ตอนที่ 5 Part อดีต…ใครมาส่ง
หลังจากเลิกเรียนฉันก็มายืนรอพี่ชายของฉัน ‘อคิน กิตติภพ สิริวัฒนา อายุ 20 ปี เรียนวิศวะโยธาปี2’ พี่อคินบอกว่าวันนี้หลังเลิกเรียนจะมารับ นี่ก็เลยเวลาเลิกเรียนมาจะยี่สิบนาทีแล้วก็ยังไม่มา เฮ้อฉันล่ะเบื่อกับความไม่ตรงต่อเวลาของเขาจริงๆ พี่อคินเขาเรียนวิศวะที่มหาลัยดังแห่งหนึ่ง ซึ่งทีแรกแม่ฉันอยากให้เขาเรียนหมอแต่เขาก็ไม่ยอมขัดใจแม่ไปหมดทุกอย่าง ดื้อหัวรั้นไม่ฟังใคร จนแม่ฉันยอมเพราะขี้เกียจจะพูด เพราะถ้าพูดทีไรก็จะทะเลาะกันตลอด ถึงภาพลักษณ์พี่อคินจะดูดุดันไม่ยอมคน ติดเย็นชาไปหน่อยสำหรับคนอื่น แต่สำหรับฉันเขาคือคนที่อบอุ่นและรักฉันมากที่สุด ยอมอ่อนข้อให้ฉันตลอด ซักพักก็มีรถบิ๊กไบค์มาจอดเทียบริมฟุตบาทข้างหน้าฉัน “ขึ้นรถเลยครับน้องสาว” พี่อคินจอดรถลงมายืนต่อหน้าฉัน ถอดหมวกกันน็อคใบโตพร้อมกับนำมันมาสวมหัวให้ฉัน ฉันมองหน้าพี่ชายพร้อมยิ้มให้ แต่ในขณะเดียวกันสายตาฉันก็เหลือบไปเห็นแดนดิน เราสบตากันครู่นึงก่อนฉันจะหันกลับมาแล้วขึ้นรถกลับบ้านพร้อมพี่คิน วันถัดมา วันศุกร์สุดสัปดาห์ หลังเลิกเรียนฉันก็มาเรียนพิเศษตามปกติพอเรียนเสร็จก็เปิดประตูออกมา จังหวะนั้น ก็มีประตูห้องข้างๆครอสเรียนของติวเตอร์อีกคนเปิดมาพร้อมกันพอดี “พี่อิงฟ้า” ฉันหันไปตามเสียงเรียก เป็นเขานั่นเอง “แดนดิน” ที่เรียกฉัน “คะ?” ฉันขานรับกลับไปแค่นั้น “พี่ก็เรียนที่นี่เหมือนกันหรอ แล้วนี่กำลังจะกลับบ้านหรอครับ” เขาถามฉันพร้อมยิ้มอบอุ่นส่งมาให้ “ออ ค่ะ” ฉันตอบรับเพียงเท่านั้นเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี “ให้ผมไปส่งไหมครับ” เขาถามกลับมาพร้อมสายตาร้อนแรงที่ชอบมองกันประจำ “เอ่อ...ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ เรานั้งแท็กซี่กลับเองได้ไม่รบกวนจะดีกว่า” พูดจบก็เตรียมจะหันหลังแต่เขากลับเดินมาดักหน้าไว้ โดยปกติทุกวันจะเป็นแม่หรือไม่ก็พ่อมารับถ้าไม่ติดงานสอนที่มหาลัย อ้อ!!ฉันลืมบอกไปว่าพ่อฉันเป็นอาจารย์แพทย์ที่สอนนักศึกษาแพทย์น่ะ ส่วนแม่ฉันเป็นอาจารย์สอนมาร์เก็ตติ้ง ที่มหาลัยด้วยกันทั้งคู่เลย แต่วันนี้ท่านติดสัมมนาที่ต่างจังหวัดเลยไม่ได้มารับน่ะ ฉันเลยต้องกลับรถแท็กซี่เองบ้างเป็นบางครั้ง “ให้ผมไปส่งเถอะนะ นี่ก็มืดแล้วนั่งแท็กซี่กลับคนเดียวมันอันตรายนะครับ” ฉันยังไม่ทันได้ตอบปฏิเสธออกไปอีกครั้งเขาก็ถือวิสาสะจับมือฉันพร้อมจูงมายังรถสปอร์ตคันหรู เปิดประตูให้แล้วจับฉันเข้ามานั้งในรถพร้อมปิดระตูให้เสร็จสับเลย ฉันได้แต่นั่งทำหน้างง อย่างทำตัวไม่ถูกนัก ซักพักเขาก็เข้ามานั่งที่เบาะคนขับสตาร์ทรถ หันมายิ้มอ่อนให้ฉันอย่างเช่นทุกครั้ง ฉันได้แต่นั้งทำตาปริบๆตัวแข็งทื่อ ทันใดนั้นเขาก็โน้มตัวมาไกล้ ฉันแทบกลั้นหายใจ สองมือกำชายกระโปรงแน่น เขาโน้มหน้ามาไกล้จนจมูกของเราแทบจะสัมผัสกัน เขาหันมาจ้องหน้าสบตากันครู่นึง แต่ฉันแอบเห็นนะว่าเขายิ้มที่มุมปาก ก่อนเขาจะนำเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้ฉัน แล้วกลับไปนั้งประจำที่คนขับเหมือนเดิม “เพื่อความปลอดภัยครับ” พูดจบก็ออกรถไป เฮ้อ แค่คาดเข็มขัดบอกกันก็ได้มั้ย ไม่เห็นต้องมาไกล้กันขนาดนี้เลย ใจหายใจคว่ำหมด ‘เด็กบ้า’ ฉันได้แต่นั้งเงียบ เกร็งตลอดทาง มีบ้างที่เขาชวนคุยเพื่อถามทางฉันก็ตอบบอกทางกลับไป จนกระทั่งรถมาจอดที่หน้าบ้าน “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” ฉันก้มหน้าพูดโดยไม่ได้หันไปมองหน้าเขาเลยและกำลังจะลงรถ แต่เขากลับเอื้อมมือมาคว้าที่ข้อมือฉันไว้ ฉันจึงหันไปมองหน้าเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “มะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันถามเสียงสั่นเพราะประหม่าและใจสั่นเป็นอย่างมากในตอนนี้ วันนี้จับมือฉันสองครั้งแล้วนะ เด็กคนนี้นี่ถึงเนื้อถึงตัวตลอด ขยันทำให้ฉันใจสั่นได้ตลอดเลยสินะ “พี่อิงฟ้า…จะเป็นไรมั้ยถ้าผมจะขอถามอะไรพี่หน่อย…ได้มั้ยครับ” เขาทำสายตาเว้าวอน จ้องหน้าฉันอย่างจริงจัง “ถะ ถามอะไรหรอคะ” ฉันพยายามห้ามใจไม่ให้สั่นไหว จะทำหน้าอ้อนแบบนี้ทำไมเนี่ยยย!! “เอ่อ…ผู้ชายคนเมื่อวานที่ไปรับพี่ ที่หน้าโรงเรียนคือใครหรอครับ เขาเป็นแฟนพี่หรอ?” เขาจ้องหน้าฉันอย่างรอเอาคำตอบ น้ำเสียงฟังดูจริงจังมาก “อ๋อ คนเมื่อวานน่ะหรอ เขาคือพี่ชายเราน่ะ..พี่ชายแท้ๆ” พอจบคำพูดฉัน เขาก็ยิ้มพร้อมพรูลมหายใจออกมา เป็นไรของเขานะฉันได้แต่คิดในใจ “อ๋าาา พี่ชายนี่เองเนอะ” เขายิ้มกว้างจนเห็นเหล็กดัดฟัน พร้อมลูบท้ายทอยไปมา “งั้น ถ้าไม่มีอะไรแล้วเราขอตัวนะ” พูดจบฉันก็รีบลงจากรถมา แล้ววิ่งเข้าบ้านไปเลย คนอะไรยิ้มแบบนี้แล้วหล่อเป็นบ้า นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นเขายิ้มแบบนี้ ปกติเขาจะทำเพียงแค่อมยิ้มเท่านั้น “ใครมาส่งอะ” เสียงพี่ชายดังขึ้นตอนฉันกำลังจะเดินขึ้นบรรได ฉันสดุ้งเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าจะมีใครอยู่บ้าน วันนี้พ่อแม่ฉันไปสัมมนากลับพรุ่งนี้ ส่วนพี่ชายก็ไม่คิดว่าจะอยู่บ้าน ถ้าปกติเวลานี้คงยังไม่ถึงบ้านแน่ “อุ๊ย!!..น้องตกใจหมดพี่คินอะ มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง” ฉันหันมาพูดกับพี่ชายที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องหนังสือ “ขวัญอ่อนจริงน้องสาวพี่เนี่ย พี่ก็ยืนของพี่อยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว เราเถอะเดินยิ้มอะไรมาคนเดียว พี่ยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคนยังมองไม่เห็น” พี่ชายฉันยิ้มอ่อนโยนพร้อมเดินมาลูบหัวฉัน “น้องเปล่ายิ้มซะหน่อย” ฉันรีบปฏิเสธไป “โอเคๆ ไม่ยิ้มก็ไม่ยิ้ม แล้วสรุปใครมาส่งเรา รถหรูเชียว” พี่ชายฉันยิ้มกริ่ม พลางหรี่ตามองอย่างจับพิรุธฉัน “รุ่นน้องที่โรงเรียนน่ะค่ะ พอดีเราเรียนพิเศษที่เดียวกันแล้วเขาเห็นว่ามันมืดแล้ว กลัวจะอันตรายเขาเลยมาส่งเฉยๆค่ะ” ฉันตอบไป แล้วภาพตอนที่เขาเข้ามาไกล้เพื่อคาดเข็มขัดให้ก็ผุดขึ้นมาทำให้หน้าเริ่มแดงขึ้นสีระเรื่อ “แค่นั้น?” พี่ชายเลิกคิ้วถาม “ใช่ค่ะ แค่นั้น” ตอบไปแล้วก้มหน้าลงมองปลายเท้า ไม่กล้าเงยมองหน้าพี่ชายกลัวจะเผยพิรุธอะไรที่เก็บซ่อนเอาไว้ในใจ “แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย ฮึ เราน่ะ” พี่อคินยิ้มกริ่มพร้อมย่อตัวก้มมามองหน้าฉันอย่างล้อเลียน “อะไร ใครหน้าแดง น้องไม่คุยกับพี่แล่ว” ฉันยกมือมากุมข้างแก้มสองข้างพร้อมวิ่งขึ้นบ้านทันทีแต่ก็ไม่วายมีเสียงพี่ชายดังขึ้นมาตามหลัง “วันหลังพามาแนะนำให้พี่รู้จักบ้างล่ะ” บ้า บ้าที่สุดพี่อคินพูดอะไรก็ไม่รู้ ก็บอกว่าแค่รุ่นน้อง จะแซวทำไมเนี่ยตอนพิเศษ4 เดือนผ่านไปแว๊ อุแว๊ อุแว๊!!!! แอ้!!!!!เสียงแฝดน้อยส่งเสียงร้องพร้อมกันในห้องทำงานกว้าง ซึ่งตอนนี้ได้กลายมาเป็นสถานที่เลี้ยงเด็กไปเป็นเรียบร้อยแล้ว“ ใจเย็นๆครับลูก นมหม่ำๆกำลังมาแล้วนะครับ…โอ๋ๆไม่ร้องนะคะคนสวยของพ่อจ๋า ” มือข้างนึงของผมก็อุ้มลูกสาวโยกไปมา ส่วนอีกข้างก็ไกวเปลให้ลูกชายไปด้วยที่ผมต้องพาลูกมาทำงานด้วยเพราะมีเอกสารด่วนที่ต้องเซ็น ส่วนพี่เลี้ยงสองแฝดก็ลาหยุดหนึ่งวันกลับมาตอนเย็น คุณแม่คนสวยอย่างอิงฟ้าก็มีเคสพิเศษเข้ามาพอดี อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นใช่ไหมล่ะครับ แต่ก็นั่นแหละครับมันเป็นไปแล้วและตอนนี้ผมกำลังรอนมแม่ที่ให้ไอ้ทิวไปอุ่นอยู่ อิงฟ้าเธอค่อนข้างเก่งมาๆทีแรกน้ำนมไม่ค่อยเยอะเธอก็สรรหาของอะไรมาบำรุงเยอะแยะเต็มไปหมดผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ซักเท่าไหร่ เวลาเมียใช้ให้ไปซื้ออะไรก็หาอยู่นานทีเดียว“ ไอ้ทิวโว้ยยยย!!! ได้หรือยังวะ ลูกกูจะกินชาตินี้นะเว้ยไม่ใช่ชาติหน้า ” พอผมตะโกนว่าไอ้ทิวไปแบบนี้ลูปผมหยุดร้องไปทันที แล้วพากันมองมาที่ผมตาแป๋ว“ ได้แล้วๆ…ท่านรอง ต่อหน้าเด็กไม่ควรพูดคำหยาบนะครับ ถ้าคุณอิงฟ้ามาได้ยินท่านรองจะโดนบิดหูชาเหมือนวันนั้นนะครับ ”ใช่ครับที่
ตอนที่38 END….เจ้าสองแฝดหลังจากเพื่อนๆกลับไปกันหมดแล้ว ฉันก็มานั่งจับมือดินแล้วก็เอาไดอารี่ที่เขาเขียนไว้ขึ้นมาอ่านไปด้วยเริ่มตั้งแต่เล่มแรก เขาเป็นคนละเอียดใส่ใจเหมือนกันนะเนี่ย มีรูปฉันแปะหน้าสมุดทุกเล่มแถมมีเลขเขียนติดมาด้วยว่าเล่มไหนเป็นเล่มที่เท่าไหร่[ ถึงที่รักของดิน…อิงฟ้า]วันนี้เป็นวันที่เราตัดสินใจบอกเลิกอิงแต่รู้ไหมว่าเราเจ็บปวดมากแค่ไหนยิ่งเห็นตอนอิงร้องไห้ ใจเรามันเหมือนจะขาดตาม ที่เราพูดไปทั้งหมดวันนี้มันไม่จริงเลย อิงมีค่ากับดินมากที่สุดแต่เป็นดินเองที่ไม่ดี ดินอยากบอกให้อิงรู้ว่าอิงมีความหมายและสำคัญกับดินมากนะดินไม่เคยอยากเลิกกับอิงเลยแต่ดินไม่มีทางเลือกดินไม่อยากให้อิงเกลียดดินดินรักอิงนะ…รักมากที่สุด…รักมากกว่าชีวิต….....ดิน....ฉันอ่านไปก็ร้องไห้ไปดินเขียนไว้หมดทุกช่วงเวลาตลอด7ปีที่ผ่านมา แม้กระทั่งตอนที่เขาเรียนมหาลัยแล้วเขาเดินผ่านฉันเขาก็ยังเขียนไว้หมดเขาคงเจ็บปวดมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฉันเองก็ไม่ต่างกัน กว่าที่ฉันจะผ่านมาได้แต่ละวันมันช่างยากลำบาก ‘และฉันไม่เคยรู้เลยว่าเขาจะรักฉันได้มากขนาดนี้ทุกเล่มที่เขียนเขามักจะลงท้ายด้วยคำว่า รักมากกว่าชีวิต ทุกหน
ตอนที่37 บันทึกแดนดิน3วันต่อมาฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับภาพเหตุการณ์นั้นย้อนกลับเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ มันทำให้ฉันรู้ว่าฉันได้เสียเขาไปแล้วตลอดกาลจริงๆ ‘แดนดิน จิรายุ’ ผู้ชายคนเดียวที่ฉันรักหมดหัวใจ และไม่รู้ว่าจะสามารถรักใครได้เท่าเขาอีกหรือเปล่า แล้วเขายังฝากตัวแทนของเขาอีกหนึ่งชีวิตไว้กับฉันด้วย“ดิน ฮึก” ฉันตื่นขึ้นมามองไปบนเพดานห้องถึงได้รู้ว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงคนไข้ที่โรงพยาบาล“อิงฟ้าลูก ฟื้นแล้วหรอ” ทันทีที่แม่กับพ่อเห็นฉันขยับตัวก็รีบลุกจากโซฟามาดูฉันทันที“แม่คะ ฮือออ พ่อคะ…ดินอยู่ไหนคะ ฮึก”“ใจเย็นๆนะลูกร่างกายเพิ่งจะฟื้นตัวอย่าขยับเยอะ ไม่ห่วงตัวเองก็เป็นห่วงหลานแม่กับพ่อบ้าง”“พะ พ่อแม่รู้แล้วหรอคะ?” ฉันเบิกตากว้าง เงยหน้ามองพ่อกับแม่“ใช่…พ่อเป็นหมอนะทำไมพ่อจะไม่รู้” พ่อลูบหัวฉันพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม“ลูกท้องกับดินใช่ไหม หลานแม่ไม่ใช่ลูกของเสือใช่ไหมยัยอิง” แม่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่มีดุหรือด่าเลยซักคำ“...” ฉันได้แต่ก้มหน้าร้องไห้เงียบๆ แต่ทันใดนั้นก็มีคน เคาะประตู แล้วเปิดเข้ามา ฉันเคยเห็นพวกเขาผ่านจอทีวีมาบ้าง แต่ยังไม่เคยเจอตัวจริงก็อกๆ ก็อกๆ คลืดดดดดดเป็นพ่อ แม่ น้องช
ตอนที่36 ขอร้อง ได้โปรดกลับมา“เห้ยยย ไอ้ดิน / อ๊ายยย / กรี๊ดดด” เสียงผู้คนอื้ออึงหลากหลายเสียง แต่สำหรับฉันเหมือนโลกแตกสลายหูดับไปชั่วขณะ“ไม่ๆๆ ดินทำแบบนี้ทำไม มาบังอิงไว้ทำไม ฮือๆๆ” ฉันร้องไห้นั่งกอดเขาราวกับจะขาดใจ“ไอ้คินเอารถออกเร็ววว” เสียงพี่เสือวิ่งมาหาฉัน “อิงๆเป็นอะไรรึเปล่า” พี่เสือถามด้วยความร้อนรน“มะ ไม่ค่ะ แต่ดิน ฮืออ! ดินลืมตามามองอิงก่อนนะห้ามหลับเด็ดขาดเลยนะ”แล้วพวกเพื่อนดินก็พากันมาแบกดินขึ้นรถ ฉันก็นั่งไปกับเขาโดยที่เขาหนุนตักฉัน“ไม่ เป็นไร นะ ดะ ดินไม่เจ็บเลย อย่าร้องไห้ เพราะ ดินอีกเลย นะ” ดินเอ่ยด้วยน้ำเสียงพร่าเบาหวิวเอ่ยปลอบฉันที่เอาแต่กอดเขาร้องไห้“ไม่นะดิน ดินห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด อิงยังรักดินอยู่นะ รักมาตลอด ดินห้ามตายไม่งั้นอิงจะไม่รักดินแล้ว ฮึก ฮือออ”“ดิน ก็ รักอิงนะ อิงฟ้า ระ รักมากกว่า ชะ ชี…” เสียงเขาขาดห้วงไปในตอนท้ายมือของเขาจากที่จับแก้มฉันอยู่ก็ตกลงข้างลำตัวนิ่งสนิทไป“ไม่ๆๆไม่นะดิน ลืมตามาคุยกับอิงสิ ฮือๆ แล้วอิงจะอยู่ยังไง ลูกของเราเค้าก็ต้องการดินนะ ฮือๆๆ!” ฉันเพิ่งตรวจพบเมื่อวานนี้เอง ว่าฉันท้อง น่าจะได้เดือนกว่าๆแล้ว เพราะตั้งแต่วันนั้น
ตอนที่35 ทำไมทำแบบนี้วันนี้เป็นวันเลี้ยงฉลองก่อนวันหมั้นจะเกิดขึ้นในอีกสองวันของฉัน และพี่เสือ ซึ่งฉันก็ได้เชิญเพื่อนทุกคนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมและมหาลัย วันนี้เป็นงานเลี้ยงแบบปิดรู้กันเฉพาะเพื่อนและคนรู้จักเท่านั้น เรามาจัดกันที่ผับของพี่คินกัน ถึงจะเป็นงานเลี้ยงแบบปิดแต่คนก็ยังเยอะอยู่ดีมีประมาณ 30 กว่าคนทั้งเพื่อนฉันเพื่อนพี่เสือ แล้วฉันก็ยังเชิญกลุ่มของน้องกันต์มาด้วย ซึ่งในนั้นก็มีแดนดิน แต่ไม่รู้ว่าเขาจะมาหรือเปล่านะ“ยินดีด้วยค๊าาเพื่อนสาว เผลอแปปๆก็จะมีสามีก่อนเพื่อนคนอื่นๆซะแล้ว” พวกเพื่อนฉันต่างมายืนล้อมวงชนแก้วฉัน“ยังๆ สามงสามีอะไร คู่หมั้นก็พอไหม แกก็เวอร์เกิน” ฉันว่าให้ยัยกิ๊ฟ ที่พอเมาแล้วพูดเก่งกว่าใครเพื่อนเลย“เอาน่าอีกไม่กี่เดือนก็เป็นสามีแล้ว” ใช่ค่ะ ที่เพื่อนพูดก็มีส่วนถูก เพราะเราหมั้นกัน แล้วอีกสามเดือนก็จะเกิดงานแต่งขึ้นซึ่งมันไวมาก จนฉันก็แทบจะตั้งรับไม่ทันเพราะพวกผู้ใหญ่เค้าคุยและจัดการกันเองฉันเพิ่งจะมารู้เรื่องก็วันที่แม่โทรมาบอกให้ฉันไปลองชุดงานหมั้นที่บ้านนั่นเอง “เฮ้อ!!” ฉันได้แต่ถอนหายใจ“เป็นไรแก ไม่มีควาทสุขหรอจะได้หมั้นกับพ่อหนุ่มเทพบุตรเชียวนะ” ยัยแ
ตอนที่34 ทรมานจนไม่รู้จะอยู่ยังไงหลังจากปรับความเข้าใจกับอิงฟ้า ผมก็หอบสังขารกับใจที่แตกสลายกลับมาบ้านด้วยใจที่แสนจะเจ็บปวด ผมไม่มีวันได้เธอคืนมาจริงๆแล้วสินะ เธอใจแข็งกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ ผมคิดว่าถ้าผมได้บอกความจริงกับเธอไปแล้ว เธอจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ผมคิดผิด เธอยังคงยืนยันจะหมั้นกับผู้ชายคนนั้น ผมก็คงทำได้เพียงแค่ยินดีกับเธอขอให้เธอไม่เจ็บปวดเหมือนตอนคบกับผม และดูจากสายตาทุกครั้งที่ผู้ชายคนนั้นมองอิงฟ้ามันเต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น หวังว่าเขาจะทำให้เธอมีความสุขมากกว่าคนอย่างผมมาถึงบ้านผมก็หมกตัวอยู่แต่บนห้องนอน ในห้องผมจะมีห้องทำงานแยกออกไปอีก มีโซฟากลางห้องและมีทีวีจอยักติดผนังอยู่ซึ่งผมก็นั่งตรงนั้น ตรงโซฟาตัวยาวกลางห้องทำงาน จอภาพยังคงฉายวนซ้ำๆกับคลิปวิดิโอต่างๆที่ผมชอบถ่ายเก็บไว้เวลาผมกับอิงฟ้าใช้เวลาอยู่ด้วยกัน วันๆผมก็มักจะมาหมกตัวอยู่แต่ในห้องนี้ตลอด และเขียนไดอารี่ถึงเธอทุกครั้งที่คิดถึงผมนั่งกระดกเหล้าลงคอไม่รู้เป็นแก้วที่เท่าไหร่แล้ว เหม่อมองวิดิโอตอนที่เราไปเที่ยวทะเลและเล่นน้ำด้วยกันซ้ำๆ มันเล่นวนไปมาตั้งแต่เมื่อคืนจนตอนนี้ก็เช้าแล้ว ผมก็ยังไม่ลุกไปไหน[ ถึงท