“ไงเรา ปลุกเพื่อนบ้านแต่เช้าเลยนะ”
“พี่อาร์ต! ได้ยินเหรอคะ” เสียงทักทายจากเพื่อนบ้านที่มีรั้วติดกันดังขึ้นระหว่างที่ฉันกำลังตากผ้าอยู่ บ้านแถวนี้เป็นชุมชนเก่าค่ะอยู่ติดกันแล้วรั้วก็ไม่ได้สูงมากเท่าไหร่ก็เลยทำให้พวกเราสนทนากันแบบนี้ประจำ พี่อาร์ตเป็นพี่ชายข้างบ้านที่เพิ่งเรียนจบได้ไม่นาน เป็นพี่ชายแสนดีที่คอยช่วยเหลือฉันอยู่ประจำ
“อื้ม ย้ายไปอยู่ที่อื่นไหมนับ” พี่อาร์ตพยักหน้ารับ ซึ่งก็ประจำนั่นล่ะค่ะสมาชิกในบ้านหลังนี้ชอบทะเลาะกันเสียงดังฉันอายจนไม่รู้จะอายยังไง แล้วพี่อาร์ตก็ถามคำถามที่ชอบถามฉันบ่อย ๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่เอาหรอกพี่อาร์ต นับอยากอยู่บ้านของพ่อแม่” ฉันตอบเขาด้วยรอยยิ้ม ในใจมันอ่อนแอนะคะแต่ไม่อยากให้ใครต้องเป็นห่วง ไม่อยากทำตัวน่าสงสาร
“เฮ้อ! พี่ไม่รู้จะพูดยังไงกับเราแล้ว มาอยู่บ้านพี่ก่อนไหมอย่างน้อยก็ดีกว่าห้องนั้น”
“โหย~ ขืนไปอยู่ป้าจันทร์คงได้โพนทะนาว่านับใจแตกยิ่งกว่าเดิมแน่นอน แล้วก็ต้องตะโกนด่าให้พี่อาร์ตเอาสินสอดมาขอนับ เชื่อเหอะ” ฉันบอกแล้วก็ขำไปด้วยเพราะมั่นใจว่าสิ่งที่พูดไปไม่ผิดจากนี้แน่นอน
“ฮ่า ๆๆ พี่ก็ลืมนึกถึงข้อนี้ไปเลย แต่ก็ได้อยู่นะเอาไหมล่ะ” พี่อาร์ตฟังแล้วก็ขำไปกับฉัน แถมยังพูดทีเล่นทีจริง ถึงแม้พี่อาร์ตจะหล่อมากก็ตามแต่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กแถมยังเคยแก้ผ้าเล่นน้ำในกะละมังด้วยกัน แค่คิดเล่น ๆ ก็ไม่ไหวแล้วค่ะ
“เรารู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้วพี่ แค่คิดเล่น ๆ นับก็ขนลุกแล้ว”
“ฮ่า ๆๆ โอเค ๆ เดี๋ยวพี่ไปทำงานแล้วนะ”
“วันเสาร์นะคะยังต้องทำงานอีกเหรอพี่อาร์ต”
“วันนี้ตอนบ่ายต้องตามเจ้านายไปประชุมที่ภูเก็ต พี่ไปแล้วนะเดี๋ยวซื้อขนมมาฝาก” พี่อาร์ตยิ้มให้ก่อนจะโบกมือลาฉัน
“ค่า เดินทางปลอดภัยนะคะ” ฉันโบกมือลาเขาเช่นกัน งานพี่อาร์ตคือการเป็นเลขา แต่บริษัทอะไรฉันก็จำไม่ได้ สมองมันล้าจำอะไรไม่ค่อยได้หรอกค่ะ แต่อิจฉาพี่เขาเหมือนกันเพิ่งเรียนจบก็มีงานดี ๆ ทำแล้ว ถ้าฉันเรียนจบจะหางานง่ายแบบพี่อาร์ตไหมนะ
-หนึ่งอาทิตย์ต่อมา-
“นับ ตั้งแต่ไอ้พี่จ๊อดโดนคุณคริชลั่นไกใส่วันนั้นก็ไม่กล้าเข้ามายุ่งกับนับอีกเลยเนอะ” อัญชันเพื่อนพนักงานเสิร์ฟในผับคนเดิมคุยกับฉันในช่วงที่พวกเรากำลังเตรียมข้าวของให้พร้อมเพราะเดี๋ยวจะถึงเวลาที่ผับเปิดแล้ว
ก็เป็นอย่างที่อัญชันพูดนั่นล่ะค่ะ ตั้งแต่วันนั้นไอ้พี่จ๊อดก็ไม่กล้ามายุ่งกับฉันอีกเลย สงสัยหลอนไม่หาย สติคงกระเจิงไปพร้อมกับกระสุนปืนที่วิ่งผ่านขาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
“อื้อ ดีแล้วล่ะอัญเพราะนับเบื่อมาก” ฉันหันไปบอกอัญชันด้วยความรู้สึกยินดีปรีดา แต่แอบใจกระตุกตอนที่อัญชันพูดชื่อคุณคริช ก็เทพบุตรขี่ม้าขาวของนับเงินหายไปเลยตั้งแต่วันนั้น
“แต่พักนี้ไม่เห็นคุณคริชมาดื่มที่นี่เลยเนอะ” เฮ้อ! อัญชันจะตอกย้ำนับเงินไปไหนคะ ไม่เห็นใจคนแอบชอบบ้างเลย
“เขาก็คงไปร้านอื่นมั้งอัญ จะให้เที่ยวอยู่ร้านเดียวมันก็น่าเบื่อไป” ฉันตอบแบบยิ้มอ่อน
“แต่ที่นี่เด็กเสิร์ฟสวยนะคะคุณนับเงิน” อัญชันพูดขึ้นแล้วก็มองฉันแบบหรี่ตา
“หมายถึงนับ” ฉันเอามือชี้มาที่ตัวเองแล้วก็ยิ้มรับคำชมนั้น ก็ทุกคนชอบชมว่าฉันสวย จากที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองสวยแค่หน้าตากลาง ๆ นี่ก็เริ่มมั่นหน้าแล้วค่ะ สวยก็สวยวะ ฮ่า ๆๆ
“โห~ เดี๋ยวนี้กล้ายอมรับด้วย” อัญชันก็เล่นกลับค่ะ เล่นใหญ่ด้วยการทำหน้าอึ้งใส่
“ก็นับโดนพูดกรอกหูว่าสวยทุกวัน ไม่อยากยอมรับแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง” พอฉันพูดแบบนั้นจบเสียงหัวเราะของเราทั้งสองก็ดังขึ้นก่อนที่จะคุยไปทำงานไปเพื่อเตรียมรับศึกใหญ่จากลูกค้าในวันนี้ คืนวันศุกร์ที่ตรงกับต้นเดือนพอดี บันเทิงแน่นอนค่ะ
“กัสทำไมมึงไม่ออกไปนั่งกับลูกค้าล่ะ วันนี้คนเยอะมากต้องมีแต่คนแย่งกันซื้อดื่มให้มึงแน่นอนค่ะ” เสียงพีอาร์ในผับที่เป็นเพื่อนกับซูกัสถามนางขึ้นและฉันก็บังเอิญได้ยินพอดีเพราะกำลังเข้าห้องน้ำอยู่ ส่วนคนข้างนอกที่คุยกันเพิ่งเดินจะเข้ามา
“เดี๋ยวที่รักของกูจะเข้ามากูไม่อยากให้มีกลิ่นผู้ชายคนอื่นติดตัว” น้ำเสียงเชิดตอบขึ้นมาทำให้เพื่อนนางถึงกับกรี๊ดเบา ๆ เพราะนางพูดแบบนี้เป็นใครในผับก็ต้องรู้หมดว่าหมายถึงคุณคริช
“กรี๊ด~ วันนี้มาเหรอ อิจฉามากอยากได้บ้าง” ไม่ใช่แค่เพื่อนของซูกัสที่อิจฉาหรอกอีคนที่นั่งขี้อยู่ในห้องแคบ ๆ นี่ก็อิจฉา อยากได้บ้างเหมือนกัน ฮ่า ๆๆ เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าเขาคือผู้ชายที่ปลุกความแรดในตัวนับเงิน
“เสียใจจ้ะ คนนี้ตัวจริงกูหวงมาก แล้วเขาก็ไม่ยอมให้คนอื่นไปนั่งซะด้วยสิ” เสียงยัยซูกัสตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเชิดและหยิ่งหนักกว่าเดิมก่อนที่เสียงรองเท้าส้นสูงจะดังแผ่ว ๆ เหมือนมีคนเดินออกไป
“หือ! อีดอก! ทำเป็นเชิดก็แค่เด็กที่เขาเรียกไปนั่งล้วงนั่นล่ะวะ! พูดอย่างกับเขาจะเอาตัวเองเป็นแฟน”
“เออ ทำอย่างกับเขาจะเอามันไปเป็นตัวจริง” อ้าวเฮ้ย! น้ำเสียงเปลี่ยนไป ลิ้นสองแฉกนี่หว่า ฮ่า ๆๆ พอเพื่อนสนิทออกไปก็ด่าไล่หลังซะงั้น ตลกดี ด่ากันลับหลังแบบไม่ได้สนว่าบุคคลปริศนาที่นั่งขี้อยู่จะได้ยินด้วยซ้ำ
เวลาผ่านมาเกือบเที่ยงคืนฉันก็เห็นคุณคริชเข้ามาที่ผับ ขนาดมองจากที่ไกล ๆ ยังหล่อมาก หล่อเวอร์ หล่อบรรลัยทำใจละลาย สาว ๆ ในผับก็มองเขาเป็นตาเดียว แต่น่าเสียดายที่วันนี้ฉันต้องเสิร์ฟที่โซนข้างล่างเพราะคนเยอะมากเลยไม่ได้ขึ้นไปเสิร์ฟโซน VIP ส่วนซูกัสคนสวยที่ตอนนี้นั่งข้างคุณคริชก็กำลังเชิดหน้าใส่ผู้หญิงแทบจะทุกคนประหนึ่งว่าตัวเองคือคนที่ได้ผู้ชายสุดหล่อและแบดบอยคนนี้ไปครอบครองทั้งตัวและหัวใจ แต่ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจมากมายหรอกนะคะเพราะต่อให้เขาจะควงใครฉันก็เป็นได้แค่คนที่แอบชอบอยู่ดี ร้องเพลง คนเจียมตัว ของ so cool วนไปสักหมื่นรอบเถอะนับเงินเอ๊ย
#NUB NGERN END
#KRICH TALK
“วันนี้ดื่มหนักจังเลยนะคะ” เสียงเซ็กซี่ของซูกัสถามขึ้นใกล้ ๆ หูผม ปกติถ้าผู้หญิงมาใกล้ผมจะพอใจมากแต่วันนี้รู้สึกเบื่อ อีกอย่างคงเพราะมองเห็นเด็กเสิร์ฟด้านล่างเห็นแล้วหงุดหงิด ผมแม่งยิ่งมีปมกับผู้หญิงที่แอ๊บใสอยู่ด้วย พอมาเห็นว่ามีคนประเภทนั้นอยู่ไม่ไกลผมก็เลยหงุดหงิดมาก
“เหนื่อยกับงานน่ะ กัสสั่งเหล้าเพิ่มให้พี่หน่อย เอามาเยอะ ๆ เลย” พอหงุดหงิดแล้วก็อยากเอาเหล้าเข้าปากครับ ไม่งั้นมันจะยิ่งหงุดหงิด
“ได้ค่ะ เหมือนเดิมเลยนะคะ” ซูกัสหันมาอ้อนเสียงหวานพร้อมดวงตาเป็นประกายเพราะผมแดกเหล้าแพงครับ แพงที่สุดของร้าน
วันนี้ผมมาคนเดียวเพาะอยากมาดื่มแบบที่ไม่ต้องมีเพื่อนมาพูดจากวนส้นตีน เหนื่อยกับงานที่มีปัญหาแค่ยิบย่อยแต่พวกลูกน้องที่จ้างโคตรแพงให้ดูแลบริษัทลูกดันทำงานไม่ได้เรื่อง ผมต้องไปจัดการปัญหาเองกว่าจะลงตัวมันก็กินเวลาชีวิตผมไปทั้งอาทิตย์ แต่พอจะมาพักผ่อนดันมาเจอยัยเด็กหน้าสวยแอ๊บใส แม่งสวยกว่าผู้หญิงคนนั้นแล้วจะร้ายลึกกว่ารึเปล่าวะ กูยิ่งเกลียดผู้หญิงประเภทนี้อยู่ด้วย
“พี่คริชอารมณ์ไม่ดีเลยนะคะ ให้กัสช่วยผ่อนคลายไหม” หลังจากนั่งกันมาจนตี 1 เกือบจะตี 2 และผมก็เริ่มจะเมามากแล้วซูกัสก็เอามือมาลูบขาผมแผ่ว ๆ พร้อมกับกระซิบยั่วข้างหู ซึ่งผมรู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร ถึงจะชอบที่มีผู้หญิงมาอ่อยแต่เวลานี้จะให้เธอมาช่วยยังไงครับ กูเมาเละขนาดนี้แล้วแม้แต่ตัวกูเองยังช่วยตัวเองไม่ได้เลย
“ไม่เอาน่ากัส” ผมดันมือซูกัสที่เริ่มจะลากมาใกล้เป้าผมเรื่อย ๆ ถึงจะเคยกันมาบ้างแต่ผมไม่ชอบผู้หญิงรุกก่อน และก็นั่นล่ะเวลานี้สติผมกำลังจะไม่คงที่กำลังจะเมาเละไปทั้งตัว ยั่วไปผมก็ไม่ทำอยู่ดี
“กัสแค่อยากให้พี่คริชอารมณ์ดี วันนี้ไม่ค่อยเอ็นจอยเลยนี่คะ”
“รินเหล้ามาเถอะ วันนี้พี่อยากดื่มมากกว่า” ผมบอกไปซูกัสก็ทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร
“กัส ๆ” พนักงานในร้านเดินมาแล้วก็ก้มหัวให้ผมเป็นเชิงขออนุญาตแล้วก็เรียกซูกัส
“มีไรพี่ไหม”
“มีคนโทรมาหา เขาบอกมีธุระด่วน สำคัญมาก” พนักงานคนนั้นบอกซูกัสพอซูกัสพยักหน้ารับรู้ถึงได้เดินออกไป
“พี่คริชคะกัสขอไปรับโทรศัพท์แป๊บเดียวนะคะ เดี๋ยวกัสมาค่ะ ท่าทางคงเป็นคนที่มีธุระสำคัญแน่เลย” เธอหันมาบอกผมซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ ผมรู้กฎของที่นี่มาว่าห้ามพนักงานใช้โทรศัพท์ในเวลางาน ถ้าใครมีธุระสำคัญให้โทรเข้าเบอร์ของผับแทน
ผมนั่งกระดกเหล้ามองอะไรไปเรื่อยเปื่อยแต่สายตามันชอบมองลงไปด้านล่างมากกว่า ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แถมยังชอบโฟกัสไปที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยสิ
“พี่คริชคะ” ผ่านไปสักพักซูกัสก็เดินมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“หืม?”
“คือ...วันนี้กัสต้องขอตัวก่อน พอดีว่าญาติกัสเกิดอุบัติเหตุไปขับรถชนคนแล้วไม่มีใครไปประกันตัวน่ะค่ะ กัสเลยต้องไปช่วย”
“อื้ม ได้ครับไปเถอะ” ผมตอบรับเธอก็ทำหน้าลำบากใจแล้วก็ขอตัวไป ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้วครับ นั่งกินเหล้าเงียบ ๆ คนเดียวมันก็ดีไปอีกแบบ เพราะคืนนี้ไม่ได้ตั้งใจมากินแต่ตั้งใจมาดื่ม
-03.00 น.-
เสร็จงานไปอีกหนึ่งวันแล้วค่ะ กว่าจะเคลียร์ความสะอาดในร้านเสร็จ ถึงจะมีพนักงานทำความสะอาดแต่มันก็เป็นน้ำใจฉันเลยช่วยพี่เขาทำต่อจนทุกอย่างในผับเรียบร้อยแบบนี้ทุกวัน แล้วตอนนี้ก็กำลังเดินออกไปเพื่อรอรถเมล์กลับบ้าน
“หือ? รถคุณคริชไม่ใช่เหรอวะ” ฉันเดินผ่านลานจอดรถก็เห็นรถสีดำที่พอจะจำได้ว่าเป็นคันที่ไปส่งฉันเมื่ออาทิตย์ก่อนจอดอยู่ ทำไมคุณคริชยังไม่กลับ ไปต่อกับซูกัสก็คงไม่ใช่มั้งฉันได้ยินว่าซูกัสมีธุระด่วนรีบกลับตั้งแต่ตี 1 แล้วนี่นา
“คุณคริช คุณคริชคะ” พอเดินไปใกล้ ๆ รถฉันก็เห็นเขานอนหลับอยู่ในรถ แถมไม่ปิดประตูรถด้วยสิ ดูจากท่าทางคงเมาเละเลยล่ะ และด้วยความที่เขาเคยช่วยเหลือฉันพอเห็นเขาอยู่ในสภาพนี้ฉันก็เลยอดที่จะดูเขาหน่อยไม่ได้ เมาเละแบบนี้เกิดเจอผู้ร้ายมาปล้นจะทำยังไง
“อื้ม~ จะนอน~” คุณคริชครางออกมาในลำคอด้วยความหงุดหงิด
“คุณคริช คุณมานอนตรงนี้ไม่ได้นะคะ ถ้าพนักงานกลับหมดตรงนี้มันจะเปลี่ยวมากนะ” ฉันเอามือไปเขย่าที่แขนเพื่อปลุกเขาเบา ๆ ทำให้คุณคริชค่อย ๆ ลืมตามามองช้า ๆ
“เสือกไรวะ!” ตาปรือแต่ยังคงความหล่อจ้องที่หน้าฉันแล้วก็พ่นคำด่าออกมาด้วยน้ำเสียงแอ้อ้อ
“คุณคริช จำนับได้ไหมคะ” ฉันไม่สนใจคำหยาบของคนเมาหรอกค่ะ มันเรื่องปกติ สนใจแค่ให้เขาอย่ามานอนเมาเละตรงนี้ก็พอ
“หือ?...อ้อ~ เธอเองเหรอ หึ!” เขาหรี่ตามองฉันแล้วก็ทำหน้าเหมือนนึกได้ แต่ หึ! ที่ลงท้ายนี่ไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง หางเสียงมันสะบัดแปลก ๆ
“ค่ะนับเอง คุณคริชไหวไหมคะ ตรงนี้มันเปลี่ยวนะคะ”
“ฉันเมา~”
“ถ้างั้นนับว่าคุณคริชล็อกรถเอากระจกขึ้นแล้วแง้มไว้นิดเดียวดีกว่านะคะ” ฉันแนะนำคนเมาไปด้วยความหวังดี เกิดพรุ่งนี้มีข่าวว่าหนุ่มหล่อโดนปล้นฆ่าชิงทรัพย์ในผับชื่อดังจะทำยังไง
“ไม่เอา กลับไปนอนดีกว่า” เขาอ้อแอ้ตอบแล้วก็ขยับตัวนิดหน่อย
“คุณเมาจะขับรถกลับได้ยังไงคะ ถ้างั้นเดี๋ยวนับไปเรียกแท็กซี่ให้นะคะ”
“ไม่เดี๋ยวรถหาย เธอขับรถเป็นไหม” เขาส่ายหน้าตอบพร้อมกับคำพูดอ้อแอ้เมาเละเหมือนเดิม
“เป็นค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบ อย่าบอกนะว่า...
“อือ~ ขับให้หน่อย เดี๋ยวบอกทาง” เขาพูดแค่นั้นก็ปีนไปนั่งที่เบาะด้านข้างคนขับทันที มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ ฉันขับรถเป็นค่ะแต่ไม่ใช่ซุปเปอร์คาร์แบบนี้
“ไม่ดีมั้งคะ อีกอย่างนับไม่เคยขับรถพวกนี้ด้วย” ฉันรีบตอบกลับ จะให้ไปส่งเขาก็ได้อยู่นะคะตอบแทนที่เขาเคยช่วยฉันไว้ แต่ต้องไม่ใช่การขับรถราคาเป็นสิบ ๆ ล้านแน่ ปุ่มอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมด
“ขับ ๆ ไปเหอะน่า ประกันชั้นหนึ่ง เอิ๊ก!” คุณคริชพูดไปก็ทำท่าเหมือนจะอ้วกปนมากับเรอ
“แต่...”
“เร็วสิวะ!” เขาหันมามองหน้าฉันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เชื่อแล้วว่าเมาเละจริง ๆ เอาวะเป็นไงเป็นกันขับก็ขับ ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณของเขาและช่วยเหลือสุดหล่อในดวงใจก็แล้วกันนับเงิน
ถ้าคนที่ชื่นชอบความเร็วของรถซุปเปอร์คาร์แล้วมาเจอ Aston Martin คันนี้ในเวลานี้ต้องรู้สึกเสียเซลฟ์แน่นอน ช้ากว่าจักรยานก็ซุปเปอร์เต่าคันนี้นี่ลjะค่ะ T_T“เธอ~ ขับเร็วๆ ไม่เป็นเหรอวะ~” เสียงคุณคริชดังขึ้น มาขับเองไหมล่ะ ฉันกลัวชนเพราะมันไม่คุ้นมือคุ้นเท้าเลยค่ะ เหยียบนิดเดียวก็พุ่งเหมือนจรวดแล้วเลยไปช้า ๆ แต่ชัวร์ดีกว่า“นับไม่เคยขับนี่คะ” ฉันตอบด้วยเสียงเกร็ง อย่าเพิ่งมากวนสมาธิได้ไหม ขับรถครั้งล่าสุดก็เมื่อปีที่แล้วนะ ตอนที่พี่อาร์ตสอนขับรถที่สนามโรงเรียนแถวบ้านแล้วก็พาฉันขับออกถนนไม่กี่ครั้งหลังจากนั้นนับเงินก็ไม่ได้แตะต้องรถยนต์อีกเลย พอมาขับอีกครั้งก็เจอของยากจะให้ขับเร็วขึ้นก็ทำไม่ได้หรอก“มันมีประกันน่า~” เสียงคุณคริชดังขึ้น เป็นคนรวยทำไมทุกอย่างมันดูง่ายจังเลยวะ รถราคาเป็นสิบ ๆ ล้านยังไม่ต้องห่วง“ประกันเคลมรถได้ แต่เคลมชีวิตคนไม่ได้ค่ะ นับกลัวขับชนคน” ฉันบอกเสียงแผ่วเพราะพ่อแม่ฉันเสียจากอุบัติเหตโดนรถชนวันนั้นพวกท่านไปซื้อของที่ตลาดกำลังเดินจูงมือกันข้ามถนนเพื่อกลับไปที่รถแล้วก็จะไปรับฉันที่โรงเรียนแต่แล้วฉันกลับต้องเป็นคนไปรับพ่อกับแม่เอง ฉัน...ต้องไปทำเรื่องพาพ่อกับแม่กลับบ้า
“ไม่ทำจริง ๆ บอกว่าเมาแล้วเละไงวะ~”“มันเกี่ยวอะไรกับเมาเละล่ะ ยิ่งเมานี่แหละตัวดีเลย!”“น้องชายเละจนไม่แข็งเข้าใจไหม~ อึก~ เขาแล้วนกเขาไม่ขันน่ะ ได้ยินชัดรึยัง~”คุณคริชพูดมาแบบนั้นมันเลยทำให้ฉันเอี้ยวหน้าไปมองเขาในทันที พูดอะไรออกมาเนี่ย นกเขาไม่ขัน เรื่องจริงเหรอคะ? ทำไมฟังแล้วมันทั้งขำทั้งสงสาร หล่อ รวย แบดบอยซะขนาดนี้ มองยังไงก็เพอร์เฟคไปทุกอย่างแต่มาตายที่นกเขาไม่ขันนี่นะ!“นอนได้ยัง หรือจะพิสูจน์~” เขาปรือตามองหน้าฉันแล้วก็พูดออกมา แต่ใครจะบ้าลองคะ เปลืองเนื้อเปลืองตัวเปล่า ๆ“ไม่ค่ะ นอนค่ะ” ฉันยอมนอนแต่โดยดีเพราะร่างกายฉันมันก็เริ่มไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่เช้าเมื่อวานยันกำลังจะสว่างของอีกวัน ส่วนเรื่องที่เขาถามว่าจะพิสูจน์ไหม ไม่ต้องพิสูจน์ฉันว่าฉันก็เชื่อค่ะ เพราะคนเมามักจะพูดความจริงเสมอ“อืม~ ตัวเธอหอมจัง” เขาหลับตาพยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่จะดึงฉันให้พลิกตัวหันไปหาเขาแล้วก็ดึงฉันให้ไปซุกที่อก ใจสั่นมาก~ นอนกอดกับผู้ชายที่แอบชอบนะคะบอกตรง ๆ ว่าถ้าไม่มีความแรดอยู่ในตัวบ้างจะไม่มีใครทำแบบนี้แน่นอนจุ๊บ!พอพูดจบคุณคริชก็จุ๊บลงที่หน้าผากฉันแล้วมันก็ทำให้ฉันตกใจจนต้องเงยหน้ามองเขา
“อืม~ ฮ้าว~” กี่โมงแล้ววะ เมื่อยตัวฉิบ ปวดหลังปวดเอวไปหมด เมื่อคืนไม่น่าเมาหนักเลยไอ้คริชหมับ~“หือ?” ผมค่อย ๆ ดึงสติและหัวที่หนักอึ้งจากอาการแฮงค์เหล้าให้มันทำงาน ห้องมืดสนิทจนไม่รู้เวลาข้างนอกแต่ผมสัมผัสได้ว่าผมนอนกอดใครบางคนอยู่ ตัวโคตรนุ่ม ผิวโคตรเนียน ที่สำคัญ...หอมกูลากผู้หญิงมานอนกอดเหรอวะ หวังว่าเมื่อคืนผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้พยายามปลุกน้องชายผมตอนเมาหรอกนะครับไม่งั้นเธอรู้ความจริงแน่ กิติศัพท์เรื่องบนเตียงของผมยิ่งเลื่องชื่อ ถ้าเธอเอาไปพูดว่าผมไม่ขันตอนเมาผมคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน“ตัวหอมจังวะ” ผมลูบผิวเธอคนนั้นแล้วก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ อยากเห็นหน้าแล้วครับ มากกว่านั้นคืออยากปลุกเธอมาคุยว่าเมื่อคืนพยายามทำอะไรผมรึเปล่าถ้าเธอรู้เรื่องหวังว่าเงินคงจะปิดปากเธอได้ผมเอื้อมมือไปกดสวิตซ์ไฟที่หัวเตียงแล้วพอหันมามองคนที่นอนข้าง ๆ ผมก็...แทบช็อก“เฮ๊ย!” นับเงิน...นับเงินมานอนกับผมได้ยังไง“อื้อ~ อ๊ะ!” เธอครางออกมาเหมือนอารมณ์เสียที่โดนรบกวนเวลานอนแล้วก็ขยับร่างกายพร้อมอุทานและขมวดคิ้วเบา ๆ“นับเงิน ตื่น เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ผมเขย่าแขนเธอเพื่อปลุก แม่งเอ๊ยอุตส่าห์จะไม่ยุ่งกับเธอ
ชีวิตบัดซบ!มีใครรันทด ดวงตก เทวดาไม่รักหนักเท่าฉันบ้างไหม? คงมีสินะคะ บนโลกนี้มีคนเป็นล้านคนฉันก็แค่คนหนึ่ง แค่ชีวิตเล็กๆ ที่ต้องเจอบททดสอบของชีวิตใช่ไหม“ฮึก! ฮื่อ~” ฉันนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ในห้องนอนเล็กๆ ของตัวเอง ฉันเกลียดการร้องไห้ ฉันไม่ชอบการร้องไห้ที่สุด เพราะไม่ว่าฉันจะร้องด้วยความเจ็บปวดเสียใจแค่ไหน ร้องเป็นชั่วโมงหรือร้องทั้งวัน สุดท้ายก็มีแค่ฉันที่ต้องปลอบใจตัวเอง...สุดท้ายก็มีแค่สองมือของฉันที่ต้องเช็ดน้ำตาของตัวเอง“อีนับโว้ย! มึงไม่ไปทำงานทำการรึไงฮะ 2 ทุ่มแล้วนะ ถ้าไม่ไปทำก็เชิญเสด็จออกมาช่วยกูทำงานหน่อยเถอะอีคุณนาย! ว่างก็มาช่วยงานบ้านกูบ้าง!” เสียงคนที่ดังอยู่หน้าห้องทำให้ฉันต้องกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ ให้ทำงานบ้านอะไรตอน 2 ทุ่มกัน ถ้าไม่ใช่มาเรียกให้ฉันทำกับแกล้มไปให้วงไพ่ของแก“นับกำลังจะไปทำงานป้า” ฉันตะโกนตอบไปด้วยเสียงที่พยายามให้มันปกติ ป้าจันทร์ไม่ใช่คนที่จะหวังดีกับฉันมาแต่ไหนแต่ไร เพราะฉะนั้นฉันไม่ควรที่จะให้ป้าจันทร์รู้ว่าฉันร้องไห้ ไม่งั้นคงได้ตีความว่าฉันร้องไห้เพราะโดนผู้ชายทิ้งโดยที่ยังไม่ได้ถามความจริงจากปากฉัน ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะนะฉันฝืนตัว
ตอนนี้นับเงินเด็กนักศึกษาปี 3 มหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่งได้พาตัวเองในชุดนักศึกษาปกติบ้าน ๆ เสื้อพอดีตัวกับกระโปรงทรงเอยาวระดับเข่าและคัทชูสีดำมาหยุดอยู่หน้าตึกสำนักงานใหญ่ของโรงแรมหรูที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ ยืนตรงนี้ฉันเหมือนมดตัวเล็กกระจี๊ดริ๊ดไม่มีผิด“เฮ้อ! ใครจะบ้าให้เด็กนักศึกษาเข้าไปสัมภาษณ์แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยวะ” ฉันถอนหายใจออกมา ความหวังริบหรี่ค่ะ ถึงจะรู้ว่าต้องมาสัมภาษณ์ใครแต่ความตื่นเต้นตรงนั้นมันหายไปแล้วเพราะรู้ดีว่าการเข้าไปขอสัมภาษณ์มันยากกว่า“ติดต่ออะไรคะ” เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ด้านหน้าถามฉันด้วยรอยยิ้ม สูดลมหายใจเข้าลึกๆ นับเงิน“สวัสดีค่ะ คือหนู...” ฉันแจ้งรายละเอียดให้พี่ประชาสัมพันธ์คนสวยฟังซึ่งมันดีมากที่พี่เขารับฟังฉันด้วยรอยยิ้ม ไม่มีอาการเหวี่ยงเพราะฉันไม่ใช่ลูกค้าของบริษัท“พี่ไม่แน่ใจนะคะว่าท่านประธานจะสะดวกให้สัมภาษณ์รึเปล่า” พี่เขาตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่แสดงความเห็นใจ หนูรู้ค่ะพี่ หนูรู้อยู่แล้ว“หนูรู้ค่ะพี่ อาจารย์โยนงานยากให้จริง ๆ ค่ะ” ฉันบอกพี่เขาด้วยน้ำเสียงเศร้า เอา F หรือ D ไปกินเถอะนะนับเงิน“แต่ยังไงน้องลองขึ้นไปยื่นเอกสารที่เลขาท่านประธานก่อนเนอ
ฉันมานั่งรอที่โซฟาตัวเดิมตั้งแต่ 7 โมงครึ่งตอนนี้บ่าย 2 ฉันยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าของบริษัทที่เป็นคนพูดเองว่าให้มาแต่เช้า ไม่มีแม้แต่เงา มีแต่กรุ่นไอนางมารร้ายที่ลุกโชนออกมาจากตัวยัยเจ้เลขาเนี่ย“กลับได้แล้วมั้ง!” เสียงนางดังลอย ๆ กระแทกใส่ ซึ่งฉันก็ไม่ได้หันไปสนใจหรอกค่ะ ว่าจะกลับอยู่เหมือนกัน แล้วพรุ่งนี้ก็จะไปพบอาจารย์แล้วก็บอกไปซะว่ามานั่งรอตามที่เขานัดแต่เขาไม่มาให้สัมภาษณ์ แค่นี้ก็มีเหตุผลให้เปลี่ยนคนสัมภาษณ์แล้วแต่เสียงของยัยเจ้เลขามันดังกระทบประสาทมาขัดจังหวะก็เลยยังไม่ไปดีกว่า ขอนั่งกวนอารมณ์นางต่อสัก 10-20 นาทีแล้วกัน“ท่านประธาน มาแล้วเหรอคะ” เสียงยัยเลขาที่เสียงอ่อนเสียงหวานดังขึ้นทำให้สันหลังฉันรู้สึกเย็นวาบขึ้นมา“ครับ บอกเขาตามผมเข้าไปได้เลยนะ” ผู้ชายคนนั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มแล้วก็เดินเข้าไปในห้องทำงาน บอกเขาตามผมเข้าไปได้เลยนะ ชิส์ นั่งอยู่ตรงนี้เรียกเองไม่เป็นรึไง“นี่เธอ” เสียงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นส้นตีนเชียวนะยัยเลขา ฉันก็เลยหันไปพูดกับนาง“ไม่ต้องบอกค่ะ ได้ยิน” พูดจบฉันก็เดินไปที่ประตูแล้วก็ผลักมันเข้าไปในทันที ไม่ต้องหวั่นอะไรหรอกนับเงินกับคนชั่วในห้องนี้ ร
“นับเงินอยู่เฉย ๆ” ผมบอกยัยขี้เมาที่ผลักมือผมที่กำลังเช็ดหน้าให้เธอเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ดิ้นจังวะ“อื้อ! มันเย็น~” เสียงคนเมาครางตอบในลำคอผมเลยทำได้แค่ยิ้มให้กับความงอแงของเธอแล้วก็เปลี่ยนเป็นเช็ดตามคอให้แทน“ปวดฉี่~” หือ? ปวดฉี่เหรอ“เดี๋ยวพี่พาไป” ผมบอกเธอแล้วก็อุ้มนับเงินขึ้นแนบอกเพื่อพาไปห้องน้ำ ผู้หญิงคนแรกแล้วก็คนเดียวเลยนะครับที่ผมยอมดูแลแบบนี้ แต่ผมทำเขาไว้เยอะดูแลแค่นี้อาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ“ถอดกางเกงไหวไหมครับ” ผมวางนับเงินให้ยืนข้างชักโครก ถามไปก็ภาวนาให้เธอทำเองได้เถอะเพราะผมไม่อยากเห็นของดีในตอนนี้ไม่งั้นสติผมคงกระเจิงแน่“หึ~ ถอดให้หน่อย~” นับเงินส่ายหน้าแล้วก็เอามือมากอดเอวผมไว้เหมือนจะล้ม ถ้าเป็นเวลาปกติผมก็คงดีใจเนื้อเต้นแล้วเพราะถอดเสื้อผ้าผู้หญิงมันงานถนัด แต่ต้องไม่ใช่ในเวลาที่ผมเห็นแล้วทำอะไรไม่ได้แบบนี้สิวะ“เร็ว~ ฉี่จะราด~” นับเงินยืนบิดเหมือนจะทนไม่ไหวผมเลยต้องกลั้นใจถอดกางเกงให้เธอ เอาวะถ้ามันตื่นก็ใช้มือไปก่อนแล้วกันไอ้คริช แต่สิ่งหนึ่งที่ผมต้องจำไว้ให้ขึ้นใจเลยก็คือ อย่าปล่อยให้นับเงินไปกินเหล้าจนเมาอีกเป็นอันขาด เมาแล้วไม่มีสติ ดูสิครับขนาดจำไม่ได้ว
“คุณเชื่อทุกคำพูดของฉันแค่เพราะฉันเมา แต่คุณกลับไม่แม้แต่จะฟังฉันในเวลาที่ฉันมีสติครบถ้วนเหรอคะ คุณเห็นฉันเป็นคนแบบไหนกัน?”“นับเงิน...”“ฉันก็มีศักดิ์ศรีมีความเป็นคนเหมือนกันนะคุณ ฉันไม่ต้องการความรับผิดชอบที่เกิดจากความเมาหรอก คุณเก็บมันไว้เถอะ ฉันผ่านเรื่องบัดซบนั่นมาจนใช้ชีวิตปกติได้แล้ว คุณไม่ต้องมารู้สึกผิดหรือสงสารฉัน...ฉันไม่ต้องการ”คำพูดของนับเงินทำให้ผมนิ่งเงียบไป ผมรู้สึกจุกอยู่ข้างใน มันก็จริงอย่างที่เธอว่า วันนั้นเราตื่นมาด้วยสภาพดูไม่จืดทั้งคู่แต่ผมกลับไม่ฟังคำพูดของเธอ ผมเอาแต่เชื่อในความคิดของตัวเองจนเผลอดูถูกเธอไปตั้งเยอะ“นอนก่อนไหม” ผมมองตามนับเงินที่ลุกขึ้นยืนแล้วก็ถามบ้าอะไรออกไปก็ไม่รู้ เหมือนคนที่อยากพูดแต่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรทำให้นับเงินใช้หางตามองผมด้วยความไม่พอใจ“เสื้อผ้าฉันล่ะ” เธอถามผมด้วยเสียงเย็นชา สรุปคือไม่นอนต่อสินะ ไอ้ห่าคริชมึงก็ควายไปถามแบบนั้นใครจะนอนต่อบนเตียงของคนที่เปิดซิงเขาแต่หาว่าเขาโกหกเพื่อจับมึงลง“อยู่ในตะกร้า ใส่ชุดพี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปซื้อชุดใหม่มาให้” ผมรีบบอกเธอแล้วก็ลุกจากเตียง รีบไปหาชุดใหม่ให้นับเงินก่อนเผื่อจะพอมีความดีขึ้นมาบ
“ว่าไงครับ แต่งงานกับพี่ได้ไหม เราแต่งงานกันนะ” พี่คริชกอดฉันพร้อมกับจูบที่ผมแล้วก็พูดออกมา น้ำเสียงของเขามันมีแต่ความอบอุ่น ฉันอุ่นใจทุกครั้งที่ได้ยิน เฮียเร่งให้ตอบน้องก็อยากตอบ อยากตอบตั้งแต่เฮียพูดคำแรกแล้วแต่มันมัวแต่ตะลึงตื่นเต้นดีใจร้องไห้น้ำตาไหลพรากเลยไม่ทันได้ตอบไงคะ“แต่งค่ะ นับจะแต่งงานกับพี่คริช” ฉันตอบชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าชีวิตโชคดีเท่ากับการได้มีเขาคนนี้เข้ามาในชีวิตอีกแล้ว“ถ้างั้นก็มาปั๊มน้องรอเลยไหม~”“พี่คริช! หวานเกิน 10 นาทีก็ได้นะคะ” ฉันผละออกแล้วก็ตีเข้าที่แขนล่ำ ๆ ของพี่คริชด้วยความหมั่นไส้ เพิ่งตกลงก็จะชวนปั๊มลูกแล้ว ไม่เห็นใจจิตใจที่อ่อนไหวของฉันเลย“ฮ่า ๆๆ ไม่ปั๊มก็ได้ครับ ไม่อยากให้เมียกับลูกโดนคนนินทาเหมือนกัน ทำให้คนอื่นอิจฉาหนูที่มีสามีโคตรดีดีกว่า”“ขอบคุณนะคะ”“ขอบคุณเหมือนกันครับที่รักพี่” พี่คริชส่งยิ้มมาให้แล้วก็เอามือปัดปอยผมไปทัดหูให้ช้าๆ หล่อ~ มองยังไงก็หล่อทั้งกายและใจ“ขอบคุณนับทำไมคะ มีแต่นับสิคะที่ต้องขอบคุณ ขอบคุณที่ให้อภัยนับ ขอบคุณที่ถึงนับจะทำตัวไม่น่ารักแค่ไหนแต่พี่คริชก็ไม่เคยทิ้งนับไปไหนเลย”“พี่ทำผิดกับหนูก่อนจำไ
เมียผมเป็นตัวร้าย! นอกจากความคิดความอ่านจะเริ่มเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาแล้วสกิลการยั่วยังก้าวกระโดด ตอนแรกที่ก้มหน้าลงมาจูบผมก็ไม่ได้ว่าหรอกนะครับ อยากจูบแฟนอยู่เหมือนกัน แต่ใครจะคิดว่าจะกล้าขนาดล้วงเข้าไปจับลูกชายของผมคลึงเล่นขนาดนั้น พอห้ามเหมือนทุกครั้งก็นึกว่าจะฟัง ที่ไหนได้ดันเอานมมายัดปากแทน แล้วผมจะปฏิเสธการดื่มนมก่อนนอนได้เหรอครับในเมื่อมันเข้าปากไปแล้ว เวลานี้สภาพสุดที่รักของผมก็เลยเละ ไม่ได้เละแค่เธอแต่หมายถึงผมด้วย ห่างหายการมีเซ็กส์ไปตั้งหลายเดือนมีแต่แม่นางทั้ง 5 ที่คอยช่วยพอไอ้นกเขาลูกรักได้กลับไปหาแม่มัน มันก็เลยคึกทั้งคืน กว่าจะสงบก็ปาไปเกือบสว่างยิ่งรักมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งแสดงออกไปเท่านั้น ใส่ไม่ยั้งไม่มีออมแรง เดี๋ยวน้องหาว่าผมรักน้อยลง อีกอย่างก็คือเอาให้สมกับที่กล้ามายั่วแล้วก็รุกผมก่อนซะหน่อยจุ๊บ!“อื้อ~ อย่าเพิ่งกวนค่ะ” ผมก้มลงไปจูบไหล่เนียนที่โผล่พ้นผ้าห่มออกม แล้วก็ไล้จมูกตามไหล่ขึ้นไปหาต้นคอขาว ๆ แต่นับเงินกลับเอามือมาผลักหัวผมออก ยัยขี้เซาตัวแสบ“กล้าผลักหัวพี่เหรอ หืม~” ผมกระซิบถามข้างหู โคตรมันเขี้ยวเธอเลย ผู้หญิงบ้าอะไรวะสวยฉิบหาย ไม่ต้องแต่งหน้าก็หลงหัวปักหัวปำ
Line...แก๊งนางฟ้ากับเมียมโนMilan : พี่คริชทำแสบ!Mintra : ใช่ ใช่ไหม?Milan : ชัวร์! ไอ้บ้าแอลบอกมาWahn-Wahn : ฮือ~ หวานโดนคุณพอร์ชบ่นหูชา ยังบ่นไม่จบแต่หวานแกล้งปวดอึ๊วิ่งเข้าห้องน้ำก่อน T_TKaNom : พี่คริช! น้องนับแฟนหนูขี้ฟ้อง!Milan : คราวหลังนับเงินต้องหัดโกหกเฮียเขาบ้างนะลูก!!!!!Manny : เกิดอะไรขึ้นคะชะนี ผัวรู้ผัวเห็นแล้ว?Nub-nuB : ฮือ~ หนูผิดเอง ขอโทษนะคะแต่อย่าด่าเฮียเลย เฮียแค่ไม่อยากให้หนูไปManny : โอ๊ย สรุปชะนีอดทุกนางเพราะผัวรู้ทันแล้ว ลำไยพวกมีผัวหล่อ!Nub-nuB : คุณแม่อย่าว่าพี่คริชนะคะ ผิดที่หนูอ้อนไม่เก่งเอง T_TManny : ปกป้องผัวมากค่าMintra : สุดฤทธิ์ค่ะบอกเลย อิอิMilan : เป็นคนแรกในแก๊งที่ไม่โขกสับพ่อบ้านWahn-Wahn : เด็กดีของเฮียคริช ทีหลังอย่ารายงานทุกเรื่องนะลูกพี่หวานขอร้อง~KaNom : โกรธพี่คริชมากตอนนี้ อุตส่าห์หลอกพี่วินได้ T_TNub-nuB : ฮือ~ หนูผิดเอง อย่าว่าพี่คริช หนูรักของหนู หนูไม่อยากโกหกเฮีย หนูขอโทษนะคะกลุ่มไลน์ร้อนเป็นไฟเพราะความหวังดีของเฮียที่กลัวน้องจะอดไปนั่งเม้าท์กับเจ้ ๆ อยู่คนเดียวเลยทำให้พวกอาเฮียหนุ่มหล่อที่เหลือรู้ทันแผนของบรรดาเมีย จั
ชีวิตนับเงินหลังจากโดนแทงจนต้องไปนอนแอ้งแม้งในโรงพยาบาลก็จะงง ๆ หน่อยนะคะ โดนลดสถานะก็เลยวางตัวไม่ถูก ไม่ได้วางตัวลำบากกับเฮียนะคะ แต่มันยังงง ๆ ว่าต้องวางตัวแบบไหน นี่ก็ผ่านมา 1 เดือน หมดเวลาพักฟื้นและย้ายจากบ้านพี่คริชมาอยู่ที่คอนโดแล้วเพราะต้องกลับไปฝึกงานฉันกลับมาอยู่ที่คอนโดเหมือนเดิมค่ะ นอนห้องเดิมที่แตกต่างไปจากเดิมก็คือพี่คริชย้ายไปนอนอีกห้อง ตอนที่พักฟื้นที่บ้านใหญ่พี่คริชก็ไปนอนเฝ้า นอนที่โซฟาในห้องเขานั่นแหละ คนอะไรบทจะใจแข็งก็หักดิบได้สุด ๆ ไปเลย จากที่เคยหื่นตลอดเวลากลับกลายเป็นเหมือนคนตายด้านพี่คริชทำมากที่สุดแค่กอด หอม จุ๊บแก้ม จุ๊บปาก แต่ถ้าน้องนับเงินคนนี้เกิดคิดใจกล้าบ้าบิ่นจะไปจูบปากนุ่ม ๆ ของเฮียก็จะโดนมือผลักหัวให้ไสหัวไปไกล ๆ ในทันที รู้สึกวางตัวลำบากกับเรื่องนี้มาก ๆ อยากจูบ อยากนอนกอดแต่เฮียไม่อนุญาต T_T“อ้าว! ยังไม่นอนอีกเหรอครับ” พี่คริชเปิดประตูออกมาจากห้องนอนด้วยสภาพกางเกงนอนขายาว และอกแกร่งที่เปลือยเปล่าแถมผมที่เพิ่งสระมันเปียกหมาด ๆ ยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่ให้เฮียเป็นล้านเท่าตัว“ออกมาดื่มน้ำค่ะ พี่คริชล่ะคะ” ฉันตอบพี่คริชแล้วก็พยายามไม่มองไปที่หุ่นทรมานใจ
“ร้องไห้ทำไมเจ็บแผลเหรอครับ หรือว่าเสียใจเรื่องไอ้อาร์ต”“...เปล่าค่ะ แค่เจ็บแผล” พอเห็นความเย็นชาจากพี่คริชนับเงินคนนี้ก็เลยต้องรีบเช็ดน้ำตาป้อย ๆ แล้วก็รีบตอบอย่างรวดเร็ว“ให้เรียกหมอให้ไหม” พี่คริชเดินมาหยุดที่ข้างเตียงแล้วก็มองหน้าฉันแบบที่ไม่หลงเหลืออารมณ์พิศวาสใด ๆ ในสายตา ขอพับเก็บการขอโอกาสจากเฮียเลยแล้วกันนะคะเพราะดูทรงเฮียคงไม่มีอารมณ์มาฟังนับเงินอ้อนวอนขอโอกาสหรอก“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหมอก็ให้ยาแก้ปวดหลังอาหาร” ฉันตอบพี่คริชแล้วก็ส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้ ไม่รู้จะวางตัวยังไง อยู่ในสถานะแฟนเก่าที่อยากกระโดดกอดเฮีย อยากกอด อยากจุ๊บแต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ขนาดจะมองหน้าสบตาที่คุ้นเคยยังไม่กล้าเลย...“ครับ จะกินข้าวเลยไหม คุณแม่ให้คนทำอาหารมาให้ ขนมไปบ่นว่าอาหารโรงพยาบาลไม่น่ากิน เมื่อกี้เขาเอาอาหารมาเสิร์ฟพอดีแต่พี่ให้เอากลับไปแล้วล่ะ” พี่คริชถามฉันแล้วก็หันหลังเดินไปตรงเค้าเตอร์ก่อนที่จะหยิบกล่องอาหารออกมา“ค่ะ ทานเลยก็ได้ค่ะ” ฉันพยักหน้าอย่างว่าง่าย เลิกดื้อไปเลยค่ะ ไม่เอาแล้วจริง ๆ เข็ด ถึงเขาจะไม่รักแล้วก็จะเลิกดื้อ จะเปลี่ยนนิสัยของตัวเองฉันนั่งกินอาหารที่มาจากบ้านพี่คริชเงียบ ๆ
“ไหนมาคะอีแมนนี่”“ไปจัดการอีเกย์ไร้คุณธรรมนำจิตใจมาค่ะ อีอาร์ตี้นั่นแหละกูจัดหนักให้แล้ว”“อีแมน! มึงไปทะลวงมาเหรอ”“แมนนี่ค่ะอีมิ! อีผี! แล้วใครว่ากูจะไปทะลวงมัน กูสาวรับค่ะ! หรือต่อให้กูรุกกูก็ไม่เอาเวอร์จิ้นของกูไปเปื้อนราคีมันหรอก!” สวัสดีค่ะลูกสาวทุกคน นี่คุณแม่เองค่ะ คุณแม่แมนนี่คนดีหน้าหล่อหุ่นแมนแต่ใจเป็นหญิง หญิงทั้งสี่ห้องหัวใจเองค่ะลูกสาว“แล้วมึงไปจัดการมันยังไง” อีมิลานคนดี อีชะนีที่ปากหมาที่สุดในกลุ่มถามขึ้นอีกครั้ง แต่นังลูกสาวที่เหลือก็ทำหน้าเหมือนว่าเปิดต่อมรับรู้ทุกอณูในร่างกายเอาไว้แล้ว ยกเว้นลูกนับคนงามของคุณแม่ที่นอนแอ้งแม้งไม่ยอมตื่นคนเดียวที่ดูจะไม่อยากรู้อยากเห็นกับเรื่องนี้“ที่จริงกูไม่ได้ไปจัดการหรอกแค่ไปแอบดูพี่คริชจัดการ สยองมากค่ะกูบอกเลย” คุณแม่ตอบยัยพวกชะนีน้อยแล้วก็ทำหน้าผะอืดผะอม คิดแล้วสยองไม่หาย“ยังไงคะพี่แมนนี่” ยัยลูกหวานคนสวยชะโงกหน้ามาถามก่อนใคร“ก็เริ่มจากไปพลิกฟ้าตามจิกหัวมันมาภายในเวลาแค่ 3 ชั่วโมง แล้วก็จับมันขึง 4 มุมเมือง เสร็จแล้วก็กรอกยาปลุกเซ็กส์ชนิดต้องการมีผัว 10 คนใน 5 นาทีให้มัน แล้วก็ปล่อยมันมันทุรนทุรายร้องโหยหวนต้องการราคะตั้ง
“ทำไมคุณคริชถึงมาส่งนับ”“คะ? อะไรนะคะ”“จะถามซ้ำทำไมในเมื่อได้ยินชัด! ทำไมคุณคริชถึงมาส่งนับ!”“พี่อาร์ตเป็นอะไร ออกไปนะคะ”“ตอบสิ! เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วเขามาส่งนับทำไม อยากให้พี่คลั่งใช่ไหม!”“พี่อาร์ต...พี่อาร์ตอย่า! กรี๊ด!!!”ฉันกรี๊ดออกมาลั่นบ้านเพราะพี่อาร์ตตรงเข้ามากระชากแขนฉันเต็มแรง“พี่อาร์ตจะทำอะไรคะ” ฉันถามด้วยความกลัวลนลานไปหมดเพราะไม่รู้ว่าพี่อาร์ตต้องการกันแน่“ไปยุ่งวุ่นวายกับคุณคริชอีกทำไม เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ! แล้วจะไปวุ่นวายกับเขาอีกทำไม!”“พี่อาร์ตปล่อย!” ฉันไม่ตอบคำถามเพราะมันไม่ใช่เรื่องของพี่อาร์ตสักหน่อย ตอนนี้ฉันโกรธมากกว่าที่เขาเข้ามาอาละวาดฟาดงวงฟาดงาใส่ฉันเพี๊ยะ!“...พี่อาร์ต~” ฉันโดนพี่อาร์ตตบจนล้มลงไปกองที่พื้น ฉันหันกลับไปมองพี่อาร์ตช้า ๆ ทั้งงงทั้งกลัวไปหมดแล้ว“พี่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าพี่พลาดโอกาสจากความรักมาแล้วครั้งหนึ่งแล้วพี่ก็จะไม่ยอมพลาดอีกครั้ง!” ไม่ใช่การหึงฉันแน่นอน ไม่มีทาง ฉันมั่นใจว่าพี่อาร์ตไม่ได้คิดเกินเลยกับฉัน ไม่อย่างนั้นพี่เขาไม่หายไปเลยตอนที่ฉันโสดหรอก นอกซะจาก...“พี่อาร์ตชอบพี่... / ไม่ได้ชอบแต่กูรัก!” ฉันยังถามไม่จบพี่อาร์ตก
“อย่าให้ผมเห็นพวกคุณสองคนมาทะเลาะกันที่บริษัทผมอีก ไม่งั้นผมจะแจ้งมหาลัยของพวกคุณแล้วส่งตัวกลับ!”ฉันยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเพราะไม่มีแรงจะทำอะไร ส่วนซิลเวียร์ก็รีบเผ่นไปตั้งแต่ที่พี่คริชพูดจบแล้ว“น้องนับ”“พี่ขนม...ฮึก” ฉันหันไปตามเสียงที่เรียกชื่อถึงได้เห็นว่าเป็นพี่ขนมที่ยืนมองฉันอยู่ พอเห็นพี่ขนมเท่านั้นฉันก็กลั้นสะอื้นเอาไว้ไม่อยู่“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” พี่ขนมรีบเดินเข้ามากอดฉันเอาไว้แล้วก็ปลอบพร้อมกับลูบหัวฉันไปด้วย มันเจ็บมากนะคะ เจ็บจนไม่รู้จะทำอะไรนอกจากกอดใครสักคนเอาไว้#NUB NGERN END#KRICHB TALKใครคิดว่าคนที่เย็นชาจะไม่เจ็บ ผมโคตรเจ็บเลยที่เห็นเธอโดนทำร้าย โคตรโกรธที่ซิลเวียร์กล้าทำร้ายคนดีของผม ยิ่งเห็นเลือดที่มุมปากผมยิ่งอยากเข้าไปกอดเธอให้แน่นที่สุดแล้วถามว่าเจ็บมากไหม ขอโทษที่ปล่อยให้คนอื่นกล้ามาทำร้ายเธอแบบนี้แต่จะให้ผมเสนอตัวไปทำแบบนั้นด้วยสถานะไหน?ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด“อืมว่าไง”(ไปผับไอ้ตินไหมเฮีย)“ไม่ว่ะ เหนื่อยวันนี้ประชุมทั้งวัน ไม่ต้องมากวนเฮียด้วยเฮียอยากนอน” ไอ้เควินโทรมาชวนผมให้ออกไปเปิดหูเปิดตาแบบนี้หลายครั้งแล้วแต่ผมไม่อยากไป บางครั้งพอผมปฏิเสธมันก็เป็นฝ่าย
“อย่าพูดเหมือนจะเลิกกับพี่นับเงิน”“พี่คริชก็น่าจะรู้ว่าที่นับพูดมามันหมายความว่ายังไง แต่ถ้าไม่อยากสรุปเอาเองก็ใช่ค่ะ เราเลิกกัน ถ้าโกรธจะฆ่านับให้ตายตอนนี้ก็ทำได้เลย แต่รู้เอาไว้นะคะไม่ว่าพี่คริชจะทำยังไงกับนับ นับก็ไม่มีวันกลับไป”ฉันพูดจบแววตาของพี่คริชก็ลดความแข็งกร้าวลงกลายเป็นสั่นไหว พร้อมกับความเจ็บปวดที่มันออกมาทางสายตานี่ฉัน...พูดบ้าอะไรออกไป“พี่คริช.../ หึ! ตลกว่ะนับเงิน” พี่คริชแค่นยิ้มออกมาก่อนที่จะมองฉันแค่เสี้ยววินาทีเดียวแล้วเขาก็หันหลังให้ฉันทันที“พี่คริช นับ... / พี่เคยบอกว่าจะไม่ปล่อยมือเราเด็ดขาด ยกเว้นเราจะเป็นคนปล่อยมือพี่เองนับเงิน” พี่คริชหยุดนิ่งตอนที่ฉันเรียกชื่อเขาอีกครั้งพร้อมกับคำพูดประโยคนี้ที่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดฉันไม่กล้าเรียกเขาอีกครั้งได้แต่มองเขาเดินออกไป ค่อย ๆ ไกลออกไปทีละนิด จนตอนนี้ฉันมองไม่เห็นเขาแล้วฉันทำอะไรลงไป ฉันปล่อยให้ความโกรธที่เขาหึงหวงฉันเพราะรักฉันมากมาเป็นต้นเหตุทำให้เราต้องเลิกกัน ทั้งที่พี่คริชพยายามบอกให้ฉันกลับห้องอยู่หลายครั้ง ความจริงถ้าฉันค่อย ๆ พยายามขอร้องเรียกสติพี่คริชให้เขาเย็นลงมันก็ทำได้ แต่ฉันกลับเลือกที่