เมียผมเป็นตัวร้าย! นอกจากความคิดความอ่านจะเริ่มเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาแล้วสกิลการยั่วยังก้าวกระโดด ตอนแรกที่ก้มหน้าลงมาจูบผมก็ไม่ได้ว่าหรอกนะครับ อยากจูบแฟนอยู่เหมือนกัน แต่ใครจะคิดว่าจะกล้าขนาดล้วงเข้าไปจับลูกชายของผมคลึงเล่นขนาดนั้น พอห้ามเหมือนทุกครั้งก็นึกว่าจะฟัง ที่ไหนได้ดันเอานมมายัดปากแทน แล้วผมจะปฏิเสธการดื่มนมก่อนนอนได้เหรอครับในเมื่อมันเข้าปากไปแล้ว เวลานี้สภาพสุดที่รักของผมก็เลยเละ ไม่ได้เละแค่เธอแต่หมายถึงผมด้วย ห่างหายการมีเซ็กส์ไปตั้งหลายเดือนมีแต่แม่นางทั้ง 5 ที่คอยช่วยพอไอ้นกเขาลูกรักได้กลับไปหาแม่มัน มันก็เลยคึกทั้งคืน กว่าจะสงบก็ปาไปเกือบสว่างยิ่งรักมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งแสดงออกไปเท่านั้น ใส่ไม่ยั้งไม่มีออมแรง เดี๋ยวน้องหาว่าผมรักน้อยลง อีกอย่างก็คือเอาให้สมกับที่กล้ามายั่วแล้วก็รุกผมก่อนซะหน่อยจุ๊บ!“อื้อ~ อย่าเพิ่งกวนค่ะ” ผมก้มลงไปจูบไหล่เนียนที่โผล่พ้นผ้าห่มออกม แล้วก็ไล้จมูกตามไหล่ขึ้นไปหาต้นคอขาว ๆ แต่นับเงินกลับเอามือมาผลักหัวผมออก ยัยขี้เซาตัวแสบ“กล้าผลักหัวพี่เหรอ หืม~” ผมกระซิบถามข้างหู โคตรมันเขี้ยวเธอเลย ผู้หญิงบ้าอะไรวะสวยฉิบหาย ไม่ต้องแต่งหน้าก็หลงหัวปักหัวปำ
“ว่าไงครับ แต่งงานกับพี่ได้ไหม เราแต่งงานกันนะ” พี่คริชกอดฉันพร้อมกับจูบที่ผมแล้วก็พูดออกมา น้ำเสียงของเขามันมีแต่ความอบอุ่น ฉันอุ่นใจทุกครั้งที่ได้ยิน เฮียเร่งให้ตอบน้องก็อยากตอบ อยากตอบตั้งแต่เฮียพูดคำแรกแล้วแต่มันมัวแต่ตะลึงตื่นเต้นดีใจร้องไห้น้ำตาไหลพรากเลยไม่ทันได้ตอบไงคะ“แต่งค่ะ นับจะแต่งงานกับพี่คริช” ฉันตอบชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าชีวิตโชคดีเท่ากับการได้มีเขาคนนี้เข้ามาในชีวิตอีกแล้ว“ถ้างั้นก็มาปั๊มน้องรอเลยไหม~”“พี่คริช! หวานเกิน 10 นาทีก็ได้นะคะ” ฉันผละออกแล้วก็ตีเข้าที่แขนล่ำ ๆ ของพี่คริชด้วยความหมั่นไส้ เพิ่งตกลงก็จะชวนปั๊มลูกแล้ว ไม่เห็นใจจิตใจที่อ่อนไหวของฉันเลย“ฮ่า ๆๆ ไม่ปั๊มก็ได้ครับ ไม่อยากให้เมียกับลูกโดนคนนินทาเหมือนกัน ทำให้คนอื่นอิจฉาหนูที่มีสามีโคตรดีดีกว่า”“ขอบคุณนะคะ”“ขอบคุณเหมือนกันครับที่รักพี่” พี่คริชส่งยิ้มมาให้แล้วก็เอามือปัดปอยผมไปทัดหูให้ช้าๆ หล่อ~ มองยังไงก็หล่อทั้งกายและใจ“ขอบคุณนับทำไมคะ มีแต่นับสิคะที่ต้องขอบคุณ ขอบคุณที่ให้อภัยนับ ขอบคุณที่ถึงนับจะทำตัวไม่น่ารักแค่ไหนแต่พี่คริชก็ไม่เคยทิ้งนับไปไหนเลย”“พี่ทำผิดกับหนูก่อนจำไ
“ว่าไงคะคุณนับเงินวันนี้พอจะได้ทิปเยอะไหม” น้ำเสียงหวานปนเซ็กซี่เอ่ยถามทันทีฉันที่เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน“เยอะค่า เยอะมากเวอร์ค่ะพี่พิม ขนาดแค่ครึ่งคืนนะคะ” ฉันตอบกลับสาวสวยผู้ช่วยผู้จัดการผับด้วยรอยยิ้มมีความสุข ผับคนรวยนี่มันดีจริง ๆ ทิปหนักแม้กระทั่งเด็กเสิร์ฟ“แล้วไม่สนเลื่อนขั้นมาทำพีอาร์บ้างเหรอนับเงิน ทิปเยอะกว่านี้อีกนะ” เสียงเดิมยังคงพูดต่อทำให้ฉันยิ้มแหยแล้วก็ส่ายหน้ากลับไป“ไม่ไหวหรอกค่ะพี่พิม นับกินเหล้าไม่เป็น เทคแคร์ใครไม่เก่ง ยิ่งให้ไปพูดหวาน ๆ ดูแลแขกนับว่าจะกลายเป็นไล่แขกมากกว่า”“พี่เสียดายความสวยของเราจริง ๆ ถ้ามาทำรับรองฮอตที่สุดแน่นอน แต่ไม่เป็นไรเอาความสมัครใจของคนทำดีกว่าเนอะ” พี่พิมพูดด้วยรอยยิ้มแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรฉันต่อ“ขอบคุณนะคะพี่พิม” ฉันขอบคุณพี่เขาก่อนจะเดินไปจากห้องเพื่อทำงานต่อ ราตรีนี้ยังอีกยาวไกลค่ะ นี่เพิ่งจะเที่ยงคืนถึงจะเหลือแค่ 2 ชั่วโมงผับก็จะปิดแต่เชื่อเถอะค่ะเวลานับจากนี้นี่ล่ะคือช่วงบันเทิงขาบันเทิงสมองของเด็กเสิร์ฟอย่างฉันอ้อลืมแนะนำตัวใช่ไหมคะ ฮายค่ะซิสฉันชื่อนับเงินนะคะ อายุ 21 ปี กำลังเรียนอยู่ปี 3 มหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่ง ชื่อ
“น้องคนเมื่อกี้หน้าตาเขาก็สวยนะซูกัสทำไมเขาถึงทำแค่งานเสิร์ฟล่ะ”“พี่คริชไม่รู้เหรอคะว่าคนที่น่าสนใจถ้าทำตัวให้ตัวเองเข้าถึงยาก แต่ก็ยังตัวธรรมดาเท่าไหร่มันก็ยิ่งมีคนสนใจมากขึ้น”“ยังไง?”“ก็...ยิ่งยากก็ยิ่งแพงไงคะ”“...เรื่องจริง” ไม่รู้ว่าผมจะเชื่อสิ่งที่ซูกัสบอกได้มากแค่ไหนก็เลยถามออกไปอีกครั้ง“จะลองซื้อไหมล่ะคะ แต่ต้องรอนานหน่อยนะ คนนี้คิวเขายาวค่ะ” ซูกัสบอกด้วยสีหน้าจริงจังแล้วก็เอื้อมมือหยิบแก้วมาส่งให้ผมเหมือนเป็นการตัดบทผมฟังหูไว้หูก่อนครับ ไม่รู้ซูกัสพูดเรื่องจริงหรือใส่ร้ายเพราะท่าทางเธอก็ดูจะไม่ค่อยชอบผู้หญิงคนนั้นเท่าไหร่ แต่ผมชักจะอยากรู้แล้วสิว่ามันจริงไหม ผมมันเป็นพวกอยากรู้ต้องได้รู้และผมจะเชื่อก็ต่อเมื่อผมได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง และผมก็คงจะพิสูจน์แน่นอน-03.00 น.-เฮ้อ! เสร็จงานแล้วโว๊ย! ชีวิตเด็กเสิร์ฟอย่างอีนับหมดวันที่แสนเหนื่อยล้าไปอีกหนึ่งวันขณะนี้เวลาตี 3 แล้วค่ะฉันเพิ่งเดินออกมารอรถเมล์ที่ป้ายกว่าจะถึงบ้านกว่าจะได้นอนโน่นเลยเกือบสว่างดีนะที่เทอมนี้ไม่มีเรียนเช้าสักวิชาไม่งั้นอีนับเงินเป็นวิญญาณเร่ร่อนไปตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เปิดเทอมแล้วล่ะค่ะ“น้องนับเงินคนสวยจ๋
“บ้านฉันอยู่ไกลค่ะ”“โอเค”“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”“อื้ม ถ้างั้นก็มีสองทางเลือกจะ ให้ฉันไปส่งที่บ้านเธอหรือเธอจะไปนอนบ้านฉัน” ผมถามไปด้วยน้ำเสียงกดดันเพราะต้องการแกล้งเธอ เด็กมันน่าแกล้ง พอผมพูดแบบนั้นก็ยิ่งดูเหมือนจะทำให้เธอทำตัวไม่ถูก“...ก็ได้ค่ะถ้าไม่เป็นการรบกวนนะคะ” เธอตอบผมมาด้วยน้ำเสียงสั่นแล้วก็หลบสายตา“อื้ม ไม่รบกวนหรอกที่บ้านฉันมีหลายห้อง หรือจะนอนห้องฉันก็ได้”“ฮะ! ไม่ใช่นะคะฉันไม่ได้ตกลงแบบนั้น” พอผมพูดจบเธอก็เบิกตาโพลงแล้วก็ร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจจนกล้าที่จะสบตากับผมแล้ว“ฮ่า ๆๆ ฉันล้อเล่นน่า ไปเถอะขึ้นรถ” ผมหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ แกล้งยัยเด็กนี่สนุกดีว่ะพอพูดแบบนั้นจบเธอก็ยืนนิ่งอยู่สักพั ผมเลยพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เธอขึ้นรถ คำพูดซูกัสดังแว่วเข้ามาในหัวผม ถ้าเธอพยายามทำตัวให้ดูธรรมดาที่สุดเพื่ออัพราคาจริง ๆ ผมว่าเอารางวัลตุ๊กตาทองให้ได้เลยครับ ท่าทางเธอไม่ได้เฟคเพราะฉะนั้นตัดคำพูดของซูกัสออกไปจากสมองได้เลย“คุณคะ...” ผมนั่งในรถแล้วส่วนเธอพอเปิดประตูรถเสร็จก็ยืนมองที่เบาะแล้วก็เรียกผมเสียงเบา“ว่าไง ขึ้นมาสิ” ผมถามขึ้น ส่วนยัยเด็กหน้าสวยก็เอานิ้วชี้มาที่เบาะอย่
“ไงเรา ปลุกเพื่อนบ้านแต่เช้าเลยนะ”“พี่อาร์ต! ได้ยินเหรอคะ” เสียงทักทายจากเพื่อนบ้านที่มีรั้วติดกันดังขึ้นระหว่างที่ฉันกำลังตากผ้าอยู่ บ้านแถวนี้เป็นชุมชนเก่าค่ะอยู่ติดกันแล้วรั้วก็ไม่ได้สูงมากเท่าไหร่ก็เลยทำให้พวกเราสนทนากันแบบนี้ประจำ พี่อาร์ตเป็นพี่ชายข้างบ้านที่เพิ่งเรียนจบได้ไม่นาน เป็นพี่ชายแสนดีที่คอยช่วยเหลือฉันอยู่ประจำ“อื้ม ย้ายไปอยู่ที่อื่นไหมนับ” พี่อาร์ตพยักหน้ารับ ซึ่งก็ประจำนั่นล่ะค่ะสมาชิกในบ้านหลังนี้ชอบทะเลาะกันเสียงดังฉันอายจนไม่รู้จะอายยังไง แล้วพี่อาร์ตก็ถามคำถามที่ชอบถามฉันบ่อย ๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ไม่เอาหรอกพี่อาร์ต นับอยากอยู่บ้านของพ่อแม่” ฉันตอบเขาด้วยรอยยิ้ม ในใจมันอ่อนแอนะคะแต่ไม่อยากให้ใครต้องเป็นห่วง ไม่อยากทำตัวน่าสงสาร“เฮ้อ! พี่ไม่รู้จะพูดยังไงกับเราแล้ว มาอยู่บ้านพี่ก่อนไหมอย่างน้อยก็ดีกว่าห้องนั้น”“โหย~ ขืนไปอยู่ป้าจันทร์คงได้โพนทะนาว่านับใจแตกยิ่งกว่าเดิมแน่นอน แล้วก็ต้องตะโกนด่าให้พี่อาร์ตเอาสินสอดมาขอนับ เชื่อเหอะ” ฉันบอกแล้วก็ขำไปด้วยเพราะมั่นใจว่าสิ่งที่พูดไปไม่ผิดจากนี้แน่นอน“ฮ่า ๆๆ พี่ก็ลืมนึกถึงข้อนี้ไปเลย แต่ก็ได้อยู่นะเอาไหมล่ะ” พี่อา
ถ้าคนที่ชื่นชอบความเร็วของรถซุปเปอร์คาร์แล้วมาเจอ Aston Martin คันนี้ในเวลานี้ต้องรู้สึกเสียเซลฟ์แน่นอน ช้ากว่าจักรยานก็ซุปเปอร์เต่าคันนี้นี่ลjะค่ะ T_T“เธอ~ ขับเร็วๆ ไม่เป็นเหรอวะ~” เสียงคุณคริชดังขึ้น มาขับเองไหมล่ะ ฉันกลัวชนเพราะมันไม่คุ้นมือคุ้นเท้าเลยค่ะ เหยียบนิดเดียวก็พุ่งเหมือนจรวดแล้วเลยไปช้า ๆ แต่ชัวร์ดีกว่า“นับไม่เคยขับนี่คะ” ฉันตอบด้วยเสียงเกร็ง อย่าเพิ่งมากวนสมาธิได้ไหม ขับรถครั้งล่าสุดก็เมื่อปีที่แล้วนะ ตอนที่พี่อาร์ตสอนขับรถที่สนามโรงเรียนแถวบ้านแล้วก็พาฉันขับออกถนนไม่กี่ครั้งหลังจากนั้นนับเงินก็ไม่ได้แตะต้องรถยนต์อีกเลย พอมาขับอีกครั้งก็เจอของยากจะให้ขับเร็วขึ้นก็ทำไม่ได้หรอก“มันมีประกันน่า~” เสียงคุณคริชดังขึ้น เป็นคนรวยทำไมทุกอย่างมันดูง่ายจังเลยวะ รถราคาเป็นสิบ ๆ ล้านยังไม่ต้องห่วง“ประกันเคลมรถได้ แต่เคลมชีวิตคนไม่ได้ค่ะ นับกลัวขับชนคน” ฉันบอกเสียงแผ่วเพราะพ่อแม่ฉันเสียจากอุบัติเหตโดนรถชนวันนั้นพวกท่านไปซื้อของที่ตลาดกำลังเดินจูงมือกันข้ามถนนเพื่อกลับไปที่รถแล้วก็จะไปรับฉันที่โรงเรียนแต่แล้วฉันกลับต้องเป็นคนไปรับพ่อกับแม่เอง ฉัน...ต้องไปทำเรื่องพาพ่อกับแม่กลับบ้า
“ไม่ทำจริง ๆ บอกว่าเมาแล้วเละไงวะ~”“มันเกี่ยวอะไรกับเมาเละล่ะ ยิ่งเมานี่แหละตัวดีเลย!”“น้องชายเละจนไม่แข็งเข้าใจไหม~ อึก~ เขาแล้วนกเขาไม่ขันน่ะ ได้ยินชัดรึยัง~”คุณคริชพูดมาแบบนั้นมันเลยทำให้ฉันเอี้ยวหน้าไปมองเขาในทันที พูดอะไรออกมาเนี่ย นกเขาไม่ขัน เรื่องจริงเหรอคะ? ทำไมฟังแล้วมันทั้งขำทั้งสงสาร หล่อ รวย แบดบอยซะขนาดนี้ มองยังไงก็เพอร์เฟคไปทุกอย่างแต่มาตายที่นกเขาไม่ขันนี่นะ!“นอนได้ยัง หรือจะพิสูจน์~” เขาปรือตามองหน้าฉันแล้วก็พูดออกมา แต่ใครจะบ้าลองคะ เปลืองเนื้อเปลืองตัวเปล่า ๆ“ไม่ค่ะ นอนค่ะ” ฉันยอมนอนแต่โดยดีเพราะร่างกายฉันมันก็เริ่มไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่เช้าเมื่อวานยันกำลังจะสว่างของอีกวัน ส่วนเรื่องที่เขาถามว่าจะพิสูจน์ไหม ไม่ต้องพิสูจน์ฉันว่าฉันก็เชื่อค่ะ เพราะคนเมามักจะพูดความจริงเสมอ“อืม~ ตัวเธอหอมจัง” เขาหลับตาพยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่จะดึงฉันให้พลิกตัวหันไปหาเขาแล้วก็ดึงฉันให้ไปซุกที่อก ใจสั่นมาก~ นอนกอดกับผู้ชายที่แอบชอบนะคะบอกตรง ๆ ว่าถ้าไม่มีความแรดอยู่ในตัวบ้างจะไม่มีใครทำแบบนี้แน่นอนจุ๊บ!พอพูดจบคุณคริชก็จุ๊บลงที่หน้าผากฉันแล้วมันก็ทำให้ฉันตกใจจนต้องเงยหน้ามองเขา
“ว่าไงครับ แต่งงานกับพี่ได้ไหม เราแต่งงานกันนะ” พี่คริชกอดฉันพร้อมกับจูบที่ผมแล้วก็พูดออกมา น้ำเสียงของเขามันมีแต่ความอบอุ่น ฉันอุ่นใจทุกครั้งที่ได้ยิน เฮียเร่งให้ตอบน้องก็อยากตอบ อยากตอบตั้งแต่เฮียพูดคำแรกแล้วแต่มันมัวแต่ตะลึงตื่นเต้นดีใจร้องไห้น้ำตาไหลพรากเลยไม่ทันได้ตอบไงคะ“แต่งค่ะ นับจะแต่งงานกับพี่คริช” ฉันตอบชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าชีวิตโชคดีเท่ากับการได้มีเขาคนนี้เข้ามาในชีวิตอีกแล้ว“ถ้างั้นก็มาปั๊มน้องรอเลยไหม~”“พี่คริช! หวานเกิน 10 นาทีก็ได้นะคะ” ฉันผละออกแล้วก็ตีเข้าที่แขนล่ำ ๆ ของพี่คริชด้วยความหมั่นไส้ เพิ่งตกลงก็จะชวนปั๊มลูกแล้ว ไม่เห็นใจจิตใจที่อ่อนไหวของฉันเลย“ฮ่า ๆๆ ไม่ปั๊มก็ได้ครับ ไม่อยากให้เมียกับลูกโดนคนนินทาเหมือนกัน ทำให้คนอื่นอิจฉาหนูที่มีสามีโคตรดีดีกว่า”“ขอบคุณนะคะ”“ขอบคุณเหมือนกันครับที่รักพี่” พี่คริชส่งยิ้มมาให้แล้วก็เอามือปัดปอยผมไปทัดหูให้ช้าๆ หล่อ~ มองยังไงก็หล่อทั้งกายและใจ“ขอบคุณนับทำไมคะ มีแต่นับสิคะที่ต้องขอบคุณ ขอบคุณที่ให้อภัยนับ ขอบคุณที่ถึงนับจะทำตัวไม่น่ารักแค่ไหนแต่พี่คริชก็ไม่เคยทิ้งนับไปไหนเลย”“พี่ทำผิดกับหนูก่อนจำไ
เมียผมเป็นตัวร้าย! นอกจากความคิดความอ่านจะเริ่มเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาแล้วสกิลการยั่วยังก้าวกระโดด ตอนแรกที่ก้มหน้าลงมาจูบผมก็ไม่ได้ว่าหรอกนะครับ อยากจูบแฟนอยู่เหมือนกัน แต่ใครจะคิดว่าจะกล้าขนาดล้วงเข้าไปจับลูกชายของผมคลึงเล่นขนาดนั้น พอห้ามเหมือนทุกครั้งก็นึกว่าจะฟัง ที่ไหนได้ดันเอานมมายัดปากแทน แล้วผมจะปฏิเสธการดื่มนมก่อนนอนได้เหรอครับในเมื่อมันเข้าปากไปแล้ว เวลานี้สภาพสุดที่รักของผมก็เลยเละ ไม่ได้เละแค่เธอแต่หมายถึงผมด้วย ห่างหายการมีเซ็กส์ไปตั้งหลายเดือนมีแต่แม่นางทั้ง 5 ที่คอยช่วยพอไอ้นกเขาลูกรักได้กลับไปหาแม่มัน มันก็เลยคึกทั้งคืน กว่าจะสงบก็ปาไปเกือบสว่างยิ่งรักมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งแสดงออกไปเท่านั้น ใส่ไม่ยั้งไม่มีออมแรง เดี๋ยวน้องหาว่าผมรักน้อยลง อีกอย่างก็คือเอาให้สมกับที่กล้ามายั่วแล้วก็รุกผมก่อนซะหน่อยจุ๊บ!“อื้อ~ อย่าเพิ่งกวนค่ะ” ผมก้มลงไปจูบไหล่เนียนที่โผล่พ้นผ้าห่มออกม แล้วก็ไล้จมูกตามไหล่ขึ้นไปหาต้นคอขาว ๆ แต่นับเงินกลับเอามือมาผลักหัวผมออก ยัยขี้เซาตัวแสบ“กล้าผลักหัวพี่เหรอ หืม~” ผมกระซิบถามข้างหู โคตรมันเขี้ยวเธอเลย ผู้หญิงบ้าอะไรวะสวยฉิบหาย ไม่ต้องแต่งหน้าก็หลงหัวปักหัวปำ
Line...แก๊งนางฟ้ากับเมียมโนMilan : พี่คริชทำแสบ!Mintra : ใช่ ใช่ไหม?Milan : ชัวร์! ไอ้บ้าแอลบอกมาWahn-Wahn : ฮือ~ หวานโดนคุณพอร์ชบ่นหูชา ยังบ่นไม่จบแต่หวานแกล้งปวดอึ๊วิ่งเข้าห้องน้ำก่อน T_TKaNom : พี่คริช! น้องนับแฟนหนูขี้ฟ้อง!Milan : คราวหลังนับเงินต้องหัดโกหกเฮียเขาบ้างนะลูก!!!!!Manny : เกิดอะไรขึ้นคะชะนี ผัวรู้ผัวเห็นแล้ว?Nub-nuB : ฮือ~ หนูผิดเอง ขอโทษนะคะแต่อย่าด่าเฮียเลย เฮียแค่ไม่อยากให้หนูไปManny : โอ๊ย สรุปชะนีอดทุกนางเพราะผัวรู้ทันแล้ว ลำไยพวกมีผัวหล่อ!Nub-nuB : คุณแม่อย่าว่าพี่คริชนะคะ ผิดที่หนูอ้อนไม่เก่งเอง T_TManny : ปกป้องผัวมากค่าMintra : สุดฤทธิ์ค่ะบอกเลย อิอิMilan : เป็นคนแรกในแก๊งที่ไม่โขกสับพ่อบ้านWahn-Wahn : เด็กดีของเฮียคริช ทีหลังอย่ารายงานทุกเรื่องนะลูกพี่หวานขอร้อง~KaNom : โกรธพี่คริชมากตอนนี้ อุตส่าห์หลอกพี่วินได้ T_TNub-nuB : ฮือ~ หนูผิดเอง อย่าว่าพี่คริช หนูรักของหนู หนูไม่อยากโกหกเฮีย หนูขอโทษนะคะกลุ่มไลน์ร้อนเป็นไฟเพราะความหวังดีของเฮียที่กลัวน้องจะอดไปนั่งเม้าท์กับเจ้ ๆ อยู่คนเดียวเลยทำให้พวกอาเฮียหนุ่มหล่อที่เหลือรู้ทันแผนของบรรดาเมีย จั
ชีวิตนับเงินหลังจากโดนแทงจนต้องไปนอนแอ้งแม้งในโรงพยาบาลก็จะงง ๆ หน่อยนะคะ โดนลดสถานะก็เลยวางตัวไม่ถูก ไม่ได้วางตัวลำบากกับเฮียนะคะ แต่มันยังงง ๆ ว่าต้องวางตัวแบบไหน นี่ก็ผ่านมา 1 เดือน หมดเวลาพักฟื้นและย้ายจากบ้านพี่คริชมาอยู่ที่คอนโดแล้วเพราะต้องกลับไปฝึกงานฉันกลับมาอยู่ที่คอนโดเหมือนเดิมค่ะ นอนห้องเดิมที่แตกต่างไปจากเดิมก็คือพี่คริชย้ายไปนอนอีกห้อง ตอนที่พักฟื้นที่บ้านใหญ่พี่คริชก็ไปนอนเฝ้า นอนที่โซฟาในห้องเขานั่นแหละ คนอะไรบทจะใจแข็งก็หักดิบได้สุด ๆ ไปเลย จากที่เคยหื่นตลอดเวลากลับกลายเป็นเหมือนคนตายด้านพี่คริชทำมากที่สุดแค่กอด หอม จุ๊บแก้ม จุ๊บปาก แต่ถ้าน้องนับเงินคนนี้เกิดคิดใจกล้าบ้าบิ่นจะไปจูบปากนุ่ม ๆ ของเฮียก็จะโดนมือผลักหัวให้ไสหัวไปไกล ๆ ในทันที รู้สึกวางตัวลำบากกับเรื่องนี้มาก ๆ อยากจูบ อยากนอนกอดแต่เฮียไม่อนุญาต T_T“อ้าว! ยังไม่นอนอีกเหรอครับ” พี่คริชเปิดประตูออกมาจากห้องนอนด้วยสภาพกางเกงนอนขายาว และอกแกร่งที่เปลือยเปล่าแถมผมที่เพิ่งสระมันเปียกหมาด ๆ ยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่ให้เฮียเป็นล้านเท่าตัว“ออกมาดื่มน้ำค่ะ พี่คริชล่ะคะ” ฉันตอบพี่คริชแล้วก็พยายามไม่มองไปที่หุ่นทรมานใจ
“ร้องไห้ทำไมเจ็บแผลเหรอครับ หรือว่าเสียใจเรื่องไอ้อาร์ต”“...เปล่าค่ะ แค่เจ็บแผล” พอเห็นความเย็นชาจากพี่คริชนับเงินคนนี้ก็เลยต้องรีบเช็ดน้ำตาป้อย ๆ แล้วก็รีบตอบอย่างรวดเร็ว“ให้เรียกหมอให้ไหม” พี่คริชเดินมาหยุดที่ข้างเตียงแล้วก็มองหน้าฉันแบบที่ไม่หลงเหลืออารมณ์พิศวาสใด ๆ ในสายตา ขอพับเก็บการขอโอกาสจากเฮียเลยแล้วกันนะคะเพราะดูทรงเฮียคงไม่มีอารมณ์มาฟังนับเงินอ้อนวอนขอโอกาสหรอก“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหมอก็ให้ยาแก้ปวดหลังอาหาร” ฉันตอบพี่คริชแล้วก็ส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้ ไม่รู้จะวางตัวยังไง อยู่ในสถานะแฟนเก่าที่อยากกระโดดกอดเฮีย อยากกอด อยากจุ๊บแต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ขนาดจะมองหน้าสบตาที่คุ้นเคยยังไม่กล้าเลย...“ครับ จะกินข้าวเลยไหม คุณแม่ให้คนทำอาหารมาให้ ขนมไปบ่นว่าอาหารโรงพยาบาลไม่น่ากิน เมื่อกี้เขาเอาอาหารมาเสิร์ฟพอดีแต่พี่ให้เอากลับไปแล้วล่ะ” พี่คริชถามฉันแล้วก็หันหลังเดินไปตรงเค้าเตอร์ก่อนที่จะหยิบกล่องอาหารออกมา“ค่ะ ทานเลยก็ได้ค่ะ” ฉันพยักหน้าอย่างว่าง่าย เลิกดื้อไปเลยค่ะ ไม่เอาแล้วจริง ๆ เข็ด ถึงเขาจะไม่รักแล้วก็จะเลิกดื้อ จะเปลี่ยนนิสัยของตัวเองฉันนั่งกินอาหารที่มาจากบ้านพี่คริชเงียบ ๆ
“ไหนมาคะอีแมนนี่”“ไปจัดการอีเกย์ไร้คุณธรรมนำจิตใจมาค่ะ อีอาร์ตี้นั่นแหละกูจัดหนักให้แล้ว”“อีแมน! มึงไปทะลวงมาเหรอ”“แมนนี่ค่ะอีมิ! อีผี! แล้วใครว่ากูจะไปทะลวงมัน กูสาวรับค่ะ! หรือต่อให้กูรุกกูก็ไม่เอาเวอร์จิ้นของกูไปเปื้อนราคีมันหรอก!” สวัสดีค่ะลูกสาวทุกคน นี่คุณแม่เองค่ะ คุณแม่แมนนี่คนดีหน้าหล่อหุ่นแมนแต่ใจเป็นหญิง หญิงทั้งสี่ห้องหัวใจเองค่ะลูกสาว“แล้วมึงไปจัดการมันยังไง” อีมิลานคนดี อีชะนีที่ปากหมาที่สุดในกลุ่มถามขึ้นอีกครั้ง แต่นังลูกสาวที่เหลือก็ทำหน้าเหมือนว่าเปิดต่อมรับรู้ทุกอณูในร่างกายเอาไว้แล้ว ยกเว้นลูกนับคนงามของคุณแม่ที่นอนแอ้งแม้งไม่ยอมตื่นคนเดียวที่ดูจะไม่อยากรู้อยากเห็นกับเรื่องนี้“ที่จริงกูไม่ได้ไปจัดการหรอกแค่ไปแอบดูพี่คริชจัดการ สยองมากค่ะกูบอกเลย” คุณแม่ตอบยัยพวกชะนีน้อยแล้วก็ทำหน้าผะอืดผะอม คิดแล้วสยองไม่หาย“ยังไงคะพี่แมนนี่” ยัยลูกหวานคนสวยชะโงกหน้ามาถามก่อนใคร“ก็เริ่มจากไปพลิกฟ้าตามจิกหัวมันมาภายในเวลาแค่ 3 ชั่วโมง แล้วก็จับมันขึง 4 มุมเมือง เสร็จแล้วก็กรอกยาปลุกเซ็กส์ชนิดต้องการมีผัว 10 คนใน 5 นาทีให้มัน แล้วก็ปล่อยมันมันทุรนทุรายร้องโหยหวนต้องการราคะตั้ง
“ทำไมคุณคริชถึงมาส่งนับ”“คะ? อะไรนะคะ”“จะถามซ้ำทำไมในเมื่อได้ยินชัด! ทำไมคุณคริชถึงมาส่งนับ!”“พี่อาร์ตเป็นอะไร ออกไปนะคะ”“ตอบสิ! เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วเขามาส่งนับทำไม อยากให้พี่คลั่งใช่ไหม!”“พี่อาร์ต...พี่อาร์ตอย่า! กรี๊ด!!!”ฉันกรี๊ดออกมาลั่นบ้านเพราะพี่อาร์ตตรงเข้ามากระชากแขนฉันเต็มแรง“พี่อาร์ตจะทำอะไรคะ” ฉันถามด้วยความกลัวลนลานไปหมดเพราะไม่รู้ว่าพี่อาร์ตต้องการกันแน่“ไปยุ่งวุ่นวายกับคุณคริชอีกทำไม เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ! แล้วจะไปวุ่นวายกับเขาอีกทำไม!”“พี่อาร์ตปล่อย!” ฉันไม่ตอบคำถามเพราะมันไม่ใช่เรื่องของพี่อาร์ตสักหน่อย ตอนนี้ฉันโกรธมากกว่าที่เขาเข้ามาอาละวาดฟาดงวงฟาดงาใส่ฉันเพี๊ยะ!“...พี่อาร์ต~” ฉันโดนพี่อาร์ตตบจนล้มลงไปกองที่พื้น ฉันหันกลับไปมองพี่อาร์ตช้า ๆ ทั้งงงทั้งกลัวไปหมดแล้ว“พี่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าพี่พลาดโอกาสจากความรักมาแล้วครั้งหนึ่งแล้วพี่ก็จะไม่ยอมพลาดอีกครั้ง!” ไม่ใช่การหึงฉันแน่นอน ไม่มีทาง ฉันมั่นใจว่าพี่อาร์ตไม่ได้คิดเกินเลยกับฉัน ไม่อย่างนั้นพี่เขาไม่หายไปเลยตอนที่ฉันโสดหรอก นอกซะจาก...“พี่อาร์ตชอบพี่... / ไม่ได้ชอบแต่กูรัก!” ฉันยังถามไม่จบพี่อาร์ตก
“อย่าให้ผมเห็นพวกคุณสองคนมาทะเลาะกันที่บริษัทผมอีก ไม่งั้นผมจะแจ้งมหาลัยของพวกคุณแล้วส่งตัวกลับ!”ฉันยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเพราะไม่มีแรงจะทำอะไร ส่วนซิลเวียร์ก็รีบเผ่นไปตั้งแต่ที่พี่คริชพูดจบแล้ว“น้องนับ”“พี่ขนม...ฮึก” ฉันหันไปตามเสียงที่เรียกชื่อถึงได้เห็นว่าเป็นพี่ขนมที่ยืนมองฉันอยู่ พอเห็นพี่ขนมเท่านั้นฉันก็กลั้นสะอื้นเอาไว้ไม่อยู่“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” พี่ขนมรีบเดินเข้ามากอดฉันเอาไว้แล้วก็ปลอบพร้อมกับลูบหัวฉันไปด้วย มันเจ็บมากนะคะ เจ็บจนไม่รู้จะทำอะไรนอกจากกอดใครสักคนเอาไว้#NUB NGERN END#KRICHB TALKใครคิดว่าคนที่เย็นชาจะไม่เจ็บ ผมโคตรเจ็บเลยที่เห็นเธอโดนทำร้าย โคตรโกรธที่ซิลเวียร์กล้าทำร้ายคนดีของผม ยิ่งเห็นเลือดที่มุมปากผมยิ่งอยากเข้าไปกอดเธอให้แน่นที่สุดแล้วถามว่าเจ็บมากไหม ขอโทษที่ปล่อยให้คนอื่นกล้ามาทำร้ายเธอแบบนี้แต่จะให้ผมเสนอตัวไปทำแบบนั้นด้วยสถานะไหน?ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด“อืมว่าไง”(ไปผับไอ้ตินไหมเฮีย)“ไม่ว่ะ เหนื่อยวันนี้ประชุมทั้งวัน ไม่ต้องมากวนเฮียด้วยเฮียอยากนอน” ไอ้เควินโทรมาชวนผมให้ออกไปเปิดหูเปิดตาแบบนี้หลายครั้งแล้วแต่ผมไม่อยากไป บางครั้งพอผมปฏิเสธมันก็เป็นฝ่าย
“อย่าพูดเหมือนจะเลิกกับพี่นับเงิน”“พี่คริชก็น่าจะรู้ว่าที่นับพูดมามันหมายความว่ายังไง แต่ถ้าไม่อยากสรุปเอาเองก็ใช่ค่ะ เราเลิกกัน ถ้าโกรธจะฆ่านับให้ตายตอนนี้ก็ทำได้เลย แต่รู้เอาไว้นะคะไม่ว่าพี่คริชจะทำยังไงกับนับ นับก็ไม่มีวันกลับไป”ฉันพูดจบแววตาของพี่คริชก็ลดความแข็งกร้าวลงกลายเป็นสั่นไหว พร้อมกับความเจ็บปวดที่มันออกมาทางสายตานี่ฉัน...พูดบ้าอะไรออกไป“พี่คริช.../ หึ! ตลกว่ะนับเงิน” พี่คริชแค่นยิ้มออกมาก่อนที่จะมองฉันแค่เสี้ยววินาทีเดียวแล้วเขาก็หันหลังให้ฉันทันที“พี่คริช นับ... / พี่เคยบอกว่าจะไม่ปล่อยมือเราเด็ดขาด ยกเว้นเราจะเป็นคนปล่อยมือพี่เองนับเงิน” พี่คริชหยุดนิ่งตอนที่ฉันเรียกชื่อเขาอีกครั้งพร้อมกับคำพูดประโยคนี้ที่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดฉันไม่กล้าเรียกเขาอีกครั้งได้แต่มองเขาเดินออกไป ค่อย ๆ ไกลออกไปทีละนิด จนตอนนี้ฉันมองไม่เห็นเขาแล้วฉันทำอะไรลงไป ฉันปล่อยให้ความโกรธที่เขาหึงหวงฉันเพราะรักฉันมากมาเป็นต้นเหตุทำให้เราต้องเลิกกัน ทั้งที่พี่คริชพยายามบอกให้ฉันกลับห้องอยู่หลายครั้ง ความจริงถ้าฉันค่อย ๆ พยายามขอร้องเรียกสติพี่คริชให้เขาเย็นลงมันก็ทำได้ แต่ฉันกลับเลือกที่