Share

บทที่ 12.Next Chapter: You & Me

last update Last Updated: 2025-07-13 10:32:41

ผ่านไปสองอาทิตย์หลังจากคืนวันศุกร์ที่คลับ 669

ฉันนึกว่าทุกอย่างจะจบลงแค่คืนนั้น  เรื่องมันควรจะเป็นแบบนั้นแหละ แต่ชีวิตมันชอบเล่นตลกแบบไม่ปรึกษากันล่วงหน้า

และเช้าวันนี้ ที่บริษัทอินไซท์ ไฟแนนซ์ (บริษัทบัญชีเล็ก ๆ ที่ฉันทำงานอยู่)

เสียงแป้นพิมพ์ดังแข่งกับโทรศัพท์โต๊ะข้าง ๆ เหมือนทุกวัน

ฉันเพิ่งจะจิบกาแฟได้คำเดียว รองผู้จัดการก็โผล่มาจากทางเดิน

“ลินลี่! พอจะออกไปข้างนอกบ่ายนี้ได้ไหม? มีงานด่วนเข้ามา”

ฉันหันชวับ “ได้ค่ะ ไปที่ไหนคะ?”

เขาโยนแฟ้มสีเทามาให้ ก่อนพูดแบบขอไปที

“สำนักงานใหญ่ของกลุ่มนี้แหละ แต่ให้ที่อยู่มาแล้ว บอกให้เราเข้าไปเก็บเอกสารบัญชีเก่าที่ฝ่ายการเงินเตรียมไว้”

ฉันเปิดแฟ้ม ไล่ดูเอกสารเร็ว ๆ ก่อนเงยหน้าถาม

“ลูกค้ารายไหนเหรอคะ?”

จริงจังเลยนะ เพราะรายชื่อที่โผล่มาในเอกสารพวกนี้...ไม่คุ้นเอาซะเลย

รองผู้จัดการได้แค่ยักไหล่

“กลุ่มใหญ่ระดับบน ๆ เขาให้เราดูแลบัญชีบริษัทลูกบางตัวที่มีเรื่องกับสรรพากร

เขาบอกแค่ว่า ‘อย่าไปถามว่าใครเซ็น’ เข้าไปเอาเอกสารแล้วก็กลับมา”

“โอเคค่ะ” ฉันพยักหน้ารับโดยไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากว่าจะต้องออกไปทำธุระตามหน้าที่แค่นั้น

ณ ห้องประชุม  ชั้นบนสุดของตึกสำนักงานใหญ่

พายุนั่งนิ่ง เอนตัวพิงพนักเก้าอี้หนังแท้ ราวกับผู้อยู่เหนือเกม

ปลายนิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ ขณะฟังรายงานตัวเลขจากฝ่ายบัญชี

“แล้วบริษัทที่ใช้บัญชีแยกซ่อนรายจ่าย...ชื่ออะไรนะ?”

เขาถามเสียงเรียบ แต่แผ่วพอให้ทั้งห้องสะดุ้ง

“..ไฟแนนเชีย คอร์ป  ค่ะ เป็นบริษัทบัญชีที่เราจ้างมาเคลียร์งบช่วงไตรมาสก่อน”

พายุพยักหน้าเบา ๆ

แต่สายตาคู่นั้นกลับบอกชัดเจนว่า เขาจดจำชื่อบริษัทนั้นไว้แน่นอน

“แล้วบริษัทไหนจะเข้ามารับช่วงต่อแทนไฟแนนเชีย คอร์ป? ครับ”

“บริษัทอินไซท์ ไฟแนนซ์ค่ะ บริษัทบัญชีขนาดเล็กแต่มีศักยภาพสูง”

พายุพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ

สายตาคมกริบไล่เล็งทุกคนในห้องประชุม ราวกับสะกดให้อยู่ภายใต้แรงกดดันก่อนจะเปล่งเสียงเรียบแต่หนักแน่นในความเงียบที่แผ่ซ่าน

“จบประชุม แค่นี้ครับ

(กลับมาที่ฉัน—ลินลี่)

ตอนนี้ฉันยืนตัวแข็งอยู่หน้าประตูกระจกของ PWW Tower ตึกระฟ้ากลางกรุงเทพฯ

สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามกลืนความประหม่าในอก แล้วจัดเสื้อเบลาส์ให้เข้าที่อีกครั้ง

คำพูดของหัวหน้ายังคงวนเวียนในหัวไม่หยุด —

“ต้องเป็นหน้าเป็นตาขององค์กร”

เหมือนประโยคนั้นไม่ได้แค่ดังซ้ำ…แต่ฝังลึกอยู่ใต้ผิวหนัง

..

ทันทีที่ฉันผลักประตูเข้าไป...

โอ้โห ที่นี่หรูหรากว่าที่จินตนาการไว้หลายเท่า

พื้นหินอ่อนมันวับจนสะท้อนเงาฉันได้ชัดเจนราวกับกระจก เสียงส้นรองเท้าคู่เตี้ยกระทบพื้นดังเกินคาดในความเงียบ

แอร์เย็นเฉียบจนขนลุก และที่เลวร้ายกว่านั้น...ฉันยืนอยู่กลางล็อบบี้คนเดียว พร้อมแฟ้มหนาเตอะที่ดูจะไม่เข้ากับบรรยากาศเอาซะเลย

มันต่างจากอินไซท์ฯ ที่ฉันทำงานอยู่อย่างฟ้ากับเหว

นี่มันโลกอีกใบ โลกที่ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะจะก้าวเข้ามาหรือเปล่า

ฉันกลืนน้ำลาย มองซ้ายมองขวาหาเคาน์เตอร์ต้อนรับ พยายามควบคุมเสียงให้ฟังดูปกติที่สุดตอนถาม

“ขอโทษนะคะ...ขอสอบถามทางไปฝ่ายการเงินหน่อยค่ะ?”

พนักงานหลังเคาน์เตอร์เงยหน้าขึ้นแทบจะทันที

“เลี้ยวขวา แล้วซ้ายตามลูกศรเลยค่ะ”

เธอตอบเร็วปรื๋อ ราวกับพูดประโยคนี้มาแล้วเป็นร้อยรอบ

ฉันพยักหน้ารับแบบงง ๆ หันกลับมาอีกทีแทบลืมไปแล้วว่าเธอบอกว่าอะไร

แต่ก็เดินต่อ—ตามลูกศรบนพื้นอย่างคนที่ไม่แน่ใจในทุกย่างก้าว...

จนกระทั่งเลี้ยวมุมโถงไป

กึก!

ฉันชนเข้ากับใครบางคนอย่างจังจนตัวเซถอยหลังหนึ่งก้าว ก่อนจะล้มลงก้นกระแทกพื้นเต็มแรง

แว่นตาที่เสียบไว้หลังหูร่วงกระเด็น เอกสารในมือกระจายเกลื่อนพื้น ราวกับซีนหนังที่ฉันไม่อยากเป็นนางเอก

“ข-ขอโทษค่ะ!” คำพูดหลุดจากปากโดยไม่ทันคิด

มือรีบควานหาแว่น ในขณะที่หัวใจก็เต้นรัวตุบ ๆ—

มันไม่ใช่แค่ตกใจ...

มันคือความรู้สึกแปลก ๆ บอกว่าทุกอย่างหลังจากนี้...จะไม่ง่ายอย่างที่คิด

แต่ก่อนที่ฉันจะเอื้อมไปหยิบแว่น...

เสียงเรียบนุ่มดังขึ้นเหนือหัวฉัน

“แว่นเธอ”

เสียงนั้น—ทุ้ม ละมุน และ...คุ้นเกินไป

คุ้นจนใจสะดุด

คุ้นแบบที่ทำให้หงุดหงิดโดยไม่รู้ว่าเพราะอะไร

ฉันเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ทั้งที่สายตายังพร่ามัว มองอะไรไม่ชัดนัก

เขายื่นแว่นคืนให้ ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้

มืออุ่น ๆ จับเบา ๆ ที่กรอบแว่น ช่วยใส่ให้ฉันอย่างแนบเนียน

ฉันขยับแว่นเข้าที่ พยายามเรียกสติ

แล้วในวินาทีนั้น—โลกตรงหน้าก็กลับมาชัดเจน

เหมือนม่านเวทีถูกดึงออกในฉากสำคัญ

ภาพทุกอย่างทะลักเข้ามา

เหมือนหนังที่เพิ่งเริ่มฉาย...แต่ฉันดันลืมไปว่าเคยดูมาแล้ว

ภาพนั้น—ดวงตาคมกริบที่เคยมองฉันราวกับจะทะลุความคิด

มุมปากที่ยกยิ้ม...ยิ้มแบบที่ไม่เคยรู้เลยว่ากำลังทำลายใครอยู่

แรงกระแทกที่ไม่ได้ปะทะแค่บ่าหรือหัวใจ...แต่มันสะเทือนลึกลงไปข้างใน

และในจังหวะที่สติกำลังจะคืนมา

เสียงนั้น...ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“บอกผมสิ...ผมคือคนแรกของคุณใช่ไหม ลินลี่”

ฉันสะบัดความทรงจำออกจากหัว

ดึงตัวเองกลับสู่ล็อบบี้หรูหราและเอกสารที่กระจัดกระจายเกลื่อนพื้น

มือรีบเก็บเอกสารอย่างลนลานและไม่มั่นใจ

หัวใจถูกบีบแน่นจนแทบหายใจไม่ออก...ใช่ ฉันจำเขาได้

ชัดเจนเกินกว่าจะหลอกตัวเองว่าไม่ใช่

และเหมือนโชคชะตาจงใจซ้ำเติม

เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้าง…ใกล้เกินกว่าจะเมินได้

“คุณพายุครับ สายด่วนจากเจ้าสัว ชานน โทรมาครับ”

ชื่อนั้น— พายุ— กระแทกเข้ามาเต็มแรง

พายุ: “คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”

เสียงนั้นทุ้ม แน่นหนัก และเปี่ยมไปด้วยอำนาจ ตัดผ่านความเงียบได้อย่างชัดเจน

ฉันเงยหน้าขึ้นตามเสียงอย่างอัตโนมัติ  มองตามหลังของผู้ชายในสูทสีน้ำเงินพร้อมบอดี้การ์ดที่ยืนขนาบ หลังที่ตั้งตรง สมบูรณ์แบบ แต่เหมือนซ่อนบางอย่างไว้ลึก ๆ อย่างแนบเนียน..

แม้ใจจะวูบวาบ แต่ฉันก็พยายามควบคุมตัวเองไห้นิ่งเฉย ค่อย ๆ นั่งลงรอเอกสาร ก้มหน้าลงราวกับไม่มีอะไรอยู่ในใจ

แต่ในอก...มันร้อน ระอุ ราวกับอะไรบางอย่างกำลังจะระเบิด

กลัวเหลือเกินว่าเขาจะหันกลับมา...

แล้วจำอะไรบางอย่างได้

เพราะ "ฉัน" เวอร์ชันทำงานในวันนี้ กับ "ลินลี่" เวอร์ชันลุยหาผู้ชายในวันนั้น มันต่างกันสุดขั้ว

จริงอยู่เขาหันกลับมาเป็นพัก ๆ  แต่แววตานั้นว่างเปล่า

เหมือนกำลังมองผ่านใครบางคน...ที่ “คล้าย ๆ” คนที่เขาเคยรู้จัก

(พายุ)

เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน…

ดูเกร็ง ๆ แต่ไม่เฟก

(ลินลี่)

เวลาเขาทำงานก็ดูเป็นมืออาชีพดีนี่…มีสองเวอร์ชั่นเหรอ

..

ขณะที่สมองฉันล่องลอยกลับไปไกล…

ถึงคืนนั้น — คลับ 669 — ไฟวาบจ้า เบสกระแทกหัวใจ ฟลอร์เต้นรำร้อนระอุ

...แล้วก็ตัดภาพมาที่เตียงในห้องสวีท ที่ฉันไม่เคยแม้แต่จะคิดฝันว่าจะได้เข้าไปเหยียบ

ฉันหลับตาแน่น

เสี้ยวภาพเดียว...ก็เหมือนกดรีเพลย์ทุกอย่างให้ย้อนกลับมาทั้งหมด แต่ละมุน...จนน่ากลัว

“คุณลินลี่ค่ะ?”

“คุณลินลี่?”

เสียงเรียกทำให้ฉันสะดุ้ง หลุดออกจากภวังค์ทันที

ฉันรีบลุกไปดึงแฟ้มกลับมากอดแน่น พลางเอ่ย

“ขอบคุณ ค่ะ”

แต่รู้สึกเหมือนหัวใจสะดุดจังหวะไปหนึ่งจังหวะ

ฉันกลั้นลมหายใจ ตั้งสติ แล้ว หมุนกายก้าวออกจากตึกกระจกอย่างเร็ว

ทิ้งความคิดฟุ้งซ่านไว้ชั่วคราว...

ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี—ที่เจอเขา

แต่มัน  ดีแบบไม่ทันตั้งตัว

และนั่นแหละ…น่ากลัวที่สุด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่13.Keep It Professional (แต่อย่ามองตาแบบนั้น)

    เช้านี้ฉันตื่นเร็ว กว่าปกตินิดหน่อยไม่ใช่เพราะเสียงนาฬิกาปลุกแต่เพราะหัวใจที่เริ่มกระเพื่อมตั้งแต่ก่อนลืมตา เหมือนมันรู้...ว่ามีอะไรบางอย่างรออยู่ข้างหน้าฉันยังไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเรื่องเมื่อวานหรือเพราะ “ภารกิจวันนี้” ที่ทำให้ความรู้สึกในอกมันตุ่ม ๆ ต่อม ๆ จนไม่เป็นตัวเองทั้งที่ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่ตรงขอบบางอย่าง และต้องเลือกจะก้าวออกไป...หรือถอยกลับมาฉันใช้เวลายืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าพักใหญ่ เสื้อเบลาส์สีเรียบ กระโปรงทรงเอ รองเท้าคู่เดิมที่เดินคล่องไม่ใช่เพราะอยากดูดีหรอก—แค่ไม่อยากสะดุดอะไรอีกครั้ง เมื่อวานมันก็หนักพอแล้ว… และที่สำคัญ มันน่าอายเกินกว่าจะย้ำซ้ำอีกวันนี้ ผู้จัดการของบริษัท นัดฉันไว้ตั้งแต่เมื่อวานเย็น ตอนที่ฉันยังนั่งนิ่ง ๆ กับความคิดวนเวียนซ้ำ ภาพบางภาพที่พยายามผลักไสออกไปแต่เหมือนมีแรงบางอย่างดึงกลับมาให้ใกล้กว่าที่คิด เหมือนสนามแม่เหล็กที่ฉันหนีไม่พ้น(และก็คงไม่ต้องเดา ว่าภาพนั้นคือใคร... “ผู้ชายคนนั้น” นั่นแหละ)และใช่—นัดหมายนี้แหละที่ดึงฉันกลับมา ฉันยังมี “หน้าที่” ให้รับผิดชอบ ยังมี “บทบาท” ที่สวมได้แนบเนียน และแค่

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่ 12.Next Chapter: You & Me

    ผ่านไปสองอาทิตย์หลังจากคืนวันศุกร์ที่คลับ 669ฉันนึกว่าทุกอย่างจะจบลงแค่คืนนั้น เรื่องมันควรจะเป็นแบบนั้นแหละ แต่ชีวิตมันชอบเล่นตลกแบบไม่ปรึกษากันล่วงหน้าและเช้าวันนี้ ที่บริษัทอินไซท์ ไฟแนนซ์ (บริษัทบัญชีเล็ก ๆ ที่ฉันทำงานอยู่) เสียงแป้นพิมพ์ดังแข่งกับโทรศัพท์โต๊ะข้าง ๆ เหมือนทุกวัน ฉันเพิ่งจะจิบกาแฟได้คำเดียว รองผู้จัดการก็โผล่มาจากทางเดิน“ลินลี่! พอจะออกไปข้างนอกบ่ายนี้ได้ไหม? มีงานด่วนเข้ามา”ฉันหันชวับ “ได้ค่ะ ไปที่ไหนคะ?”เขาโยนแฟ้มสีเทามาให้ ก่อนพูดแบบขอไปที “สำนักงานใหญ่ของกลุ่มนี้แหละ แต่ให้ที่อยู่มาแล้ว บอกให้เราเข้าไปเก็บเอกสารบัญชีเก่าที่ฝ่ายการเงินเตรียมไว้”ฉันเปิดแฟ้ม ไล่ดูเอกสารเร็ว ๆ ก่อนเงยหน้าถาม “ลูกค้ารายไหนเหรอคะ?” จริงจังเลยนะ เพราะรายชื่อที่โผล่มาในเอกสารพวกนี้...ไม่คุ้นเอาซะเลยรองผู้จัดการได้แค่ยักไหล่ “กลุ่มใหญ่ระดับบน ๆ เขาให้เราดูแลบัญชีบริษัทลูกบางตัวที่มีเรื่องกับสรรพากร เขาบอกแค่ว่า ‘อย่าไปถามว่าใครเซ็น’ เข้าไปเอาเอกสารแล้วก็กลับมา”“โอเคค่ะ” ฉันพยักหน้ารับโดยไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากว่าจะต้องออกไปทำธุระตามหน้าที่แค่นั้น⟡ณ ห้องประชุม ชั้นบนสุด

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่11.เกมล่าของนักล่า(พายุ)

    (พายุ: คืนนี้ไม่มีใครได้ใจไปง่าย ๆ)บนรูฟท็อปสุดชิคของชานน วิวัฒน์ แสงนีออนกระพริบสลับกับควันบุหรี่ในอากาศ แก้ววิสกี้ในมือสะท้อนแสงวิบวับ ผมยกแก้วขึ้นแตะริมฝีปากเบา ๆ คลี่ยิ้มจางๆ ยิ้มของคนที่รู้ว่า คืนนี้ทั้งเกมอยู่ในมือผมหลายคนอาจมองว่ามันคือเกม เพื่อเข้าใกล้ใครสักคน แต่สำหรับผม นี่ไม่ใช่เกม มันคือบททดสอบ กระดานหมากรุกที่ผมนั่งดูอยู่จากมุมสูงผมไม่ได้รอให้ใคร “ชนะใจ” ผมรอแค่คนที่ “ใช่” คนที่เดินผ่านไฟ ความลวง และแรงปรารถนา โดยไม่รู้เลยว่า...ตัวเองกำลังถูกจับตาอยู่ทุกฝีก้าว“คุณพายุคะ… ผู้หญิงที่โต๊ะมุมบาร์ ฝากเครื่องดื่มมาให้ค่ะ”เสียงบาร์เทนเดอร์สาวเอ่ยขึ้น ฝ่าเสียงเพลงเบา ๆ ผมเหลือบตามองไปตามปลายแก้วในมุมเงามืดนั้น แสงนีออนสีส้มสะท้อนกับเงาของเธอพอดี ผมดำขลับเคลียบ่า เดรสกำมะหยี่สีเลือดนกเน้นสัดส่วนชัดเจน ริมฝีปากแดงสดยกยิ้ม...แบบที่คนรู้เกมทุกตาเท่านั้นจะยิ้มได้ผมมองเธอด้วยแววตารู้ทัน จ้องลึกลงไปในแววตาและท่าทางที่เหมือนจะรู้ทุกอย่าง ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ก้าวออกไปอย่างนักล่าที่กำลังเริ่มไล่ล่าผู้คนรอบตัวเบี่ยงหลบให้โดยอัตโนมัติ แรงดึงดูดของผมรุนแรงไม่แพ้ว

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่10.Rulebreaker (หัวใจไม่ฟังใคร)

    (ลินลี่: วันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา)เริ่มต้นสัปดาห์ ด้วยความวุ่นวายที่เคยชินฉันก้าวลงจากรถเมล์หน้าตึกออฟฟิศ ก่อนเข้างานสิบห้านาทีพอดี รอบตัวเต็มไปด้วยผู้คนที่ดูเหมือนกำลังวิ่งแข่งกับเวลาแต่ไม่มีใครรู้จริง ๆ ว่าเส้นชัยอยู่ตรงไหน เมืองยังเคลื่อนไหวไม่หยุด เหมือนกลไกที่ถูกตั้งเวลาเอาไว้ ไม่มีปุ่มพักแต่ในขณะที่ทุกอย่างเร่งไปข้างหน้า ใจฉันกลับหยุดอยู่กับบางสิ่ง"ความรู้สึกจากคืนนั้น"…ถามว่าฉันได้ประสบการณ์มั้ย? — มาก สนุกมั้ย? — ใช่ แต่...มันมีบางคำที่ยังติดอยู่ในหัว…..ติดใจขึ้นมาละสิ?..ก็ไม่รู้สินะ หรือคงต้องไห้ทุกคนลองเดาดู ;)..“สวัสดี ลินลี่” เสียงพี่อุษาหัวหน้าฉัน พลางชูแก้วกาแฟไว้ระดับอก ราวกับเพิ่งนึกได้ว่าเราสบตากันพอดีก้อง เพื่อนร่วมงานสายอารมณ์ดี ยกยิ้มมุมปาก ด้วยรอยยิ้มแบบเดิมที่ อบอุ่นและปลอดภัยเสมอ “วันนี้ดูสดใสนะ ลินลี่”ฉันยิ้มตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิดมาก ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ประจำ โต๊ะเดิม มุมเดิม ที่เต็มไปด้วยเอกสาร ใต้แว่นหนาฉันกวาดตามองรอบออฟฟิศ เสียงพิมพ์คีย์บอร์ดเริ่มดังขึ้นเป็นจังหวะ กลิ่นกาแฟจาง ๆ ลอยมาปะปนกับแสงฟลูออเรสเซนต์ที่สะท้อนจากจอคอมฯ ที่นี่คือโ

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่9.สายลับนางฟ้า: แผนสืบรัก "พายุ"

    สองวันผ่านไป... สายวันอาทิตย์ แสงแดดอุ่น ลอดผ่านผ้าม่านบางทาบพื้นห้อง บรรยากาศมันควรจะ ชิลล์ เหมือนเช้าวันหยุดทั่วไปใช่ไหม? แต่ไม่เลย... วันนี้ฉันไม่มีเวลามานอนตากแดดสวย ๆ จิบกาแฟเอ็นจอยกับวันหยุดเพราะตอนนี้ ฉันกำลังนั่งจิกหัวตัวเองอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ มือขยี้แชมพูใส่หัวแบบเอาเป็นเอาตาย ฟองฟูเต็มศีรษะ แชมพูเปลี่ยนสีผมไหลย้อยลงมาตามกรอบหน้า ตาแดง ๆ เพราะแสบ หรือเพราะสำนึกก็ไม่แน่ใจภารกิจหลักวันนี้คือ "กู้ลุคกลับมาจากความใจกล้าสุดฤทธิ์เมื่อสองวันก่อน" ให้ดูเนียนพอที่พ่อกับแม่จะไม่ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “ลูก...ไปทำอะไรมา?”ทันใด เสียงกริ๊งหน้าห้องดังขึ้นเป๊ะเหมือนนาฬิกาจับเวลาติ๊ง ต๊อง !“เดี๋ยววว! มาแล้ว ๆๆ!” ฉันวิ่งพรวดทั้งที่หัวฟองยังฟูฟ่อง เปิดประตูให้แยมกับแพรวเพื่อนสาวสายแซ่บ สองนางยืนจ้องฉันตาโตแบบไม่ได้ตั้งตัวแยมเบิกตากว้าง เหมือนเห็นฉันเอาหัวไปจุ่มถังสี “แก...ทำไรกับหัววะ ลี่?”ฉันถอนหายใจยาว หน้าตาเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมา “พรุ่งนี้พ่อแม่จะมา…แกคิดว่าถ้าฉันยังหัวบลอนด์อยู่จะรอดไหมอะ?”“ ต้องรีเซ็ตลุคก่อนโดนสอบสวนยับนะ!”แพรวหัวเราะคิกๆ มือยกมือถือขึ้นตั้

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่8.พายุ

    ใช่แล้วค่ะ... ฉันเปลี่ยนหน้าจอคอมจากงบการเงินที่ตัวเลขยังขัดแย้งกันไปหมด ไม่ใช่เพราะสมการไม่สมดุล แต่เพราะสมองฉันมัน ‘ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว’มันมัวแต่ย้อนไปเมื่อคืน ภาพในหัววนซ้ำเหมือนวิดีโอที่กดรีเพลย์ ...เสียงหัวเราะต่ำ ๆ นั่น ...แววตาเจ้าเล่ห์แบบที่ทำให้ฉันอยากหันหน้าหนีแต่ขากลับไม่ยอมก้าว ...และ ‘สัมผัส’ ที่มันดันจุดอะไรบางอย่างในตัวฉันขึ้นมาโดยไม่ขออนุญาตฉันถอนหายใจ แต่ดวงตาฉันกำลังจ้อง Google เหมือนเป็นช่องทางสืบราชการลับ ฉันแปลงนิ้วตัวเองให้เป็นสายสืบพิเศษทันที มือก็ค่อย ๆ พิมพ์ลงในช่องค้นหา... “พายุ”ชื่อเดียวที่ฉันมี ชื่อเดียว ที่มันดังก้องในหัวตลอดเช้านี้...แล้วฉันก็นั่งค้างอยู่ตรงนั้น นิ้วชะงักกลางแป้นพิมพ์ สายตาจ้องจอเหมือนคนโดนสาปเพราะฉันไม่รู้จะต่อยังไงต่อ ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ไม่รู้ว่ากำลังจะเจออะไร...หรือว่าอยากเจออะไรมีแค่เสียงในหัวที่ดังก้องอยู่เงียบ ๆ "นี่ฉัน...กำลังจะเริ่มอะไร ที่มันควรเริ่มหรือเปล่านะ?"…แต่ในอีกมุมหนึ่งของเมือง— ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทน้ำเงินเข้ม ยืนนิ่งอยู่กลางเวทีแสงไฟสาดสว่าง แสงแฟลชจากกล้องรอบตัวกะพริบรัวราวกับสายฟ้าในพายุ แ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status