วันสุขเดินตามชายมีอายุคนนั้นขึ้นบันไดไป สายตามองโดยรอบบ้านที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา มันใหญ่กว่าบ้านของเธอที่ประเทศไทยเสียอีก พื้นที่นี้ต้องมีเงินมากแค่ไหนถึงจะซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางเมืองขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะเดาไม่ได้...เขามีอะไรที่เธอยังไม่รู้อีกนะ
“ผมชื่อชวน เป็นหัวหน้าพ่อบ้านที่นี่ หากต้องการอะไรเรียกได้ตลอดเลยครับนายหญิง” ชายมีอายุแนะนำตัวอย่างสุภาพ
“ขอบคุณค่ะ ลุงพูดไทยคล่องมากเลยค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เมื่อท่าทางของชายแก่ดูใจดี
“ผมเป็นคนไทยครับ ครอบครัวของผมทำงานให้ตระกูลนี้มาหลายรุ่นแล้ว ผมเป็นรุ่นที่สาม”
คำบอกเล่าทำให้หญิงสาวถึงกับเบิกตาโต เธออึ้งกับเรื่องราวที่ได้รับฟัง
“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?” เธอพูดเบา ๆ
“ถ้าตอบได้ผมจะตอบครับ”
“ดูจากบ้านหลังนี้แล้วกวินเขารวยมากใช่ไหมคะ?” เธอถามหยั่งเชิง
“ครับ”
“เขาทำธุรกิจอะไรเหรอคะ?”
“หลายอย่างครับ”
เป็นคำตอบที่กว้างมาก จนยากจะคาดเดา ทำเอาวันสุขถอนหายใจ เมื่อไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน
“อย่างเช่น?”
“หลัก ๆ ก็คาสิโนและสถานบันเทิงครับนายหญิง...ผมว่าเดินทางมาเหนื่อย ๆ นายหญิงพักผ่อนเถอะครับ”
หัวหน้าพ่อบ้านเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงความสงสัย หญิงสาวอยู่ในห้องแสนกว้างลำพัง เธอทิ้งตัวนอนบนเตียงขนาดแปดฟุต สายตามองเพดานอย่างใช้ความคิด
“เขาเป็นนักธุรกิจ? มาเฟีย? นักเลงอย่างนั้นเหรอ?” เธอพูดเพียงลำพัง “นี่ฉันหลงเข้ามาในดงอะไรกันแน่ละเนี่ย...ที่บอกไม่วางใจให้ฉันอยู่คนเดียวเพราะศัตรูเยอะเหรอ ตายห่าแล้วไงชีวิตฉัน” เมื่อมโนภาพก็ทำให้ต้องสบถหยาบ ดีดตัวลุกนั่งอย่างตื่นตระหนก “อย่าบอกนะว่าเขาทำงานผิดกฎหมายด้วย”
“ผมไม่ได้ทำงานผิดกฎหมายแบบที่คุณว่า”
ประตูเปิดออก พร้อมกับคนที่เธอคุ้นหน้า เขาเอ่ยปฏิเสธในคำครหานั้น
“ต่อให้ทำงานสีเทาก็ไม่แปลกหรอก ฉันเจอนายวันแรกพฤติกรรมของนายมันต่างจากพวกนักเลงซะที่ไหน?”
“ผมไม่ใช่นักเลง”
“ข่มเหงรังแกผู้หญิงแบบนั้นก็ไม่ต่างกันหรอก” เธอแย้งเชิดหน้าพูดท้าทายด้วยความมาดมั่น
ไม่รู้ว่าเธอช้า หรือว่าเขาไวกว่าความเร็วแสง ทำให้เธอถูกปิดปากด้วยปากของเขาจนตั้งตัวไม่ทัน การสัมผัสกระชั้นชิดทำให้วันสุขถึงกับเบิกตาโต ทำตัวไม่ถูกได้แต่กำชายเสื้อแน่น
“หิวหรือเปล่า” เอ่ยในระยะประชิด จังหวะละริมฝีปากออกจากเรียวปากนุ่มนิ่มนั้น
“อืม เริ่มหิวนิดหน่อย” ความร้อนเห่อบนใบหน้าอย่างไม่อาจเก็บกลั้น วันสุขพยักหน้าให้คำตอบ หัวใจเต้นระส่ำกับสิ่งหวาบหวิวที่เขาประเคนให้ จนไม่กล้าเงยหน้าสบสายตาคนตัวสูง
“งั้นเดี๋ยวไปทานข้าวกัน” กวินเอ่ยเสียงเรียบ แต่ดวงตาคมนั้นยังจับจ้องใบหน้าที่แดงซ่านของเธออย่างพอใจ ก่อนจะคว้ามือบางมากุมไว้แน่นเสียจนวันสุขสะดุ้ง
“ฉันเดินเองได้ ไม่ต้องลาก!” เธอรีบโวยวาย พลางพยายามชักมือกลับ แต่กวินหาได้ใส่ใจ เขากระตุกมือเบา ๆ พาเธอก้าวออกจากห้องด้วยท่าทางที่ดูเหมือนใจเย็น แต่สายตากลับแพรวพราวอย่างคนที่ได้ชัยชนะ
พวกเขาเดินผ่านโถงบ้านอันโอ่อ่าไปยังห้องอาหารกว้างขวาง โต๊ะไม้เนื้อดีจัดวางอาหารอย่างหรูหรา กลิ่นหอมของกับข้าวสไตล์จีนผสมตะวันตกลอยฟุ้งชวนให้ท้องร้อง
วันสุขนั่งลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เธอรู้สึกเหมือนถูกกวินลากมาโดยไร้ทางเลือกอยู่ตลอดเวลา และแม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเขาได้เลย
“กินเยอะ ๆ หน่อยนะ เดี๋ยวจะไม่มีแรงทะเลาะกับผม” เขาเอ่ยแซวขณะตักข้าวใส่จานให้เธออย่างสุภาพ ผิดกับภาพลักษณ์มาเฟียที่เธอคิดไว้
“อยากจะเอาชนะฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?” เธอเงยหน้าถามอย่างหาเรื่อง แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะเบา ๆ
“เปล่า ผมอยากดูแลคุณมากกว่า” ประโยคธรรมดาแต่กลับทำให้หัวใจวันสุขสะดุด เธอรีบก้มหน้ากินข้าวแก้เขิน ทั้งที่ในใจรู้สึกวูบวาบอย่างประหลาด
ในระหว่างมื้ออาหาร กวินรับโทรศัพท์สายหนึ่ง น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
“เฝ้าไว้อย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด” ประโยคนั้นทำให้วันสุขเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที มีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ และมันไม่ใช่เรื่องเล็กด้วย...
หลังจากวางสายกวินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกจากที่นั่ง เดินอ้อมมาหาเธอ
“คืนนี้ คุณนอนคนเดียวไม่ได้”
“หมายความว่าไง?” วันสุขเบิกตากว้าง
กวินย่อตัวลงมาระดับสายตาเธอ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมจะอยู่ข้าง ๆ คุณเอง”
วันสุขเหมือนสมองเบลอไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากกวิน คนที่เคยเป็นเหมือนศัตรู คนที่เธอรู้สึกเกลียดจนเข้ากระดูกดำ กลับมาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นแบบนี้ ใจของเธอมันดันเชื่อเขาอย่างง่ายดายเสียได้
“เอ่อ...แล้ว...” เธออ้ำ ๆ อึ้ง ๆ พลางหลบสายตาคมคายที่มองมาไม่วางตา
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก” เขายกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอื้อมมือแตะเส้นผมเธอเบา ๆ “แค่คอยปกป้อง...ก็เหนื่อยพอแล้ว”
วันสุขแทบอยากเอาหัวมุดโต๊ะอาหารหนีความเขิน แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไรต่อ กวินก็ลุกขึ้นแล้วยื่นมือมาตรงหน้า
“ถ้าอิ่มแล้วอยากไปเดินเล่นไหมล่ะ เผื่อจะหลับง่ายขึ้น”
“อืม...ก็ได้” เธอตอบเสียงเบา ยอมวางช้อนแล้ววางมือลงบนฝ่ามือของเขา
ค่ำคืนนี้ฮ่องกงเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ สวนหย่อมภายในคฤหาสน์มีเพียงแสงไฟอ่อน ๆ สาดส่อง เงาของคนสองคนทอดยาวไปตามพื้นสนามหญ้า
พวกเขาเดินเคียงกันไปเงียบ ๆ สายลมเย็น ๆ พัดโชยมาปะทะใบหน้า ทำให้วันสุขรู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้าง กวินชำเลืองมองเธอเป็นระยะ ก่อนจะถามเสียงเบา
“หนาวไหม?”
วันสุขส่ายหน้า แต่คนตัวสูงก็ไม่รอฟังคำปฏิเสธ เขาถอดเสื้อคลุมสูทของตัวเอง โยนพาดไหล่เธออย่างง่ายดาย
“อย่าดื้อ” เขาว่าพลางส่งยิ้มน้อย ๆ ให้
เธอทำหน้าง้ำงอ แต่ยอมใส่เสื้อคลุมของเขาไว้ดี ๆ โดยไม่ต่อล้อต่อเถียง
ทันใดนั้นเองเสียง ปัง! ดังขึ้นจากทิศทางสวนหลังคฤหาสน์ กวินชะงัก ดึงวันสุขเข้ามาแนบตัว สายตาเขาเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบแทบในทันที
“กลับเข้าไปในบ้าน” เขาสั่งเสียงขรึม พลางผลักวันสุขให้อยู่ข้างหลัง แต่ยังไม่ทันได้ขยับ คนร้ายที่ซุ่มอยู่ในเงามืดก็ปาอะไรบางอย่างมาอย่างรวดเร็ว
เพล้ง! กระจกของโคมไฟสวนแตกกระจาย เสี้ยวกระจกเล็ก ๆ กระเด็นใส่แขนวันสุข
“โอ๊ย!” วันสุขร้องออกมาด้วยความตกใจและเจ็บแปลบ เลือดไหลซึมออกจากบาดแผลบาง ๆ บนท่อนแขนขาว กวินเห็นดังนั้น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวทันที เขารีบประคองตัวเธอไว้แน่น
“ไหวไหม?” น้ำเสียงของเขาอ่อนลงทันตา แต่ยังแฝงด้วยความร้อนรน
“นิดหน่อย ไม่เป็นไร...” วันสุขพยายามฝืนยิ้มทั้งที่น้ำตาซึม
“ไม่ต้องพูด!” เขาตวาดอย่างห่วงจัด แล้วไม่รอช้า อุ้มเธอขึ้นแนบอกอย่างง่ายดาย ก่อนจะรีบพากลับเข้าไปในตัวคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ลูกน้องที่ซุ่มดูแลกระจายกำลังไล่ล่าคนร้ายที่ลอบเข้ามา
กวินวางวันสุขลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม รีบหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาจากตู้ด้านข้าง เขานั่งลงตรงหน้าเธอ ใช้มือใหญ่จับข้อมือเล็กอย่างเบามือที่สุด ก้มหน้าลงเป่าเบา ๆ ที่บาดแผลคล้ายปลอบขวัญ
“เจ็บมากไหม...” เสียงของเขาแผ่วเบาอย่างที่วันสุขไม่เคยได้ยินมาก่อน เธอส่ายหน้า น้ำตาคลอเบ้าเพราะความรู้สึกอบอุ่นมากกว่าความเจ็บ
กวินทำแผลให้เธออย่างพิถีพิถัน ตาไม่ละไปจากแผลแม้แต่วินาทีเดียว เมื่อเสร็จสิ้นเขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธออย่างจริงจัง
“ต่อไป...อย่าห่างจากผมแม้แต่ก้าวเดียว เข้าใจไหม” เขาเอ่ยเสียงนุ่ม แต่น้ำเสียงนั้นแน่วแน่จนวันสุขรู้สึกเหมือนหัวใจจะละลาย เธอพยักหน้าช้า ๆ รู้สึกว่าการได้อยู่ในอ้อมแขนของเขาตอนนี้มันปลอดภัยมากกว่าที่ไหนบนโลกเสียอีก...
แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ้าม่านเข้ามาในห้อง วันสุขลืมตาตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า แขนที่พันด้วยผ้าพันแผลไว้เตือนถึงเหตุการณ์เมื่อคืนได้เป็นอย่างดี เธอหันมองข้างกาย พบว่ากวินนั่งอยู่ที่โซฟาข้างเตียง ตายังคงหลับเหมือนหลับไปทั้งที่ยังนั่งอยู่ในท่าเดิม
เสื้อนอกของเขาถูกถอดวางพาดเก้าอี้ ผูกเนกไทคลายออกเล็กน้อย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงอย่างไม่ตั้งใจ ภาพของกวินในยามหลับนั้น ทำให้วันสุขชะงักสายตา ไม่ใช่ใบหน้าเย็นชาแบบที่เธอเห็นเสมอ... แต่เป็นใบหน้าของคนที่ดูเหนื่อยล้าและอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ
'เขา...นั่งเฝ้าเราทั้งคืนเหรอ' ความคิดหนึ่งฉายขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ วันสุขรีบสะบัดหัวไล่มันออก
อย่าใจอ่อน! เธอเตือนตัวเองเสียงดังในหัว เขายังเป็นศัตรู...ยังเป็นคนที่ทำให้ชีวิตเธอพังลง วันสุขค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง กลัวจะทำให้เขาตื่น แต่ไม่ทันไร กวินก็ขยับตัว ลืมตาขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มแหบพร่าเบา ๆ เพราะเพิ่งตื่นนอน
วันสุขสะดุ้งเล็กน้อย พยักหน้าก่อนจะเบือนหน้าหนีสายตาที่จับจ้องมา
“แขนยังเจ็บอยู่ไหม” กวินถาม ขณะลุกขึ้นเดินมาหาเธอ
“ไม่เป็นไร” เธอรีบบอก กลัวว่าความใกล้ชิดจะทำให้หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะอีก
แต่กวินไม่เชื่อ เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ จับข้อมือที่พันผ้าไว้อย่างเบามือ แล้วเลิกชายผ้าออกดูแผล แผลเริ่มตกสะเก็ด แต่รอยเลือดเก่า ๆ ยังเห็นชัดเจน เขาขมวดคิ้วแน่น
“ครั้งหน้า ถ้าผมสั่งให้ทำอะไร อย่าเถียง” เขาสั่งเสียงจริงจัง
วันสุขเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ตอบโต้ แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่นประหลาดจากความเป็นห่วงของเขา
กวินแตะหน้าผากของเธอเบา ๆ คล้ายวัดไข้ ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่พบความผิดปกติ
“ผมมีเรื่องต้องไปจัดการ...” เขาลุกขึ้นยืน สายตายังคงจับจ้องเธอ “คุณพักอยู่ที่นี่ อย่าออกไปไหนเด็ดขาด เข้าใจไหม”
“แล้วนายจะไปไหน” วันสุขเผลอถามออกไปอย่างไม่รู้ตัว
กวินนิ่งไปชั่วอึดใจ ราวกับชั่งใจว่าจะบอกดีไหม
สุดท้ายเขาก็เอ่ยออกมา
“สืบหาคนที่ลอบทำร้ายคุณเมื่อคืน”
“ฉันเหรอ?” วันสุขเบิกตากว้างอย่างตกใจ กวินพยักหน้า ดวงตาคมกริบแฝงด้วยความแข็งกร้าว
“มันไม่ได้ต้องการชีวิตผม แต่มันหมายถึงคุณ...เพื่อเล่นงานผม”
เขาพูดเสียงเรียบแต่หนักแน่น คำพูดนั้นทำให้วันสุขรู้สึกหน่วงในอกอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่เพียงตัวเธอที่ตกอยู่ในอันตราย แต่ยังกลายเป็นจุดอ่อนของเขาโดยไม่รู้ตัว
“ฉันไม่ได้อยากเป็นภาระให้นายนะ” เธอพึมพำออกมาเบา ๆ
กวินเดินเข้ามาใกล้อีกครั้ง ย่อตัวลงจนระดับสายตาพวกเขาเท่ากัน
“คุณไม่ใช่ภาระของผม วันสุข” เขาเอ่ยช้า ๆ ชัด ๆ “คุณคือสิ่งเดียวที่พ่อคุณฝากไว้กับผม...และผมจะไม่มีวันยอมให้ใครทำร้ายคุณได้”
ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้หัวใจวันสุขสั่นไหวอย่างรุนแรง แต่แล้วเธอก็รีบเตือนตัวเองอีกครั้ง...ว่าอย่าเพิ่งเชื่อคำพูดของคนคนนี้ อย่าลืมสิ ว่าเขาอาจเป็นคนที่พรากพ่อไปจากเรา เธอเบือนหน้าหนีซ่อนดวงตาแดงระเรื่อไว้อย่างลนลาน
กวินมองเห็นทุกการเปลี่ยนแปลงของเธอ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรอีก นอกจากใช้มือใหญ่วางลงบนหัวเธอเบา ๆ อย่างนุ่มนวล แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้วันสุขนั่งนิ่งอยู่เพียงลำพัง พร้อมกับหัวใจที่ปั่นป่วนยิ่งกว่าเดิม...
บ้านหลังงามสุดหรูเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยเสียง...“เฮ้ย! ชั้นวางขวดนมวางตรงนี้ก่อน มึงจะเอาไปเก็บที่อื่นทำไมวะคีย์!?”“เพราะมึงวางขวางทางเดิน! เดี๋ยวกูเหยียบลื่นล้มหัวแตก ใครจะอุ้มหลาน!?”“อุ้มหลาน? นี่ลูกกู!!”เสียงปะทะของสองคุณพ่อและคุณอาผู้เห่อหลานสนั่นไปทั้งบ้าน จนแม่บ้านต้องเดินอ้อมไปอีกทาง เพราะไม่อยากถูกลูกหลงจากสงครามของสองชายวัยสามสิบกว่า ๆวันสุขที่เพิ่งลงจากชั้นบน มาพร้อมลูกน้อยในอ้อมแขน ส่งสายตามองสองท่านผู้ใหญ่ ที่เถียงกันเรื่องขวดนมกับผ้าเช็ดตัวแบบไม่มีใครยอมใครเธอวางลูกเบา ๆ บนเบาะเด็ก แล้วกอดอกมอง แล้วเอ่ยเสียงนิ่งแต่ฟาดหัวใจ“นี่พวกคุณไม่คิดจะไปทำงานกันบ้างเหรอ?”ห้องทั้งห้องเงียบลงในพริบตา คีย์ยักไหล่ก่อนตอบเสียงเรียบ“มีลูกน้องดูแลอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นเลยนี่”กวินพยักหน้ารับตามทันที“ใช่ ผมเซ็นมอบอำนาจรองผู้บริหารไว้หมดแล้วครับที่รักไม่ต้องกลัวเลย มีแม็กดูแลบัญชี มีบอดี้การ์ดชุดเต็มรับมือทุกสถานการณ์”“แล้วฉันล่ะ?” วันสุขถามนิ่ง ๆ“คุณเป็นแม่ของลูกผม เป็นวีไอพีของบ้านนี้” กวินตอบพร้อมส่งยิ้มละมุนวันสุขถอนหายใจยาว “งั้นแม่ของลูกจะไปจัดตารางงานต่อ ฝากเลี้ยงลูกด้วยนะ
เสียงรถสปอร์ตหรูจอดสนิทหน้าบ้าน พร้อมกับกวินที่เดินลงจากรถในชุดลำลอง แต่ความขึงขังยังเต็มพิกัด เขาไม่ใช่แค่มาเฟียระดับโลกอีกต่อไป...แต่เป็นคุณพ่อมือใหม่ ที่เตรียมทุกอย่างไว้ละเอียดยิ่งกว่าแผนลอบสังหารศัตรูระดับประเทศ"ชุดเด็กพร้อม""เปลไฮเทคสั่งตรงจากเยอรมันติดเซ็นเซอร์ตรวจจับลมหายใจ""กล้องวงจรปิดในห้องนอนลูกมีระบบเอไอจับอารมณ์""หุ่นยนต์ป้อนนมอัตโนมัติสำรอง 2 ตัว""ยามรักษาความปลอดภัยรอบบ้านเพิ่มอีกหนึ่งทีม"คีย์ที่เดินมาด้วยถึงกับยกมือทาบอก"มึงแน่ใจนะว่านี่ลูก ไม่ใช่ผู้นำประเทศ"กวินปรายตามองเพื่อนอย่างนิ่งขรึม “ลูกกูเกิดมาทั้งที ต้องปลอดภัยที่สุดในโลก”วันสุขที่พุงโตมาก ๆ เดินออกมาช้า ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มละมุน“กวินคะ บางอย่างมันเกินไปแล้วค่ะ ขนาดตู้เสื้อผ้าเด็กยังมีระบบสแกนฝุ่น PM 2.5 ก่อนเปิด”กวินรีบเข้ามาประคองเธอทันที “อย่าเดินเร็วแบบนั้นสิครับเดี๋ยวลื่น”“จะลื่นได้ไงคะ พื้นบ้านคุณมันสะอาดกว่าห้องผ่าตัดโรงพยาบาลอีก...” เธอยิ้มขำ ๆกวินจูบเบา ๆ ที่หน้าผากเธออย่างแสนรัก “ผมไม่เสี่ยงแม้แต่วินาทีเดียว คุณกับลูกคือทั้งชีวิตของผม”กลางดึกที่มีเพียงแสงจันทร์อ่อน ลอดผ่านกระจกหน้าต่างเ
เสียงล้อเครื่องบินแตะรันเวย์สนามบินนานาชาติประเทศไทย พร้อมกับเสียงถอนหายใจของคีย์ ผู้ที่เป็นมือขวาคู่ใจและเพื่อนรักเพื่อนตายของกวิน ในวันนี้ไม่ได้กลับมาเพื่อเคลียร์ศัตรู ไม่ได้กลับมาเพื่อคุมธุรกิจ... แต่กลับมาเพราะจะตั้งชื่อลูกให้เพื่อน“บอส! คุณคีย์กลับมาแล้วครับ!” แม็ก คนสนิทของกวิน รายงานอย่างขึงขัง แต่พอเห็นคนตัวสูงเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าล้อลาก และตุ๊กตาหมีสีฟ้ายักษ์ บรรยากาศก็เปลี่ยนทันที“อ้าว... พวกแกไม่ยืนตั้งแถวต้อนรับหลานฉันเหรอ!” คีย์ตะโกนลั่น“ลูก! กู! ไอ้คีย์” เสียงกวินดังมาจากด้านหลังด้วยน้ำเสียงเรียบแต่ตึงเป๊ะ“เอ้า กวิน! กูรีบกลับมาเพราะเรื่องนี้เลยนะ ไหนหลานอยู่ไหน กูจะตั้งชื่อให้ว่าลีโอดีไหม หรือคาเรน ถ้าเป็นผู้หญิงชื่อนี้ความหมายดีนะ”กวินยกคิ้ว “สรุปมึงจะตั้งชื่อลูกกู?”คีย์ยักไหล่ “ก็หลานกูปะวะ”“คุณคีย์จะเห่อเกินไปแล้ว” แม็กพึมพำเบา ๆ จนวันสุขที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลุดหัวเราะ“นี่! อย่าคิดว่ากูจะไม่หาของเล่น นี่ซื้อมาครึ่งชั้นวางของในห้างแล้ว!” คีย์พูดอย่างภาคภูมิใจ พลางหยิบของเล่นเด็กอ่อนขึ้นมาโชว์เป็นชิ้น ๆวันสุขส่ายหัวพลางยิ้มกริ่ม“คุณคีย์คะ หลานยังไม่คลอดนะคะ อีก
คฤหาสน์ธาราพิพัฒน์หนึ่งเดือนหลังพิธีเปิด Phoenix Sovereign V.2ช่วงเย็นอบอุ่น แสงอาทิตย์สาดลอดผ้าม่านผืนบาง วันสุขเดินลงบันไดอย่างสบาย ๆ แต่กลับไม่เจอใครเลยในบ้าน แม้แต่แม่ของเธอก็หายตัวไปเงียบ ๆ ตั้งแต่ช่วงบ่ายสวนด้านหลังคฤหาสน์ เส้นทางไม้เรียงด้วยกลีบดอกกุหลาบ เสียงเพลงคลาสสิกแผ่วเบาลอยมา วันสุขเดินตามกลิ่นหอมบาง ๆ ของลาเวนเดอร์ จนถึงศาลากลางสวน ที่ถูกประดับด้วยไฟระยิบระยับ ภายในศาลามีโต๊ะอาหารสำหรับสองที่ ไวน์แดง แชนเดอเลียร์คริสตัล และแม่ของเธอ ยืนยิ้มอยู่ข้างประตู “แม่?” วันสุขงงจนแทบหลุดยิ้ม แม่ของเธอยิ้มแล้วเดินมากุมมือเธอ“แม่เคยเห็นแววตาผู้ชายแบบเดียวกับพ่อของลูกครั้งหนึ่ง ในดวงตาของกวิน และวันนี้แม่อยากยืนอยู่ตรงนี้ ในฐานะแม่ของลูกสาวที่กำลังจะถูกรักตลอดไป”เสียงเท้าคนเดินเข้ามาเงียบ ๆ กวินในชุดสูทเรียบหรู ก้าวออกมาจากเงาไม้ ไม่มีบอดี้การ์ด ไม่มีปืน ไม่มีอำนาจ มีแค่แหวนในกล่องเล็ก ๆ และแววตาที่อ่อนโยน เหมือนพระจันทร์กลางคืนที่ไม่มีเมฆ“วันสุข ผมเคยสัญญากับพ่อคุณว่าจะดูแลคุณ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยากดูแลคุณเพราะสัญญาอีกแล้ว…”เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ ยื่นกล่องแหวนออกมา มือข้างหนึ
กรุงเทพฯ สำนักงาน Phoenix Sovereign แห่งใหม่วันสุขในชุดสูทสีครีมเข้ม กวินอยู่ข้างกายในลุคมาดนิ่ง และคีย์เดินตามในมาดเงียบขรึม บรรยากาศในห้องประชุมใหญ่เต็มไปด้วยพันธมิตร นักลงทุนระดับโลกและสื่อชั้นนำ“ขอบคุณทุกคนที่มาวันนี้ค่ะ...” วันสุขเปิดการประชุมด้วยน้ำเสียงมั่นคงเบื้องหน้าจอขนาดใหญ่ฉายสไลด์เปิดเผยโครงการลับ D-CHAIN พร้อมภาพของ เลิศศักดิ์ ณัฐพงศ์ ที่ถูกจับกุมแล้ว สร้างเสียงฮือฮาจนดังทั่วห้อง!“ผู้ชายคนนี้เคยพยายามเปลี่ยน Phoenix ให้กลายเป็นอาวุธทางเศรษฐกิจ ใช้เพื่อควบคุมระบบการเงินในโลกมืด วันนี้เขาถูกปลดจากทุกอำนาจอย่างถาวร”เสียงปรบมือเริ่มดัง แต่วันสุขยกมือขึ้นห้ามเบา ๆ“ยังไม่จบค่ะ…เพราะคนที่ร่วมมือกับเขายังมีชีวิตอยู่ และกำลังเตรียมแผนใหม่”บรัสเซลส์ ฐานลับของ Oblivion Techเซเลน่ากำแฟ้มข่าวเลิศศักดิ์แน่น หน้าเธอนิ่งสนิท...แต่นัยน์ตาแดงก่ำ“พวกเขารวมพันธมิตรแล้ว งั้นเราจะสร้างฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาเองบ้าง”เธอสั่งเปิดโปรเจกต์ใหม่ในระบบลับของบริษัทชื่อว่า Oblivion Mind AI แบบไม่ผ่านคณะกรรมการควบคุม แต่ถูกออกแบบให้ตัดสินใจได้ในระดับรัฐบาล“ถ้า Phoenix จะควบคุมโลกด้วยความสมดุล Obli
แฟรงก์เฟิร์ต เวลา 09:18 น.วันสุขเปิดโน้ตบุ๊กขึ้น หน้าจอแสดงข้อมูลชุดใหม่ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนชื่อไฟล์คือ Phoenix.Layer.2 Blackroom เอกสารภายในคือแผนขยายอิทธิพล Phoenix ที่ไม่เคยเปิดใช้พ่อของวันสุขเคยร่วมออกแบบโครงสร้างนี้ร่วมกับสามนักวิจัยเอไอระดับโลก แต่มันถูกแช่แข็งไว้ เพราะมันควบคุมได้มากเกินไปกวินเดินเข้ามา พร้อมถือถ้วยกาแฟสองใบ“คุณเปิดหมากแล้วใช่ไหม?”วันสุขหันมายิ้ม“อืม…ถึงเวลาทำให้เซเลน่ารู้ว่า ฉันไม่ได้มีแค่สิทธิ์บน Phoenix แต่มีทางเลือกใหม่ที่เธอไม่มี”เซเลน่าอยู่ตรงโถงล็อบบี้ตึกประชุมหลัก เธอได้รับอีเมลฉบับหนึ่งจาก WS.DP-Corp รหัสที่เธอจำได้ดีว่าคือวันสุข หัวข้ออีเมล:Let’s make it global. But on my terms. (เรามาทำให้มันเป็นระดับโลกกัน...แต่ต้องตามเงื่อนไขของฉัน)เธอเปิดเมล สิ่งที่แนบมาคือแผนของ Phoenix Layer 2 ที่วันสุขเป็นคนถือลิขสิทธิ์ร่วมโดยสมบูรณ์ พร้อมข้อความสั้น ๆ ว่า…“คุณเสนอ Phoenix Oblivion…ฉันเสนอ Phoenix Sovereign มาร่วมโต๊ะใหม่ ที่ฉันเป็นเจ้าภาพสิ”เซเลน่ากำแก้วกาแฟแน่นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ“เธอเริ่มเดินเกมของตัวเองแล้วสินะ…”@ห้องของวันสุ