“พระองค์มาคราวนี้ก็ดี หม่อมฉันจะได้จบปัญหาความแค้นของหม่อมฉันสักที!” นางกัดฟันกล่าว แต่ทว่าพระพักตร์ที่สงบของเทียนตี้ทำให้นางรู้สึกร้อนรุ่มในอกด้วยไฟโทสะ เทียนตี้จึงกล่าวว่า
“เรื่องทั้งหมดนั้นข้าจะพาเจ้าขึ้นไปตัดสินความผิดบนแดนสวรรค์ ให้เหล่าเทพเซียนทั้งหลายเป็นพยานในความผิดครั้งนี้...เฟยเซียง หากเจ้าแค้นข้ากับเทียนโฮ่ว ก็ควรลงมือกับคนที่ทำร้ายเจ้า แต่หรั่นเอ๋อร์นางดีกับเจ้ามาตลอด นางเคารพเจ้ามาตลอด นึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งเจ้าจะทำร้ายนางได้ขนาดนี้” คำพูดของเทียนตี้ทำให้เฟิ่งหรั่นพอมีสตินึกขึ้นมาบ้าง ในแดนสวรรค์นางดีกับเฟยเซียง ไม่เคยทำให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกตกต่ำแค่เพราะเป็นนางกำนัลที่รับใช้มารดา แต่บัดนี้ความแค้นทั้งหมดล้วนไม่เกี่ยวข้องกับนางเลยทั้งสิ้น เฟยเซียงต้องการสิ่งใดกันแน่ถึงทำเช่นนี้ “ฮ่าๆ” เฟยเซียงหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งนางกล่าวขึ้นมาว่า “สิ่งที่ทำให้ทรงเจ็บปวดที่สุด ยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็นคือการเห็นคนที่พระองค์รักมากที่สุด ต้องทุกข์ทรมาน และหม่อมฉันต้องการให้เป็นเช่นนั้น” “ท่านแม่...&ซู่ไท่เฟยมองไทเฮาอย่างจาบจ้วง ทรงกล่าวว่า“หม่อมฉันมาที่นี่ไม่ได้มาในฐานะไท่เฟย แต่มาในฐานะมารดาที่ต้องการทวงความยุติธรรมให้บุตรชายเท่านั้นเพคะ” พระนางทรงกล่าวเสียงแข็งกับไทเฮา แม้จะเป็นกิริยาที่ไม่แสดงความเคารพเท่าใด ทว่าไทเฮาทรงไม่ต้องการถือสาเอาเรื่อง พระนางทรงพอทราบเรื่องของลู่อวี้มาบ้างแล้ว“เรื่องที่เกิดขึ้นกับลู่อวี้ ฝ่าบาททรงให้หมอหลวงสืบหาสาเหตุให้เจอ ข้าเข้าใจเจ้าดีในฐานะที่ข้าเองก็เป็นมารดา แต่การที่เจ้าบุ่มบ่ามเช่นนี้หาใช่นิสัยของเจ้าเลยนะไท่เฟย” ไทเฮาทรงพยายามกล่าวเตือนสติ แต่ทว่าซู่เจาอี๋หรือซู่ไท่เฟยทรงมิใช่คนเช่นนั้นอีกแล้ว“จะให้หม่อมฉันบอกตามตรงมั้ยล่ะเพคะ ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากลูกชายคนเล็กและลูกสะใภ้ของพระนางที่ทำให้อวี้เอ๋อร์ต้องเป็นแบบนี้ ลู่อวี้อยู่ดีๆ ตั้งแต่ทีแรก บุตรชายของท่านก็ยังยัดเยียดเย่ไหลเซียงมาให้เป็นชายาเอก แล้วดูสิ่งที่นางและหนานจิงอ๋องทำสิเพคะ! ทำร้ายบุตรชายของหม่อมฉันนั้นเกือบถึงตาย!” ซู่ไท่เฟยบันดาลโทสะ กระทั่งเซียวฮองเฮาต้องเตือนเบาๆ“ไท่เฟย โปรดทรงระวั
“พระองค์มาคราวนี้ก็ดี หม่อมฉันจะได้จบปัญหาความแค้นของหม่อมฉันสักที!” นางกัดฟันกล่าว แต่ทว่าพระพักตร์ที่สงบของเทียนตี้ทำให้นางรู้สึกร้อนรุ่มในอกด้วยไฟโทสะ เทียนตี้จึงกล่าวว่า“เรื่องทั้งหมดนั้นข้าจะพาเจ้าขึ้นไปตัดสินความผิดบนแดนสวรรค์ ให้เหล่าเทพเซียนทั้งหลายเป็นพยานในความผิดครั้งนี้...เฟยเซียง หากเจ้าแค้นข้ากับเทียนโฮ่ว ก็ควรลงมือกับคนที่ทำร้ายเจ้า แต่หรั่นเอ๋อร์นางดีกับเจ้ามาตลอด นางเคารพเจ้ามาตลอด นึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งเจ้าจะทำร้ายนางได้ขนาดนี้” คำพูดของเทียนตี้ทำให้เฟิ่งหรั่นพอมีสตินึกขึ้นมาบ้าง ในแดนสวรรค์นางดีกับเฟยเซียง ไม่เคยทำให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกตกต่ำแค่เพราะเป็นนางกำนัลที่รับใช้มารดา แต่บัดนี้ความแค้นทั้งหมดล้วนไม่เกี่ยวข้องกับนางเลยทั้งสิ้น เฟยเซียงต้องการสิ่งใดกันแน่ถึงทำเช่นนี้“ฮ่าๆ” เฟยเซียงหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งนางกล่าวขึ้นมาว่า “สิ่งที่ทำให้ทรงเจ็บปวดที่สุด ยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็นคือการเห็นคนที่พระองค์รักมากที่สุด ต้องทุกข์ทรมาน และหม่อมฉันต้องการให้เป็นเช่นนั้น”“ท่านแม่...&
เฟิ่งหรั่นคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ความรู้สึกของนางนางไม่อาจปล่อยวางได้ เฟิ่งอี้มิใช่ผู้ที่จะยอมรามือหากนางเกลียดผู้ใดสักคน เป้าหมายของเฟิ่งอี้คือการกำจัดตนเองที่เป็นพี่สาวและลู่เฟยหลง การที่นางทำเช่นนี้ย่อมต้องการทำให้ลู่อวี้กลายเป็นฮ่องเต้ ชะตาแคว้นเหลียวทั้งแคว้นขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในคราวนี้ หากคราวนี้นางและสวามีถูกลอบสังหาร ลู่ฮ่องเต้จะไร้ซึ่งเสาหลักพิทักษ์ราชบัลลังก์ อีกทั้งองค์ชายน้อยลู่เสวียนก็ไม่อาจพ้นราชภัยครั้งนี้ได้แม้จะศึกษาอยู่นอกเมืองหลวงก็ตามแล้วเย่ไหลเซียงที่ร่วมมือในแผนการครั้งนี้อาจโดนเฟิ่งอี้กำจัด! ไม่ได้เด็ดขาด! นางจะไม่ยอมให้มีใครตายเพราะนางอีก คราก่อนเพราะนางถูกใส่ร้าย จึงทำให้ขันทีผู้ภักดีกับลู่อ๋องต้องกลายเป็นแพะรับบาปและต้องโทษประหารนั้น คราวนี้นางจะกระชากความจริงทั้งหมดออกมาและเก็บแหในคราเดียว“สัญญากับข้าสักข้อนะอวี๋ฟางหรง...” เฟิ่งหรั่นมองสหายรักด้วยแววตาแน่วแน่ ตอนนี้นางมีความกังวลเพียงไม่กี่สิ่งเท่านั้น และหันมามองจูเชว่สลับกัน ในห้วงนิมิตอดีตชาติ นางจำได้ดีว่าเป็นเพราะวิหคเพลิงหนุ่มที่อยู่เคียงข้างไป๋หู่มาตลอด และเ
หลินเอ๋อร์เดินเข้ามาที่ตรอกเล็กๆ ตรอกหนึ่ง นางหันด้านหลังมาดูว่าบ่าวหญิงผู้นั้นสะกดรอยตามนางมาหรือไม่ แต่สุดท้ายกลับไม่พบแม้แต่เงา นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แอบหยิบเงินจำนวนหนึ่งที่พ่อบ้านได้มอบเอาไว้ให้ เพราะตั้งใจจะไปหาพี่สาวกับครอบครัวที่แคว้นเหลียวตั้งแต่แรก นางจึงได้แอบเก็บเงินจำนวนหนึ่งเอาไว้เพื่อเตรียมเดินทาง อย่างน้อยนางก็พอรู้มาว่าพวกมนุษย์ส่วนใหญ่มักเดินทางด้วยรถม้าหรือไม่ก็หาซื้อม้าสักตัว แต่ทว่าการเดินทางไปต้าเหลียวนั้นเห็นทีว่าเดินทางทางเรือจะเหมาะสมที่สุดเด็กสาวพยายามหาทางเดินออกจากตรอกนั้นเพื่อมุ่งไปท่าเรือของหนานจิง ก่อนหน้านี้นางทราบมาว่ามีท่าเรือแห่งหนึ่งเป็นเรือขนสินค้ามุ่งสู่ต้าเหลียว หากนางว่าจ้างสักหน่อยก็คงเดินทางไปถึงต้าเหลียวได้และไป๋ซูเหวินก็คงตามหานางไม่พบ ไม่ต้องมาก่อกวนนางอีก ทว่า...“ท่านแม่ ไม่ใช่สิ! นายหญิง...” หลินเอ๋อร์ชะงักฝีเท้า ใบหน้าของนางตื่นกลัวตกใจเมื่อเห็นเฟยเซียงมาปรากฏตรงหน้าแบบไม่คาดคิด“ตกใจมากหรือยังไงที่เห็นข้า แทนที่จะเป็นคนจากจวนเจ้าเมือง” เฟยเซียงกรีดยิ้มร้าย นางมองหลินเอ๋
เฟยเซียงเดินค้นหาหลินเอ๋อร์ทั่วเรือนพักของตนเอง จนกระทั่งนางเดินเข้ามาในห้องลับแห่งหนึ่งที่หลินเอ๋อร์ไม่มีทางรู้จัก นางนั่งลงบนพื้นเย็นภายในห้องแห่งนั้นแล้วหลับตาทำสมาธิ การบำเพ็ญเพียรพลังมารของนางเกือบถึงขีดจำกัดแล้ว มันมีพลังมากพอที่จะจับตาหาผู้ที่ต้องการพบ ทว่าภาพที่ปรากฏขึ้นมาในห้วงสมาธินั้นคือภาพที่หลินเอ๋อร์ลอบลงไปที่เมืองมนุษย์!‘หรือว่านางจะหาความจริงเรื่องชาติกำเนิดของตนเอง!’เฟยเซียงพยายามคิดหาคำตอบในใจ หมากตัวสุดท้ายที่นางจะเก็บเอาไว้เล่นงานศัตรูบัดนี้กลับหายหลุดมือไป!นัยน์ตาของปีศาจหงส์แดงก่ำด้วยเพลิงโทสะ นางลุกขึ้นจากสมาธิทันใดนั้นปีกสีดำพลันสยายออกจากกลางแผ่นหลัง ไอสีดำซึ่งบ่งบอกถึงปราณมารที่มากล้นเกือบเกินขีดจำกัดทำให้รู้ว่าผู้นั้นบำเพ็ญเพียรถึงระดับใดแล้ว ยามนี้ความโกรธของเฟยเซียงมีมากพอที่จะสังหารผู้คนให้ตายในบัดดล!“เห็นทีข้าคงต้องลงมือขั้นเด็ดขาดกับพวกเจ้าทุกคน!”หลายวันแล้วที่เย่ไหลเซียงไม่ได้ความเคลื่อนไหวเรื่องแผนการร้ายของลู่อวี้ เนื่องด้วยอีกฝ่ายเอาแต่เก็บตนอยู่ในห้อ
รัตติกาลมาเยือนแสงจันทร์นวลลออสาดส่องไปทั่วท้องนภา หมู่ดวงดาราทั้งหลายจับกลุ่มกันทอประกายเป็นกลุ่มดาว ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง ผิวน้ำในสระบัวกระเพื่อมไหวเล็กน้อยตามแรงลมที่พัดโชยเอื่อยมา ลมหนาวเย็นที่พัดปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณทำให้เฟิ่งหรั่นกับลู่เฟยหลงรู้สึกถึงความหนาวเย็นและความอบอุ่นไปพร้อมกันแม้ว่าที่นี่จะเป็นเมืองทัวปา เป็นเมืองที่มีขนาดเล็กเพียงแค่หนึ่งในสี่ของแคว้นเหลียว แต่ทว่าหากศึกษาสภาพภูมิศาสตร์ดีๆ นั้น สถานที่แห่งนี้เหมาะแก่การลอบสังหารอย่างยิ่งหากลู่อวี้วางกับดักสังหารนางกับลู่เฟยหลงที่นี่ เฟิ่งหรั่นใช้นิ้วของตนเองชี้ไปที่ดวงดาราทีละดวงและนับมันอย่างเพลิดเพลิน โดยมีพระสวามีอย่างลู่เฟยหลงนอนหนุนตักนางอย่างสบายใจหลังจากกลับมาจากประชุมศึกกับทัวปาอวี้ เขาแทบไม่ได้ความคืบหน้าอันใด เพราะแม่ทัพนายกองของเมืองทัวปาล้วนแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องข้าศึกที่โจมตีทำให้ยากต่อการวางกลยุทธ์ แต่ทว่าดูเหมือนทัวปาอวี้คงได้ตระเตรียมการกับลู่อวี้มาอย่างดี เรื่องที่คาดไม่ถึงว่าเขาอาจจะรู้ทันแผนการลอบสังหารครั้งนี้ก็ย่อมได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเลิกประชุมนายกองและกลับ