แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: Phat_sara
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-02 16:20:20

​“พี่กันต์โอเคไหมคะ”

“ครับ...โอเคสิทำไมพี่จะไม่โอเค พี่รู้อยู่แล้วล่ะครับว่าปั้นหยาไม่ได้สนใจพี่ แต่ที่ไม่โอเคมีแค่เรื่องเดียว” เขาพูดไปยิ้มไปด้วย แต่ประโยคสุดท้ายเขาก็พูดช้า ๆ

“คะ?”

“ช่างมันเถอะครับ ค่ำนี้ยาหยีว่างไหม"

"คะ? อ๋อว่างค่ะหยีเลิกเรียนแล้ว"

"ถ้างั้น...วันนี้พี่อกหักช่วยไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิครับ” เขาถามฉันแล้วก็ยิ้มขมขื่นมาให้บาง ๆ เหมือนพี่เขากำลังเสียใจ เอ๊ะ! แต่ทำไมเมื่อกี้ดูไม่เสียใจวะ?

“ถ้าพี่กันต์อยากให้ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหยีก็ยินดีค่ะ” ฉันยิ้มรับตามมารยาท แต่ในใจนี่สิคะ ไม่อยากจะว่าตัวเองแต่ในใจของยาหยีคนนี้โคตรเต็มใจเลย เต็มใจมาก ๆ ที่จะอยู่ข้าง ๆ เขาในวันที่เขาเสียใจ คนดีมากนางเอกไปอีก นางเอกที่ไม่มีพระเอก ฮ่า ๆๆ อยากหัวเราะให้กับความสวยที่แม่ให้มาแต่ใช้ดึงดูดความสนใจของผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลย

“ถ้างั้นเราไปกันเลยไหมหรือว่ายาหยีต้องกลับบ้านก่อนครับ”

“ไปเลยก็ได้ค่ะนี่ก็เย็นแล้ว พี่กันต์อยากไปร้านไหนคะ”

“อืม ขอไปไก ลๆ หน่อยได้ไหมพรุ่งนี้วันเสาร์นี่ครับ” เขาทำท่าคิดพักหนึ่งแล้วก็ยิ้มบอกฉัน

“ไกล? ที่ไหนเหรอคะ”

“เอารถยาหยีไปจอดไว้ที่คอนโดพี่ก่อนดีกว่า ใกล้ ๆ มหาลัยนี่เองแล้วพี่จะพาไป” เขาไม่ตอบแต่ส่งยิ้มแล้วลุกขึ้นด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่าพยักหน้าเรียกฉันแทน ถึงจะยังงง ๆ แต่เพราะรอยยิ้มของเขานั่นแหละที่ทำให้ฉันยอมเดินตามไปได้อย่างไม่คิดจะถามอะไรอีกเลย

“พี่กันต์จะพาหยีไปที่ไหนคะเนี่ย” ตอนนี้ฉันอยู่บนรถของเขาแล้วค่ะ เขาขับรถนำไปที่คอนโดของเขาที่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่แล้วก็จอดรถฉันเอาไว้จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถเขามากันเลย แต่ถามเท่าไหร่ก็ไม่ตอบ

“ยังไม่รู้อีกเหรอครับ พี่ว่าป้ายมันก็บอกทางยาหยีชัดแล้วนะ” เขาหันมาถามฉันแล้วก็กลั้นขำ เห็นน่ะเห็นแน่ค่ะ แต่ก็ยังไม่ชัวร์อยู่ดี

“อยุธยาเหรอคะ?”

“อื้ม ไปกินกุ้งกัน” เขาพยักหน้าแล้วก็ยิ้ม ชอบรอยยิ้มของเขาจัง ยิ้มหวานแล้วมีแก้มนิด ๆ พอยิ้มทีมันจะขึ้นเป็นลูกซาลาเปาเล็ก ๆ น่าหยิกน่าหยอก >///<

“แต่...หยีแพ้กุ้งนะคะพี่กันต์” หลังจากกำลังกรี๊ดเล็ก ๆ ให้รอยยิ้มเขาฉันก็เพิ่งนึกได้ถึงเรื่องสุขภาพของตัวเอง

“อ้าวเหรอครับ พี่ขอโทษนะพี่น่าจะถามยาหยีก่อน”

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหยีสั่งอย่างอื่นก็ได้ ร้านเขาคงไม่ได้มีแค่กุ้งขายใช่ไหมคะ” ฉันรีบบอกแล้วก็แซวกลับไปเบา ๆ เพราะเห็นหน้าเขาเจื่อนลงไปเหมือนกำลังรู้สึกผิด

“ฮ่า ๆๆ ครับผม ถ้างั้นกินอย่างอื่นเนอะพี่ไปอยุธยาบ่อยเดี๋ยวจะพาไปกินร้านอร่อย”

“ขอบคุณค่ะ แต่พี่กันต์สั่งกุ้งได้ตามสบายเลยนะคะ”

“ครับ”

หลังจากนั้นเราสองคนก็คุยอะไรกันเรื่อยเปื่อย ส่วนมากเขาก็จะถามเรื่องฉันว่าเรียนที่ไหน ชอบทำอะไรเรื่อยเปื่อย วันนี้เราคุยกันเยอะกว่าทุกครั้ง แต่พี่เขาไม่ถามถึงปั้นหยาเลย หวังว่าเขาจะตัดใจได้จริง ๆ เถอะนะคะ ทั้งเขาทั้งปั้นหยาเองจะได้ไม่ต้องอึดอัดทั้งสองฝ่าย

เขาพาฉันมากินข้าวเย็นร้านริมน้ำร้านดัง บรรยากาศยามค่ำของแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีสายน้ำไหลผ่านไปช้า ๆ เข้ากับการตกแต่งเรียบหรูของร้านนี้ได้ดี แถมอาหารแต่ละเมนูก็น่ากินทั้งนั้น

“พี่กันต์ชอบกินกุ้งเหรอคะ” ฉันเห็นเขาสั่งกุ้งเผาชุดใหญ่มาก็เลยถาม เพราะอยากรู้เรื่องของเขา อ้อแต่เขาสั่งกุ้งมาแค่เมนูเดียวนะคะนอกนั้นเขาสั่งเมนูอื่นที่ไม่มีกุ้งเลยทั้งนั้น สั่งแต่ละอย่างก็จะคอยถามฉันทุกเมนูว่าฉันแพ้ไหม แพ้อะไรที่เป็นส่วนผสมรึเปล่า ถามทุกเมนูจนฉันหัวเราะแล้วก็บอกว่าฉันเกิดมาแพ้แค่กุ้งเท่านั้นจริง ๆ

“ครับ พี่ชอบกินกุ้งมาก ยิ่งได้มากินที่อยุธยาพี่ยิ่งชอบ เวลาว่างหรือเหงาก็ชอบขับรถมากินที่นี่คนเดียว”

“คนเดียว? ไม่เหงาแย่เหรอคะ” ขับมาไกลแล้วมานั่งกินข้าวในร้านบรรยากาศดีริมน้ำแบบนี้ ถ้าเป็นฉันคงมีแต่จะยิ่งรู้สึกเหงามากกว่าเดิม

“ก็เหงานะ ถ้างั้นต่อไปคงต้องชวนยาหยีมาบ่อย ๆ แล้วล่ะพี่จะได้ไม่เหงา” เขาพูดแล้วก็ยิ้มแต่ฉันไม่ยิ้มด้วยนะคะ เขาจะรู้บ้างไหมว่าฉันชอบเขา และสำหรับคนที่เราชอบเวลาเขาพูดอะไรออกมาถึงอีกฝ่ายจะไม่คิดอะไรแต่คนที่เป็นฝ่ายแอบชอบมันคิดไกลไปถึงดาวอังคารแล้ว -///-

“ร้านนี้อร่อยดีนะคะ” ฉันเขินก็เลยพูดอะไรเรื่อยเปื่อยกลบเกลื่อนความเขิน

“ครับ ถ้าชอบเดี๋ยวพี่พามาบ่อยๆ” แต่ทำไมมันดูเหมือนคำพูดแกเปิดทางให้เขาหยอดนะยาหยี ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหยอดตบมุกเล่นกันธรรมดาหรือตั้งใจหยอดจริง ๆ แต่ใจยาหยีน้อยมันคิดไกลไปถึงกาแลคซี่ข้าง ๆ แล้วมั้ง ไม่ชอบความรู้สึกตอนนี้เลยค่ะ ความรู้สึกคิดไปเอง คิดเข้าข้างตัวเองเนี่ย

“เอ่อ...กุ้งน่ากินนะคะ” หยีเอ๊ย~ มองผ่านไปไม่ต้องชวนเปลี่ยนเรื่องให้พี่เขารู้ว่าเขินก็ได้มั้ง T_T นี่ทั้งพูดว่ากุ้งน่ากินแถมยังหยิบมันขึ้นมาแกะอีก

“หึ ๆๆ แล้วกินได้เหรอครับนั่น” เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วก็มองฉันเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะเต็มที่ฉันก็เลยต้องค่อย ๆ วางกุ้งลงพร้อมกับยิ้มเจื่อนแก้เขิน

“แหะ ๆๆ กลิ่นมันยั่วหยีมากเลยค่ะ” พอพูดเสร็จฉันก็ก้มหน้าก้มตาตักอาหารเข้าปาก สำหรับฉันการไม่พูดอะไรแก้เขินมันคงจะดีกว่ามั้งคะเพราะยิ่งพยายามกลบเกลื่อนเท่าไหร่ก็เหมือนมันจะยิ่งไปกันใหญ่

“ยาหยีชอบมาอยุธยารึเปล่าครับ” หลังจากที่กินข้าวเสร็จเราสองคนก็เลยนั่งกินลมชมวิวในร้านต่อ

“มาบ้างค่ะเวลาที่อยากทำบุญ หยีไม่ค่อยมีเวลาหรอกค่ะเรียนหนักมาก ขับรถไม่เก่งด้วย”

“ฮ่า ๆๆ นั่นสิเนอะกว่าจะขับตามพี่มาถึงคอนโด พี่ลุ้นกับเรามากรู้ไหม” เขายิ้มขำอารมณ์ดี ดีจังเลยเพราะตอนแรกเขาบอกว่าวันนี้อกหักให้มากินข้าวเป็นเพื่อนเขาหน่อยไอ้ฉันก็ห่วงแทบแย่แต่จะว่าไปฉันยังไม่เห็นโมเม้นต์ของคนอกหักออกมาจากเขาเลยนะคะ

“แหะ ๆๆ หยีขับรถห่วยแตกมากจริง ๆ ค่ะ” ฉันได้แต่ยิ้มรับความอาย

“เคยฝังใจหรือเกิดอุบัติเหตุรึเปล่า ยาหยีขับรถมาตั้งนานแล้วนี่ ใช่ไหม?”

“...เคยค่ะ เคยถอยรถชนรถของผู้ชายคนหนึ่ง” ฉันเล่าให้เขาฟังเสียงเบาแล้วก็ยิ้มให้ นึกถึงตอนนั้นแล้วไม่คิดเลยว่าคนที่ฉันเคยทะเล่อทะล่าไปชนรถเขาจะมานั่งอยู่ตรงหน้าฉันอีกครั้ง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกนิยายหรือไม่ก็นางเอกการ์ตูนดีสนีย์เลยค่ะ ฮ่า ๆๆ

“หน้าแดงแบบนี้คงไม่ใช่ชนธรรมดาแล้วมั้งครับ” เขามองหน้าฉันแล้วก็ยิ้มล้อเลียน บ้าจริง! นี่เราแสดงอาการมากขนาดนั้นเลยเหรอยาหยี >///< เล่าเรื่องอุบัติเหตุแต่เล่าไปยิ้มไปหน้าแดงไปแบบนี้เขาก็ต้องรู้แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ขับรถชนธรรมดา

“เอ่อ...พี่กันต์กินของหวานตบท้ายหน่อยไหมคะ” อีกแล้ว อีกครั้งแล้วที่พยายามชวนเปลี่ยนเรื่องเวลาเขิน ฉันรู้ตัวนะคะว่ามันทำให้เขารู้ทันมากกว่าเดิมแต่มันเป็นไปเองตามธรรมชาติ มันเป็นความเคยชิน ต่อไปคงต้องมีสติให้มากกว่านี้ ไม่งั้นเขาได้รู้ทันแน่ว่าฉันรู้สึกยังไง

“แล้วขับชนที่ไหนครับ เป็นอะไรมากรึเปล่า”

“ชนที่ตึก...ชนแถว ๆ มหาลัยค่ะ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากแค่ตัวรถมันเฉี่ยวกัน” กำลังจะบอกว่าตึกจอดรถของมหาลัย แต่ถ้าขืนบอกไปพี่เขาต้องจำได้แน่นอนเลย ฉันมั่นใจว่าเขาต้องจำได้เพราะคนเราจะโดนคนอื่นมาชนบ่อยแค่ไหนกันล่ะ ไม่ได้บ่อยเหมือนเดินไปซื้อของกินในร้านสะดวกซื้อสักหน่อย นาน ๆ เกิดครั้งหนึ่งก็ต้องจำได้อยู่แล้ว

“อ้อ เรื่องธรรมดาของการขับรถครับ ต้องมีเฉี่ยวชนกันบ้างอย่าไปฝังใจเลย ยิ่งฝังใจจะยิ่งกลัวแล้วก็ยิ่งทำให้ขับรถลำบาก”

“หยีก็พยายามอยู่ค่ะแต่มันก็ยังขับรถห่วยอยู่ดี” ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะขับรถชิล ๆ ได้ แต่ต่างจากเพื่อนรักอย่างปั้นหยาที่ขับรถเก่งมาก เก่งจนแม่ของปั้นหยาไม่ให้เอารถมาขับเองเพราะเป็นห่วงกลัวลูกสาวจะซิ่งเกินไป หลังจากนั้นเรานั่งคุยกันสักพักจนเริ่มจะดึกถึงได้ชวนกันกลับ

“เดี๋ยวไปเอารถยาหยีที่คอนโดแล้วพี่ขับไปส่งนะครับ”

“คะ? อ๋อไม่เป็นไรค่ะพี่กันต์หยีขับกลับไปค่ะ” ถ้าพี่เขาขับไปส่งเขาก็ต้องลำบากนั่งแท็กซี่กลับคอนโดอีกรอบน่ะสิคะ

“แต่นี่มันเริ่มดึกแล้วกว่าจะถึงกรุงเทพก็คงดึกมาก พี่พามาก็ต้องรับผิดชอบสิครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ หยีกลับได้จริง ๆ เวลามีเรียนหรือมีกิจกรรมต้องทำก็กลับดึกบ่อย ๆ” ฉันยิ้มให้พี่เขาเพื่อเป็นการยืนยันว่าฉันกลับได้สบายมาก แค่ต้องค่อย ๆ คลานไปเท่านั้นเอง T_T

“แต่พี่ต้องรับผิดชอบครับ พายาหยีมากินข้าวไกลถึงอยุธยาแล้วยังพากลับดึกอีก”

“ไม่เป็นไรเลยค่ะหยีไม่ซีเรียสอะไรเลยจริง ๆ พี่กันต์ไม่ต้องรับผิดชอบเลย” ฉันพูดแล้วก็กลั้นขำเพราะเขาพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ซีเรียสมาก ๆ

“ไม่ให้พี่รับผิดชอบเหรอ?” พี่เขาหันมามองแล้วก็ถามฉันเบา ๆ พร้อมกับชะลอรถจอดข้างทางไปด้วย ฉันก็ได้แต่งงว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ข้างทางมันไม่ได้เปลี่ยวนะคะ มันคือหน้าปั้มน้ำมันพอดี

“ค่ะ ไม่ต้องรับผิดชอบค่ะ พี่กันต์จอดทำไมคะจะเข้าห้องน้ำเหรอ” ฉันตอบแล้วก็ถามงง ๆ ก็พี่เขาเล่นจอดรถไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“เปล่าครับ แต่พี่จะให้ยาหยีรับผิดชอบต่างหาก” เขาหันมายิ้มแปลก ๆ ให้ฉัน จะว่าอารมณ์ดีก็ไม่ใช่ เหมือนจะเจ้าเล่ห์ก็ไม่เชิง

“รับผิดชอบ? รับผิดชอบอะไรคะ” ณ จุดนี้ยาหยีงงเป็นไก่ตาแตกแล้ว เขาเมามันกุ้งรึเปล่าถึงทำตัวแปลก ๆ

“รับผิดชอบ...เรื่องเมื่อสามปีก่อนไงครับ ที่หยีถอยมาชนรถพี่แถมยังต้องให้พี่ขับรถคู่กรณีเข้าไปจอดให้อีก”

“...” ! เขาจำได้เหรอ?
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • So Beautiful สยบหัวใจให้ยัยคนสวย   บทที่ 105

    “หยีไม่เข้าใจหัวอกคนเป็นผัวและกำลังจะเป็นคุณพ่อหรอกค่ะ เรื่องแบบนี้สำหรับคนโคตรรักเมียมันคือปัญหาชีวิตนะยาหยี” ชักจะไปกันใหญ่แล้ว เลอะเทอะบ้าบอจริง ๆ“โอเคค่ะ ถ้างั้นพี่กันต์นั่งหาวิธีทำให้ตัวเองแพ้ท้องแทนเมียในเน็ตแล้วกันเพราะหยีไม่รู้ ตอนนี้หยีรู้แค่ว่าหยีหยีควรไปอาบน้ำนอน พักผ่อนให้มาก ๆ วันนี้เห

  • So Beautiful สยบหัวใจให้ยัยคนสวย   บทที่ 104

    -หลายชั่วโมงต่อมา-“เอาล่ะครับคุณภรรยาสุดที่รักตอนนี้เหลือแค่เราแล้วพูดเรื่องที่ค้างคาใจพี่มาสักที” พอเสร็จพิธีส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเรียบร้อยและประตูห้องถูกปิดลงพี่กันต์ก็หันมาถามฉันเสียงจริงจัง ผ่านมาตั้งหลายชั่วโมงตลอดระยะเวลาในงานพี่กันต์กลับไปเป็นปกติ ยิ้มแย้มมีความสุขมากแต่ไม่น่าเชื่อเลยค่ะว่าจ

  • So Beautiful สยบหัวใจให้ยัยคนสวย   บทที่ 103

    “หยีคะ ไหวรึเปล่าหยีหน้าซีดมากเลยนะ” พี่กันต์กระซิบถามตอนที่เราอยู่บริเวณหน้างาน เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาเป็นช่วงเริ่มงานแขกเหรื่อเข้างานเยอะมากเยอะจนฉันแทบจะเป็นลม“ไหวค่ะพี่กันต์” ฉันจับแขนพี่กันต์เพื่อประคองตัวเองเอาไว้แล้วก็ยิ้มให้เจ้าบ่าวสุดหล่อที่ต่อให้รับแขกมากแค่ไหนเขาก็จะคอยหันมามองฉันอยู่ตลอด

  • So Beautiful สยบหัวใจให้ยัยคนสวย   บทที่ 102

    เอี๊ยด!แล้วสุดท้ายรถก็มาหยุดอยู่หน้าตึกร้านเวดดิ้งสุดหรูอีกครั้งในเวลาไม่กี่นาที“อะไรคะ?” ฉันถามพี่กันต์ที่หันมามองหน้าฉันด้วยสีหน้านิ่งสนิทด้วยความงง“พามาเลือกชุดใหม่ ห้ามโป๊มากเพราะพี่ทำใจให้ใครมองเนื้อหนังหยีมากไม่ได้ แล้วก็ห้ามพูดว่ารอบหน้าค่อยจัดเต็มอีกเพราะหยีมีผัวได้แค่คนเดียว แล้วก็แต่งงา

  • So Beautiful สยบหัวใจให้ยัยคนสวย   บทที่ 101

    ทันทีที่ม่านเปิดออกพี่กันต์ก็มองฉันตาค้างไปหลายสิบวินาที เขามองด้วยสายตาตื่นตะลึงและหลงใหล ค่อย ๆ มองฉันจากหัวจรดปลายเท้าช้า ๆ จนคนที่ยืนให้เขามองนาน ๆ เริ่มเขิน แล้วหน้าก็เริ่มขึ้นสีทีละนิด“...” พี่กันต์เงยหน้าขึ้นสบตากับฉันอีกครั้ง ฉันก็ได้แค่ยิ้มให้แล้วก็รอให้เขาพูดอะไรออกมาก่อน“มันโป๊ครับ”“คะ

  • So Beautiful สยบหัวใจให้ยัยคนสวย   บทที่ 100

    “ถ้าหยอกแบบนี้อีกหยีจะไล่พี่กันต์ไปนอนที่อื่น” ฉันคาดโทษแล้วก็พยายามหายใจเข้าออกช้า ๆ เพื่อปรับอารมณ์ให้คงที่ ไม่อยากเป็นฝ่ายชวนทะเลาะต่อทั้งที่อยากข่วนหน้าเขามากแค่ไหนก็ตามโทษฐานที่กล้าเอาเรื่องแบบนี้มาแกล้งฉัน“หึงพี่มากเหรอคะ” พี่กันต์ขยับหน้าเข้ามาใกล้แล้วก็ถามเสียงระรื่น“แล้วหยีมีสิทธิ์หึงพี่ก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status