LOGIN"ถ้าป่วยก็รีบหาย อย่าเพิ่งตายละมีลูกให้ฉันก่อนแล้วค่อยตาย!!" "เมื่อการแต่งงานที่ไร้รัก กลายเป็นจุดเริ่มต้นของไฟเสน่หาที่ลุกลามจนยากจะดับ..." ‘วารีรินทร์’ ถูกคลุมถุงชนแต่งงานกับเจ้าของธนาคารผู้เย็นชา ‘ราชันย์ อัครเวทิน’ ผู้ชายที่ไม่เคยต้องการเธอ แต่เมื่อเธอก้าวเข้ามาในชีวิตเขาอย่างเต็มตัว รอยยิ้มเล็กๆ กลับทำให้ใจที่แข็งดั่งหินค่อยๆ สั่นไหว ความผูกพันที่เริ่มต้นจากความจำยอม กลับกลายเป็นความหลงใหลชนิดถอนตัวไม่ขึ้น แต่เมื่อความรักเพิ่งเบ่งบาน ความลับ ความแค้น และศัตรูในเงามืดก็พร้อมจะพรากทุกอย่างไปจากพวกเขา...
View Moreบทที่1 เมียจำเป็นNC
ในห้องหอหรู กลิ่นน้ำหอมราคาแพงลอยคลุ้ง เคล้าไปกับความตึงเครียดระหว่างเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยสักครั้ง เสียงประตูห้องนอนปิดลงด้วยแรงกระแทก "ถอดซะ จะให้ฉันทำให้หรือจะถอดเอง?" เสียงทุ้มต่ำของราชันย์แทงทะลุจิตใจเธอราวกับคมมีด เขาเดินเข้ามาช้าๆ ถอดสูทพาดเก้าอี้อย่างไม่แยแส เผยร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พอดีตัว เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยคำถาม แต่ไร้เสียงจะเอ่ย “รินไม่ใช่ของเล่นของพี่คิงส์น่ะ” วารีรินทร์พูดเบาๆ เขาหัวเราะในลำคอ "แน่ใจเหรอว่าเธอเองไม่อยากลอง" เพียงไม่กี่ก้าว ร่างเธอก็ถูกผลักลงเตียงอย่างไร้ความปราณี เขาคร่อมร่างเธอไว้ กลิ่นกายชายผสมควันบุหรี่จางๆ แผ่ซ่านจนเธอใจเต้นระส่ำ นิ้วเรียวยาวของเขารั้งสายชุดเจ้าสาวลงอย่างไม่ใยดี เสียงผ้าฉีกแว่วเบาๆ “ไม่!!!...อย่าถอด” เธอลุกขึ้นวิ่งไปรอบห้องนอนหรูแล้วหันมามองหน้าคนร่างสูงที่ออกคำสั่งกับเธอ มือสองข้างก็คอยจับชุดที่เขาถอดฉีกไม่สำเร็จไว้เพื่อไม่ให้มันหลุดออกจากร่างของเธอ “ฉันจะทำหน้าที่ ‘ผัว’ ให้สมบูรณ์... อย่างน้อยก็ในคืนนี้” เขาเดินเข้ามาใกล้และริมฝีปากร้อนจัดของเขาประกบลงบนซอกคอเธออย่างร้อนแรง ลิ้นสากลากผ่านผิวเนียนเหมือนลงโทษ เธอพยายามผลักเขาออก แต่มือแข็งแรงของเขาก็รั้งข้อมือทั้งสองข้างไว้แน่น "ถ้าเธอไม่อยากให้มันทรมานมาก ก็อย่าขัดขืน" “ถอดซะฉันพูดกับเธอกี่ครั้งแล้ว จะเอาไงหรือจะให้ฉันช่วยถอด" เธอเดินหนีอีกครั้ง ทำเอาเขาเบื่อหน่ายและไม่อยากพูดอีก เสียงเย็นจัดเอ่ยขึ้นจากด้านหลังทำเอารินแข็งค้าง เธอหันกลับไปสบตากับเขา ใบหน้าคมคายของคิงส์ไร้แววเมตตา ใบหน้าของเขาเหมือนรูปปั้นหินอ่อนหล่อร้ายแต่เย็นชาจนน่ากลัว “รินไม่ถอด!!!” เธอกลั้นใจพูด แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มเย็นชาที่เหมือนเหยียบหัวใจเธอเล่น “น่ารำคาญแต่คืนนี้ ต้องเอาให้จบ ไม่ใช่เพราะอยากได้ แต่เพราะมันเป็นข้อตกลง อย่าลืมนะเธอต้องมีลูกให้ฉัน” พูดจบ ร่างบางก็ถูกผลักลงเตียงโดยไม่ทันตั้งตัว “อย่าขัดขืน” เขากระชากเธอเข้ามา มือหยาบลากซิปชุดเจ้าสาวลงช้าๆ อีกครั้ง เสียงผ้าเลื่อนผ่านผิวขาวนวลเหมือนจะกลืนกินจิตใจเธอทั้งเป็น คิงส์ปลดเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกช้าๆ ร่างแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นแนบเข้ามาใกล้ ริมฝีปากร้อนจัดบดจูบลงบนลำคอขาวอีกครั้ง ไล่ต่ำลงมาจนถึงเนินอก ลิ้นของเขาเลียวนเป็นวงราวกับกำลังลงโทษเธอ “อื้อ... พี่คิงส์... อย่า...!” รินพยายามผลักอกเขา แต่มือของเขารั้งข้อมือเธอไว้แล้วกดลงกับเตียง “อย่าดื้อ ริน ฉันไม่มีอารมณ์จะเล่นสงครามกับเธอคืนนี้... แค่ทำหน้าที่ผัวให้จบ” “พี่คิงส์... ริน... ยังไม่พร้อม...” เสียงเธอสั่น เธอพยายามถอยโดยสัญชาตญาณ “นี่คือหน้าที่ของผัวเมีย... หรือเธอคิดจะเบี้ยว?” เขาแนบตัว กดเสียงต่ำ รินพยายามจะหนี แต่มือแข็งแรงของเขาคว้าข้อมือเธอไว้แน่น “พี่คิงส์... รินไม่เคย…ขอร้องละค่ะหยุดเถอะ” เสียงนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เพียงคำเดียว มันหยุดการเคลื่อนไหวของชายหนุ่ม เขาชะงัก มองเข้าไปในดวงตาสั่นระริกของเธอ แล้วนิ่งไปอึดใจ “โกหก! อย่ามาหลอก...ฉันไม่ได้โง่” “รินพูดจริง... พี่คิงส์... รินไม่เคยให้ใครแตะต้องเลย รินกลัว...” คำพูดนั้น ทำให้เขาชะงักอยู่นาน… แววตาแข็งกระด้างของราชันย์สั่นไหวแวบหนึ่ง …แต่มันก็แค่แวบเดียว “งั้นก็ดี ฉันจะได้เป็นคนแรก... แล้วก็จะจำไว้จนตาย ว่าเธอเป็นของใคร” ก่อนที่รินจะพูดอะไรอีก เขาก็ผลักร่างเธอลงบนเตียงเบาๆ แล้วกอดแน่นพอให้เธอหยุดดิ้น เขาค่อยๆ ไล้ริมฝีปากลงมาที่ลำคอ บ่าขาว และต่ำลงเรื่อยๆ จนเธอขนลุกไปทั้งตัว มือของเขาร้อนจัด ลากผ่านหน้าท้องแบนราบของเธอ ขณะชุดหลุดจากไหล่ทีละข้าง... “อย่าเกร็ง ริน… ยิ่งเกร็ง มันจะเจ็บมากกว่าเดิม” เสียงของคิงส์กระซิบติดริมฝีปากขณะลูบผิวเธอเบาๆ ดั่งจะปลอบใจ แต่น้ำเสียงนั้นกลับเย็นชาไม่ต่างจากคนที่แค่ต้องทำ “หน้าที่ผัว” เสียงกรีดร้องในลำคอหลุดออกมาในจังหวะที่เขาเข้ามาในตัวเธอจนสุด ปึก! ปึก! ปึก! เสียงฉีกขาดทำเขารับรู้ได้โดยตรง “อ๊ะ… อึก… พี่คิงส์… เจ็บ… พอ… พอเถอะ…” หยดน้ำตาไหลออกจากหางตา เธอกัดปากแน่น มือจิกผ้าปูเตียงสีขาว เขาขยับร่างอย่างเชื่องช้า ท่ามกลางเสียงครางเบา ๆ ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นปนหอบหายใจ “ไม่คิดว่าเธอจะ...จริง…” เขาเอ่ยเบา ๆ ระหว่างที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ในตัวเธอ ความแน่น ความตอด ความอุ่นที่ห่อหุ้มแก่นกายของเขาไว้แน่นเกินจะทน “พอแล้ว...ฮึกฮือออ” “ริน... หุบปากแล้วอยู่เฉยๆ อ๊าา” เขาคำรามเบา ๆ ก่อนจะกดจูบริมฝีปากเธอแรง ๆ ปิดเสียงสะอื้นนั้นลงในลมหายใจร้อน หลังจากทุกอย่างจบลง คิงส์ลุกขึ้นจากเตียง ดึงผ้าห่มคลุมตัวเธอไว้ “เธอบริสุทธิ์จริงๆ … ให้ตาย…” เขาพึมพำกับตัวเอง ขณะเดินไปที่ปลายเตียง หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด สูบทั้งที่ตัวเปลือย เธอหันหลังให้เขา ซุกหน้าเข้าหมอน ร่างกายยังเจ็บร้าวไปหมด ใจเต้นแรงไม่หยุด น้ำตายังไม่หยุดไหล เธอเสียใจ... เสียงบุหรี่ถูกดับลงในถาดโลหะข้างเตียง ขี้เถ้าแผ่ซ่านออกพร้อมกับกลิ่นควันบางเบาในอากาศ ราชันย์ลุกขึ้นยืน สะบัดมือแรงๆ ราวกับจะปัดความรู้สึกผิดบัดซบออกจากตัว เขาไม่พูดอะไรกับรินแม้แต่คำเดียว ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าบางชุดจากตู้ แล้วโยนมาทางเธอแบบไม่แยแส “ใส่นี่ซะ... แล้วไปนอนที่โซฟา” คำพูดเย็นเฉียบเหมือนถูกตบหน้าแรงๆ รินที่ยังเจ็บร้าวทั้งตัวและใจถึงกับชะงัก เธอไม่กล้าสบตาเขา ได้แต่นิ่งไปอยู่สักพัก ก่อนจะค่อยๆ ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัว แล้วใช้ความพยายามทั้งหมดพลิกตัวนั่ง แต่แค่ขยับ...ขาเรียวก็สั่น ร่างกายเธอเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง “อึ่ก...” เสียงสะอื้นหลุดออกจากริมฝีปากอย่างห้ามไม่อยู่ น้ำตาไหลลงเปียกผมเธอ เธอพยายามแต่งตัวทั้งที่ร่างกายยังสั่นระริก เสื้อผ้าที่เขาโยนมาเป็นแค่เสื้อตัวหลวมกับกางเกงขาสั้นสไตล์ลำลอง เธอฝืนสวมมันทั้งน้ำตา มือสั่นแทบปิดกระดุมไม่ได้ เมื่อแต่งตัวเสร็จ เธอก็พยายามจะเดินไปยังโซฟาข้างเตียงที่อยู่ไม่ไกล แต่ร่างกายที่ยังเจ็บลึกข้างใน กลับทำให้เธอต้องค่อย ๆ ก้าว กะเผลกทีละข้าง เสียงฝ่าเท้าของเธอกระทบพื้นเบา ๆ แต่ชัดเจนในความเงียบของห้อง “พี่คิงส์...รินเดินไม่ไหว” เธอพูดเสียงแผ่ว น้ำเสียงเหมือนเด็กที่กำลังขอร้องให้ใครสักคนเมตตา “หัดรู้จักเจียมตัวเองบ้าง ริน! อย่ามาแอ๊บอ่อนแอให้ฉันเห็นมากไปกว่านี้!” เสียงตะคอกนั้นดังจนรินสะดุ้ง เขาหันขวับมามองเธอด้วยแววตาแข็งกระด้าง ไม่มีแม้แต่เศษเมตตาในน้ำเสียงของผู้ชายที่เพิ่งพรากความบริสุทธิ์ของเธอไป “ฉันไม่ชินกับการมีใครในห้อง... ไม่ใช่ว่าฉันจะใจอ่อนลงเพราะเธอมานั่งร้องไห้เดินกะเผลกใส่” “ไปนอนไหนก็ไป แต่ไม่ใช่ที่นี่!” น้ำเสียงนั้นเหมือนเขาไม่ได้มองว่าเธอเป็น ‘เมีย’ ด้วยซ้ำ เหมือนเธอเป็นแค่สิ่งของที่เขาจำเป็นต้องรับเข้าบ้าน…และแค่อยากเขี่ยทิ้งให้พ้นสายตา เธอยืนนิ่ง มือจิกขอบเสื้อแน่น น้ำตาไหลพรากโดยไม่ออกเสียงแม้แต่นิด “ไม่ต้องก็ได้... พี่ไม่ต้องไล่ รินไปเอง…” เธอหมุนตัวช้าๆ ฝืนเดินกลับไปทางโซฟา เสียงฝ่าเท้ายังดังสม่ำเสมอแบบไร้เรี่ยวแรง เสียงผิวเนื้อแตะโซฟาดังเบาๆ ขณะเธอล้มตัวนอน คิงส์ยืนมองภาพนั้นอยู่เพียงครู่เดียว ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ ราวกับรำคาญเต็มทน เขาไม่พูดอะไรอีก... แล้วเดินเปิดประตูออกจากห้องไป ทิ้งรินไว้คนเดียวในห้องหอที่ไม่เคยอบอุ่นตั้งแต่แรก “รินไม่เคยคิดว่าการเป็นเมียใครมันจะเหงาได้ขนาดนี้...” เธอนึกในใจ รินยังคงนอนขดตัวบนโซฟา ร่างกายอ่อนแรง เจ็บปวดตั้งแต่สะโพกลงไป ทั้งยังหนาวสะท้านทั้งที่ห้องไม่ได้เปิดแอร์แรงอะไรเลย เช้าต่อมา เธอขยับตัวนิดเดียวก็ต้องกัดฟัน น้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้งจากความรู้สึกปวดร้าวที่ยังไม่จางไปที่เขาทำเหมือนเธอไม่ใช่เมีย “อื้อ…” ริมฝีปากซีดเซียวของเธอครางเบา ๆ ขณะพยายามจะลุกนั่ง แต่ร่างกายกลับอ่อนเปลี้ยเกินไป ขณะที่เธอกำลังจะฝืนตัวเองลุกขึ้น เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นอย่างไม่มีการเคาะ “ริน! จะนอนทั้งวันเลยหรือไง ลงไปกินข้าว” เสียงทุ้มต่ำของเขาดังมาพร้อมร่างสูงในชุดสูทเรียบหรูยืนพิงกรอบประตู มือถือวางแนบหูอีกข้าง เขากำลังคุยสายธุรกิจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดวงตาคมกริบมองเธอเพียงแว้บเดียว แล้วก็หันกลับไปสนใจโทรศัพท์ “ฮึ...อย่ามาสำออย” เขาบ่นเบาๆ อย่างเย้ยหยัน รินพยายามจะขยับตัวอีกครั้ง แต่ร่างกายที่ยังอ่อนแอเหมือนจะต่อต้านเธอทุกทาง ความหนาว ผสมกับอาการปวดรุม ๆ จนเริ่มเวียนหัว “อื้อ... หนาว... เจ็บ...” เสียงเบาแทบไม่ได้ยินหลุดออกจากริมฝีปากสีซีดนั่น คิงส์หันมาเหลือบมองอีกครั้ง เห็นใบหน้าเธอซีดจัด หายใจแรง ร่างกายเหงื่อซึมและแดงระเรื่อเหมือนมีไข้ เขาถอนหายใจอย่างรำคาญ หยิบมือถือออกจากหูแล้วเดินไปหยุดอยู่ปลายโซฟา “รีบหายละกัน ฉันไม่มีเวลามาดูแลใคร” พูดจบ เขาก็หันไปกดโทรศัพท์เรียกแม่บ้าน “เตรียมข้าวต้มกับยาสำหรับคนเป็นไข้มาให้เธอ...” เสียงเรียบ ๆ นั้นไม่มีแม้แต่ความห่วงใยสักนิด เขายืนอยู่ไม่ถึง2 เมตรจากร่างภรรยาที่นอนป่วย แต่กลับมองเธอเหมือน ‘คนแปลกหน้า’ ไม่แม้แต่จะเอื้อมมือแตะหน้าผาก หรือถามว่าเธอเป็นไงบ้าง “อย่าลืมกินข้าว กินยา ถ้าจะตายก็ให้มีลูกให้ฉันก่อนค่อยตายเข้าใจไหม!!” เขาทิ้งประโยคนั้นไว้ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมา เสียงประตูปิดตามหลังเขาดัง แกรก เหมือนฝาโลงที่ปิดลงช้า ๆ น้ำตาของรินไหลเงียบๆ อีกครั้ง เธอพยายามกอดตัวเองแน่นขึ้นเพื่อบรรเทาความหนาวในใจที่ไม่มีเสื้อผ้าตัวไหนช่วยได้ “นี่เหรอ... สามี...” “นี่เหรอ... ความรัก...” ไม่นานนัก แม่บ้านก็เข้ามาพร้อมถาดอาหาร ผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นวางถาดลงข้างโซฟา เธอมองรินอย่างสงสารแต่ไม่กล้าพูดอะไรเกินกว่าหน้าที่ “คุณรินคะ... ทานข้าวสักหน่อยนะคะ แล้วค่อยทานยาค่ะ คุณคิงส์ให้เตรียมไว้ให้” รินพยักหน้าช้า ๆ เธอพยายามดันตัวเองขึ้นนั่งแม้มันจะยากลำบากเหลือเกิน ร่างกายเจ็บแทบทรุดแต่เธอไม่อยากให้ใครต้องดูถูกว่าเธออ่อนแอ แม้กระทั่ง... เขา และเช้าแรกของชีวิตแต่งงานก็ผ่านไปด้วยความเงียบ ความเย็นชา และหยาดน้ำตาที่ไม่เคยมีใครเห็น มันไม่มีคำว่ารักในความสัมพันธ์ครั้งนี้... มีแค่หน้าที่ สัญญา และผู้หญิงคนหนึ่งที่เริ่มสูญเสียศรัทธาในตัวสามีตั้งแต่คืนแรกบทที่14 ฉีกสัญญายามบ่ายภายในห้องทำงานส่วนตัวของราชันย์ อัครเวทิน คฤหาสน์หลังงามเงียบสงบตามแบบฉบับของคนมีอำนาจ แต่ในห้องนี้...หัวใจของเจ้าของบ้านกลับเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย คิงส์นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน มือข้างหนึ่งถือแก้วกาแฟที่เย็นชืดไปนานแล้ว ส่วนอีกมือวางอยู่บนเอกสารแผ่นหนึ่งที่เขาหยิบออกมาจากแฟ้มสีดำที่ซ่อนอยู่ลึกในลิ้นชัก“สัญญาการแต่งงาน”สายตาคมไล่อ่านทีละบรรทัดอีกครั้ง ทั้งที่มันเป็นข้อความที่เขาเคยอ่านผ่านตาไปแล้วนับสิบครั้ง ข้อตกลงระหว่างสองตระกูลการแต่งงาน คลุมถุงชน การอยู่ร่วมกันอย่างน้อยสามปีและเงื่อนไขสำคัญที่สุด"ต้องมีทายาทภายในระยะเวลา 3 ปี หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไข การแต่งงานจะถือเป็นโมฆะ"คิงส์พิงหลังกับพนักเก้าอี้หนังแท้ พลางถอนหายใจยาวลึก ลมหายใจของเขาหนักหน่วงเหมือนมีบางอย่างกดทับกลางอกมาตลอดหลายวันในตอนแรกเขาคิดว่าสัญญาฉบับนี้คือการลงโทษการแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รัก การต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเธอภายใต้เงื่อนไขที่พ่อแม่บังคับ การแบ่งพื้นที่ในชีวิตให้กับใครอีกคนมันน่ารำคาญ และเหมือนโซ่ตรวนที่ผูกเขาไว้แต่ตอนนี้เขากลับพบว่ามันกลายเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้รินอยู่
บทที่13 เคียงข้างncหลายเดือนต่อมาฤดูกาลเปลี่ยนผ่านแต่ไม่ได้ทำให้ชีวิตของ วารีรินทร์ นทีภิรมย์ ชุ่มชื่นขึ้นเท่าไรนัก แม้เวลาจะผ่านไปหลายเดือนจากเหตุการณ์สูญเสียพ่อแม่ แต่หัวใจของเธอยังบอบช้ำเหมือนวันแรก ทว่าความเหนื่อยล้าและความรับผิดชอบที่ถาโถมในแต่ละวันนั้นเธอไม่ได้เผชิญมันเพียงลำพังราชันย์ อัครเวทิน ผู้ชายที่เคยเย็นชา ไม่แยแส ไม่ไยดี กลับกลายเป็นเงาของเธอในทุกย่างก้าว คิงส์ในวันนี้แตกต่างจากวันแรกที่พวกเขาแต่งงานราวฟ้ากับเหวเขายังคงส่ง พี่ภพ และ พี่ต้อม สองมือขวาทหารเก่าฝีมือระดับพระกาฬ ลงพื้นที่เงียบๆ เก็บข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับคดีของพ่อแม่ริน อย่างไม่ให้ใครไหวตัวทัน เอกสาร หลักฐาน สายข่าว ทุกอย่างถูกจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบ ไม่มีร่องรอยใดที่โยงกลับมาถึงเขาคิงส์เฝ้ามองรินจากมุมไกลๆ ในบางวัน แต่ในวันที่เธอเหนื่อยล้า เขาจะเดินไปยืนอยู่ข้างๆ เธอเสมอในยามที่เธอนั่งอยู่ในห้องประชุมสายตาเหม่อลอย เขาจะส่งกาแฟแก้วโปรดไปวางไว้โดยไม่พูดอะไรในยามที่เธอป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาล เขาจะนั่งเฝ้าเธอทั้งคืนโดยไม่บ่นสักคำวันหนึ่ง...“เหนื่อยมั้ย พี่จะพารินไปบ้านพ่อแม่พี่” เขาพูดเสียงเรียบขณะยืนกอ
บทที่12 แตกสลายเสียงส้อมกระทบจานเบาๆ ดังขึ้นเป็นระยะในห้องอาหารที่เงียบสงัด รินนั่งกินข้าวเพียงลำพังอีกครั้งอย่างไร้รสชาติ ในหัวเธอว่างเปล่า ไม่ได้คิดถึงอาหารตรงหน้า ไม่ได้สนใจว่าเขาจะกลับบ้านหรือไม่ หรือแม้แต่จะอยู่หรือหายไปจากโลกนี้เธอก็ไม่สนอีกแล้วความเงียบของเธอในช่วงหลายวันที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะโกรธแต่เพราะเจ็บเกินจะพูดอะไรได้อีกและคิงส์ ก็เงียบเหมือนกันและอยู่แต่ในห้องทำงานไปทำงานวนอยู่แบบนี้แต่ที่เขาเงียบเพราะไม่รู้จะเริ่มขอโทษยังไงดีเสียงโทรศัพท์มือถือของรินดังขึ้นบนโต๊ะ เธอเหลือบตาไปมองเล็กน้อย ก่อนจะเห็นชื่อ “อาหวาน” ปรากฏอยู่บนหน้าจอ (คนสนิทของแม่)รินกดรับสาย พลางยกมือถือแนบหู ขณะยังถือช้อนค้างไว้ในอากาศ“ค่ะอาหวาน?”เสียงปลายสายแทบพูดไม่เป็นคำ“ริน! หนู หนูต้องมาที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยนะลูกพ่อกับแม่หนู…เขาถูกยิง!!”เสียงในสายสั่นเครือราวกับโลกทั้งใบจะพัง“ห๊ะ…อะไรนะคะ!?”ช้อนในมือรินร่วงกระทบจานดัง เพล้ง! มือทั้งสองข้างเริ่มสั่น น้ำเสียงอาหวานยังพร่ำบอกว่าเกิดเหตุร้าย คนร้ายยิงถล่มรถของพ่อแม่เธอระหว่างออกจากไซต์งานที่กำลังก่อสร้างโรงพยาบาลศัลยกรรมขนาดใหญ่ พ่อเธอถูกยิงห
บทที่11 ทะเลาะหลายวันต่อมารินนั่งเหม่ออยู่ที่โซฟาเบดในห้องนอนกว้างขวาง ความเงียบภายในบ้านหรูที่เธออาจจะเคยรู้สึกอบอุ่นบางครั้งเริ่มกลายเป็นความเหงาที่เกาะกินใจช้าๆ คิงส์ยังคงยุ่งอยู่กับงานอย่างที่เคย และเธอก็เหมือนคนที่มีแต่เวลารอรอและรอรินถอนหายใจเบาๆ หยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนดูไทม์ไลน์ และทันใดนั้นเอง เธอก็ยิ้มออกมาเมื่อเห็นโพสต์ของ “ก้อย” เพื่อนสาวสนิทที่สุดตั้งแต่สมัยเรียน ที่ไม่ได้เจอกันตั้งแต่วันแต่งงานนู่นเลยริน (กดโทร) “ฮัลโหลก้อย! ว่างมั้ยวันนี้อ่ะ คิดถึงมากเลยอะ ตั้งแต่แต่งงานนี่ไม่ได้เจอกันเลยเนอะ”ก้อย“อ๊ายยยย! นังเมียมหาเศรษฐี โทรมาหาได้แล้วเหรอคะ! ว่างจ้า วันนี้ต้องเจอกันแล้วแหละ แกเลือกที่เลย เดี๋ยวชั้นแต่งตัวรอ”ริน (หัวเราะ) “งั้นไปกินข้าวแถวเซ็นทรัลเอ็มฯ แล้วไปเดินช้อปต่อเลยเนอะ อยากออกไปบ้าง อยู่แต่ในบ้านจนจะกลายเป็นต้นไม้ประดับแล้วจ้ะ”ก้อย“โอเค! เจอกัน 11 โมง!”หลังจากวางสาย รินลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง เธออารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก อาบน้ำแต่งตัวในลุคหวานซ่อนเปรี้ยว ใส่เดรสรัดรูป ใบหน้าแต่งบางแต่เน้นดวงตากลมโตเป็นประกาย เส้นผมตรงดำเงา ปล่อยสยาย ทาแก้มชมพูระเรื่อเธ