหรอ เสียงหวานของเธอมันย้อนแย้งกับที่พูดเมื่อกี้เลยนะ”“หุบปากแล้วนอนซะ” คำพูดนี้ปกติแล้วจะได้ยินจากปากของเขา แต่บัดนี้กลับตรงกันข้ามเสียอย่างนั้นแสงแดดอ่อนสอดส่องทะลุผ้าม่านเข้ามาในห้องนอน ทำให้วันสุขรู้สึกตัว เธอเปิดเปลือกตาเพื่อปรับรับแสงของวันใหม่ หันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างตัวเธอ ใบหน้าของเขาทำให้ภาพกิจกรรมบนเตียงแสลงในใจ โชคชะตาทำไมถึงใจร้ายกับเธอนัก ใจหนักแน่นไม่ยินยอม แต่พอถูกไล่ต้อนร่างกายกับทรพี หญิงสาวพลิกตัวตะแคงหันหลังแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปง เสียใจกับการที่ถูกคนใจร้ายย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่าแขนแกร่งโอบกอดเอวของเธอเบา ๆ ปลายจมูกคมสันสัมผัสลงซอกคอ แรงสะอื้นทำให้กวินลืมตาตื่น“ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ” สรรพนามเรียกขานเปลี่ยนไปตามอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นมา“โดนขืนใจจะให้ฉันยิ้มหน้าบานหรือไง
วันสุขกลับขึ้นมาบนห้องนอนที่เหมือนกรงขัง หลังจากเหล่าเจ้าของร้านค้าออกไปจากห้องโถงใหญ่กลางบ้าน การถูกกวินไล่ต้อนทำให้เธออับอายและเสียหน้า จนแทบอยากมุดแผ่นดินหนี ตอนนี้เธอแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีลูกสาวตระกูลใหญ่ ไม่ต่างไปจากทาสหรือของเล่นคนรวยเธอจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง มองเพดานแล้วเกลือกกลิ้งไปมาอย่างคนไม่มีอะไรจะทำ หนังสือในชั้นก็อ่านจนไม่รู้จะอ่านเล่มไหน เพราะเธออ่านจนหมดทุกเล่มแล้วเสียงเปิดประตูทำให้วันสุขหันไปมอง ป้านางเดินเข้ามาพร้อมกับสิ่งของมากมายที่กำลังให้คนขนเข้ามา เธอรีบลุกนั่งวางตัวใหม่ให้เรียบร้อย“คุณกวินบอกให้เอามาให้คุณค่ะ”“อวดรวย” เธอพูดค่อนขอดแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยิน“เย็นนี้คุณลงไปทานข้าวที่ห้องอาหารนะคะ คุณกวินอยู่ทานข้าวด้วย”“หนูจะไม่ทำตามคำสั่ง่ของเขาหรอก ป้ายกอาหารมาให้หนูบนห้องเหมือนเดิมเถอะค่ะ”“อย่าทำแบบนั้นเลยนะคะ ป้าเป็นห่วงกลัวว่าคุณจะถูกลงโทษอีก แม้คุณเขาจะดูเป็นคนดี แต่ถ้าได้พูดคือทำจริงนะคะ”คำเตือนของป้านางเธอเข้
เกือบสองสัปดาห์ที่กวินไม่ได้แวะไปหาหญิงสาว เพราะบาดแผลที่ได้รับยังไม่สมานดี หากเจอหน้าเธอเขากลัวจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เขาไม่อยากบังคับเธอนอนด้วยจากการฝืนใจซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่อยากเห็นเธอขัดขืนต่อต้านเขาอยากได้เธออย่างเต็มใจ แม้วันแรกที่เจอเธอเขาจะใช้กำลังบังคับ นั่นเพราะเขามีเหตุผล จำต้องทำให้เธอเป็นภรรยาทางพฤตินัยด้วยวิธีนั้น เพื่อผูกมัดไม่ให้เธอกล้าจากเขาไปไหน มันคือเงื่อนไขข้อตกลงที่เขาต้องยอมรับ เพราะรับปากคนบางคนเอาไว้ และอีกอย่างก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเอง“แม็ก...ช่วยไปติดต่อกับช็อปในห้างของเรา ที่เขาขายสินค้าที่ผู้หญิงชอบใช้ และพวกช็อปเสื้อผ้าให้หน่อย ตามลิสต์ที่วันสุขจดมาให้ เธออยากซื้อของ” กวินบอกลูกน้องมือขวาพร้อมกับยื่นกระดาษที่ได้รับมาจากป้านางเมื่อสองสามวันก่อนให้แม็กธุรกิจในประเทศไทยที่ยุ่งเหยิง กวินจัดการจนทุกอย่างเริ่มลงตัวเข้าที่เข้าทาง วันนี้เขากลับมาบ้านพักในตอนเย็น พร้อมกับเจ้าของช็อปสินค้า พร้อมคนติดตามมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายแท้และไม่แท้ นำสินค้ามาให้วันสุขได้เลือกซื้อ ตามรายการที่เธอร้องขอ ด้วยอิทธิพลของกวิน การยกช็อปมาที่
“เสร็จแล้ว ปวดแผลหรือเปล่า” วันสุขออกปากถาม ใจลึกเกลียดเขาจนแทบไม่อยากมองหน้า แต่ด้วยความจิตใจดีทำให้เธอต้องฝืนช่วยเหลือคนที่ได้รับบาดเจ็บ“อืม ปวดนิดหน่อย”“ที่นี่ไม่รู้มียาแก้ปวดหรือเปล่า นายออกไปหากินเองแล้วกัน”“มันมีอยู่ในตู้ตรงนั้น” เขาชี้นิ้วบอกเธอ“บอกไว้ก่อนนะ ฉันยังเกลียดนายเหมือนเดิม แต่ที่ฉันทำแผลให้ก็เพราะฉันไม่ได้เป็นคนใจร้ายไส้ระกำแบบนาย” พูดกระแนะกระแหนแล้วเดินไปหยิบยา“รู้”“รีบกินแล้วก็รีบไปนอนซะ”วันสุขยื่นยาแก้ปวด พร้อมแก้วน้ำเปล่า เขารับแล้วจัดการกินมันลงท้อง จากนั้นจึงเอนตัวนอนบนเตียง“เดี๋ยว เดี๋ยว...ลุกขึ้นมาเลยนะ!” วันสุขดึงหมอนที่เขากำลังจะหนุนออกด้วยความเกรี้ยวกราด“อะไรอีกล่ะ”“กลับไปนอนห้องนายเส่”“อย่ายุ่ง นอนไหนก็เรื่องของผม” พูดพร้อมกับแย่งหมอนคืน ทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตา“แหวะ! ผม แสลงหูชะมัด” คำพูดโอนอ่อนทำให้วันสุขรู้สึกสะอิดส
หลายวันมานี้วันสุขอยู่แต่ห้องสีเหลี่ยมเดิม ๆ บรรยากาศอุดอู้ทำให้เธอเบื่อหน่าย อยากออกไปสูดอากาศข้างนอก แต่ก็ไม่สามารถไปได้ ตอนนี้เธอเหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกขังในกรงเพื่อรอฟังคำสั่ง เธอกิน นั่ง นอน วนเวียนอยู่แบบนั้นจนตะวันตกดินวันแล้ววันเล่า เคยอ้อนวอนป้านางให้ปล่อยเธอออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง“น่าเบื่อชะมัด...มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวฉันกันแน่” อิงฟ้านอนมองเพดาน เธอพร่ำถามตัวเอง สภาพการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ บางความรู้สึกวันสุขก็แทบไม่อยากจะเทียบว่าเป็นนกน้อยในกรงทอง มันเหมือนกับทาสหรือนางบำเรอเสียมากกว่าหลายวันนับตั้งแต่วันที่วันสุขไม่สบาย เธอก็ยังไม่ได้เห็นหน้าของกวินอีกเลยจวบจนตอนนี้“ไอ้บ้านั่นหายไปไหน?” เธอนอนบ่นพึมพำ“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น...คิดถึงฉันอยู่หรือไง” เสียงที่คุ้นเคยทำให้วันสุขดีดตัวลุกนั่ง มองไปยังเจ้าของเสียงด้วยสีหน้านิ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี“ฉันเกลียดขี้หน้านาย แล้วนี่เข้ามาทำไม?”“ลืมหน้าที่ตัวเองแล้วหรือไง”“ออกไปเลยนะ...ฉัน
เสียงปืนยังคงก้องในหูหลอกหลอนเธอ ภาพเหตุการณ์โหดร้ายสร้างความหวาดกลัวจนวันสุขเก็บไปฝัน เม็ดเหงื่อท่วมใบหน้า เธอส่ายหัวไปมา จนคนที่นอนข้าง ๆ รู้สึกตัวตื่นกลางดึก“ไม่นะ ไม่” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยทั้งที่ไม่ได้ลืมตากวินเอื้อมมือเปิดสวิตช์ไฟดวงเล็กบนหัวเตียง เขาใช้หลังมือสัมผัสลงหน้าผากของวันสุข เธอตัวร้อนอย่างกับไฟ ทำให้เขาตกใจ รีบเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้เธอ ทุกขั้นตอนเขาดูแลวันสุขด้วยตัวเองโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หาย” ภายนอกดูโหดเหี้ยมและใจร้าย แต่ลึกภายใต้จิตสำนึกกลับแอบซ่อนความอ่อนโยนและอบอุ่นเอาไว้ พิษไข้ของวันสุขทำให้กวินยังคงคอยเช็ดตัวให้เธอจนความร้อนเริ่มลดลง เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วจัดการสวมเสื้อผ้าให้เธอ แล้วทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ หญิงสาวจนถึงเช้าการสัมผัสของใครบางคนทำให้วันสุขรู้สึกได้ เธอค่อย ๆ ปรือตาอย่างเชื่องช้า มองเห็นใบหน้าคมสันของกวินที่นั่งอยู่ข้างเตียง เธอเห็นเขารีบดึงมือกลับ แล้วลุกพรวดจากเก้าอี้“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้” เธอถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
"ปล่อยฉัน ไอ้บ้า" ตอนนี้เธอรู้สึกกลัวจนสั่นไปทั้งตัว จะยืนหยัดให้มั่นก็แทบยืนไม่ไหว ยิ่งเห็นแววตาดุร้ายของกวินยิ่งเริ่มทำให้เธอใจเสีย"เธอมันวอนเอง" เสียงพูดคำรามรอดไรฟัน แววตาดุดันน่ากลัว"นายไม่มีสิทธิ์ทารุณฉันแบบนี้” ท่าทีของกวินทำให้วันสุขนึกหวาดกลัว แต่เธอก็ยังกัดฟันสู้ต่อปาก“เธอควรได้รับการสั่งสอน ว่าการเป็นภรรยาที่ดี เชื่อฟังเป็นยังไง ไม่ใช่อยากถ่มน้ำลายใส่หน้าผัวตามใจได้”“นายไม่ใช่ผัวฉัน”“หรือต้องให้ย้ำ”ท่าทีของเขาเริ่มน่ากลัวเข้าไปอีก นั่นยิ่งทำให้วันสุขเริ่มใจคอไม่ดี สีหน้า น้ำเสียง และท่าทางเขาสามารถฆ่าเธอได้จริง ๆ“ปล่อยฉันเถอะ" แน่ล่ะใครจะไม่รักตัวกลัวตาย เธออ้อนวอนเขารอบแล้วรอบเล่า เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ"ได้สิ ฉันจะปล่อยเธอ" เขาลดปืนลงแล้วตอบเธอด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นเฉียบคำพูดที่ออกจากปากสร้างความดีใจให้กับเธอ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก"แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้""!!!"แต่แล้วความดีใจทั้งหมดของเธอก็หล่นวูบลงพื้น ยืนทรงตัวแทบไม่อยู่เมื่อเขาตอบออกมา ความกลัวครอบงำเมื่อเขาขึ้นนกปืนและเล็งปลายกระบอกปืนมายังเธอ...มันคงจบลงแล้วในวันนี้ ชีวิตที่เคยสดใสของผู้หญิงตัวเล็