ฉันกลับมาถึงห้องเกือบตีหนึ่งด้วยสภาพที่เหนื่อยล้าเต็มทนแต่ก็ต้องฝืนความง่วงมาอาบน้ำอีกครั้งเพราะความรู้สึกเดียวจริง ๆ ที่ทำให้ยอมอาบน้ำนานเกือบยี่สิบนาทีทั้งที่ลืมตาแทบไม่ไหวเพราะฉันขยะแขยงไอ้เปรตนั่น!
สงสัยกันใช่ไหมคะว่าทำไมฉันถึงต้องมาโดนอะไรแบบนี้ เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้เองแค่ระยะเวลาสั้น ๆ แต่กลับรู้สึกยาวนานทรมานใจเหมือนเจอเหตุการณ์เลวร้ายมาทั้งชาติ
มันเริ่มต้นจากวันนั้นวันงานวันเกิดของเขาที่ฉันไปในฐานะของรุ่นน้องในชมรมแล้วก็หนีบเอาเพื่อนรักอย่างปั้นหยาไปเป็นเพื่อน แต่แล้วในงานวันเกิดของเขาปั้นหยาก็ไปปะทะแล้วก็ทะเลาะกับพี่กราฟ รุ่นพี่ในมหาลัยที่ปั้นหยาแอบชอบมานานตั้งสามปี ฉันไม่รู้ว่าเขากับพี่กราฟเกี่ยวข้องอะไรกันเพราะปั้นหยาเดินกลับเข้ามาในงานหลังจากขอตัวไปเข้าห้องน้ำด้วยสภาพเปียกยับเป็นลูกหมาตกน้ำ แต่สภาพจริง ๆ ของเพื่อนรักคนสวยของยาหยีน่าจะเรียกว่ากัปปะมากกว่า เพราะบอกได้คำเดียวว่าเละ! คงเป็นเพราะไม่ใช่สงกรานต์เพื่อนคนสวยของยาหยีก็เลยไม่ได้ใช้เครื่องสำอางกันน้ำ หลังจากนั้นยังไม่ทันที่เราจะคุยกันให้รู้เรื่องว่าไปโดนอะไรมาพี่กราฟก็ตามมาหาเรื่องปั้นหยาจนมีปากเสียงกับพี่กันต์ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือเพราะมีนางแบบที่กำลังดังคนหนึ่งเดินเข้ามาเรียกพี่กราฟออกไปก่อน ตอนแรกฉันว่าจะพาปั้นหยากลับแต่สุดท้ายพี่กันต์ก็ให้คนหาเสื้อผ้าของใช้มาให้ปั้นหยาแต่งตัวใหม่และจบด้วยการที่พวกเราอยู่ในปาร์ตี้ต่อจนเลิกงาน
“ฮัลโหลค่ะพี่กันต์ โทรหาหยีแต่เช้ามีธุระอะไรรึเปล่าคะ” หลังจากผ่านงานวันเกิดเขาก็โทรมาหาฉันแต่เช้า ตอนแรกก็ใจเต้นแรงด้วยความดีใจเพราะร้อยวันพันปีผู้ชายคนนี้ไม่เคยโทรหาฉันเลยสักครั้งมีแค่ติดต่อทาง Line เพื่อถามเรื่องชมรมซึ่งมันก็นานมาแล้ว และล่าสุดก็คือชวนไปงานวันเกิดของเขาแค่นั้นจริง ๆ
“สวัสดีครับยาหยี พี่โทรมารบกวนแต่เช้ารึเปล่า” น้ำเสียงทุ้มสุภาพที่ฉันรู้ดีว่ามันน่าฟังแค่ไหนพูดออกมา แค่เขาพูดมันก็ทำให้ฉันใจสั่นอย่างรุนแรง แค่ได้ยินมันก็ทำให้คนที่แอบชอบคิดไปไกลแล้วจริง ๆ นะคะ
“ไม่กวนเลยค่ะพี่กันต์ หยีกำลังจะไปมหาลัยพอดี” ใจฉันตอนนี้คือความรู้สึกตื่นเต้น ตื่นเต้นจนแทบกรี๊ดใส่ปลายสายเพราะเขาคือคนที่ฉันแอบชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ชอบตั้งแต่วันที่ฉันไปมหาลัยวันแรกแล้วก็ถอยรถเข้าจอดจนชนรถเขา
“อ้อครับ คือพี่มีเรื่องจะถามยาหยีหน่อย”
“คะ? เรื่องอะไรเหรอคะ” ฉันรีบถามกลับด้วยความตื่นเต้น ถามว่าอะไรดีคะสุดหล่อ ยาหยีมีแฟนรึยัง มีคนที่ชอบรึเปล่า จะถามประมาณนี้น่ะเหรอ >///<
“พี่อยากรู้ว่า...ปั้นหยาเพื่อนของยาหยีมีแฟนรึยัง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเขินแต่ยาหยีนี่สิคะยิ้มฟังคำถามของเขาเก้อน็อคกลางอากาศไปเลยด้วยคำพูดของเขา
...ปั้นหยาเพื่อนของยาหยีมีแฟนรึยัง?
...ปั้นหยาเพื่อนของยาหยีมีแฟนรึยัง?
...ปั้นหยาเพื่อนของยาหยีมีแฟนรึยัง?
เขาโทรมาเพื่อจะถามว่ามีแฟนรึยังอย่างที่ฉันมโนไว้เป๊ะเลย ฉันรู้สึกว่าตัวเองเดาโคตรเก่งผิดแค่นิดเดียวก็แค่คนที่เขาหมายถึงมันไม่ได้ชื่อยาหยีเท่านั้นเอง
“...ยังค่ะ”
“เหรอครับ คือพี่อยากรู้จักปั้นหยา หยีช่วยพี่หน่อยได้ไหม” พอฉันตอบว่ายังพี่กันต์ก็ทำน้ำเสียงอารมณ์ดีขึ้นมาทันที น้ำเสียงกระตือรือร้นแตกต่างไปจากทุกครั้งที่ฉันเคยสนทนากับเขา
“เอ่อ...จะให้หยีช่วยยังไงเหรอคะ” ฉันถามกลับเพราะจับต้นชนปลายไม่ถูกก็เลยต้องถามตามน้ำไป หวิวไปทั้งใจเลยค่ะ อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้ส่งสายตาบอกเขาว่าฉันแอบชอบมาตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเลยด้วยซ้ำ
“แค่เปิดทางช่วยพี่นิดหน่อยก็ได้ไหม พี่อยากทำความรู้จักกับปั้นหยา”
“คือที่จริงปั้นหยามีคนที่แอบชอบอยู่แล้วค่ะพี่กันต์” ฉันบอกเบา ๆ ไม่ได้มีความรู้สึกอิจฉาริษยาหรืออยากกีดกันเพื่อนนะคะ แต่เพราะกลัวพี่เขาจะผิดหวังต่างหากเพราะปั้นหยามีคนเข้ามาจีบเยอะมากและสุดท้ายทุกคนก็ต้องพบกับความผิดหวัง ปั้นหยาน่ะไม่เคยสนใจใครนอกจากนั่งเพ้อถึงพี่กราฟคนเดียว
“เหรอครับ” น้ำเสียงพี่กันต์ดูผิดหวังลงไปเลยค่ะ แต่อันที่จริงปั้นหยาก็เพ้อถึงพี่กราฟมาหลายปีแล้วนะ อีกอย่างเมื่อคืนก็เพิ่งโดนพี่กราฟคนนั้นร้ายใส่ด้วยถ้าได้พี่กันต์ที่ฉันเห็นมาตลอดว่าพี่เขาน่ารักนิสัยดีมาดาม ใจคงจะดี เพื่อนรักของฉันจะได้มีความสุข
ฉันคิดแบบนั้นในตอนนั้นความคิดโง่ ๆ ก็เลยบังเกิดขึ้นค่ะ ความคิดที่ว่าในเมื่อเขาไม่เคยมองมาที่ฉันแต่เขาดันไปชอบเพื่อนรักของตัวเอง ไหน ๆ เพื่อนก็เพิ่งโดนผู้ชายที่ชอบทำตัวไม่ดีใส่จนปั้นหยาสาปส่งไม่หยุด และเขาก็เป็นคนดี มันคงจะดีถ้าเพื่อนรักของฉันได้คบกับคนดี ๆ แบบพี่กันต์ฉันก็เลยขอเป็นตัวช่วยให้สองคนนี้ทำความรู้จักกันก็แล้วกัน
“แต่ปั้นหยาก็ไม่ได้คุยกับคนที่ชอบหรอกค่ะ ถ้าพี่กันต์อยากทำความรู้จักกับปั้นหยาจริง ๆ เดี๋ยวหยีจะช่วยนะคะ แต่หยีคงช่วยเท่าที่พอจะช่วยได้นะคะพี่กันต์”
“ขอบคุณครับยาหยี ขอบคุณมาก ๆ นะ”
“ยินดีค่ะ ปั้นหยาเป็นเพื่อนรักของหยี ถ้ามีหนุ่มหล่อนิสัยดีแบบพี่กันต์มาจีบเพื่อนที่ไหนจะไม่ลองเชียร์ล่ะค่ะ” ฉันต้องพยายามทำน้ำเสียงให้มันสดใสทั้งที่ในใจโคตรขมขื่น วิถีคนแอบรักมันมักจะช้ำระทมแบบนี้นี่แหละ สงสารตัวเองสุด ๆ ที่เจ็บปวดใจแต่ไม่มีใครรู้
“ฮ่า ๆๆ พี่ก็ไม่ได้ดีหรอกครับ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณยาหยีมากนะครับ เพื่อเป็นการขอบคุณวันนี้พี่ขอเลี้ยงข้าวเที่ยงได้ไหม”
“อยากจะเลี้ยงหยีคนเดียวหรือว่าเลี้ยงปั้นหยาด้วยคะ” ฉันแกล้งถามกลับด้วยน้ำเสียงรู้ทันแล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะอารมณ์ดีของเขาดังกลบเกลือนความอายออกมา เอาวะยาหยีช่วยให้เพื่อนได้ลองดูใจคนดี ๆ ก็ยังดีกว่าแอบรักเขาแล้วปล่อยให้เสียของไปเปล่า ๆ
หลังจากนั้นเขาก็เทียวไล้เทียวขื่อมาหาปั้นหยาเป็นประจำ แต่ไม่ได้มาตื้อทุกวันนะคะ ก็เขาหล่อซะขนาดนั้นจีบหญิงทั้งทีก็เลยไม่จำเป็นที่จะต้องมาตื้อทุกวัน เขาแวะมาพาไปกินข้าวบ้างอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ฉันก็เลยโดนหนีบไปเป็นส่วนเกินด้วยทุกครั้ง แต่ผ่านมาเป็นเดือนปั้นหยาก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจเขาเลย
“ช่วงนี้ผู้ชายทักทายบ่อยนะคะมายเฟรน” ฉันแซวปั้นหยาในวันหนึ่งหลังจากที่พวกเราลงมานั่งด้านล่างตอนพักเที่ยง ลองแย็บถามดูเพราะผ่านมาเป็นเดือนแล้วฉันยังไม่เห็นว่าปั้นหยาจะรู้สึกอะไรกับเขามากไปกว่าความเป็นพี่น้องเลย
“อะไรล่ะหยี ก็คุยกันแบบพี่น้อง หยาไม่ได้คิดอะไร”
“พี่เขาจะคิดแค่พี่น้องไหมล่ะคะคุณปั้นหยา”
“ไม่หรอกมั้ง หรือถ้าพี่เขาคิดแต่หยาไม่คิดก็ไม่มีอะไรเกินเลยหรอก หยาก็รักษาระยะห่างอยู่” เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้จริง ๆ ปั้นหยาไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด
“อื้อ แล้วคนนั้นล่ะไม่เห็นพูดถึงเลย”
“ปล่อยออกไปจากใจให้ไหลลงสู่ธุลีดินเรียบร้อยแล้วจ้ะ” ปั้นหยาตอบพร้อมกับเบ้หน้า แต่ถึงจะทำปฏิกิริยาแบบนี้ฉันก็เห็นแววตาสั่นไหวในสายตาของเพื่อนรักอยู่ดี
“วันนั้นพี่เขาอาจจะเมามากก็ได้เลยทำหรือพูดอะไรแย่ ๆ” ฉันลองถามถึงพี่กราฟดูเพื่อดูปฏิกิริยาของปั้นหยาเพราะฉันกำลังกลัวว่าการที่ฉันพยายามทำตัวเป็นแม่สื่ออยู่แบบนี้มันจะทำให้ปั้นหยารู้สึกอึดอัดรึเปล่า
“เมาแล้วหางโผล่สันดานเผยมากกว่านะหยี นิสัยแย่มาก หยาตัดออกไปจากความคิดแล้ว เสียแรงที่แอบเพ้อมาตั้งสามปี”
“ถ้างั้นก็ลองเปิดใจให้คนใหม่ที่นิสัยดีซะ เดินหล่อมาโน่นแล้ว” ฉันแกล้งบอกแล้วพยักพเยิดหน้าไปด้านหน้าตึกคณะเพื่อดูปฏิกิริยาของปั้นหยาให้มันชัดเจน เพราะสายตาฉันมันมองไปเห็นผู้ชายคนนั้นที่ช่วงหนึ่งเดือนมานี้เราสองคนมีโอกาสได้พูดคุยกันมากขึ้นกำลังเดินมาหาพวกเราพอดี เขาโทรมาหาฉันเป็นประจำแต่โทรมาปรึกษาเรื่องปั้นหยานะคะ ไม่เคยมีอะไรที่เขาจะถามถึงฉันหรอก ถามก็แปลกแล้ว
ทุกครั้งที่เขาโทรมาจะมีแค่คำสั้น ๆ อย่าง สวัสดีครับยาหยี ว่างคุยกับพี่รึเปล่า เท่านั้นจริง ๆ แล้วก็ถามเรื่องปั้นหยา เจ็บดีนะคะเกิดเป็นยาหยีคนนี้ เจ็บที่ดันไปชอบคนที่เขาไม่เคยมองมาที่เราแล้วยังมาชอบเพื่อนที่เรารักมากอีกด้วย นับตั้งแต่วันเกิดของเขาผ่านมาเป็นเดือนความสดใสในใจฉันมันลดน้อยลงมากจริง ๆ
-หลายชั่วโมงต่อมา-“เอาล่ะครับคุณภรรยาสุดที่รักตอนนี้เหลือแค่เราแล้วพูดเรื่องที่ค้างคาใจพี่มาสักที” พอเสร็จพิธีส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเรียบร้อยและประตูห้องถูกปิดลงพี่กันต์ก็หันมาถามฉันเสียงจริงจัง ผ่านมาตั้งหลายชั่วโมงตลอดระยะเวลาในงานพี่กันต์กลับไปเป็นปกติ ยิ้มแย้มมีความสุขมากแต่ไม่น่าเชื่อเลยค่ะว่าจะยังจำเรื่องนั้นได้“ยังโกรธหยีอีกเหรอคะ” ฉันกุมมือพี่เขาเอาไว้ ตอนนี้เรานั่งกันอยู่ที่ปลายเตียง“ไม่โกรธครับแต่พี่น้อยใจ แล้วก็ข้องใจไอ้เรื่องข้อพิสูจน์อะไรนั่นที่หยีพูดมา”“ก็จริง ๆ นี่คะ พี่กันต์ไม่แพ้ท้องแทนหยีหรอก” ฉันตอบแล้วก็ยิ้มออกมาแต่เจ้าบ่าวสุดหล่อเริ่มทำหน้าไม่สบอารมณ์“โคตรดูถูกความรู้สึกของพี่เลยว่ะ รอให้ท้องก่อนสิวะ ท้องแล้วพี่ไม่แพ้ท้องแทนเมียค่อยมาพูด ไม่ใช่ยังไม่เกิดขึ้นแต่พูดเองเออเอง” นี่เฮียเขาซีเรียสกับการแพ้ท้องแทนเมียมาก ๆ เลยนะคะ“ก็เรื่องจริงนี่คะ ไม่งั้นพี่กันต์แพ้มาเป็นเดือนแล้ว” พี่เขาหันหน้าหนีไปทางอื่น น่าจะหันไปเพื่อสงบสติอารมณ์ฉันก็เลยพูดขึ้น พอพูดจบพี่เขาก็ชะงักไปแล้วก็หันกลับมาช้า ๆ พร้อมกับสีหน้าที่กำลังงง“หมายความว่า?”“ของขวัญวันแต่งงานอยู่ในห้องน้ำค่ะ
ทันทีที่ม่านเปิดออกพี่กันต์ก็มองฉันตาค้างไปหลายสิบวินาที เขามองด้วยสายตาตื่นตะลึงและหลงใหล ค่อย ๆ มองฉันจากหัวจรดปลายเท้าช้า ๆ จนคนที่ยืนให้เขามองนาน ๆ เริ่มเขิน แล้วหน้าก็เริ่มขึ้นสีทีละนิด“...” พี่กันต์เงยหน้าขึ้นสบตากับฉันอีกครั้ง ฉันก็ได้แค่ยิ้มให้แล้วก็รอให้เขาพูดอะไรออกมาก่อน“มันโป๊ครับ”“คะ?” ฉันพูดแค่สั้น ๆ แล้วก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ชุดนี้เป็นชุดที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ทุกชุดที่ฉันสวมพี่เขาดูจะชอบทั้งหมดแต่ในขณะเดียวกันพี่เขาก็ไม่ชอบทั้งหมดเหมือนกัน -_-!“หยีลองจนล้าแล้วนะคะ” ใช่ค่ะตามที่พูดเลยยาหยีลองจนล้าแล้ว หลังจากวันที่บอกให้ไปขอฉันจากพ่อแม่ก่อนแล้วค่อยปั้มลูกพี่เขาก็รีบไปหาพ่อตาแม่ยาย ดีนะที่ทำบุญมาเยอะหน่อยก็เลยเจอพ่อตาที่เป็นพ่อมหามัคนายกไม่ได้เป็นพ่อกำนันปืนโหดอย่างที่พี่กราฟโดนทุกอย่างก็เลยผ่านไปได้ด้วยดี ตอนนี้ผ่านมาสามเดือนแล้วตั้งแต่ไปกราบพ่อแม่และให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอ ผ่านมาถึงตอนนี้เราก็กำลังเตรียมงานแต่งอ้อ! แล้วไอ้ที่บอกว่าเขาจะประกาศความเป็นผัวด้วยตัวพี่เอง เขาทำจริงอย่างที่พูดเลยพี่กันต์เล่นอัพรูปฉันหลายร้อยรูปซึ่งแต่ละรูปเป็นรูปแอบถ่ายฉันตั้งแต่สมัยเมื่อปีหนึ
“พี่กันต์จะได้ไม่เหนื่อยไงคะ ไม่รู้แหละหยีไม่คุยเรื่องนี้แล้ว เอาเป็นว่าต่อไปนี้หยีจะทำอาหารกับพี่กันต์ทุกมื้อค่ะ!” “หยีกำลังดื้อ”“ใครแคร์คะ” “เฮ้อ! ตามใจค่ะ หนูอยากมาเกะกะตอนพี่ทำอาหารก็ตามใจหนู” พี่เขาตอบกลับมาด้วยใบหน้าเหมือนจะรำคาญแต่ก็มีความเอ็นดูความรั้นของยาหยีแฝงอยู่ แถมยังเรียกฉันด้วยคำน่ารัก ๆ อย่าคำว่า หนู อีกต่างหาก ฮือ~ หนูเขิน~ >///“พี่กันต์จะกัดหยีด้วยคำพูดน่ารักแบบนี้ไม่ได้นะคะ” อยากจะโกรธก็โกรธไม่ลงค่ะ คนบ้าอะไรบทจะดีก็ทั้งดีทั้งน่ารัก“อ่าส์~ ครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจแต่อยู่ดี ๆ พี่ก็น่ารักเอง” พี่กันต์พยักหน้ารับเหมือนสำนึกผิดแต่เปล่าเลยค่ะฟังท้ายประโยคสิคะ“ชิส์! กินข้าวดีกว่าค่ะ” ฉันเดินหนีออกมาเลยเดี๋ยวอดใจไม่ไหวพุ่งไปขย้ำแก้มพี่สุดหล่อขึ้นมาแล้วจะยุ่ง“แต่ที่จริงถ้าคุณหมอไม่เหนื่อยแล้วอยากจะมาช่วยพี่ทำกับข้าวก็โอเคนะคะ คุณหมออยู่ที่ไหนพี่ก็ไม่เคยรู้สึกว่าเกะกะอยู่แล้ว” พี่กันต์เดินตามมาพร้อมจานอาหารแล้วก็พูดไปเรื่อย ๆ ด้วยความอารมณ์ดี“ขี้ประจบ” นอกจากร้ายมาก ตอแหลเก่งมาก อ้อนเก่งมาก ก็เพิ่มความขี้ประจบมากเข้ามาอีกหนึ่งอย่างนี่ล่ะ ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวไหมว่าเป็นผ
“ว่าที่เจ้าบ่าว?”“ครับ ยังไงผมขอเชิญล่วงหน้าเลยนะครับ ถึงวันงานอาจจะไม่มีเวลาเพราะเราสองคนเน้นไปที่เชิญ...คนสนิทเท่านั้นครับ” “ครับ...ขอให้ถึงวันงานนะครับว่าที่เจ้าบ่าว”ไอ้เหี้ยนี่มันคงรู้ตัวดีว่ามันอยู่ในโรงพยาบาลนะครับ ท่าทางมันจะมั่นใจว่าโดนกระทืบปากปางตายยังไงก็ต้องมีหมอรักษา“อ่าส์~ ครับ ขอบคุณสำหรับคำอวยพรครับหมอ ผมก็ยังหวั่นอยู่ว่าจะได้จัดงานเร็ว ๆ นี้อย่างที่ต้องการรึเปล่า” ผมพยักหน้าขอบคุณมันไปแบบกวนส้นตีน ส่วนคุณหมอยาหยีของผมก็หันมามองผมตาขวางเชียว“...ทำไมครับ หรือว่าเกิดไม่แน่ใจอะไรขึ้นมา” หึ ๆ รีบถามกูทันทีเลยนะมึงไอ้หมอหน้าแหลม โคตรพ่อโคตรแม่แหลม คางแม่งหน้าเอาไปตอกยึดเสาบ้านฉิบหาย จะรีบถามเพื่อปั่นให้ยาหยีไม่แน่ใจคิดว่ากูโลเลล่ะสิ ฝันไปเถอะไอ้ควายกูรักเดียวใจเดียวมาตั้งหลายปีแล้วยาหยีของกูไม่มีทางตกหลุมพรางของมึงด้วยคำพูดประโยคเดียวหรอก“เปล่าครับ แค่กลัวว่าที่เจ้าสาวคนสวยของผมจะแพ้ท้องหนักจนจัดงานแต่งไม่ได้ต่างหาก” ผมตอบมันช้า ๆ ชัด ๆ น้ำเสียงก็อารมณ์ดีมากไม่มีอะไรที่ผมต้องกลัวมันหรอก ถ้ายาหยีจะชอบมันเธอคงชอบไปนานแล้ว แต่เมียผมรักผมคนเดียวผมมั่นใจ ที่พูด ๆ มานี่แค่
“ที่รัก...เราแต่งงานกันเลยได้ไหม ยาหยีแต่งงานกับพี่กันต์ได้ไหมคะ พี่คิดถึงลูก พี่อยากให้ลูกกลับมาอยู่กับเราแล้ว~”สิ่งที่พี่กันต์พูดออกมาทำให้ฉันใจเต้นแรงมาก แรงจนน่ากลัวแล้วก็มีความสุขที่สุด ฉันมีความสุขมากเลยนะ ที่เขาอยากมีลูกกับฉันเหมือนอย่างตอนนั้นที่ขนาดฉันท้องเพราะพลาดเขายังเสียใจที่ลูกไม่อยู่มากถึงขึ้นหนีหายไปนานถึงสามปี“พี่กันต์อยากแต่งงานอยากมีลูกกับหยีจริง ๆ เหรอคะ” ฉันถามเสียงสั่น ทั้งตื้นตันแล้วก็เอ่อ...ทั้งเสียวค่ะ เข้าใจไหมว่าพี่กันต์ยังอยู่ข้างในตัวฉัน -///-“กี่ปีแล้วที่พี่รักหยี หยีคิดว่าพี่จะอยากหยุดแค่คบกันแล้วก็มีอะไรกับหยีไปวัน ๆ แค่นั้นเหรอครับ” พี่กันต์ถามเสียงทุ้มแล้วก็เริ่มควงท่อนเอ็นในตัวฉัน“ซี๊ด~ พี่กันต์ขา” ฉันกอดพี่กันต์แน่นเพราะเขาหมุนควงท่อนเอ็นไม่หยุด“จ๋า~ ยาหยีของพี่เสียวเหรอครับ” พี่กันต์กอดฉันแน่นแล้วก็ถามเสียงแหบพร่า“อื้อ~ อย่าทรมานหยี” เสียวสิคะใครจะไม่รู้สึกอะไรได้ล่ะก็พี่กันต์เล่นหมุนท่อนเอ็นไม่หยุดแบบนี้“อ่าส์~ พี่ก็เสียว ตกลงที่รักแต่งงานกับพี่นะครับ”“ใครเขาขอแต่งงานเวลาแบบนี้กันคะพี่กันต์ อื้อ~ อย่าแกล้งหยี” เขาเริ่มขยับท่อนเอ็นสาวเข้าออ
“วันจันทร์มีเคสหนักไหมครับ?”“ไม่มีค่ะ ทำไมเหรอคะ”“ก็...คุณหมออาจจะต้องลาป่วยเพราะสามีคุณหมอกินคุณหมอจนเป็นไข้ลุกไม่ไหวต้องนอนติดเตียงให้สามีฉีดยาไงครับ” ผมบอกยาหยีจบก็ดันเธอให้ลงไปนอนอยู่ใต้ร่าง เช้า ๆ แบบนี้มีเมียมายั่วมันก็ดีนะครับ ดีมากด้วยแต่ผมอยากจับเมียกินมากกว่าให้เธอมากินผม เช้า ๆ มันคึกคักผมต้องการออกกำลังกายด้วยตัวเองผมคร่อมอยู่บนตัวยาหยีตรงกลางลำตัวของเราสองคนกำลังประสานกันอยู่ รู้สึกดีมากแต่ที่รู้สึกดีมากกว่านั้นก็คือขาเรียวของยาหยีที่กำลังตวัดเกี่ยวตัวผมเอาไว้ต่างหาก“อืม~” เสียงครางเบา ๆ ในลำคอดังขึ้นมาจากทั้งผมและยาหยี เราสองคนกำลังจูบกันอย่างดูดดื่มแล้วก็เพิ่มความร้อนแรงขึ้นมาเรื่อยๆ มือของเราสองคนก็ลูบไล้ไปตามลำตัวของกันและกันผมถอนจูบออกแล้วไซร้ลงมาที่คอขาวผ่องของยาหยี อยากจะฝากรอยรักเอาไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของแต่ก็ทำไม่ได้เพราะคนอื่นคงมองมาไม่ดีผมก็เลยขยับลงมาต่ำอีกนิดจนถึงเนินอกถึงได้เริ่มดูดผิวเนื้อของเธอแรง ๆ ให้มันเกิดรอยแดงจ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ~“อื้อ~ พี่กันต์ขา~” ยาหยีส่งเสียงร้องครางออกมาพร้อมกับขยุ้มหัวผมจนแน่น ทั้งขยุ้มทั้งกดจนผ่านไปไม่นานเธอก็ดันหัวผมให้ล