เมื่อวาน (วันศุกร์) เวลา 19.00 น
ณ ร้านคาเฟ่เล็กๆ ย่านราม 2
(วันก่อนที่วาววาจะตื่นมาแล้วพบชายนิรนามนอนอยู่ข้างกายเธอ)
แกร้ก!
ประตูคาเฟ่เล็กๆ บรรยากาศอบอุ่นแห่งนี้ถูกเปิดออก วาววาย่างก้าวเข้าไปด้านใน
บรรยากาศภายในเงียบสงัดไร้ผู้คน แสงไฟวอร์มไลท์ค่อนข้างมืดสลัวสาดส่องลงมาที่โต๊ะและเก้าอี้รอต้อนรับลูกค้าไม่เกิน 5 ที่นั่ง
ในขณะที่วาววากำลังกวาดสายตามองไปรอบๆ ร้าน ทันใดนั้น เสียงฟ้าผ่าจากด้านนอกก็ดังสนั่น ก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้า แสงสว่างจ้า วาบผ่านหน้างต่างใสเพียงบานเดียวที่ร้านมี วาววาสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ
“อ๊ายยย!!!”
ซู่...
ไม่ทันไร เม็ดฝนก็เทกระหน่ำลงมาจากท้องฟ้าราวกับพายุเข้า
“อ้าวแม่หนู...” เจ้าของร้านร่างท้วม ยิ้มแย้มแจ่มใส ท่าทางใจดีเดินออกมาจากหลังร้านเมื่อได้ยินเสียงร้องตกใจของวาววา “ท่าทางฝนจะตกหนัก นั่งหลบในร้านป้าก่อนได้นะ”
“ข..ขอบคุณค่ะ” วาววายิ้มตอบก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะที่ใกล้เธอที่สุด
“เมนูอยู่บนโต๊ะ ต้องการอะไรก็บอกป้าได้เลยจ้ะ”
กระเป๋าใบหรูที่วาววาถืออยู่ถูกวางลงบนเก้าอี้ข้างที่นั่งของเธอ ก่อนที่เธอจะละสายตามามองแผ่นเมนูใบเล็กบนโต๊ะ ตัวเลือกไม่เยอะมาก เธอจึงตัดสินใจได้เร็ว
“ขอเป็นลาเต้เย็นกับขนมปังสังขยาชาไทยแล้วกันค่ะ”
“ได้จ้ะ แป๊บนึงนะลูก”
“ค่ะ”
กรื่อออ
ทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือนจากมือถือของวาววาดังขึ้น เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูและเห็นว่า ‘มิเกล’ ลูกสาวทายาทร้านเพชร เพื่อนรักของเธอเป็นคนติดต่อมา เธอกดรับสายพร้อมกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส
ติ้ด!
“ฮัลโหลเกล ฉันกำลังจะส่งโลเคชั่นให้แกเลย พอดีเพิ่งเข้ามานั่งรอในร้านคาเฟ่ นั่งปุ้บ ฝนตกปั้บ”
“ได้แก ฉันเพิ่งเสร็จงาน ส่งโลมาเดี๋ยวฉันขับรถไปหา”
“โอเค แค่นี้แหละ แล้วเจอกัน”
หลังจากวางสาย วาววารีบกดส่งโลเคชั่นที่เธออยู่ให้กับมิเกลโดยทันที
วันนี้เธอและเพื่อนรักนัดเจอในรอบเกือบสามเดือน ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา เติบโตมาด้วยกัน เรียกได้ว่าสนิทกันจนเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
กรื่อออ
หลังจากวาววาส่งโลเคชั่นให้เพื่อนรักของเธอเพียงไม่กี่วินาทีต่อมา สายเรียกเข้ามือถือวาววาก็ดังขึ้นอีกครั้ง เธอมองไปที่หน้าจอมือถือและเห็นว่ามิเกลเป็นคนโทรมา
“โทรมาเนี่ย ถึงแล้วใช่ไหม?” น้ำเสียงขี้เล่นของเธอเอ่ยถาม
“แกกกกกกกกก!!!”
แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับมาคือ เสียงร้องดังจากปลายสาย เสียงของมิเกลที่ฟังดูกระวนกระวายใจจนวาววารู้สึกสงสัย
“อะไร! แก้วหูฉันจะแตก!” วาววาบ่น
“แกกกก มันผิด!!”
“อะไรผิด?”
“โลเคชั่น! แกอยู่ไหนตอนนี้?” เสียงปลายสายเอ่ยถามด้วยเสียงกระวนกระวายใจ
“เมื่อคืนแกส่งข้อความมาหาฉันว่าวันนี้แกจะมาดูงานที่รามสอง ฉันก็อยู่รามสองไง” วาววาตอบด้วยความงุนงง
“ฉันบอกแกว่าพระรามสองนะ ไม่ใช่รามสอง!”
“หา!”
“แป๊บนึงฉันเช็คก่อน” มิเกลหยุดสนทนากับวาววาเพียงชั่วขณะก่อนจะกลับมาที่สายสนทนาใหม่อีกครั้งในไม่กี่วินาที “วา ฉันผิดเอง ฉันส่งข้อความบอกแกว่ารามสองจริงๆด้วย”
“เอ่อ...จ้ะเพื่อนรัก “
“ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว แกจะให้ฉันขับรถไปหาหรือเราจะเปลี่ยนที่เจอไหม?” มิเกลเสนอวิธีแก้ปัญหาอย่างรู้สึกผิด
“กว่าแกจะขับรถมานี่ ฉันว่าฉันคงต้องนอนรอที่ร้านนี้แล้วล่ะ วันศุกร์นะแกรถติดมาก เอางี้...แกไปเช็คตารางงานของแกแล้วเดี๋ยวเราอัพเดทนัดเจอกันอีกที” วาววากล่าว
“เอางั้นเหรอ...แต่ฉันขับรถไปหาแกได้นะ”
“พรุ่งนี้แกต้องเดินทางไปงานแต่งที่ภูเก็ตไม่ใช่เหรอ ฉันว่าแกกลับไปพักแล้วเตรียมตัวเผื่อพรุ่งนี้ดีกว่า”
“โอเคแก ขอโทษทีฉันคงเบลอเลยส่งข้อความหาแกผิดที่ อดเจอกันเลย” มิเกลน้ำเสียงเศร้า
“ไม่เป็นไรหรอก เอางั้นวันหลังนัดกันใหม่ กลับบ้านดีๆไอ่เกล บาย...”
ติ๊ด!
หลังจากกดวางสายจากเพื่อนรัก มือเล็กก็หยิบไอแพดคู่ใจในกระเป๋าออกมา สายตาเปล่งประกายแวววาวด้วยความภาคภูมิใจขณะจ้องมองภาพปกนิยายแวมไพร์ของตนเองผ่านหน้าจอ แต่ไม่ทันไรแสงไฟจากหน้าจอก็ดับมืดลงเป็นสัญญานบ่งบอกว่าแบตเตอรี่ได้หมดจนไม่เหลือสักเปอร์เซ็นต์เดียว
“ม่ายยย!”
จวบจังหวะกับคุณป้าร่างท้วมเจ้าของร้านก็นำเมนูที่วาววาได้สั่งไปมาเสิร์ฟให้เธอพอดี เสียงบ่นของเธอทำให้คุณป้าเจ้าของร้านประหลาดใจ
“มีอะไรหรือเปล่าหนู?”
“อ..อ่อ ไม่มีอะไรค่ะ พอดีแบตหมด”
“ที่เสียบชาร์จใต้โต๊ะเลยลูก ตามสบายไม่ต้องเกรงใจป้า”
“...ขอบคุณมากนะคะ” ถึงแม้จะลังเลใจอยู่บ้าง แต่ได้ชาร์จแบตพอให้ไอแพดติดเพื่อนั่งเขียนนิยายต่อนิดหน่อยในช่วงเวลารอฝนด้านนอกซาก็คงจะดี
แท้จริงแล้ว ‘วาววา’ ไม่ใช่หญิงสาวธรรมดา เธอคือลูกสาวคนสุดท้องของตระกูลเจ้าของศูนย์การค้า Zenith Mall สุดหรู ที่ติดอันดับต้นๆของประเทศ
เธอถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบุคคลไฮโซ แต่ทว่าชีวิตของเธอตั้งแต่เด็กนั้นถูกกำหนดไว้แล้ว วาววา ถูกคาดหวัง ให้เติบโตขึ้นมาเพื่อ สืบทอดธุรกิจของครอบครัว เธอไม่สามารถเลือกอะไรตามใจตัวเองได้มากนัก
เพราะเหตุนี้ ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา เธอได้พบหนทางที่ทำให้เธอหนีออกจากโลกความจริงได้ชั่วคราว โลกความจริงที่น่าเบื่อหน่ายและเป็นความคาดหวังของสังคม
การเขียนนิยายกลายเป็นโลกส่วนตัวของวาววา เธอสามารถสร้างเรื่องราวที่เธอต้องการได้ตามใจชอบ
สายตาของวาววาจดจ่ออ่านเนื้อเรื่องในนิยายล่าสุดของเธอบนไอแพด
นิยายของเธอเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘เชนทร์’ แวมไพร์หนุ่มผู้เบื่อหน่ายกับชีวิตที่เป็นอมตะ จนวันหนึ่งชีวิตเขาต้องพลิกผันเมื่อเขาได้เจอกับ ‘อันนา’ สาวบรรณารักษ์ผู้อ่อนหวานและอ่อนโยน เปลี่ยนหัวใจอันแข็งกร้าวของแวมไพร์หนุ่มกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
แต่ทว่า...ความรักของพวกเขากลับต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย รวมถึงตัวอิจฉาอย่างน้องสาวของอันนาที่ชื่อ ‘วาววา’ ก็เข้ามาสั่นคลอน
“หรือฉันจะเปลี่ยนชื่อตัวอิจฉาดีนะ...?” วาววาพึมพำนึกคิดกับตัวเอง ลังเลที่เลือกชื่อตัวเองเป็นตัวอิจฉาในนิยาย “ช่างเถอะ...ไม่ว่าจะชื่อตัวละคร ชื่อนิยาย ชื่อตอน กว่าจะคิดได้คงหลายชั่วโมง เอาไว้นึกสนุกลงเว็บให้คนอ่านแล้วค่อยหาชื่อใหม่ก็แล้วกัน”
สายฝนที่เทกระหน่ำลงมา เริ่มคลี่คลาย เสียงฟ้าร้องค่อยๆ แผ่วเบาลง
วาววาจ้องมองไปที่รูปภาพปกนิยายของเธอบนจอไอแพดอีกครั้ง ภาพวาดแวมไพร์บนปกนิยายนั้นดูสมจริงราวกับมีชีวิต ดวงตาสีแดงก่ำของแวมไพร์จ้องมองมาอย่างคมกริบ ยังมีรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า แฝงไว้ด้วยความน่ากลัว เขี้ยวแหลมคมของเขาเปล่งประกาย
เปรี้ยง!!!
จู่ๆ เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้า วาววาสะดุ้งเพราะความตกใจ
แสงสว่างจ้าวาบผ่านหน้าต่างใบเล็กของร้าน มิหนำซ้ำไฟในร้านคาเฟ่เล็กๆ แห่งนี้ดับมืดสนิทในพริบตา
“ไฟดับจนได้ สงสัยพายุเข้าแน่ๆ ” เจ้าของร้านบ่นเล็กน้อย “เดี๋ยวป้าหาไฟฉายให้นะลูก”
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะป้า” วาววาตอบก่อนจะละสายตากลับมามองที่ไอแพดของเธออีกครั้ง ตอนนี้หน้าจอดับมืดสนิท ไม่แสดงให้เห็นแม้แต่เปอร์เซ็นต์ของแบตเตอรี่ “ตอนนี้ฝนก็ซาลงแล้ว หนูว่า...หนูกลับบ้านดีกว่า”
วาววารีบขับรถกลับคอนโดหรูใจกลางเมืองของเธอด้วยความร้อนใจที่ไอแพดดับมืดลง นิยายที่เธอบรรจงเขียนทั้งหมดอยู่ในนั้น หากอุปกรณ์เครื่องนี้เป็นอะไรไป เธอคงเสียใจและเสียดายกับโลกสมมุติที่เธอสร้างขึ้นนี้เป็นแน่
ปัง!
ประตูคอนโดมิเนียมถูกเปิดออกอย่างร้อนรน เป้าหมายแรกของวาววามุ่งตรงไปชาร์จแบตเตอรี่ให้ไอแพดคู่ใจอย่างเร่งรีบ ก่อนจะก้าวเข้าห้องอาบน้ำ ปล่อยให้สายน้ำชะล้างความเหนื่อยล้า
เมื่อร่างกายกลับมาสดชื่นอีกครั้ง เธอก็หวนกลับมานั่งเฝ้ามองไอแพดที่และเปิดมันด้วยใจจดใจจ่อ
“นั่นแหละ! ไม่นะ!! ทำไมนิยายของฉันเป็นแบบนี้ไปได้!!”
อยู่ๆตัวหนังสือในนิยายที่เธอบรรจงพิมพ์เรื่องราวกลับกลายเป็นภาษาแปลกๆที่เธอไม่เข้าใจไปเกือบหมด
“อะไรกันเนี่ย! แล้วรูปแวมไพร์ฉันหายไปไหน หายไปไหน...หายไปปไหนนนน!?”
หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความกังวลและความโกรธปะปนกันมั่วไปหมดที่หาผลงานของเธอไม่เจอ
“หรือเครื่องจะเสียตอนไฟดับที่ร้านคาเฟ่นะ?” เธอพึมพำคิดหาเหตุผลความเป็นไปได้ “ฉันยังมีรูปภาพปกในอีเมลล์นี่...ใช่แล้ว!”
ไม่รอช้า วาววารีบค้นหาอีเมลล์นักวาดที่เธอว่าจ้างให้วาดภาพปกนิยายทันที แต่จนแล้วจนรอด หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
“เป็นไปไม่ได้...อะไรเนี่ย! ทำไมไม่มีล่ะ...ข้อความที่คุยก็ไม่เจอ อีเมลล์ก็ไม่เจอ เกิดอะไรขึ้น! แวมไพร์ฉันหายไปไหน!?”
ปลายนิ้วเรียวเลื่อนหาข้อมูลบนหน้าจอไอแพดอย่างร้อนใจ ตัวอักษรที่เธอบรรจงพิมพ์ ณ ตอนนี้กลับกลายเป็นตัวหนังสือที่ผสมกันปนเปอ่านไม่รู้ความ และมิหนำซ้ำภาพหน้าปกแวมไพร์ตัวเอกของเรื่องก็ดันหายไปจากเครื่อง
แม้กระทั่งอีเมลล์จากนักวาดที่ส่งงานให้เธอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้เธอแค่รู้สึกว่าโลกสมมุติที่เธอสร้างกำลังพังทลายหายไปต่อหน้า
คฤหาสน์หลังงามมูลค่าร้อยล้านหลังนี้ดูราวกับหลุดมาจากเทพนิยาย เชนทร์ก้าวออกมาจากประตูบ้านกว้าง สัมภาระของเขาถูกคนขับรถนำไปเก็บไว้บนรถที่จอดรออยู่ด้านนอก พร้อมสำหรับการเดินทางในวันนี้ในจังหวะเดียวกัน เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ เขาหันไปมอง เห็นอันนาเดินเข้ามาพอดี เธอยิ้มทักทายเล็กน้อย“สวัสดีค่ะคุณเชนทร์”“สวัสดีครับ”อันนาเฝ้ามองคนขับรถที่กำลังวุ่นวายอยู่กับสัมภาระของเชนทร์ อยู่ที่ท้ายรถ“คุณเชนทร์กำลังจะออกไปข้างนอกเหรอคะ?”“ครับ”“ขนของไปเยอะแบบนี้ สงสัยไปค่อนข้างนานเลยใช่ไหมคะ?” อันนาถามด้วยความสุภาพ“น่าจะประมาณสองสามอาทิตย์ครับ”ความรู้สึกเสียดายฉายชัดในแววตาของเธอ เมื่อนึกถึงวันที่ไม่ได้เจอเขาบ่อยเหมือนเคย“อ่อ คุณเชนทร์คะ... พอดีฉันทำขนมมาฝากหนูใบบัว" อันนากล่าวพร้อมยื่นถุงขนมมาใ
วาววาในฐานะผู้บริหารการตลาดกำลังเตรียมตัวสำหรับการประชุมสำคัญที่กำลังจะมาถึง แต่ในใจกลับว้าวุ่นไม่หาย เหตุการณ์ในวันที่เธอได้พบกับหญิงสาวคนนั้นที่มีลักษณะภายนอกตรงกับอันนาในนิยายที่เธอเขียนทุกประการยังคงวนเวียนอยู่ในหัวแม้ว่าเธอจะเป็นผู้บริหารที่แข็งแกร่ง แต่ความรู้สึกกังวลที่เกิดขึ้นในใจตอนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกอ่อนแอแสงแดดยามสายสาดส่องลงบนใบหน้าคมสันของเชนทร์ ขณะที่เขานั่งอยู่ในสวน ในมือถือถ้วยกาแฟไว้ ดวงตาคู่สีน้ำตาลอ่อนธรรมชาติมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีคราม ก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบช้าๆเสียงฝีเท้าเบาๆดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าบ้าน เขาหันไปมองด้วยความสงสัยเล็กน้อย หญิงสาวร่างโปร่งสวมเดรสเรียบง่ายก้าวเข้ามา สายตาของทั้งคู่ปะทะกันเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เธอจะก้มศีรษะลงเล็กน้อย ยิ้มอย่างสุภาพเพื่อกล่าวทักทายเชนทร์ยิ้มตอบกลับคุณครูอันนา ความรู้สึกคุ้นเคยมันคืบคลานเข้ามาในใจ ทำให้เขาต้องหยุดคิดทบทวนตัวเอง หรือจะเป็นเพราะในอดีตที่เขาหมกมุ่นอยู่กับการตามหาอันนาที่มีเชื้อสายลูกครึ่งและเป็นบรรณารักษ์เป็น
วันพักร้อนที่วาววาวางแผนไว้ว่าจะใช้เวลาพักผ่อนอย่างสบายๆ กลับต้องเริ่มต้นด้วยการวิ่งรอกเข้าออฟฟิศเพื่อจัดการงานด่วนด่วนที่เข้ามาแม้ว่าเธอจะอยากจะขี้เกียจอยู่บนเตียงนุ่มๆ แต่ความรับผิดชอบก็ผลักดันให้เธอต้องลุกขึ้นมาทำงานจนเสร็จสิ้น ก่อนจะขับรถตามโลเคชั่นที่เชนทร์ส่งให้เธอมา“ฉันมาถึงแล้วนะ”ทันทีที่วาววาจอดรถถึงจุดหมายก็กดโทรศัพท์หาเชนทร์เพื่อแจ้งให้เขาทราบ ไม่นานนัก ประตูรั้วก็ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกอัตโนมัติ เผยให้เห็นสวนสวยที่ร่มรื่นและน้ำพุกลางวงเวียนที่พ่นละอองน้ำระยิบระยับ สวนดอกไม้หลากสีสันเบ่งบานสะพรั่งต้อนรับเธอเข้าสู่บ้านหลังใหญ่รถที่ขับโดยวาววาจอดนิ่งสนิท เธอค่อยๆ ก้าวลงจากรถและเงยหน้ามองขึ้นไปยังตัวบ้าน ร่างสูงสง่าของเชนทร์เดินลงมาจากบันไดอย่างช้าๆ ด้านข้างมีแม่บ้านหนึ่งคนในชุดกระโปรงสีฟ้ายืนคอยต้อนรับวาววาเงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่นี้ที่เคยปรากฏในจินตนาการของเธอผ่านนิยายที่เธอเขียน ความหรูหราอลังการของทุกตารางนิ้วทำให้เธออ้าปากค้างไปเลยทีเดียว
ยามค่ำคืนแสนสงบ แสงดาวระยิบระยับแข่งกันบนผืนฟ้าสีดำสนิท มีเพียงเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งเป็นจังหวะทำให้ค่ำคืนนี้ดูอบอุ่นใบหน้าหล่อเหลาสไตล์ตะวันตกยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ฉลองวันเกิดโดยผู้หญิงคนที่เขารักคนนี้เป็นคนจัดการและดูแลทุกอย่างจนทำให้ในค่ำคืนนี้ดูสมบูรณ์แบบที่สุดดินเนอร์ริมทะเลเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติก วาววายิ้มร่า ขณะเดินเข้าที่พักไปหยิบเค้ก แต่ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกถึงฝ่ามืออบอุ่นโอบรอบเอวเบาๆ เมื่อหันไปสบตาเชนทร์ หัวใจก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ ผมมีความสุขที่สุดเลย” เขาโน้มตัวลงหอมแก้มเธอพร้อมกับกระซิบขอบคุณเบาๆที่ข้างหู“ฉันดีใจนะที่คุณชอบ” วาววาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส “ปะ...ไปกินเค้กกัน ร้านนี้อร่อยนะฉันชิมแล้ว”“อร่อยจริงเหรอ?” เขาถามในขณะที่ยังไม่คลายกอดจากเธอ “ขอลองชิมหน่อยสิ”วาววาหยิบช้อนเล็กขึ้นมาเตรียมจะตักเค้กให้เขา แต่ก็ถูกร่างสูงจู่โจมกอดเธอจากด
“ผมถึงแล้วนะ”เชนทร์ก้าวลงจากรถคันหรูที่เพิ่งมาส่งเขา ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นรีสอร์ท เขาก็รีบโทรบอกวาววา สายตามองไปยังตัวอาคารที่เงียบสงบ ด้านในยังคงมืดมิดราวกับไม่มีใครอยู่คนขับรถของเขานำกระเป๋าใบเล็กวางให้เขาที่หน้าประตูทางเข้ารีสอร์ทนี้ ก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนจะขับรถออกไป ทิ้งให้เชนทร์ยืนอยู่คนเดียวในความมืด“เดินเข้าไปรอด้านในได้เลย อีกไม่นานฉันก็จะถึงแล้วเหมือนกัน” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าสวยของวาววาขณะที่โกหกเขาไปอย่างหน้าตาเฉย เพราะแท้จริงแล้วเธอแอบอยู่ด้านใน แทบจะอดใจไม่ไหวที่จะเห็นสีหน้าของเขาเมื่อพบกับเซอร์ไพรส์ที่เตรียมไว้เชนทร์ผลักประตูเข้าไปในห้องที่มืดสนิท ทันใดนั้น เสียงเพลง Happy Birthday ก็ดังขึ้นจากความมืด
หลังจากทุ่มเททำงานหนักมาตลอดช่วงที่พ่อแม่ของผู้บริหารสาวไฟแรงอย่างวาววาไปทริปต่างประเทศ ในที่สุดวันนี้ท่านเจ้าของศูนย์การค้าก็กลับมาทำงานเสียทีวาววาลาพักร้อน และแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ตื่นสายๆ นอนขดตัวอยู่บนเตียง แล้วลืมเรื่องงานไปสักพัก..สายลมทะเลพัดโชยมาปะทะใบหน้าของวาววา ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที อันที่จริงเธอวางแผนพักร้อนเพราะรู้ว่าใกล้จะถึงวันสำคัญอย่างวันเกิดของเชนทร์เลยอยากที่จะเซอร์ไพรส์เขาหลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดวาววาก็เลือกที่พักริมทะเลแห่งนี้ ด้วยคำแนะนำของมิเกลเพื่อนรักวาววาและมิเกลยืนคุยกันอย่างสนุกสนานริมชายหาด พลางยืนมองเหล่าพนักงานที่กำลังเตรียมงานอย่างขะมักเขม้นด้วยความตื่นเต้น และเธอหวังว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์แบบ“เตรียมขนาดนี้ฉันนึกว่าแกจะขอคุณราเชนทร์แต่งงาน” มิเกลแซวหยอก“วันเกิดก็พอค่ะเพื่อน!” วาววาหัวเราะเบาๆ “ยังไงก็ขอบใจแกนะ ที่พักสวยมากเลย แถมยังลดราคาให้เหลือครึ่งเดียวอีก