“ค่ะ ไม่ต้องรับผิดชอบค่ะ พี่กันต์จอดทำไมคะจะเข้าห้องน้ำเหรอ”
“เปล่าครับ แต่พี่จะให้ยาหยีรับผิดชอบต่างหาก”
“รับผิดชอบ? รับผิดชอบอะไรคะ”
“รับผิดชอบ...เรื่องเมื่อสามปีก่อนไงครับ ที่หยีถอยมาชนรถพี่แถมยังต้องให้พี่ขับรถคู่กรณีเข้าไปจอดให้อีก”
“...” ! เขาจำได้เหรอ?
“พี่กันต์...” จะถามว่าจำได้เหรอคะแต่อยู่ ๆ คอก็แห้งขึ้นมาทันทีแถมเสียงก็ไม่ออกมาด้วย
“เด็กปีหนึ่งหน้าตาสวยแต่โก๊ะขนาดนั้นใครจะจำไม่ได้ล่ะครับ” เขาหันมามองหน้าฉันแล้วตอบเหมือนรู้ทันความคิดพร้อมกับแววตาที่แปลกออกไป มันมีประกายวิววับระยิบระยับชอบกล แต่ฉันไม่มีเวลามองตาเขาเพื่อค้นหาความหมายของมันนานหรอกนะคะเพราะกำลังอายเขา เขินอายหนักมาก -///-
“...” ตอนนี้ฉันได้แต่ก้มหน้าหลบความอาย จะไม่ให้อายได้ยังไงเพิ่งเล่าให้เขาฟังว่าเคยไปขับรถชนคนอื่นเล่าแล้วก็เขินจนหน้าแดง เขาไม่รู้เลยมั้งคะว่าฉันหมายถึงตัวเอง จำได้ขนาดนี้เขารู้หมดแล้วล่ะว่าฉันแอบชอบ T_T
“ยาหยี...” อย่าเรียกชื่อได้ไหมถ้าเธอไม่แคร์~ เฮ้อ! อย่าเรียกชื่อหนูเถอะนะพี่หนูขอร้องแค่นี้หนูก็อายจนจะตายเป็นซากศพอยู่ในรถพี่อยู่แล้ว
“หยี” ยิ่งพูดเสียงเบาแล้วก็เรียกชื่อฉันสั้น ๆ ที่มีแต่คนสนิทเรียกแบบนี้ฉันยิ่งใจสั่น เท่านั้นยังไม่พอเขายังขยับมาใกล้อีก เขาขยับเข้ามาจนฉันทนก้มหน้าต่อไปไม่ไหวก็เลยต้องจำใจเงยหน้าขึ้นไปสบตาเขา
หล่อ ยิ่งมองใกล้ ๆ ยิ่งหล่อมาก แต่ทำไมมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนฉันแทบมองหน้าเขาไม่ชัดแบบนี้นะ ทำไมฉันถึงได้...
“อื้อ~”
เขา...จูบฉัน
ปากเขาแตะปากฉันเบา ๆ แล้วขบริมฝีปากล่างของฉัน ฉันตกใจและจะถอยหลังหนีเขาก็จับคอฉันเอาไว้แล้วก็รั้งเข้าไปหา พอโดนรั้งให้ชิดกันมากขึ้นลิ้นร้อนก็แทรกเข้ามาในปากของฉัน
จูบแรกของฉันได้เสียไปแล้ว เสียให้กับเทพบุตรผู้แสนดีที่ฉันแอบชอบมานานถึงสามปี
จุ๊บ!
“หวาน~” เขาผละออกเพราะฉันกำลังเริ่มหายใจไม่ออก เขาผละริมฝีปากออกช้า ๆ แล้วก็จูบลงที่มุมปากของฉันจากนั้นก็กระซิบเสียงแผ่ว ยิ่งลมหายใจอุ่น ๆ สัมผัสโดนผิวฉันก็ยิ่งแก้มแดง
“เอ่อ...” เอ่ออะไรของแกล่ะยาหยี ก้มหน้าก้มตางมหาเข็มไปเลย ต่อไปนี้จะมองหน้ากันได้ยังไงเราสองคนเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องแล้วอยู่ดี ๆ ก็มาจูบกันแบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าที่นี่มันเป็นต่างจังหวัดและก็ดึกมากแล้วฉันคงลงจากรถวิ่งหนีเข้าป่าหลบความอายไปแล้วล่ะค่ะ แต่เพราะมันไม่ได้เป็นอย่างที่พูดก็เลยทำได้แค่นั่งอายอยู่ที่เดิม
“ต่อไปรับผิดชอบพี่ด้วยนะครับ” เขากำลังพูดอะไรที่ฉันไม่เข้าใจเลยค่ะ ฉันไม่เข้าใจแล้วก็ไม่มีสติมากพอที่จะทบทวนคำพูดของเขาด้วย
“ไป...ไปต่อเลยไหมคะ” ฉันก้มหน้าก้มตาพูดเร็ว ๆ เพราะอยากให้กลับไปถึงกรุงเทพ ถึงตอนนี้วินาทีนี้เลยก็ได้
“หืม? อยากไปต่อที่ไหนล่ะ”
“พี่กันต์! ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” ฉันเงยหน้าแหวใส่เขาเพราะลืมตัว ก็เขาเล่นถามด้วยน้ำเสียงล้อเล่น พูดจาสองแง่สองง่ามนี่คะใครจะไม่เผลอวีน
“ฮ่า ๆๆ พี่ล้อเล่นครับ เดี๋ยวพากลับแต่เรามาตกลงกันก่อน” เขาหัวเราะอารมณ์ดีแล้วจับมือฉันเอาไว้มือฉันก็เลยยิ่งสั่น อย่าหาว่าเวอร์เลยนะคะฉันก็แค่ยาหยีตัวน้อยที่คอยแอบรัก แฟนไม่เคยมีกับเขาสักคนประสบการณ์เรื่องความรักติดลบจริง ๆ ค่ะ
“คะ?”
“รักษาแผลใจให้พี่หน่อยได้ไหม?” พอฉันถามเขาก็พูดขึ้นมาทันที พูดจาอ้อนแบบนี้มันหมายความว่า...ยังไง
“พี่กันต์ว่ายังไงนะคะ?”
“ช่วยรักษาแผลใจให้พี่หน่อยนะครับ พี่เพิ่งอกหักมา” เขากำลังพูดและหมายความว่ายังไงกันแน่ ฉันพอจะเข้าใจนะคะแต่ฉันก็ไม่อยากคิดไปไกลคนเดียวเดียวมันจะผิดหวังถ้าสุดท้ายไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด
“...”
“ไม่เข้าใจจริง ๆ เหรอครับ” พอฉันเงียบพี่เขาก็ก้มหน้ามาถาม เข้าใจน่ะมันเข้าใจอยู่แล้วค่ะ เข้าใจแจ่มแจ้งแดงแจ๋เลย แต่อารมณ์ตอนนี้มันช็อคตื่นเต้นงงเขินอายทุกอารมณ์มันตีกันในใจไปหมด
“เข้าใจค่ะ” แต่ต่อให้ในใจจะเกิดความรู้สึกมากมายแต่เราก็ต้องตอบใช่ไหมล่ะค่ะเพราะฉะนั้นก็อย่าพิรี้พิไรร่ำไรให้มากความเลยเพราะยังไงใจก็สั่งมาอยู่เหมือนกัน ฮ่า ๆๆ
“แล้วช่วยพี่หน่อยได้ไหม” อย่าทำเสียงเบาแต่ฟังแล้วมีความอ้อนหนักมาก ๆ แบบนี้ได้ไหมคะ ยาหยีจะไม่ทนแล้วนะ
“ว่าไงครับ ช่วยพี่หน่อยได้ไหม” เพิ่งบอกในใจว่าอย่าทำเสียงอ้อนไปหยก ๆ แต่เขาอ่านใจฉันออกรึเปล่าถึงได้ทำเสียงอ้อนหนักมากกว่าเก่าอีก คนจะระทวยตายนั่งอยู่ตรงนี้ได้โปรดเห็นใจกันหน่อยได้ไหมคะ
“พี่กันต์ไม่กลับเหรอคะ” ฉันชวนเปลี่ยนเรื่องเสียงเบามาก เบาจนมดก็แทบไม่ได้ยินมั้งนั่น
“ฮ่า ๆๆ ไม่กลับครับ รอให้คุณหมอยาหยีตอบตกลงจะช่วยรักษาแผลใจให้ก่อน” น้องจะตายอยู่แล้วพี่จะอะไรนักหนา -///-
“หยีไม่เล่นแล้วค่ะพี่กันต์”
“พี่ก็ไม่ได้เล่นครับพี่จริงจังมาก ว่ายังไงครับตกลงคุณหมอยาหยีจะช่วยรักษาแผลใจคนไข้คนนี้รึเปล่า” ยิ่งพูดก็ยิ่งขยับหน้ามาใกล้ ๆ ฉันเลยต้องเอนหลังถอยห่างจนหลังติดกับประตูรถอยู่แล้ว
“ว่ายังไงครับคุณหมอ” ยิ่งเงียบเขาก็ยิ่งรบเร้าเอาคำตอบด้วยเสียงอ้อนแต่แหบพร่า
“แล้วมัน...ต้องทำยังไงคะ” ฉันไม่รู้ว่าจะตอบตกลงยังไงนี่คะก็เลยถามเขาออกไปให้เขาตกลงเองก็แล้วกัน
“ถามแบบนี้แสดงว่าตกลงแล้วใช่ไหมครับ” ก็รู้นี่คะ รู้อยู่แล้วก็ไม่เห็นต้องถามด้วยน้ำเสียงรู้ทันให้อายเลย พี่กันต์นี่นะนอกจากเป็นคนดีแล้วยังขี้แกล้งอีก -///-
“พี่กันต์ก็บอกมาสิคะว่าหยีต้องทำยังไง” ฉันเริ่มงอแงแล้วเพราะโดนเขาแกล้งมากเกินไป
“เรื่องนั้นพี่จัดการเองครับ เดี๋ยวคุณหมอคนสวยก็รู้ว่าต้องรักษาพี่ยังไง แต่ตอนนี้เรากลับกันดีกว่า” อยู่ ๆ เขาก็ยอมถอยกลับไปนั่งหลังตรงแล้วพูดอย่างอารมณ์ดี พูดจบก็ออกรถไปเลย
“ง่วงไหมครับ”
“นิดหน่อยค่ะ” ออกรถมาได้ไม่ถึง 10 นาทีตาฉันก็เริ่มจะปิด มัน 4 ทุ่มกว่าแล้ว ไม่ได้ดึกเท่าไหร่แต่เวลานั่งรถนาน ๆ แถมกินอาหารอิ่มมาด้วยก็เลยทำให้ง่วงมาก
“หลับได้เลยนะครับ” พี่กันต์หันมายิ้มให้แต่ใครจะกล้าหลับล่ะคะ เกรงใจเขาแย่เลยที่ตัวเองมาหลับสบายแล้วปล่อยให้เขานั่งเหงาขับรถอยู่คนเดียว
“ไม่เป็นไรค่ะ หยีนั่งดูทางช่วยพี่กันต์ดีกว่า”
“นอนไปเถอะครับใกล้จะถึงแล้ว เดี๋ยวต้องขับรถกลับบ้านอีกไม่ใช่รึไง ตอนนี้นอนไปก่อนจะได้ไม่หลับใน ไม่งั้นพี่จะขับรถไปส่งหยีเองถ้าไม่ยอมนอน” พอเขาขู่บังคับมาแบบนี้ยาหยีคนดีก็เลยไม่ทนง่วงอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ หลับตาปั๊บสติก็ดับทันที
-เช้าวันต่อมา-
“อ๊ะ! อู้ย~” ฉันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแต่ทำไมมันปวดเมื่อยไปทั้งตัวแบบนี้ ว่าแต่ฉันกลับบ้านตอนไหนกันนะทำไมจำอะไรไม่ได้เลย แล้วทำไมถึงได้รู้สึกแปลก ๆ แปลกมากจนต้องรีบลืมตา
พอลืมตาแล้วก็มองไปรอบ ๆ ฉันถึงได้รู้ว่าตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ที่บ้านของตัวเอง ฉันจำได้ว่าฉันอยู่บนรถกับพี่กันต์ ความทรงจำสุดท้ายคือเขาบอกให้ฉันหลับ อย่าบอกนะว่าฉันไม่ยอมตื่นจนเขาต้องลำบากแบกฉันขึ้นมานอนที่ห้องของเขา ขายขี้หน้าชะมัด -///-
นึกได้แบบนี้ก็เลยรีบเด้งตัวลุกขึ้นทันทีเลยค่ะแต่แค่ขยับก็เจ็บปวดมากโดยเฉพาะที่... ฉันนั่งนิ่งหัวใจเต้นรัวเพราะรู้สึกว่าร่างกายตัวเองมันผิดปกติไป แล้วก็เริ่มขยับตัวเบา ๆ ยิ่งขยับก็ยิ่งชัดเจนว่ามันไม่เหมือนเดิม นอกจากไม่เหมือนเดิมเพราะฉันเจ็บที่กลางลำตัวมาก ๆ แล้ว ฉันก็เพิ่งรู้ว่าฉันไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้น
ตอนนี้มือไม้ฉันสั่นไปหมด มันสั่นแล้วก็กลัว ไม่อยากจะยอมรับความจริงแต่ก็ไม่สามารถที่จะโกหกตัวเองได้ว่าฉันยังไม่โดนทำอะไรกับร่างกาย ห้องนี้ใช่ห้องพี่กันต์รึเปล่า?
“...”
มะ ไม่ใช่ห้องพี่กันต์หรอกเพราะพี่กันต์คงไม่มีทางข่มขืนฉันแน่นอน หรือว่าระหว่างทางตอนที่กำลังกลับกรุงเทพมันเกิดอะไรขึ้น?
ฉันนั่งกอดผ้าห่มน้ำตาไหลเป็นสายเพราะฉันขยับตัวแทบไม่ได้ แล้วอีกอย่างแข้งขามือก็อ่อนแรงไปหมด ตอนนี้พี่กันต์อยู่ที่ไหน? เขาปลอดภัยดีรึเปล่า ฉันกำลังอยู่ที่ห้องของใคร แล้วใครที่สารเลวมาข่มขืนฉัน!
แอด~
เสียงประตูห้องเปิดออกฉันก็รีบคว้ารูปปั้นเซรามิคที่วางบนโต๊ะข้างเตียงมาใช้เป็นอาวุธ แต่พอเห็นหน้าคนที่เข้ามาฉันก็ถึงกับทิ้งมือลงที่เตียงเพราะนึกไม่ถึง นึกไม่ถึงว่าจะเป็น...เขา
“ตื่นแล้วเหรอครับ” เขาเดินเข้ามาแล้วยิ้มถามฉันเหมือนปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สาบานว่าเขาไม่รู้ว่าฉันจะรู้ตัว เขาไม่รู้จริง ๆ น่ะเหรอในเมื่อปล่อยให้ฉันนอนโป๊ขนาดนี้
“...พี่ทำอะไรหยี” ฉันถามเสียงสั่น พยายามรวบรวมสติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ทำ? ยาหยีไม่รู้สึกจริง ๆ เหรอครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย” เขาเอียงคอมองหน้าฉันแล้วถามออกมาด้วยท่าทางที่ดูปกติของเขามันทำให้ฉันเลือดขึ้นหน้าขึ้นมาทันที ฉันว่าฉันไม่ได้โง่เพราะถึงท่าทางจะปกติแต่สายตาเขาไม่เหมือนเดิม
“พี่กันต์ข่มขืนหยีได้ยังไง ที่พูดเมื่อคืนคืออะไร ตั้งใจหลอกล่อให้หยีตายใจเหรอ!” ฉันพอจะเข้าใจได้แล้วว่าไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้มันไม่ใช่คนดี!
“เปล่าครับพี่หมายความอย่างที่พูดจริง ๆ ให้คุณหมอยาหยีมารักษาแผลใจให้พี่” นอกจากจะไม่สะท้านสะเทือนกับการตะคอกของฉันแล้วเขาก็ยังสามารถพูดไปยิ้มไปได้เหมือนเดิม
“รักษาแผลใจบ้าบออะไร ด้วยการข่มขืนฉันนี่นะ!” ตกลงว่าพี่กันต์ที่ฉันรู้จักตัวตนที่แท้จริงไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเห็นมาตลอดอย่างนั้นเหรอ?
“หึ ๆๆ พี่ชอบเพื่อนยาหยีนะครับ แค่เวลาสั้น ๆ จะให้พี่เปลี่ยนใจมาชอบยาหยีเลยรึไง พี่ให้มารักษาแผลใจด้วยการเป็นของเล่นคอยทำให้พี่อารมณ์ดีต่างหาก เราคงไม่คิดว่าพี่จะให้เป็นอะไรที่มากกว่านั้นหรอกใช่ไหม?”
“...ทำแบบนี้ได้ยังไง!” ฉันถามด้วยความอึ้ง ทั้งอึ้งแล้วก็งงที่เขาทำแบบนี้กับฉัน
“ทำอะไรครับ? มีอะไรกับยาหยีเร็วเกินไปน่ะเหรอ พี่ขอโทษนะตอนแรกพี่ก็ว่าจะหลอกให้เรารักพี่มาก ๆ แล้วค่อยเล่นของเล่นชิ้นใหม่ แต่พี่เปลี่ยนใจแล้วเพราะพี่ขี้เกียจเล่นละคร” ช่วยพูดแล้วก็ทำสีหน้าร้ายกาจให้เหมาะสมกับการกระทำหน่อยเถอะ ช่วยหยุดส่งรอยยิ้มเหมือนเป็นคนดีแบบที่ชอบยิ้มแจกจ่ายให้ผู้คนไปทั่วสักที!
“...ไอ้เลว”
“พี่ก็ไม่เคยบอกนี่ครับว่าพี่เป็นคนดี ทุกคนคิดไปเองทั้งนั้น พูดเองเออเองกันทั้งหมด”
โคตรของโคตรของโคตรของโคตรความเลว เลวบรรลัย! ไอ้สารเลวคนนี้คือต้นแบบและรากเหง้าของความเลว เป็นความเลวที่ถ้าหากเปรียบเป็นต้นไม้ก็เป็นต้นที่ยังไม่ได้แตกกิ่งก้านสาขาแยกออกไป เพราะฉะนั้นความเลวมันก็เลยสุมอยู่ที่เดียวไม่ได้กระจายออกไปให้ใครรู้!
...ไอ้ชาติชั่ว!