LOGINเธอทำให้คนรักเขาต้องตาย เขาจึงตามมาแก้แค้นและทวงความยุติธรรม ยิ่งเกลียดยิ่งผูกพัน ความสัมพันธ์ที่เริ่มจากความเกลียด แต่กลับลงเอยด้วยหัวใจ
View Moreหญิงสาววัยยี่สิบห้าปี เจ้าของใบหน้าเรียวสวยได้รูป อยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำ เดินนวยนาดฝ่าฝูงชนที่กำลังเต้นโยกย้ายสะโพกไปตามเสียงเพลงที่เปิดในผับ
ความสวยมีออร่าของเธอดึงดูดสายตาผู้ชาย
หลาย ๆ คนให้หันมองตามหลังแววตาเป็นมัน แต่เธอไม่ได้ให้ความสำคัญ หยุดฝีเท้าตรงพื้นที่ว่าง ดวงตากลมโต
มองหาโต๊ะเพื่อนที่บอกว่าถึงแล้ว เมื่อเห็นมือเล็ก ๆ ของเพื่อนสาวตัวเล็ก กำลังโบกมือเป็นสัญญาณว่าอยู่ทางนี้ เธอจึงสับเท้าเดินเข้าไปร่วมโต๊ะอย่างไม่รีรอด้วยสีหน้าที่ดูนิ่ง ๆ
“ขอโทษนะที่มาช้า” นิวารินหย่อนสะโพกนั่งบนเก้าอี้บาร์ทรงกลม โดยที่เพื่อนสาวอย่างนิสาก็กวักมือเรียกพนักงานเสิร์ฟ เพื่อสั่งเครื่องดื่มให้กับเพื่อนของเธอที่เพิ่งมาถึง
“ไม่เป็นไรหรอกนิล พี่กับสาก็เพิ่งมาถึงก่อนหน้านิลแป๊บเดียวเอง” ธีระชายหนุ่มหนึ่งเดียวในโต๊ะ หน้าตาหล่อเหลา อายุมากกว่าสองสาวตอบรับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ซึ่งเป็นรุ่นพี่มหาวิทยาลัยที่สนิทสนม และ คอยให้ความช่วยเหลือน้องรหัสอย่างเนนิลตลอดระหว่างที่เรียนอยู่
เนนิลก็ส่งยิ้มดูดีกลับไปบาง ๆ ก่อนที่นิสาจะถาม “แกจะสั่งอะไรเพิ่มไหมนิล”
“ไม่เอาแล้ว”
“อือ” นิสาตอบรับเพื่อนสาวพลางพยักหน้า แล้วหันไปบอกกับพนักงานชาย “เอาแค่เครื่องดื่มพอค่ะ”
พนักงานชายโค้งศีรษะรับออเดอร์จากเจ้าของใบหน้าเรียว น่ารัก ตากลม แล้วเดินเลี่ยงไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“วันหลังไปเที่ยวผับพ่อแกนะนิล จะได้กินฟรี”
“เห็นแก่ของฟรีจริง ๆ นะเรา” ธีระพูดหยอกล้อนิสาอย่างทีเล่นทีจริง
“อยู่แล้ว” นิสาเชิดหน้าขึ้นพร้อมกอดอก ยักคิ้วยอมรับอย่างมั่นใจ สร้างรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูประดับบนใบหน้าสวยของเนนิลได้ไม่ยากกับความทะเล้นน่ารักของเพื่อนสาวตัวเล็ก
ขณะเดียวกันพนักงานชายก็นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สีอำพันเข้ามาเสิร์ฟ
“ขอบคุณจ้ะ” นิวารินเอ่ยขอบคุณพนักงานชายพลางรับน้ำสีอำพันจากมือพนักงานชายด้วยรอยยิ้มใจดี แล้วยกเครื่องดื่มในมือขึ้นจิบพอให้ได้รสชาติ ซึ่งรสชาติอร่อย มีทั้งรสเปรี้ยวรสหวานเหมือนน้ำผลไม้
“เป็นไงบ้างนิลงานที่บริษัท” ธีระเอ่ยถามหลังจากยกแก้วเหล้าราคาแพงขึ้นดื่ม
“ก็เรื่อย ๆ ค่ะ”
“ที่ว่าเรื่อย ๆ นี่เยอะเหมือนเดิม?” นิสาเลิกคิ้วขึ้นอย่างคาดเดาได้ ซึ่งเนนิลก็ใช้ความเงียบเป็นคำตอบ
ริมฝีปากจิ้มลิ้มถูกคลี่ออกบาง ๆ อย่างเบาอารมณ์
“แกเป็นถึงลูกสาวเจ้าของบริษัท ไม่เห็นต้องทำงานหนักทุกวันเลย หาเวลาออกไปเที่ยวเล่นบ้างอะไรบ้างก็ได้” ถ้าวันนี้เธอไม่ยื่นคำขาดว่าจะโกรธ หากเพื่อนสาวจอม
บ้างานไม่ออกมาดื่มด้วยกัน ก็คงไม่ได้มานั่งตรงนี้ด้วยกัน
“ฉันก็ออกมานี่ไง”
“ถ้าฉันไม่ขู่แก แกคงออกมาหรอกย่ะ!” นิสาเหลือบตามองบนอย่างระอา เนนิลก็ได้แต่อมยิ้ม โดยไม่โต้เถียงกับเพื่อนสาวกลับไป
ความจริงที่เธอทำงานทุกวันแทบไม่มีวันหยุด เนื่องจากงานโฆษณา ที่เธอทำร่วมกับทีมรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ต้องใช้ไอเดียความคิดซะส่วนใหญ่ ยิ่งเธอเป็นถึงรองประธานบริษัทควบหัวหน้าทีม เธอยิ่งต้องทำงานให้มากกว่าลูกน้อง
#เวลาต่อมา
“โอ๊ย!เหนื่อย” เสียงโอดโอยของคนที่เพิ่งออกไปเต้นหน้าเวทีอย่างนิสาดังขึ้น ขณะทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้พร้อมกับเนนิลที่ก็เหนื่อยเช่นกัน แต่ไม่ได้แสดงความเหนื่อยล้าออกมาผ่านเสียง หรือสีหน้าชัดเจน
“ไม่เหนื่อยได้ไงเราสองคนออกไปแดนซ์กันเป็นชั่วโมง” ธีระอาสาเฝ้าโต๊ะ นั่งดื่มซิว ๆ รอสองสาว เหมือนกับว่าพี่ชายมาส่งน้องสาวเที่ยว
“ก็เพลงมันสนุกนี่น่า~” นิสายกน้ำเปล่าขึ้นดื่มอีกแก้วด้วยความกระหาย ธีระไม่ตอบอะไรเพียงคลี่ยิ้มเอ็นดูรุ่นน้องสาว ก่อนที่เสียงหวานของเนนิลจะดังขึ้นเอ่ยชวน…
“จะเที่ยงคืนแล้วนิลว่าเรากลับกันเลยดีไหมคะ”
“โอเค ๆ ตอนนี้ฉันเองก็ทั้งเหนื่อยทั้งเมาแล้วเหมือนกัน”
“นิลขับรถไหวเปล่า ถ้าไม่ไหวจอดรถไว้ที่นี่ก่อน พี่จะไปส่ง”
“ขับไหวค่ะ” ตั้งแต่มาถึงเธอดื่มไปแค่สามแก้วเท่านั้น ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ไม่แรงมาก จึงรู้สึกแค่กรึ่ม ๆ แต่ไม่ถึงกับเมามายจนขาดสติ
ธีระพยักหน้ารับอย่างเชื่อในคำตอบของน้องรหัส หลังจากนั้นทั้งสามก็ออกจากผับ แล้วแยกย้ายกันกลับที่พักของตัวเอง
…
บนท้องถนนแถวชานเมืองเวลานี้แทบไม่มีรถวิ่งผ่าน เห็นจะมีแต่รถสปอร์ตหรูสีขาวของลูกสาวเจ้าพ่อ
มาเฟีย และ รถคันด้านหน้าที่วิ่งอยู่หนึ่งคัน
ตึก~
ตึก~
นิ้วเรียวเคาะบนพวงมาลัยรถตามจังหวะดนตรีเพลงที่เปิดฟังระหว่างขับรถซิว ๆ แต่ระหว่างนั้น…
“อะไรกัน” รถคันด้านหลังไม่รู้เป็นอะไร สาดไฟสูงสะท้อนกับกระจกมองข้างอยู่อย่างนั้น จนเธอยกมือขึ้นบังแสงพลางหรี่ตามองทางด้วยความแสบตา ทำให้เธอต้องผ่อนความเร็วลง เพื่อความปลอดภัย ทว่าลางสังหรณ์บางอย่างกลับผุดขึ้นมา ส่งผลให้หัวใจเต้นรัวอัตโนมัติ เธอจึงต้องเหยียบคันเร่งเพื่อทิ้งระยะห่าง
แต่หัวคิ้วกลับต้องชนกันเป็นปม เมื่อรถด้านหลังสองคันเร่งความเร็วขับตามขึ้นมาเรื่อย ๆ จนใกล้จะแซงอยู่แล้ว
บรืนนนนนน!!
เท้าเล็กบนรองเท้าส้นสูงเหยียบคันเร่งในจังหวะที่รถสีดำทั้งสองคันแซงขึ้นมาประกบด้านข้าง ทำให้เธอแน่ใจว่าคนในรถทั้งสองคันไม่ประสงค์ดี
“ใจเย็น ๆ นะนิล” นิวารินเตือนสติตัวเอง ข่มกลั้นความกลัวไว้แล้วตั้งสติ เป็นครั้งแรกที่เธอถูกไล่ล่าจากบุคคลปริศนาตามลำพังแบบนี้ แต่กระนั้นเธอต้องไม่
จิตตก
นิ้วเรียวกดปุ่มฉุกเฉินตรงคอนโซลหน้ารถที่ผู้เป็นพ่อติดตั้งไว้ใช้ในยามจำเป็น ซึ่งจะส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือโดยทันที แต่ระหว่างนี้เธอต้องเอาตัวรอด
จากสถานการณ์น่าหวั่นใจนี้ไปให้ได้
ปัง!
“อึก!” เนนิลสะดุ้งตกใจ เมื่อเสียงปืนดังขึ้น โชคดีที่รถของเธอกันกระสุน ยอมรับเลยว่ากลัวมากที่สุดในชีวิต จนหายใจแทบไม่ทั่วท้อง แต่เธอยังมีสติ ประคองรถขับหนีต่อได้อย่างมั่นคง
“!0!” ทว่ากลับต้องเบิกตากว้าง เมื่อรถของคนร้ายขับขึ้นมาประกบทั้งสองฝั่งอีกครั้ง พร้อมทั้งเปิดกระจกหน้าต่างรถ จ่อปลายกระบอกปืนมาที่ใบหน้าของเธอ ไม่รอช้าที่เธอจะเหยียบคันเร่งหนี
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเธอไม่ทันได้มองสัญญาณไฟจราจรที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ซึ่งรถของเธอขับมาด้วยความเร็วสูง กระชั้นชิดจนเธอเหยียบเบรกไม่ทัน…
โคล้ม!
รถของเธอพุ่งชนเข้ากับรถยนต์สีขาวที่ขับมาจากด้านขวาฝั่งสัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวอย่างจัง
ทำให้รถคันดังกล่าวเสียหลักพลิกคว่ำทันควัน เธอเหยียบเบรกกะทันหัน จนรถเกือบเสียหลัก แต่ดีที่ล้อรถหยุดเสียก่อน ส่งผลให้หน้าผากกระแทกเข้ากับพวงมาลัยรถอย่างแรง
“อ๊ะ!” เจ้าของใบหน้าเรียวสวยส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บปวด ขณะที่เลือดสีสดไหลออกจากบาดแผลบริเวณหน้าผากลงมาตามกรอบหน้าเรียว
เกือบนาทีเธอถึงเงยหน้าขึ้นอย่างมึนงงไปหมด แต่เมื่อสายตาเพ่งเล็งเห็นภาพน่ากลัวตรงหน้าทำเอาตาสว่าง ใบหน้าผู้หญิงในรถคันนั้นอาบไปด้วยเลือด แม้ระยะไม่ได้ใกล้ขนาดนั้น แต่ยังสามารถเห็นทุกอย่างได้ด้วยตาเนื้อ
เธอทั้งช็อกทั้งกลัวสุดขีด ส่งผลให้ร่างกายแข็งทื่ออัตโนมัติ ชาวาบไปทั่วทั้งร่าง น้ำตาพลันอาบแก้มเป็น
สายธารด้วยความรู้สึกผิด แต่วินาทีต่อมาภาพก็ตัด
ไม่รู้สึกตัวอีกเลยหลังจากนั้น
“…”
“มึงจะรีบอะไรขนาดนั้นวะ” องศารีบก้าวเท้าตามภูตะวันเข้ามาในลิฟต์ตัวใหญ่ ภายในลิฟต์เต็มไปด้วยพลังความแค้นที่แผ่กระจายออกมาจากร่างไอ้เพื่อนรัก จนสามารถสัมผัสได้ “ก็รีบออกไปให้พ้นจากคนพวกนั้นไง!” “เวลามึงอยู่ต่อหน้าศัตรู มึงควรเก็บอารมณ์ให้ดีกว่านี้หน่อย เพื่อผลประโยชน์ของตัวมึงเอง ขืนยังแข็งกระด้างเหมือนเมื่อกี้ล่ะก จากที่จะได้หลักฐานมัดตัวคุณเนนิล มึงถูกพ่อเขาจับได้ซะก่อน” ภูตะวันชำเลืองมองเพื่อนสนิทแล้วกลับไปมองตรงอย่างคิดตาม “คุณเทวินกลับมาแล้วอย่างนี้ มึงจะเข้าไปหาหลักฐานที่ผับNiceคงไม่ง่ายเหมือนเดิมแล้วว่ะ ยิ่งถ้ารู้ว่ามึงกับคุณเนนิลอยู่ใกล้ชิดกันเกินกว่าลูกค้ากับนายจ้างแล้วล่ะก็ มีหวังมึงโดนหมายหัวเป็นคนแรกแน่” “รู้ก็ดี กูก็อยากรู้เหมือนกัน มันจะทำอะไรกู” “มึงจะบ้าระห่ำไปถึงไหนวะ กลัวตายหน่อยก็ได้ไอ้สัส!” “ก็แค่ตาย แต่ก่อนกูจะตาย กูจะทำให้มันเจ็บปวดเหมือนตายทั้งเป็น” “หมายความว่าไงวะ” องศาหม่นคิ้วเข้าหากัน ดูเหมือนว่าไอ้เพื่อนบ้าดีเดือดมีแผนการบางอย่างที่เขายังไม่รู้ ขณะเดียวกันเมื่อลิฟต์ถึงชั้นเป้าหมาย ประตูก็เลื่อนเปิดออก หน้าลิฟต์ชั้น B โรงจอดรถ มีชายชุดดำร่างใหญ
A.D กรุป แกรก นิวารินนั่งอยู่หัวโต๊ะประชุม ขณะที่เธอกำลังจัดเรียงเอกสารเข้าแฟ้ม ประตูห้องประชุมถูกผลักเข้ามา ดึงสายตาเธอให้ปรายตาไปมองที่เลขาสาวแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับไปสนใจกระดาษเอสี่ในมือต่อ เลขาสาวร่างเพรียวโค้งศีรษะทำความเคารพเจ้านาย แล้วกล่าวรายงาน “คุณองศากับคุณภูตะวันมาถึงแล้วค่ะ” นิวารินที่ได้ยินชื่อภูตะวัน เธอนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับเลขาสาว “จ๊ะ” ก๊อก ก๊อก ก๊อก เลขาสาวเดินออกไปได้ไม่นานเสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ประตูจะถูกผลักเข้ามา นิวารินรู้ว่าเป็นลูกค้า เธอจึงลุกขึ้น จัดระเบียบความเรียบร้อยชุดสูทสีเทากางเกงขายาวที่สวมใส่อยู่บนตัวชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาหล่อเหลาเจ้าของห้างชื่อดังอยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินอย่างดูดีเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายที่เธอคุ้นหน้าค่าตากันเป็นอย่างดี เขาอยู่ในชุดสูทสีดำ “สวัสดีครับคุณเนนิล” “สวัสดีค่ะคุณองศา คุณภูตะวัน” เจ้าของใบหน้าเรียวสวยละสายตาออกจากผู้ชายที่จ้องจะหาเรื่องเธอทุกครั้งที่เจอกัน หันไปส่งยิ้มให้ชายหนุ่มเจ้าของห้างชื่อดังพร้อมกับกล่าวทักทาย แต่สำหรับอีกคนเธอกล่าวทักทายอย่างไม่เต็มเสียงนัก “เชิญนั่งค่ะ” “ครับ” อง
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งแต่งกายด้วยชุดสูทสีดำ ใบหน้าหล่อเหลายังดูดีแม้อายุจะเข้าเลขสี่แล้วก็ตาม ยืนตรงระเบียงชั้นสองของผับ สายตาทอดมองลงไปชั้นล่างระหว่างรอลูกน้อง ซึ่งแขกที่มาเที่ยวต่างกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างเมามันตามจังหวะเพลง คิวลูกน้องคนสนิทของเจ้าของผับอย่างเทวิน หนึ่งในสมาชิกทั้งห้าของแก๊งมาเฟีย เขาได้รับมอบหมายจากผู้เป็นนายให้ล่วงหน้ามาดูความเรียบร้อยก่อน จึงทราบเรื่องเพื่อนผู้ชายที่คุณหนูให้สิทธิ์เข้าออกในพื้นที่หวงห้าม ซึ่งค่อนข้างน่าสงสัย ปกติคุณหนูไม่เคยพาเพื่อนผู้ชายคนไหนเข้ามา นอกเสียจากลูก ๆ ของแก๊งมาเฟีย ที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ“พี่คิวครับ” ชายหนุ่มร่างใหญ่เดินเข้ามาทำความเคารพลูกพี่ “ไอ้เพื่อนของคุณหนูที่ว่า มาที่นี่บ่อยแค่ไหน”“ถ้าให้นับ ครั้งนี้ครั้งที่สามมั้งครับ แต่ท่าทางของคุณหนูกับผู้ชายคนนั้นดูไม่ค่อยสนิทสนมกันเหมือนเพื่อนเลยครับ”“ไม่เหมือนเพื่อนแล้วเหมือนอะไร” ชายหนุ่มหม่นคิ้วเข้าหากันแน่น หันหลังกลับไปจ้องเอาคำตอบจากลูกน้อง ลูกน้องคนดังกล่าวทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะตอบออกไป “เหมือนเป็นศัตรูกันมากกว่าเพื่อนครับ” “มึงคิดงั้น?” “ครับ” “ไหนมึงลองเล่าราย
“อื้อ!” หญิงสาวส่งเสียงอื้ออึง เมื่อชายหนุ่มล้วงมือเข้ามาใต้ชุดเดรสสีดำสายเดี่ยว นิ้วแกร่งแหวกแพตตี้สีดำไปด้านข้าง แล้วใช้นิ้วโป้งกดไปที่ปุ่มเสียวบดขยี้อย่างมันมือ จนทั้งร่างสั่นสะท้านด้วยความรู้สึกดีอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ขณะที่ริมฝีปากหยักได้รูปตะโบมจูบจนริมฝีปากของเธอชาหนึบ จ๊วบ! คนด้านบนถอนจูบออกแทนที่เธอจะได้กอบโกยอากาศเข้าปอดอย่างเต็มที่ กลับต้องเม้มปากแน่น เพื่อกลั้นเสียง เมื่อรูกลางร่องถูกนิ้วแกร่งสอดใส่เข้ามา แล้วชักเข้าชักออกจนเกิดเสียงลามก “ฉันก็อยากรู้เหมือนกันเธอจะกลั้นเสียงได้นานแค่ไหน” ภายในช่องแคบตุบตอดรัดนิ้วถี่ขนาดนี้ แต่เธอยังปิดปากเงียบไม่ส่งเสียง ซึบ! ภูตะวันเหยียดยิ้มมุมปากพลางถอดนิ้วออกจากรูสาว ส่งผลให้น้ำรักสีใสไหลยืดติดตามนิ้วแกร่งออกมาเป็นสาย ก่อนจะหยดแมะลงบนโซฟา แต่ภูตะวันกลับอ้าปาก แล้วดูดนิ้วที่ฉ่ำไปด้วยน้ำรักราวกับเป็นน้ำหวาน โดยไม่ละสายตาไปจากเจ้าของใบหน้าเรียวสวยได้รูปที่กำลังนอนหอบหายใจถี่แรง “หวานดีหนิ” นิวารินหลุบตามองต่ำไม่อยากมองสบตากับคนด้านบน ขณะที่หัวใจกระหน่ำเต้นเร็วแรง จนแทบทะลุออกมานอกอก กลัวว่าจะมีใครเปิดประตูเข้ามาเห็น ภูตะวันกัดฟัน