/ โรแมนติก / One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ / บทที่13.Keep It Professional (แต่อย่ามองตาแบบนั้น)

공유

บทที่13.Keep It Professional (แต่อย่ามองตาแบบนั้น)

last update 최신 업데이트: 2025-07-16 11:48:28

เช้านี้ฉันตื่นเร็ว กว่าปกตินิดหน่อย

ไม่ใช่เพราะเสียงนาฬิกาปลุกแต่เพราะหัวใจที่เริ่มกระเพื่อมตั้งแต่ก่อนลืมตา เหมือนมันรู้...ว่ามีอะไรบางอย่างรออยู่ข้างหน้า

ฉันยังไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเรื่องเมื่อวาน

หรือเพราะ “ภารกิจวันนี้” ที่ทำให้ความรู้สึกในอกมันตุ่ม ๆ ต่อม ๆ จนไม่เป็นตัวเอง

ทั้งที่ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่ตรงขอบบางอย่าง และต้องเลือกจะก้าวออกไป...หรือถอยกลับมา

ฉันใช้เวลายืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าพักใหญ่

เสื้อเบลาส์สีเรียบ กระโปรงทรงเอ รองเท้าคู่เดิมที่เดินคล่อง

ไม่ใช่เพราะอยากดูดีหรอก—แค่ไม่อยากสะดุดอะไรอีกครั้ง

เมื่อวานมันก็หนักพอแล้ว… และที่สำคัญ มันน่าอายเกินกว่าจะย้ำซ้ำอีก

วันนี้ ผู้จัดการของบริษัท นัดฉันไว้ตั้งแต่เมื่อวานเย็น

ตอนที่ฉันยังนั่งนิ่ง ๆ กับความคิดวนเวียนซ้ำ

ภาพบางภาพที่พยายามผลักไสออกไปแต่เหมือนมีแรงบางอย่างดึงกลับมาให้ใกล้กว่าที่คิด

เหมือนสนามแม่เหล็กที่ฉันหนีไม่พ้น

(และก็คงไม่ต้องเดา ว่าภาพนั้นคือใคร... “ผู้ชายคนนั้น” นั่นแหละ)

และใช่—นัดหมายนี้แหละที่ดึงฉันกลับมา

ฉันยังมี “หน้าที่” ให้รับผิดชอบ

ยังมี “บทบาท” ที่สวมได้แนบเนียน

และแค่นั้น...มันก็ดีพอจะทำให้ฉันรู้สึกว่า

ฉันยังควบคุมบางอย่างในชีวิตนี้ได้อยู่บ้าง แม้จะไม่ใช่ทุกอย่าง...ก็ตาม

เสียงลมเบา ๆ ปะทะกระจกหน้าต่าง ขณะที่รถประจำทางชะลอจอดเทียบป้ายตรงข้ามหน้าตึกสี่ชั้น ฉันสูดลมหายใจลึกหนึ่งครั้ง ก้าวเท้าลงจากรถอย่างเคยชิน

เข้าสู่พื้นที่ที่ฉันรู้จักดีที่สุด

ฉันเดินผ่านประตูกระจก เสียงเครื่องปรับอากาศตัดกับแดดยามเช้าที่เพิ่งเริ่มแรง  คำทักทายของเพื่อนร่วมงานยังเหมือนเดิม บางคนยิ้มให้ฉัน บางคนดูเครียดเหมือนนอนไม่พอ หรือทะเลาะกับใครบางคนมาก่อนหน้านี้

และฉันก็ทำได้แค่พยักหน้าให้แต่ในใจเงียบเหมือนห้องร้าง

ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องคนอื่นหรอก แต่แค่พยายามไม่ให้ตัวเองหลุดจากภาพ “ลินลี่คนเดิม” เพียงเท่านั้น ถึงแม้มันจะไม่ค่อยจริง...ก็เถอะ

แต่ ก็ถือว่ารอดไปวันหนึ่ง

และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ต้องรอดให้ได้

แล้วเวลาก็มาถึง

ฉันยืนอยู่หน้าห้องผู้จัดการ

ประตูแง้มไว้อยู่แล้ว ฉันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมา ทันทีที่เข็มยาวสั้นชี้ตรงเลข  9.00 น. ตรงเป๊ะ

แล้วเสียงของเธอก็ดังขึ้น

“ลินลี่ เข้ามาเลย”

ฉันก้าวเข้าไป

ผู้จัดการหญิงนั่งอยู่หลังโต๊ะ สายตายังจดจ่ออยู่กับกองเอกสารตรงหน้า

“ปิดประตู ลินลี่” น้ำเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่มากพอจะทำให้ฉันรู้สึกว่าอะไรบางอย่าง "ไม่ปกติ"

“ค่ะ” ฉันปิดประตูลงเบา ๆ

“นั่งก่อน ลินลี่”

เธอผายมือไปยังเก้าอี้ตรงข้าม ฉันค่อย ๆ ทรุดตัวลงบนเบาะ มือวางบนตักพยายามนิ่ง

แต่ข้างในใจมันเริ่มตะหงิดๆ

(เรื่องสำคัญแค่ไหนกันนะ...)

แล้วน้ำเสียงจริงจังของเธอก็ตามมา

“เอกสารนี้...ไม่ชอบมาพากล ฉันอยากให้เธอไล่เช็กให้ละเอียดทีละจุด และที่สำคัญ—เรื่องนี้ต้องเป็นความลับ”

ฉันยังไม่ทันอ้าปากถาม เธอก็พูดต่อทันที ราวกับเตรียมคำไว้แล้ว

“คนเดียวที่เธอจะรายงานได้ คือคุณพายุ ชานนวิวัฒน์”

ฉันชะงักไปชั่วอึดใจ

ชื่อ ‘พายุ’ ดังขึ้นกลางอก...แบบที่ไม่ควรจะมีผลอะไรกับฉันอีกแล้ว

“คุณพายุ กำลังสงสัยว่าอาจมีการทุจริตเกิดขึ้น”

เสียงของเธอนิ่ง แต่น้ำหนักชัดเจน

“และที่สำคัญ—เรื่องนี้ต้องไม่แพร่งพราย ฉันเชื่อใจเธอ ลินลี่”

ในหัวฉันมันทั้งตื้อ ทั้งชา

ยังไม่ทันตั้งหลัก เสียงของเธอก็เรียกขึ้นมาเบา ๆ แต่ชัดเจน

“ลินลี่?”

ฉันสะดุ้งนิด ๆ ก่อนรีบตั้งสติ

“ค—ค่ะ”

เธอมองฉันตรง ๆ

แววตามั่นคง ราวกับฝากทั้งความลับและความหวังไว้ในคนคนเดียว

“จำไว้นะ เป็นความลับ”

ฉันพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย  แล้วเอื้อมมือไปรับแฟ้ม

น้ำหนักของมันเบา แต่ความรู้สึกในอกกลับหนักขึ้นเรื่อย ๆ

ฉันเปิดแฟ้มออก

แล้วสิ่งแรกที่สะดุดตาคือ...

ตัวเลขสิบหลัก ใต้ชื่อ คุณพายุ ชานนวิวัฒน์

เบอร์โทรศัพท์ของเขา

ชัดเจนจนเหมือนจงใจวางไว้ให้ฉันเห็นก่อนเป็นอันดับแรก

หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

ภาพเช้าวันนั้นกลับไหลย้อนกลับมา—ข้อความสั้นๆ

และภาพอิโมจิยิ้ม ให้ดูต่างหน้า

แต่ตอนนี้ ฉันไม่มีสิทธิ์จะเผลอใจ

หน้าที่ตรงหน้าสำคัญเกินกว่าจะปล่อยให้หัวใจทำงานแทนสมอง

ฉันต้องแยกให้ออก—

งานก็คืองาน ความรู้สึกก็คือความรู้สึก

โดยเฉพาะเมื่อ “หน้าตาขององค์กร”

ไม่ได้อยู่แค่ในเอกสาร แต่มันฝังแน่นอยู่ในหัวฉัน ตรึงจนไม่เปิดโอกาสให้ฉันหลุดกรอบได้เลย…

ฉันพยายามก้มหน้าก้มตาทำงานเหมือนทุกวัน

แต่กลับรู้สึกเหมือนสมาธิหล่นหายไปตั้งแต่เปิดแฟ้มนั่นแล้วตัวเลขสิบหลักยังคงวนเวียนอยู่ในหัว

แต่ถึงกระนั้นฉันก็ซ่อนมันไว้ใต้บทบาทได้อย่างแยบยล

ไม่มีใครล่วงรู้—แม้แต่นิดเดียว

ว่าทุกการเคลื่อนไหวของฉันวันนี้

เต็มไปด้วยแรงสั่นไหวที่ต้องควบคุมแทบตลอดเวลา

เวลาผ่านไปเร็วราวกับโดนกรอข้าม

สายตาฉันยังจ้องเข็มนาฬิกาที่ขยับอย่างช้า ๆ จนแตะเลข 4 เป๊ะ  ฉันไม่รีรอ รีบเก็บเอกสารยัดลงกระเป๋าทำงานด้วยความรวดเร็วราวกับกลัวว่าเวลาจะถูกฉกชิงไปจากมือ

เหมือนทุกวินาทีตอนนี้มีค่ากับ “ภารกิจลับ” ที่ซ่อนอยู่ในใจ

“ลินลี่ รีบไปไหนขนาดนั้น?”

เสียงก้องจากโต๊ะข้าง ๆ ดังขึ้น น้ำเสียงกึ่งแซวกึ่งห่วงใยแบบที่ฉันคุ้นเคยดี

“มีนัดกับเพื่อนสนิทค่ะ”

ฉันตอบสั้น ๆ พร้อมรอยยิ้มกลบเกลื่อน ไม่อยากให้ใครรู้ว่าใจฉันตอนนี้มันเต้นแรงเหมือนลู่วิ่งที่โดนเร่งสปีด

เพราะสองสาวเพื่อนสุดแสบเพิ่งบอกข่าวเด็ด “ยิ่งกว่าตอนจบซีรีส์ที่โดนสปอยล์กลางไทม์ไลน์”

ฉันรีบพุ่งไปยังคาเฟ่ข้างออฟฟิศ — จุดนัดพบประจำของฉัน แพรว และแยม

บรรยากาศในร้านยังคงเหมือนเดิม — กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นลอยอวล อุณหภูมิเย็นสบาย เพลงเบา ๆ คลอในลำโพง

แต่วันนี้...ทุกอย่างกลับดูเงียบเหงาเกินกว่าที่เคยเป็น

เสียงหัวเราะและเสียงเพลงที่เคยเติมเต็มช่วงเวลานี้ กลายเป็นเพียงพื้นหลังจาง ๆ

ไม่อาจกลบความอึดอัดที่ซ่อนอยู่ในใจฉันได้ — ไม่ว่าจะเป็นความกดดันจากงาน หรือ…เขา ที่ฉันบังเอิญเจอเมื่อวานนี้

ความรู้สึกนั้นยังคงติดค้าง

หัวใจฉันยังสั่นไหวแบบไม่ทันตั้งตัว

โต๊ะริมกระจกตรงที่เดิม—แพรวกับแยมประจำการกันเรียบร้อย มือกวักเรียกฉันเหมือนกำลังจะเข้าสอบวิชาที่ไม่มีใครอยากสอบ แต่ก็เลี่ยงไม่ได้

“ดื่มอะไรหน่อยไหม ลี่?” แยมหันมาถาม พร้อมยื่นเมนูให้ด้วยท่าทางสบายๆ

ฉันพยักหน้ารับแบบอัตโนมัติ แล้วหันไปเรียกพนักงานทันที

“น้ำส้มแก้วนึงค่ะ”

สั่งแบบเดิมทุกที ทั้งที่ปากก็บอกว่าอยากดื่ม แต่ใจนี่ชาไปหมดแล้ว รสอะไรก็ไม่เข้าปากหรอกตอนนี้

ฉันยังไม่ทันจะถามด้วยซ้ำว่าวันนี้มีข่าวด่วนอะไรกันแน่ สองสาวก็มองฉันแบบจริงจังสุดฤทธิ์

สายตานั้น...คือสัญญาณเตือนที่ดังชัดเจนโดยไม่ต้องพูดว่า “แกเตรียมใจไว้เลยนะ”

“ลี่...แกใจเย็น ๆ ก่อนนะ”

แพรวเริ่มเกริ่น น้ำเสียงไม่ถึงกับเครียด แต่ก็ไม่ใช่เล่น ๆ เหมือนกัน

ฉันยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบ สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ พยายามตั้งหลักในใจ

มือยังจับแก้วแน่น ราวกับว่าถ้าปล่อยเมื่อไหร่…สติก็อาจหลุดตามไป

สายตาของแพรวกับแยมไม่ได้ละไปไหนเลย

เหมือนพวกเธอกำลังพยายามอ่านใจฉันจากรอยยิ้มจาง ๆ ที่ฉันพยายามปั้นไว้ให้ดู "ปกติที่สุด"

มันเงียบไปชั่วครู่

เงียบ...จนฉันได้ยินเสียงตัวเองกลืนน้ำลาย

ฉันเริ่มเลิ่กลั่ก หัวเราะแห้ง ๆ พยายามเบี่ยงบรรยากาศ

“เฮ้ย พวกแกทำไมมองฉันเหมือนฉันไปฆ่าคนมาอะ?”

ฉันวางแก้วน้ำส้มลงอย่างระวัง แล้วเอนตัวไปข้างหน้า

พยายามฝืนตัวเองให้ “พร้อมจะฟัง” ทั้งที่ในใจมันเริ่มเต้นผิดจังหวะแล้ว

“ลี่…”

แพรวสูดลมหายใจราวกับต้องรวบรวมความกล้า

“…ผู้ชายที่เป็นเดตครั้งแรกของแก คุณพายุ เขามีแฟนแล้ว ชื่อมาริสา”

 ช็อตนั้น มันเหมือนมีใครกด pause โลกไว้

แพรวรีบพูดต่อเหมือนกลัวฉันจะตั้งตัวไม่ทัน

“แกต้องตัดใจนะเพื่อน พายุน่ะหล่อ รวย แบดบอยครบสูตรเลย แต่ไม่ใช่ของแกอะ ที่สำคัญ...มาริสาน่ะ ตามติดยิ่งกว่า GPS อีก”

ฉันกลืนน้ำลายฝืด ๆ พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดนั้นกระทบใจอยู่เหมือนกัน

ใช่ ฉันรู้แล้วหลังจากคืนนั้น ที่ไปเดตกับเขา(ใช่ ฉันก็หาข้อมูลในกูเกิลแบบเต็มที่เลย)

แต่มันก็ยังทำให้ใจฉันกระตุกเหมือนมีอะไรมาดึงเบรกอย่างกะทันหันอยู่ดี

แยมเสริมขึ้นอีกเสียงแบบตรงไปตรงมา

“แก อย่าไปเอาหัวใจไปยึดติดกับเรื่อง แค่ one night stand เลย หาไหม่ดีกว่าเพื่อน ผู้ชายคนนี้อันตราย” หน้าตาแยมจริงจังเลย

ฉันอยากพูด อยากอธิบาย แต่คำพูดไม่ยอมหลุดออกมา

เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับแค่หัวใจ...

มันเกี่ยวพันกับงานที่ฉันต้องรับผิดชอบ

และที่สำคัญกว่านั้นคือความลับที่ฉันต้องรักษาไว้

"ศุกร์นี้ไปเที่ยวกันมั้ย? เปลี่ยนบรรยากาศ หาเป้าหมายใหม่กันเถอะลี่!" แพรวพูดเสียงใส แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ฉันยิ้มเจื่อน ๆ พร้อมบอกเบา ๆ ราวกับไม่อยากได้ยินคำพูดตัวเอง

"ยังไปไม่ได้ช่วงนี้น่ะ แพรว แยม…มีงานด่วนที่ต้องรีบเคลียร์ก่อน"    พลางคว้าแก้วน้ำส้มขึ้นดื่มจนหมด ความเปรี้ยวแสบลิ้นเหมือนกดรีเซ็ตให้สมองกลับมาโฟกัสอีกครั้ง

“พวกแก เราขอกลับก่อนนะ วันนี้ศุกร์ เดี๋ยวรถติดแย่”

ฉันฝืนยิ้ม ยกกระเป๋าขึ้นพาดไหล่อย่างรีบเร่ง

“ไว้คุยกันนะ เพื่อน” ฉันพูดพลางถอยหลังออกมาอย่างแนบเนียน รู้ตัวดีว่ากำลังหลบ

แพรวกับแยมสบตากันครู่หนึ่ง...เงียบ แต่เหมือนเข้าใจทุกอย่างที่ฉันไม่ได้พูดออกมา

“เฮ้ยลี่...มันไม่โอเคเลยว่ะ ยังไงเราก็ต้องดูแล มันคือเพื่อนเรา”

แพรวพูดขึ้นจริงจัง น้ำเสียงหนักแน่น ขณะที่สายตายังมองตามฉันที่เดินหายไป

..

ข้างนอกไม่ได้ต่างจากเมื่อเช้า

แดดยามเย็นอ่อนลงนิดหน่อย

ลมพัดจนผมปลิวไปข้างแก้มเบา ๆ

ป้ายรถเมล์ที่เดิม แต่ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม

เพราะสิ่งที่วนเวียนในหัวตอนนี้

มันไม่ใช่แค่เรื่องความสัมพันธ์ชั่วคราวอีกต่อไปแล้ว

การได้เจอเขาอีกครั้ง...

มันคล้ายกับการกดปุ่มรีสตาร์ตชีวิต

ความสัมพันธ์ที่ควรจะจบไปง่าย ๆ

กลับกลายเป็นคำถามที่ซับซ้อนขึ้นในทุกวินาที

โดยเฉพาะเมื่อ "หน้าที่" กับ "ความรู้สึก"

เริ่มจะเดินมาใกล้กันเกินไปหน่อยแล้วนะ... ลินลี่

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่13.Keep It Professional (แต่อย่ามองตาแบบนั้น)

    เช้านี้ฉันตื่นเร็ว กว่าปกตินิดหน่อยไม่ใช่เพราะเสียงนาฬิกาปลุกแต่เพราะหัวใจที่เริ่มกระเพื่อมตั้งแต่ก่อนลืมตา เหมือนมันรู้...ว่ามีอะไรบางอย่างรออยู่ข้างหน้าฉันยังไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเรื่องเมื่อวานหรือเพราะ “ภารกิจวันนี้” ที่ทำให้ความรู้สึกในอกมันตุ่ม ๆ ต่อม ๆ จนไม่เป็นตัวเองทั้งที่ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่ตรงขอบบางอย่าง และต้องเลือกจะก้าวออกไป...หรือถอยกลับมาฉันใช้เวลายืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าพักใหญ่ เสื้อเบลาส์สีเรียบ กระโปรงทรงเอ รองเท้าคู่เดิมที่เดินคล่องไม่ใช่เพราะอยากดูดีหรอก—แค่ไม่อยากสะดุดอะไรอีกครั้ง เมื่อวานมันก็หนักพอแล้ว… และที่สำคัญ มันน่าอายเกินกว่าจะย้ำซ้ำอีกวันนี้ ผู้จัดการของบริษัท นัดฉันไว้ตั้งแต่เมื่อวานเย็น ตอนที่ฉันยังนั่งนิ่ง ๆ กับความคิดวนเวียนซ้ำ ภาพบางภาพที่พยายามผลักไสออกไปแต่เหมือนมีแรงบางอย่างดึงกลับมาให้ใกล้กว่าที่คิด เหมือนสนามแม่เหล็กที่ฉันหนีไม่พ้น(และก็คงไม่ต้องเดา ว่าภาพนั้นคือใคร... “ผู้ชายคนนั้น” นั่นแหละ)และใช่—นัดหมายนี้แหละที่ดึงฉันกลับมา ฉันยังมี “หน้าที่” ให้รับผิดชอบ ยังมี “บทบาท” ที่สวมได้แนบเนียน และแค่

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่ 12.Next Chapter: You & Me

    ผ่านไปสองอาทิตย์หลังจากคืนวันศุกร์ที่คลับ 669ฉันนึกว่าทุกอย่างจะจบลงแค่คืนนั้น เรื่องมันควรจะเป็นแบบนั้นแหละ แต่ชีวิตมันชอบเล่นตลกแบบไม่ปรึกษากันล่วงหน้าและเช้าวันนี้ ที่บริษัทอินไซท์ ไฟแนนซ์ (บริษัทบัญชีเล็ก ๆ ที่ฉันทำงานอยู่) เสียงแป้นพิมพ์ดังแข่งกับโทรศัพท์โต๊ะข้าง ๆ เหมือนทุกวัน ฉันเพิ่งจะจิบกาแฟได้คำเดียว รองผู้จัดการก็โผล่มาจากทางเดิน“ลินลี่! พอจะออกไปข้างนอกบ่ายนี้ได้ไหม? มีงานด่วนเข้ามา”ฉันหันชวับ “ได้ค่ะ ไปที่ไหนคะ?”เขาโยนแฟ้มสีเทามาให้ ก่อนพูดแบบขอไปที “สำนักงานใหญ่ของกลุ่มนี้แหละ แต่ให้ที่อยู่มาแล้ว บอกให้เราเข้าไปเก็บเอกสารบัญชีเก่าที่ฝ่ายการเงินเตรียมไว้”ฉันเปิดแฟ้ม ไล่ดูเอกสารเร็ว ๆ ก่อนเงยหน้าถาม “ลูกค้ารายไหนเหรอคะ?” จริงจังเลยนะ เพราะรายชื่อที่โผล่มาในเอกสารพวกนี้...ไม่คุ้นเอาซะเลยรองผู้จัดการได้แค่ยักไหล่ “กลุ่มใหญ่ระดับบน ๆ เขาให้เราดูแลบัญชีบริษัทลูกบางตัวที่มีเรื่องกับสรรพากร เขาบอกแค่ว่า ‘อย่าไปถามว่าใครเซ็น’ เข้าไปเอาเอกสารแล้วก็กลับมา”“โอเคค่ะ” ฉันพยักหน้ารับโดยไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากว่าจะต้องออกไปทำธุระตามหน้าที่แค่นั้น⟡ณ ห้องประชุม ชั้นบนสุด

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่11.เกมล่าของนักล่า(พายุ)

    (พายุ: คืนนี้ไม่มีใครได้ใจไปง่าย ๆ)บนรูฟท็อปสุดชิคของชานน วิวัฒน์ แสงนีออนกระพริบสลับกับควันบุหรี่ในอากาศ แก้ววิสกี้ในมือสะท้อนแสงวิบวับ ผมยกแก้วขึ้นแตะริมฝีปากเบา ๆ คลี่ยิ้มจางๆ ยิ้มของคนที่รู้ว่า คืนนี้ทั้งเกมอยู่ในมือผมหลายคนอาจมองว่ามันคือเกม เพื่อเข้าใกล้ใครสักคน แต่สำหรับผม นี่ไม่ใช่เกม มันคือบททดสอบ กระดานหมากรุกที่ผมนั่งดูอยู่จากมุมสูงผมไม่ได้รอให้ใคร “ชนะใจ” ผมรอแค่คนที่ “ใช่” คนที่เดินผ่านไฟ ความลวง และแรงปรารถนา โดยไม่รู้เลยว่า...ตัวเองกำลังถูกจับตาอยู่ทุกฝีก้าว“คุณพายุคะ… ผู้หญิงที่โต๊ะมุมบาร์ ฝากเครื่องดื่มมาให้ค่ะ”เสียงบาร์เทนเดอร์สาวเอ่ยขึ้น ฝ่าเสียงเพลงเบา ๆ ผมเหลือบตามองไปตามปลายแก้วในมุมเงามืดนั้น แสงนีออนสีส้มสะท้อนกับเงาของเธอพอดี ผมดำขลับเคลียบ่า เดรสกำมะหยี่สีเลือดนกเน้นสัดส่วนชัดเจน ริมฝีปากแดงสดยกยิ้ม...แบบที่คนรู้เกมทุกตาเท่านั้นจะยิ้มได้ผมมองเธอด้วยแววตารู้ทัน จ้องลึกลงไปในแววตาและท่าทางที่เหมือนจะรู้ทุกอย่าง ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ก้าวออกไปอย่างนักล่าที่กำลังเริ่มไล่ล่าผู้คนรอบตัวเบี่ยงหลบให้โดยอัตโนมัติ แรงดึงดูดของผมรุนแรงไม่แพ้ว

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่10.Rulebreaker (หัวใจไม่ฟังใคร)

    (ลินลี่: วันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา)เริ่มต้นสัปดาห์ ด้วยความวุ่นวายที่เคยชินฉันก้าวลงจากรถเมล์หน้าตึกออฟฟิศ ก่อนเข้างานสิบห้านาทีพอดี รอบตัวเต็มไปด้วยผู้คนที่ดูเหมือนกำลังวิ่งแข่งกับเวลาแต่ไม่มีใครรู้จริง ๆ ว่าเส้นชัยอยู่ตรงไหน เมืองยังเคลื่อนไหวไม่หยุด เหมือนกลไกที่ถูกตั้งเวลาเอาไว้ ไม่มีปุ่มพักแต่ในขณะที่ทุกอย่างเร่งไปข้างหน้า ใจฉันกลับหยุดอยู่กับบางสิ่ง"ความรู้สึกจากคืนนั้น"…ถามว่าฉันได้ประสบการณ์มั้ย? — มาก สนุกมั้ย? — ใช่ แต่...มันมีบางคำที่ยังติดอยู่ในหัว…..ติดใจขึ้นมาละสิ?..ก็ไม่รู้สินะ หรือคงต้องไห้ทุกคนลองเดาดู ;)..“สวัสดี ลินลี่” เสียงพี่อุษาหัวหน้าฉัน พลางชูแก้วกาแฟไว้ระดับอก ราวกับเพิ่งนึกได้ว่าเราสบตากันพอดีก้อง เพื่อนร่วมงานสายอารมณ์ดี ยกยิ้มมุมปาก ด้วยรอยยิ้มแบบเดิมที่ อบอุ่นและปลอดภัยเสมอ “วันนี้ดูสดใสนะ ลินลี่”ฉันยิ้มตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิดมาก ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ประจำ โต๊ะเดิม มุมเดิม ที่เต็มไปด้วยเอกสาร ใต้แว่นหนาฉันกวาดตามองรอบออฟฟิศ เสียงพิมพ์คีย์บอร์ดเริ่มดังขึ้นเป็นจังหวะ กลิ่นกาแฟจาง ๆ ลอยมาปะปนกับแสงฟลูออเรสเซนต์ที่สะท้อนจากจอคอมฯ ที่นี่คือโ

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่9.สายลับนางฟ้า: แผนสืบรัก "พายุ"

    สองวันผ่านไป... สายวันอาทิตย์ แสงแดดอุ่น ลอดผ่านผ้าม่านบางทาบพื้นห้อง บรรยากาศมันควรจะ ชิลล์ เหมือนเช้าวันหยุดทั่วไปใช่ไหม? แต่ไม่เลย... วันนี้ฉันไม่มีเวลามานอนตากแดดสวย ๆ จิบกาแฟเอ็นจอยกับวันหยุดเพราะตอนนี้ ฉันกำลังนั่งจิกหัวตัวเองอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ มือขยี้แชมพูใส่หัวแบบเอาเป็นเอาตาย ฟองฟูเต็มศีรษะ แชมพูเปลี่ยนสีผมไหลย้อยลงมาตามกรอบหน้า ตาแดง ๆ เพราะแสบ หรือเพราะสำนึกก็ไม่แน่ใจภารกิจหลักวันนี้คือ "กู้ลุคกลับมาจากความใจกล้าสุดฤทธิ์เมื่อสองวันก่อน" ให้ดูเนียนพอที่พ่อกับแม่จะไม่ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “ลูก...ไปทำอะไรมา?”ทันใด เสียงกริ๊งหน้าห้องดังขึ้นเป๊ะเหมือนนาฬิกาจับเวลาติ๊ง ต๊อง !“เดี๋ยววว! มาแล้ว ๆๆ!” ฉันวิ่งพรวดทั้งที่หัวฟองยังฟูฟ่อง เปิดประตูให้แยมกับแพรวเพื่อนสาวสายแซ่บ สองนางยืนจ้องฉันตาโตแบบไม่ได้ตั้งตัวแยมเบิกตากว้าง เหมือนเห็นฉันเอาหัวไปจุ่มถังสี “แก...ทำไรกับหัววะ ลี่?”ฉันถอนหายใจยาว หน้าตาเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมา “พรุ่งนี้พ่อแม่จะมา…แกคิดว่าถ้าฉันยังหัวบลอนด์อยู่จะรอดไหมอะ?”“ ต้องรีเซ็ตลุคก่อนโดนสอบสวนยับนะ!”แพรวหัวเราะคิกๆ มือยกมือถือขึ้นตั้

  • One Night stand แต่..หัวใจอยากไปต่อ   บทที่8.พายุ

    ใช่แล้วค่ะ... ฉันเปลี่ยนหน้าจอคอมจากงบการเงินที่ตัวเลขยังขัดแย้งกันไปหมด ไม่ใช่เพราะสมการไม่สมดุล แต่เพราะสมองฉันมัน ‘ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว’มันมัวแต่ย้อนไปเมื่อคืน ภาพในหัววนซ้ำเหมือนวิดีโอที่กดรีเพลย์ ...เสียงหัวเราะต่ำ ๆ นั่น ...แววตาเจ้าเล่ห์แบบที่ทำให้ฉันอยากหันหน้าหนีแต่ขากลับไม่ยอมก้าว ...และ ‘สัมผัส’ ที่มันดันจุดอะไรบางอย่างในตัวฉันขึ้นมาโดยไม่ขออนุญาตฉันถอนหายใจ แต่ดวงตาฉันกำลังจ้อง Google เหมือนเป็นช่องทางสืบราชการลับ ฉันแปลงนิ้วตัวเองให้เป็นสายสืบพิเศษทันที มือก็ค่อย ๆ พิมพ์ลงในช่องค้นหา... “พายุ”ชื่อเดียวที่ฉันมี ชื่อเดียว ที่มันดังก้องในหัวตลอดเช้านี้...แล้วฉันก็นั่งค้างอยู่ตรงนั้น นิ้วชะงักกลางแป้นพิมพ์ สายตาจ้องจอเหมือนคนโดนสาปเพราะฉันไม่รู้จะต่อยังไงต่อ ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ไม่รู้ว่ากำลังจะเจออะไร...หรือว่าอยากเจออะไรมีแค่เสียงในหัวที่ดังก้องอยู่เงียบ ๆ "นี่ฉัน...กำลังจะเริ่มอะไร ที่มันควรเริ่มหรือเปล่านะ?"…แต่ในอีกมุมหนึ่งของเมือง— ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทน้ำเงินเข้ม ยืนนิ่งอยู่กลางเวทีแสงไฟสาดสว่าง แสงแฟลชจากกล้องรอบตัวกะพริบรัวราวกับสายฟ้าในพายุ แ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status