ติ๊ง!
: เดี๋ยวพี่ไปรับรอก่อนนะ
Panhya : สัพเพสัพตา จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด~
: กวนตีน
Panhya : ...
: จะกินไร
Panhya : ไม่รู้
: โอเคค่ะ เดี๋ยวค่อยเลือกก็แล้วกัน
Panhya : ไม่ต้องไปกินข้าวด้วยกันสักวันได้ไหมเนี่ย
: เด็กมันกลัวตกหลุมรักสินะ
Panhya : รีบมาเถอะสุดหล่อ ยืนรอกลางถนนแล้ว
หึ ๆๆ ความกวนส้นตีนไม่สิ้นสุด ผมนึกสภาพเรียนจบไปเป็นหมอตรวจคนไข้ไม่ได้เลย ต้องกวนตีนคนไข้จนคนไข้รักษากับหมอหยาเสร็จต้องไปตรวจสุขภาพจิตต่อแน่นอน
ปัง!
“ปิดแรงขนาดนี้คงมั่นใจว่าจะไม่ได้มันเป็นเจ้าของสินะถึงไม่คิดจะทนะถนอม” ผมทักทายยัยเด็กนี่ที่ปิดประตู Ferrari เหมือนมันเป็นรถกระป๋องที่ปิดเบา ๆ ประตูจะไม่สนิท กระแทกซะรถสะเทือน สะเทือนมายันไข่กูเลยครับ
“เหอะ!”
“อยากไปไหนเป็นพิเศษไหมคะ”
“ไปส่งที่หอก็พอได้ไหม” ปั้นหยาหันมาบอกผมด้วยเสียงเหนื่อย ๆ หน้าตาก็ดูล้าสงสัยช่วงนี้คงเรียนหนัก ช่วงใกล้สอบแล้วด้วย
“ไม่ได้ หยายังไม่ได้กินข้าว พี่พาไปกินข้าวก่อนแล้วเดี๋ยวไปส่ง” เห็นสภาพแล้วก็อดสงสารไม่ได้หน้ามันแผล็บหัวก็โคตรฟู ก่อนขึ้นรถไม่คิดจะเช็คสภาพความสวยของตัวเองเลยรึไงวะ โคตรไม่ให้เกียรติความหล่อของผมเลย
“นี่ ถามจริง” หลังจากขับรถออกมาสักพักปั้นหยาก็หันมาคุยกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อื้มว่าไง”
“แฟนไม่ว่าเหรอมาวอแวฉันแบบนี้ นางแบบคนนั้นอ่ะ”
“พี่ไม่มีแฟน”
“ชิส์~ ถ้ามีคนเอาน้ำกรดมาสาดหน้าฉันรับรองว่านายคือคนแรกที่ฉันจะล้างแค้น” ปั้นหยาคิดได้ไงวะว่าจะมีใครเอาน้ำกรดมาสาดหน้า ผมไม่มีแฟนหรอกครับ ถ้ามีผมคงไม่เอาเวลามายุ่งกับผู้หญิงคนอื่นให้แฟนผมเสียใจหรอก ถึงผมจะควงผู้หญิงเยอะแต่ก็เพราะความเต็มใจของทุกคน ผมไม่มีทางปล่อยให้คนที่ผมรักต้องทุกข์ทรมานเหมือนแม่ผมแน่นอน
“นี่นาย ฉันว่ากินแถว ๆ นี้แหละร้านก๋วยเตี๋ยวอะไรแถวนี้ก็ได้รถมันติดมากอ่ะ ฉันเหนื่อย”
“เมื่อไหร่จะเรียกพี่ดี ๆ พี่มีชื่อนะหยา” ผมหันไปมองหน้าเธอด้วยความอ่อนใจ เชื่อไหมครับตั้งแต่รู้จักกันมาปั้นหยาไม่เคยเรียกผมว่าพี่เลยสักครั้ง ชื่อผมเธอยิ่งไม่เคยเรียก ไม่เคยหลุดจากปากจนผมเริ่มสงสัยว่ายัยเด็กนี่รู้จักชื่อผมรึเปล่าวะ
“เหรอ? ไม่อยากเรียกอ่ะ” ปั้นหยาหันมาตอบด้วยใบหน้าอึน ๆ แล้วก็ยิ้มใส่ผมจนตาหยีหลังจบประโยค หึ ๆๆ ไม่อยากจะบอกว่าโคตรกวนตีนแต่ก็โคตรน่ารัก แค่น่ารักนะครับแต่ไม่ได้รักอย่าคิดไปไกล
“โอเคเดี๋ยวทำให้เรียกเอง สักวันจะพี่กราฟคะพี่กราฟขา~” กูแม่งไม่เคยทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ใครแบบนี้เลย เมื่อก่อนกูแค่ถ่อยแต่เดี๋ยวนี้เริ่มรู้สึกเหมือนไร้สติแล้วก็ปัญญาอ่อน แค่เรื่องเล็ก ๆ คนอย่างกูต้องลงทุนขนาดนี้เลยเหรอวะ ดีนะที่มันสนุกไม่งั้นไม่มีทางลงทุนทำอะไรแบบนี้แน่ ๆ
“อี๋~ มั่นหน้ามาก~”
“หึ ๆๆ กินไรดี ก๋วยเตี๋ยวใช่ไหม ขับไปอีกนิดมีร้านก๋วยเตี๋ยวไก่นะกินไหม”
“จริงเหรอ! กิน ๆๆ” ปั้นหยาชอบก๋วยเตี๋ยวไก่ใส่ตีนเยอะ ๆ ครับ ไม่ได้ตั้งใจจำหรอกว่าชอบอะไร แต่เด็กมันชี้นิ้วสั่งให้พาไปกินเมื่อ 3 วันก่อนพร้อมกับยัดลงกระเพาะด้วยปริมาณพิเศษ 2 ชาม ซดหมดจนหยดสุดท้าย แถมยังแย่งตีนผมไปกินอีก 2 ตีน กูจำไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป มะระสดก็ไม่แบ่งผม ผู้หญิงอะไรกินตีนเก่งฉิบหาย
หลังจากพาไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่เสร็จผมก็เลยไปส่งปั้นหยาที่หอ วันนี้ไม่ตื้อเพราะท่าทางยัยหมากระเป๋าจะเหนื่อย ส่วนผมก็มีธุระต้องทำเหมือนกัน ธุระสำคัญที่เกี่ยวกับคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต
-เช้าวันต่อมา-
ผมตื่นแต่เช้าพร้อมกับออกไปตักบาตรหน้าบ้านตอนเช้าเพราะวันนี้เป็นวันครบรอบวันที่แม่จากผมไป
…7 ปีแล้วนะครับแม่ 7 ปีแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน รอผมนะครับ รออยู่ข้างบนนั้น
ผมตักบาตรเสร็จก็นั่งรอเวลา รอให้พ่อลงมาเพราะเมื่อคืนผมมัวแต่ไปซื้อของ กลับมาก็ดึกพ่อขึ้นนอนไปแล้ว แต่ยังไงพ่อก็ต้องจำได้ครับ พ่อต้องจำได้อยู่แล้วว่าวันนี้เป็นวันครบรอบของแม่แล้วเราจะไปเยี่ยมแม่พร้อมกัน
ผมนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นนานมาก 8 โมงเกือบจะ 9 โมงแล้ว แต่พ่อยังไม่ลงมาผมก็เลยตัดสินใจขึ้นไปหาที่ห้องทำงานเพราะถ้าพ่อไม่ลงมากินข้าวข้างล่างก็จะมีแม่บ้านยกขึ้นไปให้ที่ห้องทำงาน ที่ไม่เจอก็คงเพราะจัดการกับงานอยู่ละมั้ง พ่อผมบ้างานจะตาย
“คุณคะ คุณกราฟนั่งรอนานแล้วนะ ลงไปเถอะค่ะ” ผมเดินไปถึงหน้าห้องทำงานพ่อก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นลอดออกมา
“ตากราฟมันจะนั่งรอทำไม ไปบอกให้มันไปคนเดียวเถอะแก้วผมไม่ไปหรอก” เสียงพ่อพูดขึ้น แสดงว่ารู้สินะว่าผมนั่งรอเพื่อจะไปที่ไหน ทำไมพ่อทำแบบนี้วะ!
“คุณ...อย่าทำแบบนี้เลยนะคะแกจะเสียใจนะ วันนี้เป็นวันครบรอบของคุณพิณนะคะ” หึ! น้ำเสียงโอบอ้อมอารีเวลาที่พูดถึงแม่ผมของผู้หญิงคนนี้ทำให้ผมโคตรอยากจะอ้วกเลย
“ผมไม่ไป ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นอีกคุณก็รู้ดีแก้ว จากกันไปคนละโลกแล้วก็ให้จบไป ต่างคนต่างอยู่” ถ้ามีใครมาได้ยินพ่อตัวเองพูดถึงแม่ที่เสียไปแล้วแบบนี้เหมือนอย่างผมจะมีใครทนฟังต่อได้ไหมวะ
“คุณ.../ พอแล้วแก้ว คุณลงไปเถอะ ถ้ามันอาละวาดหรือถามหาผมก็บอกไปว่าผมงานยุ่ง”
ผมทนฟังไม่ไหวหรอกครับ แล้วก็ไม่อยากเข้าไปฟาดงวงฟาดงาให้กับคำพูดแย่ ๆ ของพ่อด้วย ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงเข้าไปต่อว่าพ่อแล้ว แต่เพราะวันนี้ผมมีผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักให้ต้องไปหา แม่รออยู่ แม่มีแค่ผมคนเดียวในบ้านหลังนี้ที่รักแล้วก็อยากไปเยี่ยมท่าน แล้วผมจะมาเสียเวลาเถียงกับพ่อเพื่อลากพ่อไปทั้งที่ใจพ่อไม่อยากไปงั้นเหรอ ไม่ว่ะผมทำไม่ลง ในเมื่อไม่อยากไปไม่มีใจไปหาผู้หญิงที่รักพ่อที่สุด รักจนวันสุดท้ายของลมหายใจก็ไม่เป็นไร ผมไม่อยากให้ใครมาสงสารแม่
-เวลาต่อมา-
ผมใช้เวลาอยู่ในวัดที่เก็บกระดูกของแม่ทั้งวัน ทำความสะอาดเปลี่ยนดอกไม้ที่แม่ชอบให้ท่าน นั่งคุยกับแม่จนเริ่มเย็นถึงได้ออกมา พอออกมาความอัดอั้นที่เก็บไว้ทั้งวันเพราะไม่อยากเศร้าต่อหน้าแม่ ถึงตอนนี้จะมีแค่รูปถ่ายและเถ้ากระดูกก็ตามแต่ผมก็ไม่อยากเศร้าให้ท่านเห็นอยู่ดี ความรู้สึกพอถูกเก็บไว้นาน ๆ มันก็เลยระเบิดออกมา ผมพยายามขับรถไปเรื่อยเปื่อยเพื่อคลายเครียด แต่มันก็ยังไม่หายเลยลองจอดรถข้างทางที่มันเงียบหน่อย
“แม่งเอ๊ย!”
ผลั๊วะ ผลั๊วะ ผลั๊วะ!
ผมต่อยเสาไฟที่อยู่ข้างทางจนเหนื่อยถึงได้นั่งสงบสติอารมณ์ที่ฟุตบาท เหตุการณ์แย่ ๆ ในครอบครัวเหมือนฝันร้ายที่คอยตามหลอกหลอนตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ พ่อทำทุกอย่างให้แม่เจ็บ วันที่ผมเกิดมาก็ยังตามใจผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่อยากแย่งความรักทั้งหมดไปจากเราสองคนแม่ลูกด้วยการไปผ่าคลอดไอ้กันต์ในวันเดียวกันกับที่แม่คลอดผม!
แย่งตัวพ่อไปอยู่ด้วยทั้งที่พ่อควรจะเข้าไปให้กำลังใจแม่ที่ปวดท้องด้วยการเลือกผ่าคลอดวันเดียวกันกับเมียหลวง มีใครเจอเมียน้อยหน้าด้านกว่านี้ไหมวะ!
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด
ใครโทรมาผมไม่อยากรับรู้หรอก ปล่อยให้มันดังไปเถอะ ผมไม่มีอารมณ์คุยกับใครทั้งนั้น
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด
แต่มันดังไม่หยุด ดังติดต่อกันซ้ำ ๆ จนรำคาญถึงได้หยิบมันออกจากกระเป๋าเพื่อปิดเครื่อง แต่ผมก็ดันเห็นชื่อคนที่โทรมาซะก่อน ไม่รู้ว่าโทรมาทำไมร้อยวันพันปีไม่เคยโทรมาเลยสักครั้ง
…PANHYA
ติ๊ด!
“ว่าไงครับคุณหมอ คิดถึงพี่เหรอ” ผมเครียดแต่ก็ฝืนกดรับสายเธอแล้วพยายามพูดให้เป็นปกติ
“เหอะ! มโนเหรอพ่อคุณ” เสียงใส ๆ ที่ดังออกมาจากปลายสายทำให้ผมเผลอยิ้ม ยัยเด็กนี่พูดดี ๆ กับผมเป็นบ้างไหม คงไม่หรอก ถ้าพูดดีได้ก็ไม่ใช่ปั้นหยา
“ฮ่า ๆๆ แล้วมีไรถึงได้โทรมา คิดถึงหรือเหงาวันนี้ผมไปหาไม่ได้หรอกนะคุณหมอ”
“หือ~ ใครจะคิดถึงคนอย่างนายกัน ไม่มีความจำเป็นฉันไม่โทรมาหรอก” คำพูดนี้ของปั้นหยากระแทกใจคนที่ไม่มีใครต้องการอย่างผม ผมที่มีพ่อก็เหมือนไม่มีเพราะเขามีลูกชายสุดที่รักอยู่แล้ว ผมที่ไม่มีใครในบ้านต้องการ...
“อื้ม~ มีธุระอะไรล่ะ”
“ฉันว่าฉันลืมหนังสือไว้ที่รถนาย เมื่อวานฉันถือขึ้นรถนะน่าจะลืมเอาลงไม่ก็ตกอยู่ข้างเบาะ นายเห็นไหมอ่ะ”
“เดี๋ยวพี่ดูให้รีบใช้รึเปล่า”
“รีบสิ แต่ถ้านายไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันไปยืมเพื่อนซีร็อกมาทำงานก่อน”
“รอแป๊บนะ พี่ไปดูที่รถให้” ผมลุกขึ้นจากฟุตบาทแล้วก็เปิดรถดูหนังสือให้ปั้นหยา แล้วก็เจอมันหล่นอยู่ข้างเบาะจริง ๆ ไม่แปลกหรอกที่จะหล่น แต่ละวันเธอแทบจะวิ่งลงจากรถทันทีที่ล้อมันหยุดหมุน ลืมของบ้างทำของตกบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
“มีนะ เดี๋ยวพี่เอาไปให้เลยแล้วกัน อยู่ไม่ไกลจากแถวนี้พอดี”
“ไม่รบกวนเหรอ”
“ไม่หรอก เผื่อคะแนนพิศวาสจะเพิ่มขึ้น”
“ชิส์! มาถึงแล้วบอกเดี๋ยวลงไปเอา”
“ครับ” คุยกับปั้นหยานี่ก็ดีเหมือนกันนะครับ ช่วยดึงผมออกจากอารมณ์โสโครกนั่นได้นิดหนึ่ง
ผมมาถึงหอพักของปั้นหยาได้ในเวลาไม่ถึง 15 นาที พอมาถึงก็เลยโทรหาเธอให้ลงมาเอาหนังสือ เสร็จคงต้องไปนั่งแดกเหล้าให้เมาจะได้หลับ ๆ ไป
“มาเร็วมาก~” ปั้นหยาเดินลงมาที่รถพร้อมกับใบหน้าที่โคตรสดฉิบหาย ผมก็ไม่หวีให้เรียบร้อย นี่ผู้หญิงจริง ๆ ใช่ไหมทำไมกล้าออกมาให้คนอื่นเห็นด้วยสภาพครูเพ็ญศรีแบบนี้วะ
“บินมาไง อ่ะนี่หนังสือ” ผมยื่นหนังสือให้ปั้นหยาทั้งที่อยู่บนรถ จะให้ลงไปได้ยังไงล่ะครับ สภาพผมก็ดูไม่จืดจะตาย นี่ก็อาศัยความมืดในรถซ่อนสภาพของตัวเองเอาไว้
“ขอบจะ...ขอบคุณ” หึ ๆๆ พอเป็นเรื่องที่รบกวนผมเองรีบใช้คำพูดดีเชียว อีเด็กจิ้งจกเปลี่ยนสี
“พี่กลับเลยนะ รีบขึ้นไปอ่านหนังสือเถอะ”
“อือ แต่วันนี้มาแปลกแฮะ อย่าบอกนะว่าเจอผู้หญิงคนใหม่แล้วเพราะถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะโคตรแฮปปี้เลย” ปั้นหยาทำหน้าแปลกใจเพราะปกติผมจะชวนคุยก่อนหรือไม่ก็กวนประสาทเธอสักนิดแต่ครั้งนี้ผมคุยกับใครต่อไม่ไหวจริง ๆ
“ฝันสูง”
“ชิส์~ แต่ยังไงวันนี้ก็ขอบคุณมาก ๆ นะที่อุตส่าห์เอาหนังสือมาให้ บาย~” ปั้นหยาโบกมือให้ผม ผมก็เลยยิ้มตอบก่อนที่จะหันมาสนใจกับรถ ไปไหนต่อดีวะร้านไหนดีที่นั่งดื่มเงียบ ๆ คนเดียวได้
“เดี๋ยว...มือนาย” ผมกำลังจะขยับเกียร์รถเพื่อออกไปแล้วแต่ปั้นหยากลับเรียกเอาไว้พร้อมกับชี้ไปที่มือของผม ผมก็เลยต้องรีบลดมือลง
“หืม? มีไร”
“มือนายมีแผล ฉันขอดูหน่อย”
“ไม่มีหรอกตาฝาดแล้ว พี่ไปก่อนนะ”
“ไม่ ๆๆ มือนายมีแผลเอามาให้ฉันดูเดี๋ยวนี้จะหลบทำไม” ปั้นหยาเกาะประตูรถเอาไว้ทำให้ผมไม่กล้าออกรถไม่งั้นคงได้เกิดอุบัติเหตุกับเธอแน่ ๆ
“ไม่มีจริง ๆ กลับห้องไป แกล้งทำตาฝาดเพราะอยากคุยกับผมเหรอครับคุณหมอ” ผมแกล้งแซวกลับเพื่อให้ปั้นหยายอมถอยแต่หน้าตาเธอโคตรเอาเรื่องก่อนที่จะโยนหนังสือเข้ามาในรถแล้วก็วิ่งอ้อมหน้ารถมาฝั่งตรงข้าม
ปัง!
พรึ่บ!
ปั้นหยาวิ่งมาขึ้นรถพร้อมกับเปิดไฟในรถด้วยความเร็วก่อนที่เธอจะมองมาที่ผมด้วยความตกใจ
“นาย...ไปทำอะไรมา?”
“ไม่มีไรพี่แค่ไปต่อยกับไอ้พวกกร่างมา มันหาว่าพี่ไปมองแฟนมันก็เลยซัดเข้าให้ หล่อแบบพี่นี่นะต้องไปมองผู้หญิงที่มีผัวแล้ว ใช่ไหมล่ะ”
“แค่ต่อยหน้าคนมือมันแตกจนเลือดสาดทั้งมือได้เลยเหรอ? หน้าคนหรือปูนอินทรีย์? เลือดมันเลอะเสื้อนายเยอะมากเลยนะ” ปั้นหยาถามจี้ผมด้วยสายตาที่บอกให้รู้ว่าเธอไม่เชื่อในสิ่งที่ผมกำลังโกหก
“ไม่มีอะไรจริง ๆ ขึ้นห้องไปเถอะเดี๋ยวพี่จะไปแล้ว”
“ไปไหน?”
“บ้าน...พี่จะกลับบ้าน” เป็นครั้งแรกเลยครับที่ผมเศร้าแล้วมีคนมองเห็น เพราะปกติผมจะอดกลั้นมันเอาไว้แล้วมาระบายคนเดียว แต่ครั้งนี้ปั้นหยามาอยู่ตอนที่ผมกำลังระบายความเศร้าพอดีผมก็เลยไม่รู้วิธีที่จะปิดบังความเศร้าที่มันปะทุออกมาแล้วยังไงดี
“นายเป็นอะไร?” ปั้นหยามองผมด้วยสายตาที่มันเจือไปด้วยความเป็นห่วง ถึงมันจะมีแค่บางเบาก็ตามมันเลยยิ่งทำให้ผมอ่อนแอมากขึ้น ผมโคตรเกลียดอารมณ์ตัวเองตอนนี้เลย
“พี่ไม่ได้เป็นอะไร”
“เป็น นายเป็นแน่ ๆ ตานายกำลังสั่นเหมือนคนที่กำลังจะร้องไห้”
“ลงไปได้แล้วปั้นหยาพี่จะกลับแล้ว” ผมรีบหันหน้ากลับมามองที่ถนนแล้วก็ขยับตัวเพื่อให้ปั้นหยารู้ว่าผมเตรียมที่จะออกรถแล้ว
“ไม่ ฉันไม่ลงจนกว่าจะรู้ว่านายเป็นอะไรแล้วก็ไปทำอะไรมาถึงได้มือแตกแบบนี้”
“...”
“ตอบฉันมาสิ นายเป็นอะไร” ปั้นหยายังคงถามด้วยคำถามเดิม แต่ผมตอบไม่ได้หรอกครับ เรื่องบัดซบที่ผมไม่เคยอยากได้แบบนั้นผมเล่าให้ใครฟังไม่ได้
“ตอบสิ!”
“...”
“นาย...เป็นอะไร” ปั้นหยาเสียงเบาลงแต่ผมก็ตอบไม่ได้อยู่ดี ทำยังไงปั้นหยาถึงจะยอมลงไปวะ ผมจะกลั้นความอ่อนแอความเสียใจของตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว
“...”
“นายทำร้ายตัวเองใช่ไหม?” เสียงปั้นหยาเบาลงเรื่อย ๆ พร้อมกับการที่เธอเอื้อมมือมาแตะที่มือผมเบาๆ มือที่มันมีแผลสดทั้งสองข้าง
“...ปล่อยพี่ ลงไปได้แล้วหยา ไปพักผ่อนซะ”
“ไม่ ตอบมาก่อนว่าเป็นอะไร”
“ลงไปหยา”
“...พี่กราฟ พี่เป็นอะไร”
“...ปล่อยพี่ ลงไปได้แล้วหยา ไปพักผ่อนซะ” เขาขยับมือให้ออกห่างจากฉันแถมยังหันหน้าไปอีกด้านแบบนี้แล้วฉันจะปล่อยไปได้ยังไงเขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ปกตินะคะ ถ้าเขาเกรี้ยวกราดเหมือนไปกัดกับศัตรูต่างฝูงฉันจะไม่สนใจเลยแต่นี่เขากำลังเสียใจ ฉันสัมผัสมันได้“ไม่ ตอบมาก่อนว่าเป็นอะไร”“ลงไปหยา”“...พี่กราฟ พี่เป็นอะไร”ไม่ว่าจะด้วยสัญชาตญาณความเป็นหมอหรือว่าอะไรก็แล้วแต่ในตอนนี้มันทำให้ฉันปล่อยเขาไปไม่ได้จริง ๆ“หืม? ยอมเรียกพี่แล้วเหรอ” เขาหันมายิ้มให้ ไม่สิฝืนยิ้มแล้วก็แกล้งแซวฉันมากกว่า แต่ฉันไม่มีอารมณ์ขำด้วยหรอกนะ“พี่เป็นอะไร?” ฉันถามคำเดิม สายตาจ้องเขาไม่วางตา“พี่ไม่ได้เป็นอะไร ลงไปได้แล้ว อ่ะนี่หนังสือ” เขาไล่ฉันรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ แต่ไม่ค่ะ ปั้นหยาอยากรู้ก็ต้องได้รู้ว่าอะไรที่ทำให้สุดถ่อยเสียใจได้ขนาดนี้“ตอบ...” ถ้าคิดว่านายอึนและมึนมากกว่าฉันวันนี้มาแข่งกันอึนได้เลย ยิ่งเห็นคนถ่อยทำหน้าหงอยเป็นน้องหมาตัวน้อยโดยเอาไปปล่อยวัดฉันยิ่งไม่มีทางปล่อยให้กลับไปเฉย ๆ แน่“...เฮ้อ! ไม่รีบไปทำงานต่อรึไง”“ที่จริงก็ไม่รีบหรอกแค่ว่างเลยอยากเคลียร์งานให้เสร็จแค่นั้น” ฉันไม่ได้รีบไปทำงานต่อจริง ๆ แค่ว
“อืม~”ไอ้พี่กราฟเขา เขา...จูบฉัน จูบเบา ๆ แค่แตะปากลงมาแล้วก็เม้มริมฝีปากฉันเอาไว้ แต่มันทำให้ฉันสติหลุดลอย เขาแตะอยู่แบบนี้นานเท่าไหร่ฉันก็ไม่รู้ก่อนที่เขาจะเอาหน้าผากมาชนกับหน้าผากฉัน“เดี๋ยวพี่จะพุ่งชนอย่างที่หยาแนะนำ”“...”-///-“ลงไปได้แล้วคุณหมอพี่จะได้กลับ” เขาผละตัวออกมาแล้วก็พูดด้วยเสียงอารมณ์ดี แต่อีหยานี่สิคะ ค้างเป็นหิน จูบแรกของฉัน T_T“หยา...ปั้นหยา”“ฮะ? อือ” ฉันรับคำแบบงง ๆ แล้วก็เอื้อมมือไปจับประตูรถ พอก้าวขาลงจากรถสติมันถึงได้กลับมา“ไหวไหมเนี่ยเรา” ไอ้พี่กราฟลดกระจกฝั่งฉันลงแล้วก็ชะโงกหน้ามาถามแถมยังมายิ้มล้อเลียนใส่ฉันอีก แล้วคนแกร่งอย่างปั้นหยาควรหันไปตอบว่ายังไง ไม่ตอบมันดีกว่าแค่นี้ก็ทำหน้าไม่ถูก ฮือ~ ไอ้โจร! ไอ้พี่กราฟมันเป็นโจรมาปล้นจูบฉันฉันหันไปมองเขาแค่แป๊บเดียวแล้วก็เผ่นแน่บเลยค่ะ เผ่นขึ้นห้องให้มันเร็วกว่าความไวแสงทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ไล่หลังมากรี๊ด!!!>///หยา! ปั้นหยาทำไมแกยอมให้เขามาจูบแบบนั้น ไอ้พี่นั่นมันเจ้ากรรมนายเวรนัมเบอร์วันของแกเลยนะ แกไปนั่งเป็นอนุสาวรีย์หุ่นอีงั่งแบบนั้นได้ยังไง แกเป็นหุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซเหรอที่ได้นิ่งแข็งเป็นห
“โอ้โหน้องครับ น้องมาเลทไปหลายนาทียังกล้าขึ้นมานั่งบนรถหน้าชื่นตาบานอีกเหรอครับ”“ชิส์~ พูดมาก” ฉันกลอกตามองบนแล้วก็บ่นขึ้นมา ได้ทีขี่แพะไล่เชียวนะไอ้พี่กร๊วก“ยัง ยังไม่สำนึกอีกว่าตัวเองเลท นัดเองเลทเอง”“แค่ 5 นาทีเอง” ฉันหันไปบอก เออรู้ตัวว่าสายแล้วที่สำคัญก็เป็นคนบอกเองว่า 7 โมงตรง“ขอโทษพี่ก่อน” ไอ้พี่กราฟหันหน้าหล่อ ๆ มามองฉันเชิงบังคับ เหอะ! อย่าคิดว่าจะชนะคนอย่างปั้นหยาได้“ฉันบอกว่าถ้านายมาสาย ไม่ได้บอกว่าถ้าฉันมาสาย และไม่มีคำไหนที่เอ่ยว่าถ้ามีคนใดคนหนึ่งมาสาย ฉันหมายความว่าแค่นายมาสายคนเดียว ยูโนว~”“กวนตีน” ไอ้พี่กราฟมองฉันที่ร่ายยาวอธิบายอะไรบ้าบอก็ไม่รู้ด้วยความงงในประโยคของฉันแล้วก็หน้ามุ่ยหันกลับไปจับพวงมาลัยรถพร้อมกับเหยียบคันเร่งรถออกไปที่ท้องถนน“หิว” ฉันพูดขึ้นหลังจากที่เรานั่งรถออกมาพักหนึ่ง“อืม”“ยังไม่ได้กินข้าวเช้า” ฉันย้ำอีกรอบเผื่อว่าเมื่อกี้เขาอาจจะได้ยินไม่ค่อยชัดเพราะปกติถ้าบอกว่าหิวไอ้พี่กราฟจะถามว่าแวะร้านสะดวกซื้อไหม จะกินอะไร“อือ ยังไม่ได้กินเหมือนกัน เจ๊ากัน” พอได้ยินประโยคคำตอบที่ตอบเนือย ๆ ของเขามันเลยทำให้ฉันหันขวับไปมองเสี้ยวหน้าของไอ้คนหล่อระย
“คบกับพี่นะหยา~ ตอนนี้ยังไม่รักไม่คิดอะไรกับพี่ก็ไม่เป็นไรแค่ให้โอกาสพี่อีกสักนิดก็พอ...แค่นิดเดียว~”“เอ่อ...” ช็อคค่ะคนหล่อมาขอคบ เพิ่งโดนจูบจนปากช้ำปากชามาหยก ๆ ก็โดนขอคบต่อเลยทันที หัวใจไม่ได้หยุดพักเลย เกิดเป็นหยานี่ทั้งน่าอิจฉาและน่าสงสารซะจริง -///-“ไม่ต้องปฏิเสธ หยาไม่มีสิทธิปฏิเสธเพราะพี่ไม่ยอมรับ” ฮะ? เอาแบบนี้เลยเหรอ?“...”“กลับเลยเนอะดึกแล้ว” เขาถามฉันที่นั่งเงียบ พอสบตากันตอนนี้ฉันก็รีบก้มหน้าลงต่ำมองหาเศษเหรียญไปเลยค่ะก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี๊ดี แล้วก็ขับรถออกไปเลย“หิวอะไรไหม แวะกินก่อนก็ได้นะ” ประโยคสุดฮิตประโยคติดปากที่เขาชอบถามเวลาลากฉันไปตะลอนแล้วก็พามาส่งช่วงดึก ๆ ถูกเอ่ยขึ้นอีกครั้ง“...”“ที่ไม่ตอบนี่เพราะไม่หิวหรือเพราะโดนจูบจนปากชาเลยตอบไม่ได้”เพี๊ยะ!“พี่กราฟ!” อุตส่าห์นั่งอายดี ๆ อยู่แล้วเชียว ขนาดเพิ่งขอคบยังปากร้ายไม่เลิก!“ฮ่า ๆๆ จ๋า~ เรียกแฟนทำไมคะน้องหยาคนสวย”“ใครเป็นแฟนพี่!” ฉันรีบพูดไปด้วยความเขิน แฟนบ้าอะไรล่ะฉันยังไม่ได้ตกลงเลย“หยาไง อย่าเล่นตัวน่าคนหล่อขนาดนี้มาขอคบเลยนะ”“ชิส์~ ระดับปั้นหยามีคนหล่อ ๆ มาจีบเยอะจะตายอย่าหลงต
-วันต่อมา-“จะกลับก็โทรบอกพี่นะ”“ค่า~ แต่ถ้าพี่กราฟมีธุระก็ไม่เป็นไรนะยาหยีไปส่งหยาได้” อีกแล้วครับ ผมนึกว่าคุยกันรู้เรื่องตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะว่าผมจะไปรับเอง มาวันนี้ก็ยังจะให้ยาหยีไปส่งอีก ไม่สงสารเพื่อนรึไงวะดูท่าทางยาหยีโคตรเป็นคนที่มีความเครียดกับการขับรถในแต่ละวันเลย“โทรมานั่นแหละ”“โอเคค่ะ”วันนี้ปั้นหยาไปช็อปปิ้งกับยาหยีเพื่อนรักของเธอครับ ผมก็เลยว่างไม่รู้จะทำอะไรดี เมื่อก่อนเวลาเรียนเสร็จกูทำอะไรบ้างวะ? มัวแต่ตามยัยหมากระเป๋ามาเป็นเดือน ๆ จนตอนนี้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของตัวเองไปแล้ว วันนี้ก็เลยเคว้งครับ ไม่รู้จะทำอะไร“ยังไม่กลับอีกเหรอมึง” ไอ้ฟรังซ์เดินเข้ามานั่งตรงข้ามผมแล้วก็แย่งแก้วกาแฟกูไปแดก แม่งทำตัวเหมือนไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าว แย่งกูแดกทุกอย่างทั้งข้าวทั้งน้ำทั้งที่บ้านก็รวยฉิบหาย“ยัง วันนี้กูว่างมึงล่ะจะกลับแล้วเหรอ”“โอ้โหว่างเป็นด้วย ทำไมว่างครับพี่กราฟครับ น้องหยาของกูเขาเบื่อขี้หน้ามึงแล้วเหรอครับ” มันเสนอหน้ายื่นหน้ามาถามผมใกล้ ๆ แล้วก็ทำหน้าตาสะใจใส่ผม“ของมึงมีแค่ส้นตีนกูนี่” ผมบอกพร้อมกับชูนิ้วกลางไปให้ เวลาไอ้ห่าฟรังซ์มันเรียกปั้นหยาแต่ละครั้งจะต
“ยาหยีขับเฟอร์รารี่ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ เหี้ย!” ผมแม่งตะโกนลั่นรถเหมือนคนบ้าทำเหี้ยอะไรวะ หึ! ไม่เห็นต้องสงสัยเลยว่ายาหยีขับเฟอร์รารี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แค่การขับที่พุ่งมาด้วยความเร็วแล้วก็เบรคเสียงดังลั่นเมื่อกี้ก็บอกชัดอยู่แล้วว่ามันไม่มีทางเป็นยาหยีแน่นอน!มันเป็นใคร! ไอ้เหี้ยที่มันมาส่งปั้นหยาเป็นใคร! แถมพอผู้หญิงคนนั้นลงจากรถก็ยังไม่ยอมจากกันง่าย ๆ ยังลดกระจกคุยกันยิ้มหัวเราะมีความสุขกันสองคนอีกพักใหญ่ แม่งจะยืนคุยกันอีกนานไหมวะไอ้เหี้ยกูจะห้ามส้นตีนไม่ให้เหยียบคันเร่งขับรถกูไปชนรถมึงตอนนี้ไม่ไหวอยู่แล้ว!ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดดติ๊ด!“ครับ”(พี่กราฟหยาถึงหอแล้วนะ พี่กราฟทำอะไรอยู่จะนอนรึยัง) หึ! พอไอ้เหี้ยเฟอร์รารี่สีแดงเหมือนเลือดที่กำลังขึ้นหน้าผมอยู่ตอนนี้มันขับรถออกไปก็รีบกดโทรศัพท์โทรมาหาผมเลย สับรางโคตรเก่งเลยว่ะ อยากรู้ฉิบหายว่าปั้นหยาสับรางเก่งแบบนี้มานานรึยังวะ แต่ดูจากสายตาท่าทางน่าจะเก่งเข้าขั้นเซียน“ยัง พี่อยู่ข้างนอก” นอกจากอยู่ข้างนอกก็อยู่ข้างหอเธอด้วยปั้นหยา“หือ พี่กราฟเป็นไรอ่ะ อารมณ์ไม่ดีเหรอเสียงแปลก ๆ”“เปล่าพี่แค่หงุดหงิดรถแถวนี้ มันขับกวนส้นตีน” ไอ้เหี้ยเฟอร์รารี่คั
"อย่าลีลาพี่กราฟ ตอบมาเลยไม่หวานก็ถ่อยจะเอายังไงกันแน่”“หึ ๆๆ เพราะว่าจะเอาน้องหยามาเป็น...เมีย~”“ฮะ!” คำตอบของพี่กราฟทำฉันอ้าปากค้างไปเลยค่ะ พูดบ้าอะไรเนี่ย!“ไม่ฮะหรอกพูดจริง ๆ ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ”“พี่กราฟ! พูดอะไรก็ไม่รู้ อย่าแม้แต่จะคิดนะ!” ฉันวีนใส่ไอ้พี่กราฟไปนิดหน่อย ทั้งเขินทั้งอายทั้งโมโหที่เขาพูดแบบนี้ เป็นแฟนก็คือแฟนสิ ทำไมต้องทำสีหน้าท่าทางมุ่งมั่นขนาดนั้นว่าจะเอาฉันเป็นเอ่อ...เป็นเมียให้ได้ขนาดนั้น หยาก็ไม่ได้หัวโบราณจนตามโลกไม่ทันนะคะแต่แค่ไม่อยากเสียตัวทั้งที่ยังไม่ชัวร์ว่ารักกันจริงรึเปล่าแค่นั้นเอง“คิดมาตั้งนานแล้วไม่รู้เหรอ” พี่กราฟพูดขึ้นมาแล้วก็มองฉันด้วยสายตาแพรวพราว“...พี่กราฟ อย่าแกล้งหยาแบบนี้” ตลอดเวลาที่ผ่านมาไอ้พี่กราฟไม่เคยแสดงท่าทีคุกคามฉันเลยสักครั้งนี่คะ ไม่เคยฉวยโอกาสจนเกินพอดีอาจจะมีแค่บางทีที่เผลอใจ >///พอเขาพูดแบบนี้ฉันก็เลยไปไม่เป็น“พี่แกล้งที่ไหน พี่คิดก็บอกว่าคิด คิดมาตั้งนาน ใครบ้างอยู่ใกล้คนสวย ๆ แถมเป็นแฟนของตัวเองแท้ ๆ แล้วจะไม่คิด” เขาพูดตรงเกินไปค่ะ แล้วสายตาตอนนี้มันก็อันตรายกับหัวใจฉันมาก“พี่กราฟ” นอกจากจะอันตรายต่อหัวใจก็ยังรู้สึ
“หยา~”“พี่รักหยานะ หลังจากนี้ทุกสิ่งที่พี่ทำมันก็เพราะพี่...รักหยา เป็นของพี่นะครับ~” พี่กราฟพูดจบสมองฉันก็เบลอไม่รับรู้อะไรภายนอกอีกแล้ว ตอนนี้มันมีแค่คนตรงหน้าเท่านั้นที่ฉันสนใจพี่กราฟก้มลงมาจูบเขาจูบแบบสูบวิญญาณแล้วก็เอามือไปยุ่มย่ามตามเนื้อตัวของฉัน ทั้งลูบไล้แล้วก็ปลดเสื้อผ้าฉันไปด้วยจนตอนนี้น้องหยาอยู่ในชุดวันเกิดเรียบร้อย แล้วพี่เสือของหยาก็ขยับยืดตัวขึ้นพี่เขานั่งคร่อมฉันไว้พร้อมกับส่งสายตาร้าย ๆ มองมาที่ฉัน มือก็กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเอง ท่าทางตอนนี้ของพี่เขากร้าวใจหยามากเลยค่ะ >///“สวย~” พี่กราฟโยนเสื้อทิ้งแล้วก็ก้มลงมาดูดหน้าอกฉัน แต่มือเขามันกำลัง...กำลังปลดเข็มขัดของตัวเองอยู่ไม่นานพี่กราฟก็ลุกขึ้นยืนจากนั้นฉันก็ไม่กล้ามองแล้วค่ะ เขินกับการที่พี่เขาถอดกางเกงด้วยความรวดเร็ว ถึงในห้องมันจะมีแสงสว่างแค่สลัวแต่สายตาก็ไม่ได้มืดจนมองไม่เห็นว่าอะไรเป็นอะไรนี่คะพี่กราฟขึ้นมาคร่อมฉันเอาไว้อีกครั้ง ตอนนี้ฉันก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่ากำลังจะโดนอะไร ของจริงใช่ไหม แล้วไอ้ที่มันกำลังถูไถโดนขาอ่อนปั้นหยามันก็ของจริงใช่ไหม ทำไมมันดู...ใหญ่ ๆ ยาว ๆ จังเลย -///-“พี่กราฟ”“หืม~” พี
“อุตส่าห์ไม่บอก ทำไมพี่กราฟถึงรู้”“คนสวยมาไลค์แทบทุกรูปใครจะไม่อยากรู้จักล่ะที่รัก พี่เคยเข้าไปส่องไอจีหยาบ่อย ๆ”“อ่อ ลืมไปว่าไอ้พี่กร๊วกมันร่านนี่เนอะ”“แต่ตอนนี้ร่านแค่กับเมียคนเดียวนะคะ”“อย่ามาทำเสียงอ่อนเสียงหวานนะพี่กราฟ ปล่อยได้แล้วหยาจะไปอาบน้ำ”“ไม่ปล่อย พี่กราฟอยากกอดเมีย”“อื้อ~ แต่หยาเหนื่อยจนแทบสลบอยู่แล้วนะ”“ก็สลบได้เลยที่รัก สลบคาอกพี่ได้ตามสบาย~”“อื้อ~” ผมพูดจบก็ปิดปากปั้นหยาด้วยจูบเร่าร้อน จูบแล้วก็บดจูบลงไปหนัก ๆ เอาให้เมียเครื่องติดเร็ว ๆ เพราะผมอยากเต็มที่แล้ว ปั้นหยาอยู่ในชุดเจ้าสาวที่ผมรอมานาน พอเห็นเธอในชุดนี้ก็ห้ามใจแทบไม่ไหว“อื้อ~ พี่กราฟ~” ผมดูดตามซอกคอของเธอแล้วจับปั้นหยานอนลงที่เตียงจากนั้นก็จัดการลอกคราบชุดเจ้าสาวออกไป ชุดมันไม่ได้รุ่มร่ามก็เลยจัดการได้ง่ายด้วยการรูดซิปข้างตัวแล้วก็ดึงออกเลย เป็นชุดเจ้าสาวที่ออกแบบมาเพื่อเจ้าบ่าวรึเปล่าวะ เพราะนอกจากใส่แล้วจะสวยจนอยากลากขึ้นเตียงมันยังถอดโคตรง่ายอีกด้วยจ๊วบ~“อื้อ~”จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ~ผมดูหน้าอกเธอพร้อมกับสะกิดติ่งสวาทของเธอแรงขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนปั้นหยาก็ครางด้วยเสียงหวาน ๆ ของเธอ“อื้อ~ พอแล้วพี่กราฟ ซี๊
"ใครเชิญมึงมา!” ไอ้เหี้ยคริชไอ้ส้นตีนหมาอดีตเพื่อนรักเพื่อนตายของผมเอง ย้ำว่าแค่อดีตเท่านั้นเพราะตั้งแต่มันกระทืบไข่ผมจนใช้งานไม่ได้เป็นเดือนผมก็ดีดมันออกไปจากชีวิต ไม่ใช่สิผมนี่แหละดีดตัวเองออกมาเพราะมันทำไข่ผมบอบช้ำแล้วยังกล้าพูดง่าย ๆ แค่ว่า ไข่ระบมของผมแลกกับใจช้ำ ๆ ของไอ้เควินน้องชายมันไอ้เหี้ย! มันเทียบกันได้ที่ไหน น้องชายมึงมันก็หวังฟันหญิงเล่นเหมือนกูนั่นแหละ มันจะเอาเศษใจส้นตีนที่ไหนมาช้ำวะ“แฟนเก่ากูเชิญกูมา” แม่งพอถามก็ยิ้มหน้าระรื่นตอบ แต่เมื่อกี้มันพูดว่ายังไงนะแฟนเก่ากูงั้นเหรอ?“พี่คริช!” ผมหันไปมองหน้าปั้นหยาที่ทำหน้าตื่นแล้วก็รีบหันไปดุไอ้เหี้ยคริช“ไหนบอกพี่ว่าแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง” ตอนนี้นอกจากจะอยากถีบปากลามไปถีบไข่ไอ้เหี้ยคริชผมยังอยากกินหัวเมียตัวเองด้วย“รุ่นพี่รุ่นน้องจริง ๆ ค่ะ” ปั้นหยารีบหันมาบอกผมเสียงตื่นแต่ความโมโหที่ไอ้คริชมันพูดว่าเป็นแฟนเก่ากำลังจะทำให้ผมอยากอาละวาดหนัก ๆ เอาให้งานแต่งของตัวเองพังไปเลย“แล้วที่ไอ้เหี้ยนี่มันพูดหมายความว่ายังไง” กูจะพังงานเลี้ยงถ้าปั้นหยาโกหกแล้วจะจับไปลงโทษที่เตียงตอนนี้เลยคอยดู“ก็พี่คริชตอแหล เอ๊ย! ไม่ใช่ ๆ โกหกค่ะ พี่ค
ฉันยืนอ้าปากค้างกับคำพูดของพ่อ ตอนแรกเห็นสองพ่อรู้จักกันท่าทางจะเป็นเพื่อนซี้กันเลยน้องก็โคตรรู้สึกโอเคแต่พอพ่อกำนันของลูกแซวประโยคเมื่อกี้ไปฉันกับพี่กราฟก็ยืนเกร็ง นี่พ่อ ๆ เป็นเพื่อนหรือเป็นศัตรูกันมาก่อนวะ“อ่อ...ฮ่า ๆๆๆ เออ ๆ เหมือน ๆ นอกจากสันดานเหี้ยเหมือนพ่อก็ปากส้นตีนเหมือนพ่อตามันด้วย” พ่อพี่กราฟดูอึ้งแล้วก็ยิ้มเก้อในตอนแรกก่อนที่จะแก้เกมด้วยการซัดกลับพ่อกำนัน อืม~ดูเหมือนจะขำแต่ทำไมสงสารกราฟของน้อง กราฟของน้องยืนอยู่ห่าง ๆ แต่โดนหางเลขไปด้วยทุกดอกเลย“ฮ่า ๆๆ ปากเอ็งนี่ไม่น่าเกี่ยวดองด้วยเลยนะไอ้ชาญชัย” เสียงพ่อกำนันเริ่มหัวเราะเย็น ๆ มาแล้วค่ะฉันกับพี่กราฟก็เลยรีบจับมือกันโดยอัตโนมัติ เห็นสองพ่อคุยกันแล้วรู้สึกแปลก ๆ เหมือนจะไม่ได้คบกันต่อยังไงก็ไม่รู้“ฮ่า ๆๆ ถ้าข้าเลือกได้ก็อยากให้หนูปั้นหยาเป็นลูกคนอื่นเหมือนกันไอ้กำปั้นเพื่อนรัก ฮ่า ๆๆ” โอ๊ย~ คุยอะไรกันไม่เห็นใจลูกสาวลูกชายที่ยืนฉี่จะราดเลย ยิ่งคุยกันมากเท่าไหร่ฉันกับพี่กราฟก็ยิ่งบีบมือกันแรงมากขึ้นเพราะกลัวว่าจะต้องแยกจากกัน “พ่อ” พี่กราฟเหมือนจะทนไม่ไหวก็เลยเรียกพ่อพี่เขาเบา ๆ ทำดีมาค่ะที่รักของหยา“ว่าไงไอ้เสือ เรีย
“ถ้าพ่อให้โอกาสอีกสักครั้ง ผมขอสัญญาด้วยศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายว่าผมจะรักและดูแลปั้นหยาให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะดูแลผู้หญิงที่รักสุดหัวใจได้” อ่าส์~ โคตรเท่ ประโยคนี้ของผมต้องทำให้ทุกคนบนโต๊ะซึ้ง “ถุย! มึงอ่านนิยายดูละครน้ำเน่ามาเยอะเหรอ? คำพูดมึงแม่งก๊อปละครมาเลยไอ้ลูกหมา!” หมดกันประโยคที่คิดว่าโคตรเท่ มีใครชีวิตน่าสงสารเท่าไอ้กราฟคนนี้อีกอีกไหมวะ? ความโคตรหล่อโคตรรวยไม่ได้ช่วยให้ชีวิตที่แสนห่วยตอนเจอหน้าพ่อตาดีขึ้นเลยสักนิด“เอ่อ...” พูดไม่ออกครับน้ำตาจะไหล“มึงพูดมาตรง ๆ อย่าแสดง มึงคิดยังไงกันแน่เอาที่มันเป็นตัวมึง!” พ่อกำนันชี้หน้าแล้วก็พูดออกมาเสียงเข้มผมก็เลยสูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด เอาที่เป็นตัวผมงั้นเหรอ?“...พูดได้ใช่ไหมครับ”“เออ!” อ่าส์~ เอาวะ สูกลมหายใจเข้าลึก ๆ ไอ้กราฟ“ผมรักลูกสาวพ่อครับ รักมากโคตรรักเลยครับ ตอนนี้ปั้นหยาก็เป็น...เป็นเมียผมแล้วพ่อกำนันคงไม่อยากให้ลูกสาวมีสามีหลายคนใช่ไหมครับ แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ยอมแน่ถ้าเมียผมจะไปมีผัวใหม่ ถ้าพ่อกำนันไม่ฆ่าผมให้ตายก่อนในวันนี้ผมสัญญาว่าพรุ่งนี้พ่อกับแม่ผมจะมาพร้อมกับสินสอดแน่นอนครับ” พูดแล้วโว้ย! กูกล้าพูดแล้ว ไ
“กูจะเล่นให้ใช้งานไม่ได้เลยไอ้หมา!”ปั๊ก!ปั๊ก ๆๆ“พ่อ!” ฉันขึ้นมาดูลาดเลาว่าตอนนี้พี่กราฟเป็นยังไงบ้างแต่ภาพตรงหน้าคือพ่อกำลังเอาหัวไม้ตะพดกระทุ้งใส่เป้าพี่กราฟโดยมีพี่เข้มมือขวาของพ่อเป็นคนคอยอำนวยความสะดวกให้ส่วนพี่กราฟก็หน้าเขียวขาอ่อนจนแทบทรุดอยู่แล้วแต่ก็คงทรุดลงพื้นไม่ได้เพราะพี่เข้มนั่นแหละที่ล็อกตัวเอาไว้ปั๊ก!“พ่อ! หยุดได้แล้ว!” ฉันวิ่งไปจับไม้ตะพดของพ่อที่กำลังจะซัดเข้าเป้าอีกครั้งด้วยความรู้สึกสงสารพี่กราฟ ตายแน่กราฟน้อยสูญพันธุ์แน่ ๆ หมดกันไม่ได้สืบพันธุ์แน่เฮียเอ๊ย!“ปล่อยพ่อเลยนังหนู พ่อจะเอามันให้ตาย!”“ซี๊ด~ อูย~” เสียงพี่กราฟก็ดังขึ้นมาด้วยความทรมาน ท่าทางจะอยากมามือกุมเป้าเต็มทีแต่พี่เข้มก็ไม่ปล่อยให้พี่กราฟได้ใช้สิทธิ์นั้นเพราะพี่เข้มเอาแต่จับแขนไว้ไม่ยอมปล่อย“พ่อจ๋าอย่าทำพี่กราฟเลยนะคุยกันดี ๆ นะคะ” ฉันจับไม้ตะพดยื้อแย่งกับพ่อไปมา พ่อก็ไม่ฟังหรอกค่ะ พ่อกำนันคนจริงจะตายถ้าลองได้ลงมือพ่อจะทำจนกว่าจะพอใจเอาช้างมาฉุดก็หยุดไม่อยู่“ไม่! มันหยามศักดิ์ศรีพ่อ ปล่อยเลยนังหนู!”“ไม่พ่อ พ่อหยุดเลย”“ไม่! ปล่อยพ่อนังหนู! / ไม่ปล่อย!” / ปั๊ก!“อ๊าส์! เจ็บโว้ย!” มัน...ไปโดนเ
ปัง!!อ๊าส์!“ไอ้เหี้ย!!!” คราวนี้ปืนครับ ปืนของจริงแถมลูกปืนยังเพิ่งวิ่งผ่านส้นตีนกูไปด้วย!“เหี้ยพ่อมึงสิ!” ผมสบถคำว่าไอ้เหี้ยออกมาพร้อมกับกระโดดหลบลูกปืนที่มันเฉียดฝ่าเท้าไปแค่นิดเดียวก่อนที่จะตั้งสติแล้วก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนตัวบ้านเพื่อมองหาที่มาของลูกปืนโคตรระห่ำนัดเมื่อกี้พ่อกำนันของปั้นหยาแน่นอนเลยครับ ผู้ชายวัยกลางคนที่หน้าตาโคตรแตกต่างจากที่ผมมโนภาพไว้ นึกว่าจะหัวล้านลงพุงไว้หนวดมีผ้าขาวม้ามัดเอวเอาไว้แล้วก็ลากปืนไทยประดิษฐ์ยาว ๆ มาจ่อยิงไข่ผมเหมือนกำนันบ้านทุ่งในละครไทย แต่ที่ไหนได้พ่อตากูโคตรหล่อและโคตรสมาร์ท หน้าตาหล่อกิ๊กไม่แพ้พ่อผมเลยสักนิดกำลังมองมาที่ผมแล้วก็ใช้มือขวามือเดียวเล็งปืนสั้น Nighthawk GRP มาที่ผม โคตรฉีกทุกกฎของการเป็นกำนันบ้านทุ่งเลยว่ะ ยิ่งตอนนี้ที่ปืนกำลังเล็งมาที่ผมและนิ้วชี้ของพ่อกำนันกำลังขยับไปหาไกปืนช้า ๆ ก็ยิ่งโคตร...เท่“เฮ้ย! / พ่ออย่ายิง!” เสียงของผมกับปั้นหยาร้องขึ้นพร้อมกันจากนั้นก็ปัง!“กรี๊ด! พ่อ!” ปั้นหยารีบวิ่งมาหาผมแล้วก็กรี๊ดเสียงดังลั่นแต่ผมกลัวปั้นหยาโดนลูกหลงเลยรีบกอดเธอเอาไว้จนแน่นแล้วก็เบี่ยงตัวหันหลังบังเธอเอาไว้ ลูกปืนมันไว้ใจไม
(ฮ่า ๆๆ แต่วันนี้พ่ออยู่นะนังหนู กลับมาหาพ่อเลยวันนี้)“วันนี้เลยเหรอคะพ่อ” ปั้นหยาถามแล้วก็บิดขี้เกียจก่อนที่จะพาดขาเรียวมาบนตัวผม ความเป็นกุลสตรีมีโคตรเยอะเลยว่ะเมียกู(เออวันนี้แหละ กลับมาวันนี้ตอนนี้พร้อมกับไอ้หมาที่มันเอาตัวลูกสาวข้าไปกกจนไม่ยอมกลับหอ!)“เชี่ย!” เสียงผมเองครับ ร้องเชี่ยหนักมากเพราะความตกใจที่อยู่ ๆ ว่าที่คุณพ่อตาดันรู้ว่าผมเอาตัวลูกสาวคนสวยหมากระเป๋าตัวน้อยแห่งเมืองสุพรรณมากกไว้ที่คอนโด(เชี่ยพ่อมึงสิไอ้ลูกหมา! มันฟังอยู่ใช่ไหมนังหนู หนอย~ กล้าเอาลูกสาวกำนันกำปั้นไปกกแล้วยังเสนอหน้าเสนอหูมาฟังพ่อลูกเขาคุยกันอีก มึงได้ตายคาตีนกูแน่!)“พ่อจ๋า พ่อใจเย็น ๆ ก่อนนะจ้ะ” ตอนนี้ปั้นหยาน้ำตาคลอแล้วครับ ผมโคตรสงสารแล้วก็โคตรรู้สึกผิดเลยที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสถานการณ์นี้(กลับบ้านเดี๋ยวนี้นังหนู ลากคอไอ้ลูกหมาหางจุกตูดนั่นมาด้วย! ไม่มากูจะตามไปล่ามึงถึงกรุงเทพฯ!) พ่อปั้นหยาตะโกนสั่งแล้วก็ตัดสายทิ้งทันที เอาแล้วกูความซวยมาเยือนฝีปากว่าที่คุณพ่อตาอย่างโหด กูจะโดนยิงไข่ทิ้งไหมวะยิ่งใหญ่ ๆ เล็งเป้าง่ายอยู่ด้วย“พี่กราฟ ตายแน่เลย~” ปั้นหยาหันมาหาผมแล้วก็ทำเสียงเหมือนจะร้อง แต่ฟ
“อื้ม~” ปั้นหยากำลังทำผมคลั่งเพราะผมเพิ่งจะรู้วันนี้เองว่านอกจากปากจะร้ายแล้วลิ้นปั้นหยาก็ยังร้ายไม่แพ้กันจ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ~ตอนนี้เราสองคนกำลังกลืนกินกันและกัน คงไม่ต้องบรรยายนะครับว่าทำยังไงและทำท่าไหน เดี๋ยวจะหาว่าผมใบ้หวย หึ ๆๆ เอาเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังชิมน้ำหวานจากคนสวยของผมส่วนคนสวยที่ทำให้ผมหลงเช้าหลงเย็นก็กำลังกินไส้กรอกยักษ์ที่ใกล้จะกลายเป็นไส้กรอกชีสเยิ้ม ๆ ในเวลาอีกไม่นานถ้าหากผมไม่บังคับให้เธอหยุดกินซะตอนนี้จากตอนแรกเธอไม่กล้าทำเท่าไหร่แต่พอเห็นผมสูดปากด้วยความเสียว ความกล้าของปั้นหยาก็มาเต็มเล่นเอาสติผมกระเจิง แล้วตอนนี้ผมก็ทนที่จะกินน้ำหวานเมียต่อไปไม่ไหวแล้ว“ซี๊ด~ ที่รัก อ่าส์~ อย่าดูดแรง อ่าส์~ หยาจ๋า~” ผมแทบจะแตกอยู่แล้วเพราะลิ้นนุ่มของปั้นหยากำลังปั่นป่วนไปทั่วทั้งลำของผม“อื้อ~ พี่กราฟ~” ผมกลัวว่าจะเสร็จก่อนได้เข้าไปในตัวของเธอก็เลยผละออกแล้วพลิกให้ปั้นหยานอนลงจากนั้นก็ก้มลงไปดูดหน้าอกหวานเต็มแรง“พี่กราฟ~” ปั้นหยากดหัวผมให้ซุกลงไปที่เต้านมใหญ่ของเธอแถมยังแยกขาออกจนกว้างเพื่อให้ผมซุกตัวลงกลางหว่างขาได้ถนัด“หืม~ ทนไม่ไหวแล้วเหรอครับ” ผมขยับขึ้นไปจูบขมับเปียกชื้นของปั
“หึ! ทำไมหมอแม่งไม่ยกกูออกมาก่อนวะ” พี่กันต์บ่นด้วยความหงุดหงิด“หึ ๆๆ เพราะมึงหน้าตาส้นตีนตั้งแต่เด็กไงน้องชาย มึงไม่น่ารักและไข่ใหญ่เหมือนกู ถ้ามึงเป็นเหมือนกูสักนิดก็อาจจะมีสิทธิ์ลุ้นให้หมอยกมึงออกจากท้องแม่ก่อนกูอยู่บ้างเหมือนกัน~”“อืม~ แม่กับพ่อก็ยุติธรรมดีนะมึงว่าไหม” พี่กันต์พยักหน้ารับแล้วก็รำพึงรำพันออกมา“ยุติธรรมอะไร?”“ให้มึงใหญ่ที่ไข่ ส่วนกูใหญ่ที่...” พี่กันต์ลากเสียงช้า ๆ แล้วก็หลุบตามองลงไปที่เป้าตัวเองจากนั้นก็ช้อนตามองพี่กราฟด้วยสายตามีเลศนัย“โถไอ้ห่า กูก็ใหญ่โคตรใหญ่ด้วย” พี่กราฟนางดูโมโหนะคะที่ข่มพี่กันต์ไม่ได้ แต่ปั้นหยาคนนี้นี่สิ หยาคะมึงมานั่งฟังคนบ้าอวดไข่อะไรตรงนี้! “ควักมาวัดไซต์เลยไหมล่ะ?” พี่กันต์พูดท้าทายแล้วท้าใครไม่ท้านี่กราฟนะคะ พ่อคุณสุดถ่อยมีเหรอเขาจะไม่กล้า“หึ ๆๆ มึงท้าผิดคนแล้วไอ้กันต์”“นี่! พวกพี่เป็นบ้าอะไรกัน หยานั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้นะ!” ฉันไม่ไหวแล้วจริง ๆ ฉันเป็นบ้าอะไรต้องมานั่งฟังผู้ชายตัวเท่าควายสองคนทะเลาะกันเรื่องไข่เรื่องไอ้จ้อนเหมือนเด็กอนุบาล นี่พี่เขาไม่เห็นใจฉันบ้างเหรอ?“หยาก็ดูแค่ของพี่สิวะ” พี่กราฟหันมาบอกฉันหน้าตาซีเรียสขึงขั