“ไม่ทำจริง ๆ บอกว่าเมาแล้วเละไงวะ~”
“มันเกี่ยวอะไรกับเมาเละล่ะ ยิ่งเมานี่แหละตัวดีเลย!”
“น้องชายเละจนไม่แข็งเข้าใจไหม~ อึก~ เขาแล้วนกเขาไม่ขันน่ะ ได้ยินชัดรึยัง~”
คุณคริชพูดมาแบบนั้นมันเลยทำให้ฉันเอี้ยวหน้าไปมองเขาในทันที พูดอะไรออกมาเนี่ย นกเขาไม่ขัน เรื่องจริงเหรอคะ? ทำไมฟังแล้วมันทั้งขำทั้งสงสาร หล่อ รวย แบดบอยซะขนาดนี้ มองยังไงก็เพอร์เฟคไปทุกอย่างแต่มาตายที่นกเขาไม่ขันนี่นะ!
“นอนได้ยัง หรือจะพิสูจน์~” เขาปรือตามองหน้าฉันแล้วก็พูดออกมา แต่ใครจะบ้าลองคะ เปลืองเนื้อเปลืองตัวเปล่า ๆ
“ไม่ค่ะ นอนค่ะ” ฉันยอมนอนแต่โดยดีเพราะร่างกายฉันมันก็เริ่มไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่เช้าเมื่อวานยันกำลังจะสว่างของอีกวัน ส่วนเรื่องที่เขาถามว่าจะพิสูจน์ไหม ไม่ต้องพิสูจน์ฉันว่าฉันก็เชื่อค่ะ เพราะคนเมามักจะพูดความจริงเสมอ
“อืม~ ตัวเธอหอมจัง” เขาหลับตาพยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่จะดึงฉันให้พลิกตัวหันไปหาเขาแล้วก็ดึงฉันให้ไปซุกที่อก ใจสั่นมาก~ นอนกอดกับผู้ชายที่แอบชอบนะคะบอกตรง ๆ ว่าถ้าไม่มีความแรดอยู่ในตัวบ้างจะไม่มีใครทำแบบนี้แน่นอน
จุ๊บ!
พอพูดจบคุณคริชก็จุ๊บลงที่หน้าผากฉันแล้วมันก็ทำให้ฉันตกใจจนต้องเงยหน้ามองเขา
“ทำอะไรคะ!” แค่กอดก็ไม่ไหวแล้วนะยังจะมาทำแบบนี้อีก ใจฉันมันจะทนปล้ำคุณคริชไม่ไหวแล้ว ฮ่า ๆๆ
“สวย~” เขามองหน้าฉันตาเยิ้มแล้วก็พูดออกมาเสียงเบา แต่ฉันหน้าแดงไปทั้งสองข้างเลย และมันก็เหมือนว่าฉันกำลังตกอยู่ในภวังค์ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาปิดปากฉันด้วยปากของเขาแล้วเรียบร้อย
“อื้อ~” จูบแรกในชีวิต คุณคริชจูบมาแผ่วเบาแต่กลับทำให้สติฉันกระเจิงก่อนที่เขาจะกอดฉันแน่นขึ้นแล้วก็สอดลิ้นเข้ามาในปาก ฉันที่กำลังตกใจก็ทำอะไรไม่ถูกไปเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจูบมันต้องทำยังไงเลยปล่อยให้เขานำทางเพราะแค่จูบคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้งคะ
“อืม~” ฉันรู้สึกว่าสติมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะคุณคริชเริ่มที่จะเพิ่มความร้อนแรงขึ้น เขาจูบเก่งจนฉันเคลิ้มตาม จากแผ่วเบาเป็นเร่าร้อน ลิ้นเขากระหวัดเกี่ยวไล่ต้อนลิ้นฉันจนฉันกล้าที่จะทำแบบเขาบ้าง
มือของคุณคริชกำลังลูบไล้ไปตามแขนแล้วก็สะโพกของฉัน มือเขาร้อนซะจนฉันรู้สึกได้ว่าเวลาที่มันลากผ่านไปที่ไหนตรงนั้นจะร้อนผ่าวจนฉันขนลุก
ฉันเคลิ้มตามและสติหายไปแล้วจริง ๆ คงเพราะแอบชอบเขาด้วยมั้งคะ แล้วก็รู้สึกว่าถ้าเขาเมาแล้วเอ่อ...นกเขาไม่ขัน ก็หมายความว่าเขาก็คงจะทำได้แค่จูบ ถ้างั้นขอนับเงินคนนี้ตักตวงจูบจากผู้ชายในฝันก็แล้วกันก่อนที่จะไม่มีโอกาส
“อืม~” เสียงคุณคริชครางในลำคอ ขนาดเมาเขายังปลุกอารมณ์ผู้หญิงได้กระเจิงขนาดนี ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าไม่เมาและไอ้นั่นมันใช้งานได้ปกติ เขาจะร้อนแรงแค่ไหน -///-
คุณคริชถอนจูบออกจากปากฉันแล้วก็ลากริมฝีปากร้อนของเขาไปตามคาง ลำคอ จนมันไปหยุดอยู่ที่หน้าอกของฉัน
จ๊วบ~
“ว๊าย! คุณคริช อ๊ะ! พอค่ะ” พอปากเขาครอบครองยอดหน้าอกของฉันสติของฉันก็กลับมาทันทีเพราะเสื้อที่ใส่มันเป็นแค่เสื้อยืดโดนจูบจนสติกระเจิงเลยไม่ทันได้รู้ตัวว่าเขารั้งทั้งเสื้อนอกและเสื้อในขึ้นมากองบนอกตอนไหน
“อือ~”
จ๊วบ~
จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ~
ฉันพยายามดันไหล่เขาให้ออกไปจากตัวแต่เรี่ยวแรงมันกลับไม่ตรงกับความต้องการของสมอง เขาดูดหน้าอกฉันรุนแรงขึ้นเหมือนคนตะกละแล้วมันก็ทำให้ฉันเสียวไปทั้งตัวจนไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรแล้ว
“อื้อ~” จากที่พยายามดันไหล่เขาออกฉันไม่รู้ว่ามันกลายเป็นตัวเองจิกแขนเขาเพื่อระบายอารมณ์ตอนไหนกัน ฉันมีสติรับรู้แค่ว่าในเวลานี้ไม่มีเรี่ยวแรงปฏิเสธเขาได้เลย
“อื้ม หวาน~” คุณคริชผละจากหน้าอกแล้วก็เงยหน้ามามองหน้าฉัน แล้วเขาก็เอาลิ้นไปเลียที่ยอดอกฉันแต่สายตาเขากลับยังจ้องมองฉันอยู่meฉันต้องรีบหันหน้าไปอีกทางเพื่อหลบสายตา
“หึ ๆๆ เธอโคตรยั่วเลยรู้ตัวไหม~”
คุณคริชหัวเราะในลำคอเบา ๆ แล้วเขาก็ก้มลงไปหาหน้าอกของฉันอีกครั้ง ส่วนอีกข้างก็โดนเขากอบกุมพร้อมกับบีบสลับกับคลึงที่ยอดหน้าอกเป็นว่าเล่น
“อื้อ~ อ๊ะ!” ฉันนอนบิดตัวด้วยความเสียว มันเสียวซ่านไปทั้งตัวจนทนอะไรแทบจะไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมีหมดนะคะแต่ฉันแค่ต่อต้านเขาไม่ไหว และสำนึกด้านมืดมันก็คอยตอกย้ำให้ฉันปล่อยให้เขาทำแบบนี้ต่อไปเพราะฉันรู้สึกอยากรู้อยากลอง อยากให้เขาทำแบบนี้กับฉันไปเรื่อย ๆ ฉันกำลังต้องการเขา ถึงยังไงเขาก็ทำอะไรที่มันเกินเลยมากกว่านี้ไม่ได้ แต่สำนึกด้านดีมันก็คอยร้องออกมาว่าฉันเชื่อคำพูดของเขาได้มากแค่ไหนกัน ถ้ามันเกินเลยล่ะนับเงิน...
“คุณคริช พอแล้ว ไม่เอา อ๊ะ! หยุดได้แล้ว~” ฉันพยายามดึงสติแล้วก็ผลักเขาให้ออกไปจากตัวแต่มันก็สู้แรงเขาไม่ได้อยู่ดี จนกระทั่งฉันรู้สึกได้ว่าท่อนล่างของตัวเองโดนเขาจัดการเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ อื้อ~ ไม่คุณคริช อย่าจับ! อ๊ะ” ฉันร้องห้ามเพราะรู้สึกว่ามือของเขามันกำลังลูบแผ่วไล้ที่ต้นขาแล้วก็ลากขึ้นมาจับลงไปที่น้องสาวของฉัน ครั้งแรกกับการโดนมือของคนอื่นสัมผัสแถมยังเป็นมือของผู้ชายมันรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งตัวจนฉันต้องร้องออกมา
จ๊วบ~
จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ~
“มันเปียกแล้ว~” คุณคริชดูดหน้าอกฉันเสียงดังแล้วก็พูดออกมาทั้งที่ปากยังงับหน้าอกฉันเอาไว้พร้อมกับเอานิ้วถูไปตามร่องรักของฉันแล้วก็สะกิดที่...ตรงนั้นนั่นแหละค่ะ -///- ฉันทนไม่ไหวกับสัมผัสที่เขามอบให้ แล้วมันร้อนไปหมดทั้งตัวเลย
“ซี๊ด~ คุณคริช” ฉันรู้สึกว่าตัวเองจิกแขนเขาแรงมาก ยิ่งเขาสะกิดตรงนั้นของฉันเท่าไหร่แรงจากมือทั้งสองข้างก็กดลงที่แขนของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
“ขอชิมหน่อย~” เขาเงยหน้ามาบอกฉันแล้วก็ขยับตัวลงไปด้านล่าง ฉันเข้าใจทันทีว่าเขากำลังจะทำอะไร แต่ไม่ได้นะนับเงิน มันจะเกินเลยไปกันใหญ่แล้ว
“คุณคริช มะ ไม่เอา พอแล้ว~” ฉันรวบสติและเรี่ยวแรงสุดท้ายที่มีดันตัวขึ้นแต่คุณคริชกลับล็อกขาฉันไว้ได้ทัน เขาก็ทำให้ฉันแทบจะกรี๊ดออกมาดัง ๆ เพราะเขาก้มหน้าลงไปที่น้องสาวฉันในทันทีแล้วก็ใช้ลิ้นเลียลงไปตามร่อง
แผล็บ~
“อื้อ~ ไม่ อ๊ะ! คุณคริช~ ซี๊ด~” สติฉันหายไปเต็มร้อยแล้วค่ะ ตอนที่เขาจูบ ไซร้ หรือดูดหน้าอกฉันยังพอมีสติรับรู้อยู่บ้างแต่ครั้งนี้ที่เขาทำแบบนี้ฉันไม่มีสติหลงเหลือพอที่จะห้ามเขาได้แล้วฉันรู้ตัวแค่ว่าเขาดันขาฉันให้ชันขึ้นแล้วก็จับมันให้แยกออกจากกัน จากนั้นเขาก็จัดการน้องสาวฉันเต็มที่ด้วยลิ้นของเขา
แผล็บ~
แผล็บ แผล็บ แผล็บ~
“ซี๊ด~ คุณคริช”
“อ่าส์~”
“อ๊ะ! เจ็บ! อื้อ~” เสียงครางที่น่าอายดังออกมาจากปากฉันไม่หยุด และก็ดังมากขึ้นกว่าเดิมเพราะเขากดนิ้วของเขาเข้ามาในร่องรักของฉันเต็มแรง มันเจ็บ คนไม่เคยต้องมาโดนนิ้วใหญ่ของผู้ชายกดเข้ามาทีเดียวมันเจ็บมาก ๆ นะคะ
พอฉันร้องแบบนั้นคนเมาก็เหมือนจะรับรู้ได้เพราะเขาหยุดขยับนิ้วแล้วแช่มันไว้แบบนั้นก่อนที่จะใช้ลิ้นของเขาปลุกเร้าอารมณ์ฉันแทน
“ซี๊ด~ คุณคริช อื้อ~” ฉันเริ่มเสียวซ่านอีกครั้ง ความเจ็บที่โดนนิ้วของเขามันลดลงจนฉันเริ่มขยับสะโพกเพื่อบรรเทาความเสียว
คุณคริชเริ่มขยับนิ้วมือและมันก็ทำให้ฉันเสียวจนใจแทบขาด จากที่ขยับสะโพกเบา ๆ กลับกลายเป็นว่าฉันยกสะโพกขึ้นรับจังหวะการขยับนิ้วของเขาซะอย่างนั้น
“คุณคริช นับจะ อ๊ะ อ๊ะ! ไม่ไหวแล้ว อื้อ~” ฉันโดนคุณคริชรัวนิ้วและลิ้นใส่ไม่นานก็รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจ ยิ่งครางดังเขาก็ยิ่งรัวนิ้วและลิ้นไม่ยั้งจนกระทั่งตัวฉันกระตุก รู้สึกได้ว่าในร่องรักของฉันมันตอดรัดนิ้วของเขาถี่รัวแล้วสมองฉันก็ขาวโพลนไปหมด
แผล็บ~
“อื้ม~ หวาน~” คุณคริชค่อย ๆ ถอดนิ้วของเขาออกแล้วก็เอาลิ้นมาเลียที่น้องสาวของฉันmeฉันกระตุกแล้วเด้งสะโพกเข้าหาเขาเป็นจังหวะเพราะความเสียวอีกครั้ง
“พะ พอแล้วค่ะ” ฉันร้องห้ามเสียงแผ่วพร้อมกับหายใจหอบถี่เหมือนคนที่เพิ่งไปวิ่งมาราธอนมา พอเสร็จแล้วสติก็กลับมา ฉันเป็นบ้าอะไรเนี่ย ฉันเพิ่งปล่อยให้คุณคริช...
-///-
น่าอายเป็นบ้าเลยนับเงิน
คุณคริชยอมผละออกจากตรงนั้นของฉัน ฉันรับหันหน้าหลบไปอีกทางเพราะไม่กล้าสู้หน้าเขา ถึงเขาจะเมาแต่มันก็หน้าอายมากไม่ใช่รึไงคะ เรารู้จักกันอย่างผิวเผินเองนะแต่ฉันกลับให้เขามาถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ นึกแล้วก็โกรธตัวเองเหมือนกัน
นับจากวันนี้ฉันไม่กล้ามองหน้าเขาแล้ว แม้แต่แอบมองก็ไม่รู้ว่าจะกล้ารึเปล่า
เตียงมันยวบนิดหน่อย และฉันก็เห็นจากหางตาว่าเขากำลังขยับตัวหยุกหยิก
“นับเงิน~” คุณคริชขยับตัวเป็นนั่งคุกเข่าแล้วก็เรียกชื่อฉันพร้อมกับเอามือจับที่ขาสองข้างของฉันแล้วเขาก็ดึงให้มันแยกออกจากกัน
“คุณคริช! จะทำอะไร!” ฉันตกใจที่เขาแทรกตัวเข้ามา อย่าบอกนะว่าจะทำแบบเมื่อกี้อีก ครั้งนี้ฉันไม่ยอมแน่!
“มันตื่น~” คุณคริชปรือตามองฉันตาเยิ้มพร้อมกับเอาลิ้นเลียริมฝีปากเบา ๆ ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงมาไซร้คอฉัน แต่เมื่อกี้เขาหมายความว่ายังไง อะไรตื่น?
“คุณคริช ไม่เอา อย่าทำอีกนะ!” ฉันเอากำปั้นทุบหลังเขาเต็มแรงเพื่อให้เขาหยุด ถึงจะภายนอกแต่ไม่เอาอีกแล้ว ครั้งเดียวก็เกินพอ
“อืม~ มันตื่นได้ไงไม่รู้นับเงิน~” คุณคริชไม่ได้สนใจกำปั้นของฉันที่กระหน่ำทุบลงที่หลังเขาแต่เขาพูดเสียงอู้อี้อยู่ข้างหูฉันจากนั้นเขาก็เอามือไปยุ่มย่ามที่น้องสาวของฉันแค่แป๊บเดียวเท่านั้นแล้วฉันก็รู้สึกเหมือนจะขาดใจตายในเวลาต่อมา
“อืม~ ขอนะนับเงิน~”
สวบ!
“อ๊ะ! กรี๊ด!!! เจ็บ! ฮื่อ ๆๆๆ เจ็บ ฉันเจ็บ!” ฉันร้องออกมาเสียงดัง ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันดังลั่นมากแค่ไหนรู้แค่ร้องเท่าไหร่ก็ไม่สามารถที่จะบรรเทาความเจ็บปวดของร่างกายในตอนนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
“โอ้ว~ นับเงิน~ ซี๊ด~ อย่าดิ้นเมียจ๋า~ อ่าส์~”
“อืม~ ฮ้าว~” กี่โมงแล้ววะ เมื่อยตัวฉิบ ปวดหลังปวดเอวไปหมด เมื่อคืนไม่น่าเมาหนักเลยไอ้คริชหมับ~“หือ?” ผมค่อย ๆ ดึงสติและหัวที่หนักอึ้งจากอาการแฮงค์เหล้าให้มันทำงาน ห้องมืดสนิทจนไม่รู้เวลาข้างนอกแต่ผมสัมผัสได้ว่าผมนอนกอดใครบางคนอยู่ ตัวโคตรนุ่ม ผิวโคตรเนียน ที่สำคัญ...หอมกูลากผู้หญิงมานอนกอดเหรอวะ หวังว่าเมื่อคืนผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้พยายามปลุกน้องชายผมตอนเมาหรอกนะครับไม่งั้นเธอรู้ความจริงแน่ กิติศัพท์เรื่องบนเตียงของผมยิ่งเลื่องชื่อ ถ้าเธอเอาไปพูดว่าผมไม่ขันตอนเมาผมคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน“ตัวหอมจังวะ” ผมลูบผิวเธอคนนั้นแล้วก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ อยากเห็นหน้าแล้วครับ มากกว่านั้นคืออยากปลุกเธอมาคุยว่าเมื่อคืนพยายามทำอะไรผมรึเปล่าถ้าเธอรู้เรื่องหวังว่าเงินคงจะปิดปากเธอได้ผมเอื้อมมือไปกดสวิตซ์ไฟที่หัวเตียงแล้วพอหันมามองคนที่นอนข้าง ๆ ผมก็...แทบช็อก“เฮ๊ย!” นับเงิน...นับเงินมานอนกับผมได้ยังไง“อื้อ~ อ๊ะ!” เธอครางออกมาเหมือนอารมณ์เสียที่โดนรบกวนเวลานอนแล้วก็ขยับร่างกายพร้อมอุทานและขมวดคิ้วเบา ๆ“นับเงิน ตื่น เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ผมเขย่าแขนเธอเพื่อปลุก แม่งเอ๊ยอุตส่าห์จะไม่ยุ่งกับเธอ
ชีวิตบัดซบ!มีใครรันทด ดวงตก เทวดาไม่รักหนักเท่าฉันบ้างไหม? คงมีสินะคะ บนโลกนี้มีคนเป็นล้านคนฉันก็แค่คนหนึ่ง แค่ชีวิตเล็กๆ ที่ต้องเจอบททดสอบของชีวิตใช่ไหม“ฮึก! ฮื่อ~” ฉันนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ในห้องนอนเล็กๆ ของตัวเอง ฉันเกลียดการร้องไห้ ฉันไม่ชอบการร้องไห้ที่สุด เพราะไม่ว่าฉันจะร้องด้วยความเจ็บปวดเสียใจแค่ไหน ร้องเป็นชั่วโมงหรือร้องทั้งวัน สุดท้ายก็มีแค่ฉันที่ต้องปลอบใจตัวเอง...สุดท้ายก็มีแค่สองมือของฉันที่ต้องเช็ดน้ำตาของตัวเอง“อีนับโว้ย! มึงไม่ไปทำงานทำการรึไงฮะ 2 ทุ่มแล้วนะ ถ้าไม่ไปทำก็เชิญเสด็จออกมาช่วยกูทำงานหน่อยเถอะอีคุณนาย! ว่างก็มาช่วยงานบ้านกูบ้าง!” เสียงคนที่ดังอยู่หน้าห้องทำให้ฉันต้องกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ ให้ทำงานบ้านอะไรตอน 2 ทุ่มกัน ถ้าไม่ใช่มาเรียกให้ฉันทำกับแกล้มไปให้วงไพ่ของแก“นับกำลังจะไปทำงานป้า” ฉันตะโกนตอบไปด้วยเสียงที่พยายามให้มันปกติ ป้าจันทร์ไม่ใช่คนที่จะหวังดีกับฉันมาแต่ไหนแต่ไร เพราะฉะนั้นฉันไม่ควรที่จะให้ป้าจันทร์รู้ว่าฉันร้องไห้ ไม่งั้นคงได้ตีความว่าฉันร้องไห้เพราะโดนผู้ชายทิ้งโดยที่ยังไม่ได้ถามความจริงจากปากฉัน ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะนะฉันฝืนตัว
ตอนนี้นับเงินเด็กนักศึกษาปี 3 มหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่งได้พาตัวเองในชุดนักศึกษาปกติบ้าน ๆ เสื้อพอดีตัวกับกระโปรงทรงเอยาวระดับเข่าและคัทชูสีดำมาหยุดอยู่หน้าตึกสำนักงานใหญ่ของโรงแรมหรูที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ ยืนตรงนี้ฉันเหมือนมดตัวเล็กกระจี๊ดริ๊ดไม่มีผิด“เฮ้อ! ใครจะบ้าให้เด็กนักศึกษาเข้าไปสัมภาษณ์แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยวะ” ฉันถอนหายใจออกมา ความหวังริบหรี่ค่ะ ถึงจะรู้ว่าต้องมาสัมภาษณ์ใครแต่ความตื่นเต้นตรงนั้นมันหายไปแล้วเพราะรู้ดีว่าการเข้าไปขอสัมภาษณ์มันยากกว่า“ติดต่ออะไรคะ” เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ด้านหน้าถามฉันด้วยรอยยิ้ม สูดลมหายใจเข้าลึกๆ นับเงิน“สวัสดีค่ะ คือหนู...” ฉันแจ้งรายละเอียดให้พี่ประชาสัมพันธ์คนสวยฟังซึ่งมันดีมากที่พี่เขารับฟังฉันด้วยรอยยิ้ม ไม่มีอาการเหวี่ยงเพราะฉันไม่ใช่ลูกค้าของบริษัท“พี่ไม่แน่ใจนะคะว่าท่านประธานจะสะดวกให้สัมภาษณ์รึเปล่า” พี่เขาตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่แสดงความเห็นใจ หนูรู้ค่ะพี่ หนูรู้อยู่แล้ว“หนูรู้ค่ะพี่ อาจารย์โยนงานยากให้จริง ๆ ค่ะ” ฉันบอกพี่เขาด้วยน้ำเสียงเศร้า เอา F หรือ D ไปกินเถอะนะนับเงิน“แต่ยังไงน้องลองขึ้นไปยื่นเอกสารที่เลขาท่านประธานก่อนเนอ
ฉันมานั่งรอที่โซฟาตัวเดิมตั้งแต่ 7 โมงครึ่งตอนนี้บ่าย 2 ฉันยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าของบริษัทที่เป็นคนพูดเองว่าให้มาแต่เช้า ไม่มีแม้แต่เงา มีแต่กรุ่นไอนางมารร้ายที่ลุกโชนออกมาจากตัวยัยเจ้เลขาเนี่ย“กลับได้แล้วมั้ง!” เสียงนางดังลอย ๆ กระแทกใส่ ซึ่งฉันก็ไม่ได้หันไปสนใจหรอกค่ะ ว่าจะกลับอยู่เหมือนกัน แล้วพรุ่งนี้ก็จะไปพบอาจารย์แล้วก็บอกไปซะว่ามานั่งรอตามที่เขานัดแต่เขาไม่มาให้สัมภาษณ์ แค่นี้ก็มีเหตุผลให้เปลี่ยนคนสัมภาษณ์แล้วแต่เสียงของยัยเจ้เลขามันดังกระทบประสาทมาขัดจังหวะก็เลยยังไม่ไปดีกว่า ขอนั่งกวนอารมณ์นางต่อสัก 10-20 นาทีแล้วกัน“ท่านประธาน มาแล้วเหรอคะ” เสียงยัยเลขาที่เสียงอ่อนเสียงหวานดังขึ้นทำให้สันหลังฉันรู้สึกเย็นวาบขึ้นมา“ครับ บอกเขาตามผมเข้าไปได้เลยนะ” ผู้ชายคนนั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มแล้วก็เดินเข้าไปในห้องทำงาน บอกเขาตามผมเข้าไปได้เลยนะ ชิส์ นั่งอยู่ตรงนี้เรียกเองไม่เป็นรึไง“นี่เธอ” เสียงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นส้นตีนเชียวนะยัยเลขา ฉันก็เลยหันไปพูดกับนาง“ไม่ต้องบอกค่ะ ได้ยิน” พูดจบฉันก็เดินไปที่ประตูแล้วก็ผลักมันเข้าไปในทันที ไม่ต้องหวั่นอะไรหรอกนับเงินกับคนชั่วในห้องนี้ ร
“นับเงินอยู่เฉย ๆ” ผมบอกยัยขี้เมาที่ผลักมือผมที่กำลังเช็ดหน้าให้เธอเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ดิ้นจังวะ“อื้อ! มันเย็น~” เสียงคนเมาครางตอบในลำคอผมเลยทำได้แค่ยิ้มให้กับความงอแงของเธอแล้วก็เปลี่ยนเป็นเช็ดตามคอให้แทน“ปวดฉี่~” หือ? ปวดฉี่เหรอ“เดี๋ยวพี่พาไป” ผมบอกเธอแล้วก็อุ้มนับเงินขึ้นแนบอกเพื่อพาไปห้องน้ำ ผู้หญิงคนแรกแล้วก็คนเดียวเลยนะครับที่ผมยอมดูแลแบบนี้ แต่ผมทำเขาไว้เยอะดูแลแค่นี้อาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ“ถอดกางเกงไหวไหมครับ” ผมวางนับเงินให้ยืนข้างชักโครก ถามไปก็ภาวนาให้เธอทำเองได้เถอะเพราะผมไม่อยากเห็นของดีในตอนนี้ไม่งั้นสติผมคงกระเจิงแน่“หึ~ ถอดให้หน่อย~” นับเงินส่ายหน้าแล้วก็เอามือมากอดเอวผมไว้เหมือนจะล้ม ถ้าเป็นเวลาปกติผมก็คงดีใจเนื้อเต้นแล้วเพราะถอดเสื้อผ้าผู้หญิงมันงานถนัด แต่ต้องไม่ใช่ในเวลาที่ผมเห็นแล้วทำอะไรไม่ได้แบบนี้สิวะ“เร็ว~ ฉี่จะราด~” นับเงินยืนบิดเหมือนจะทนไม่ไหวผมเลยต้องกลั้นใจถอดกางเกงให้เธอ เอาวะถ้ามันตื่นก็ใช้มือไปก่อนแล้วกันไอ้คริช แต่สิ่งหนึ่งที่ผมต้องจำไว้ให้ขึ้นใจเลยก็คือ อย่าปล่อยให้นับเงินไปกินเหล้าจนเมาอีกเป็นอันขาด เมาแล้วไม่มีสติ ดูสิครับขนาดจำไม่ได้ว
“คุณเชื่อทุกคำพูดของฉันแค่เพราะฉันเมา แต่คุณกลับไม่แม้แต่จะฟังฉันในเวลาที่ฉันมีสติครบถ้วนเหรอคะ คุณเห็นฉันเป็นคนแบบไหนกัน?”“นับเงิน...”“ฉันก็มีศักดิ์ศรีมีความเป็นคนเหมือนกันนะคุณ ฉันไม่ต้องการความรับผิดชอบที่เกิดจากความเมาหรอก คุณเก็บมันไว้เถอะ ฉันผ่านเรื่องบัดซบนั่นมาจนใช้ชีวิตปกติได้แล้ว คุณไม่ต้องมารู้สึกผิดหรือสงสารฉัน...ฉันไม่ต้องการ”คำพูดของนับเงินทำให้ผมนิ่งเงียบไป ผมรู้สึกจุกอยู่ข้างใน มันก็จริงอย่างที่เธอว่า วันนั้นเราตื่นมาด้วยสภาพดูไม่จืดทั้งคู่แต่ผมกลับไม่ฟังคำพูดของเธอ ผมเอาแต่เชื่อในความคิดของตัวเองจนเผลอดูถูกเธอไปตั้งเยอะ“นอนก่อนไหม” ผมมองตามนับเงินที่ลุกขึ้นยืนแล้วก็ถามบ้าอะไรออกไปก็ไม่รู้ เหมือนคนที่อยากพูดแต่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรทำให้นับเงินใช้หางตามองผมด้วยความไม่พอใจ“เสื้อผ้าฉันล่ะ” เธอถามผมด้วยเสียงเย็นชา สรุปคือไม่นอนต่อสินะ ไอ้ห่าคริชมึงก็ควายไปถามแบบนั้นใครจะนอนต่อบนเตียงของคนที่เปิดซิงเขาแต่หาว่าเขาโกหกเพื่อจับมึงลง“อยู่ในตะกร้า ใส่ชุดพี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปซื้อชุดใหม่มาให้” ผมรีบบอกเธอแล้วก็ลุกจากเตียง รีบไปหาชุดใหม่ให้นับเงินก่อนเผื่อจะพอมีความดีขึ้นมาบ
“ไม่หิวข้าวเหรอครับ ไปกินข้าวก่อนค่อยเข้าบ้านดีไหม” ผมชะลอรถแล้วหันไปถามคนข้าง ๆ ด้วยความเป็นห่วงเพราะมันเลยเวลามื้อเช้าจนจะถึงเวลามื้อเที่ยงอยู่แล้ว“ไม่ค่ะ” น้ำเสียงไร้อารมณ์ตอบผมมาอย่างไร้เยื่อใย ถามคำตอบคำยังใช้ไม่ได้กับนับเงินเลยครับ ใช้คำว่าถามห้าคำตอบหนึ่งวลีน่าจะเหมาะกว่า“แต่เรายังไม่ได้กินข้าวกันเลยนะไปหาร้านแถวนี้กินก่อนไหม ร้านข้างหน้าก็ได้ท่าทางน่าอร่อย” ผมพยายามชวนต่อ ผมเชื่อว่าเธอก็คงหิวไม่ต่างกัน เผื่อว่าความหิวจะทำให้เธอเคลิ้มตามยอมไปกินข้าวกับผมก่อน“จอดค่ะถึงแล้ว” นับเงินไม่ตกลงและไม่ปฏิเสธแต่ตัดบทแทนผมเลยไม่กล้าเซ้าซี้ต่อต้องยอมทำตามความต้องการของเธอผมมองตามหลังนับเงินที่เดินเข้าไปในซอยเพราะหลังจากที่เห็นนับเงินร้องไห้อ้อนวอนอย่างน่าสงสารแบบนั้นผมก็ไม่อยากเห็นน้ำตาของเธออีก ยิ่งเป็นน้ำตาที่ผมเป็นต้นเหตุยิ่งไม่อยากเห็นเลยรีบหาเสื้อผ้ามาให้เธอแล้วก็พาเธอมาส่งถึงหน้าปากซอยตามที่เธอต้องการแต่ผมไม่ได้ล้มเลิกความต้องการหรอกนะครับแค่ขอตั้งหลักก่อน ผมคงรุกเร็วเกินไปเพราะทำระยำกับเธอมาหนักเหมือนกัน แบบนี้ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนจะบ้ามาเริ่มต้นใหม่กับผมวะดีแล้วล่ะครับที่นับเงิ
นับเงินรินเหล้าให้ผมถี่มากและผมเองก็ต้องกระดกถี่มากเช่นกัน เพราะพอรินเสร็จเธอก็ทำท่าจะเดินหนีอยู่ตลอดเวลาผมเลยต้องยกแก้วกระดกแล้วก็วางให้เธอรินใหม่ให้เร็วกว่าขาที่จะก้าวหนี พนักงานที่นี่ทำงานได้น่าฟ้องให้เจ้าของผับไล่ออกจริง ๆ เลยว่ะ กดดันลูกค้าให้กินเหล้าฉิบหาย ผ่านมาแค่ 5 นาทีเหล้าผมหายไปครึ่งขวดแล้ว“รินช้า ๆ ได้ไหมนับเงิน” ผมบอกนับเงินที่ยกขวดรินเหล้าด้วยความเร็ว 0.001 วินาทีแล้วก็วางมันลงตรงหน้าผมแต่เธอแค่ปรายตามองผมแล้วก็จะเดินหนีอีกครั้ง“ถ้าไม่ไหวก็ดื่มช้า ๆ สิคะ นี่ค่ะ ฉันขอตัวไปเสิร์ฟลูกค้าโต๊ะอื่นนะคะ” นับเงินบอกผมแล้วยื่นแก้วเหล้าที่มีเหล้าเต็มแก้วมาให้ เต็มจนล้นกระฉอกออกมาแล้ว พนักงานเสิร์ฟที่ไหนเขารินเหล้าเพียวเต็มแก้วกันวะ“รินอะไรเต็มแก้วขนาดนี้นับเงิน” ผมถามคนตรงหน้าที่ยืนทำหน้ารำคาญผมได้น่าจับกดเป็นบ้าเลย“รินให้เต็มแก้วลูกค้าจะได้ดื่มนาน ๆ ไงคะ ขอตัวนะคะคุณลูกค้า” เธอพูดจบก็หันหลังจะเดินหนีแต่เวลานี้ผมงี่เง่าได้มากกว่าที่เธอคิดอีก“น้อง! รินเหล้าให้พี่หน่อย” ผมตะโกนเรียกนับเงินเสียงดังทำให้เธอหยุดขยับแล้วผมก็เห็นว่าเธอถอนหายใจออกมาเต็มแรง“...” นับเงินหันมามองหน้าผ
“ว่าไงครับ แต่งงานกับพี่ได้ไหม เราแต่งงานกันนะ” พี่คริชกอดฉันพร้อมกับจูบที่ผมแล้วก็พูดออกมา น้ำเสียงของเขามันมีแต่ความอบอุ่น ฉันอุ่นใจทุกครั้งที่ได้ยิน เฮียเร่งให้ตอบน้องก็อยากตอบ อยากตอบตั้งแต่เฮียพูดคำแรกแล้วแต่มันมัวแต่ตะลึงตื่นเต้นดีใจร้องไห้น้ำตาไหลพรากเลยไม่ทันได้ตอบไงคะ“แต่งค่ะ นับจะแต่งงานกับพี่คริช” ฉันตอบชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าชีวิตโชคดีเท่ากับการได้มีเขาคนนี้เข้ามาในชีวิตอีกแล้ว“ถ้างั้นก็มาปั๊มน้องรอเลยไหม~”“พี่คริช! หวานเกิน 10 นาทีก็ได้นะคะ” ฉันผละออกแล้วก็ตีเข้าที่แขนล่ำ ๆ ของพี่คริชด้วยความหมั่นไส้ เพิ่งตกลงก็จะชวนปั๊มลูกแล้ว ไม่เห็นใจจิตใจที่อ่อนไหวของฉันเลย“ฮ่า ๆๆ ไม่ปั๊มก็ได้ครับ ไม่อยากให้เมียกับลูกโดนคนนินทาเหมือนกัน ทำให้คนอื่นอิจฉาหนูที่มีสามีโคตรดีดีกว่า”“ขอบคุณนะคะ”“ขอบคุณเหมือนกันครับที่รักพี่” พี่คริชส่งยิ้มมาให้แล้วก็เอามือปัดปอยผมไปทัดหูให้ช้าๆ หล่อ~ มองยังไงก็หล่อทั้งกายและใจ“ขอบคุณนับทำไมคะ มีแต่นับสิคะที่ต้องขอบคุณ ขอบคุณที่ให้อภัยนับ ขอบคุณที่ถึงนับจะทำตัวไม่น่ารักแค่ไหนแต่พี่คริชก็ไม่เคยทิ้งนับไปไหนเลย”“พี่ทำผิดกับหนูก่อนจำไ
เมียผมเป็นตัวร้าย! นอกจากความคิดความอ่านจะเริ่มเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาแล้วสกิลการยั่วยังก้าวกระโดด ตอนแรกที่ก้มหน้าลงมาจูบผมก็ไม่ได้ว่าหรอกนะครับ อยากจูบแฟนอยู่เหมือนกัน แต่ใครจะคิดว่าจะกล้าขนาดล้วงเข้าไปจับลูกชายของผมคลึงเล่นขนาดนั้น พอห้ามเหมือนทุกครั้งก็นึกว่าจะฟัง ที่ไหนได้ดันเอานมมายัดปากแทน แล้วผมจะปฏิเสธการดื่มนมก่อนนอนได้เหรอครับในเมื่อมันเข้าปากไปแล้ว เวลานี้สภาพสุดที่รักของผมก็เลยเละ ไม่ได้เละแค่เธอแต่หมายถึงผมด้วย ห่างหายการมีเซ็กส์ไปตั้งหลายเดือนมีแต่แม่นางทั้ง 5 ที่คอยช่วยพอไอ้นกเขาลูกรักได้กลับไปหาแม่มัน มันก็เลยคึกทั้งคืน กว่าจะสงบก็ปาไปเกือบสว่างยิ่งรักมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งแสดงออกไปเท่านั้น ใส่ไม่ยั้งไม่มีออมแรง เดี๋ยวน้องหาว่าผมรักน้อยลง อีกอย่างก็คือเอาให้สมกับที่กล้ามายั่วแล้วก็รุกผมก่อนซะหน่อยจุ๊บ!“อื้อ~ อย่าเพิ่งกวนค่ะ” ผมก้มลงไปจูบไหล่เนียนที่โผล่พ้นผ้าห่มออกม แล้วก็ไล้จมูกตามไหล่ขึ้นไปหาต้นคอขาว ๆ แต่นับเงินกลับเอามือมาผลักหัวผมออก ยัยขี้เซาตัวแสบ“กล้าผลักหัวพี่เหรอ หืม~” ผมกระซิบถามข้างหู โคตรมันเขี้ยวเธอเลย ผู้หญิงบ้าอะไรวะสวยฉิบหาย ไม่ต้องแต่งหน้าก็หลงหัวปักหัวปำ
Line...แก๊งนางฟ้ากับเมียมโนMilan : พี่คริชทำแสบ!Mintra : ใช่ ใช่ไหม?Milan : ชัวร์! ไอ้บ้าแอลบอกมาWahn-Wahn : ฮือ~ หวานโดนคุณพอร์ชบ่นหูชา ยังบ่นไม่จบแต่หวานแกล้งปวดอึ๊วิ่งเข้าห้องน้ำก่อน T_TKaNom : พี่คริช! น้องนับแฟนหนูขี้ฟ้อง!Milan : คราวหลังนับเงินต้องหัดโกหกเฮียเขาบ้างนะลูก!!!!!Manny : เกิดอะไรขึ้นคะชะนี ผัวรู้ผัวเห็นแล้ว?Nub-nuB : ฮือ~ หนูผิดเอง ขอโทษนะคะแต่อย่าด่าเฮียเลย เฮียแค่ไม่อยากให้หนูไปManny : โอ๊ย สรุปชะนีอดทุกนางเพราะผัวรู้ทันแล้ว ลำไยพวกมีผัวหล่อ!Nub-nuB : คุณแม่อย่าว่าพี่คริชนะคะ ผิดที่หนูอ้อนไม่เก่งเอง T_TManny : ปกป้องผัวมากค่าMintra : สุดฤทธิ์ค่ะบอกเลย อิอิMilan : เป็นคนแรกในแก๊งที่ไม่โขกสับพ่อบ้านWahn-Wahn : เด็กดีของเฮียคริช ทีหลังอย่ารายงานทุกเรื่องนะลูกพี่หวานขอร้อง~KaNom : โกรธพี่คริชมากตอนนี้ อุตส่าห์หลอกพี่วินได้ T_TNub-nuB : ฮือ~ หนูผิดเอง อย่าว่าพี่คริช หนูรักของหนู หนูไม่อยากโกหกเฮีย หนูขอโทษนะคะกลุ่มไลน์ร้อนเป็นไฟเพราะความหวังดีของเฮียที่กลัวน้องจะอดไปนั่งเม้าท์กับเจ้ ๆ อยู่คนเดียวเลยทำให้พวกอาเฮียหนุ่มหล่อที่เหลือรู้ทันแผนของบรรดาเมีย จั
ชีวิตนับเงินหลังจากโดนแทงจนต้องไปนอนแอ้งแม้งในโรงพยาบาลก็จะงง ๆ หน่อยนะคะ โดนลดสถานะก็เลยวางตัวไม่ถูก ไม่ได้วางตัวลำบากกับเฮียนะคะ แต่มันยังงง ๆ ว่าต้องวางตัวแบบไหน นี่ก็ผ่านมา 1 เดือน หมดเวลาพักฟื้นและย้ายจากบ้านพี่คริชมาอยู่ที่คอนโดแล้วเพราะต้องกลับไปฝึกงานฉันกลับมาอยู่ที่คอนโดเหมือนเดิมค่ะ นอนห้องเดิมที่แตกต่างไปจากเดิมก็คือพี่คริชย้ายไปนอนอีกห้อง ตอนที่พักฟื้นที่บ้านใหญ่พี่คริชก็ไปนอนเฝ้า นอนที่โซฟาในห้องเขานั่นแหละ คนอะไรบทจะใจแข็งก็หักดิบได้สุด ๆ ไปเลย จากที่เคยหื่นตลอดเวลากลับกลายเป็นเหมือนคนตายด้านพี่คริชทำมากที่สุดแค่กอด หอม จุ๊บแก้ม จุ๊บปาก แต่ถ้าน้องนับเงินคนนี้เกิดคิดใจกล้าบ้าบิ่นจะไปจูบปากนุ่ม ๆ ของเฮียก็จะโดนมือผลักหัวให้ไสหัวไปไกล ๆ ในทันที รู้สึกวางตัวลำบากกับเรื่องนี้มาก ๆ อยากจูบ อยากนอนกอดแต่เฮียไม่อนุญาต T_T“อ้าว! ยังไม่นอนอีกเหรอครับ” พี่คริชเปิดประตูออกมาจากห้องนอนด้วยสภาพกางเกงนอนขายาว และอกแกร่งที่เปลือยเปล่าแถมผมที่เพิ่งสระมันเปียกหมาด ๆ ยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่ให้เฮียเป็นล้านเท่าตัว“ออกมาดื่มน้ำค่ะ พี่คริชล่ะคะ” ฉันตอบพี่คริชแล้วก็พยายามไม่มองไปที่หุ่นทรมานใจ
“ร้องไห้ทำไมเจ็บแผลเหรอครับ หรือว่าเสียใจเรื่องไอ้อาร์ต”“...เปล่าค่ะ แค่เจ็บแผล” พอเห็นความเย็นชาจากพี่คริชนับเงินคนนี้ก็เลยต้องรีบเช็ดน้ำตาป้อย ๆ แล้วก็รีบตอบอย่างรวดเร็ว“ให้เรียกหมอให้ไหม” พี่คริชเดินมาหยุดที่ข้างเตียงแล้วก็มองหน้าฉันแบบที่ไม่หลงเหลืออารมณ์พิศวาสใด ๆ ในสายตา ขอพับเก็บการขอโอกาสจากเฮียเลยแล้วกันนะคะเพราะดูทรงเฮียคงไม่มีอารมณ์มาฟังนับเงินอ้อนวอนขอโอกาสหรอก“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหมอก็ให้ยาแก้ปวดหลังอาหาร” ฉันตอบพี่คริชแล้วก็ส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้ ไม่รู้จะวางตัวยังไง อยู่ในสถานะแฟนเก่าที่อยากกระโดดกอดเฮีย อยากกอด อยากจุ๊บแต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ขนาดจะมองหน้าสบตาที่คุ้นเคยยังไม่กล้าเลย...“ครับ จะกินข้าวเลยไหม คุณแม่ให้คนทำอาหารมาให้ ขนมไปบ่นว่าอาหารโรงพยาบาลไม่น่ากิน เมื่อกี้เขาเอาอาหารมาเสิร์ฟพอดีแต่พี่ให้เอากลับไปแล้วล่ะ” พี่คริชถามฉันแล้วก็หันหลังเดินไปตรงเค้าเตอร์ก่อนที่จะหยิบกล่องอาหารออกมา“ค่ะ ทานเลยก็ได้ค่ะ” ฉันพยักหน้าอย่างว่าง่าย เลิกดื้อไปเลยค่ะ ไม่เอาแล้วจริง ๆ เข็ด ถึงเขาจะไม่รักแล้วก็จะเลิกดื้อ จะเปลี่ยนนิสัยของตัวเองฉันนั่งกินอาหารที่มาจากบ้านพี่คริชเงียบ ๆ
“ไหนมาคะอีแมนนี่”“ไปจัดการอีเกย์ไร้คุณธรรมนำจิตใจมาค่ะ อีอาร์ตี้นั่นแหละกูจัดหนักให้แล้ว”“อีแมน! มึงไปทะลวงมาเหรอ”“แมนนี่ค่ะอีมิ! อีผี! แล้วใครว่ากูจะไปทะลวงมัน กูสาวรับค่ะ! หรือต่อให้กูรุกกูก็ไม่เอาเวอร์จิ้นของกูไปเปื้อนราคีมันหรอก!” สวัสดีค่ะลูกสาวทุกคน นี่คุณแม่เองค่ะ คุณแม่แมนนี่คนดีหน้าหล่อหุ่นแมนแต่ใจเป็นหญิง หญิงทั้งสี่ห้องหัวใจเองค่ะลูกสาว“แล้วมึงไปจัดการมันยังไง” อีมิลานคนดี อีชะนีที่ปากหมาที่สุดในกลุ่มถามขึ้นอีกครั้ง แต่นังลูกสาวที่เหลือก็ทำหน้าเหมือนว่าเปิดต่อมรับรู้ทุกอณูในร่างกายเอาไว้แล้ว ยกเว้นลูกนับคนงามของคุณแม่ที่นอนแอ้งแม้งไม่ยอมตื่นคนเดียวที่ดูจะไม่อยากรู้อยากเห็นกับเรื่องนี้“ที่จริงกูไม่ได้ไปจัดการหรอกแค่ไปแอบดูพี่คริชจัดการ สยองมากค่ะกูบอกเลย” คุณแม่ตอบยัยพวกชะนีน้อยแล้วก็ทำหน้าผะอืดผะอม คิดแล้วสยองไม่หาย“ยังไงคะพี่แมนนี่” ยัยลูกหวานคนสวยชะโงกหน้ามาถามก่อนใคร“ก็เริ่มจากไปพลิกฟ้าตามจิกหัวมันมาภายในเวลาแค่ 3 ชั่วโมง แล้วก็จับมันขึง 4 มุมเมือง เสร็จแล้วก็กรอกยาปลุกเซ็กส์ชนิดต้องการมีผัว 10 คนใน 5 นาทีให้มัน แล้วก็ปล่อยมันมันทุรนทุรายร้องโหยหวนต้องการราคะตั้ง
“ทำไมคุณคริชถึงมาส่งนับ”“คะ? อะไรนะคะ”“จะถามซ้ำทำไมในเมื่อได้ยินชัด! ทำไมคุณคริชถึงมาส่งนับ!”“พี่อาร์ตเป็นอะไร ออกไปนะคะ”“ตอบสิ! เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วเขามาส่งนับทำไม อยากให้พี่คลั่งใช่ไหม!”“พี่อาร์ต...พี่อาร์ตอย่า! กรี๊ด!!!”ฉันกรี๊ดออกมาลั่นบ้านเพราะพี่อาร์ตตรงเข้ามากระชากแขนฉันเต็มแรง“พี่อาร์ตจะทำอะไรคะ” ฉันถามด้วยความกลัวลนลานไปหมดเพราะไม่รู้ว่าพี่อาร์ตต้องการกันแน่“ไปยุ่งวุ่นวายกับคุณคริชอีกทำไม เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ! แล้วจะไปวุ่นวายกับเขาอีกทำไม!”“พี่อาร์ตปล่อย!” ฉันไม่ตอบคำถามเพราะมันไม่ใช่เรื่องของพี่อาร์ตสักหน่อย ตอนนี้ฉันโกรธมากกว่าที่เขาเข้ามาอาละวาดฟาดงวงฟาดงาใส่ฉันเพี๊ยะ!“...พี่อาร์ต~” ฉันโดนพี่อาร์ตตบจนล้มลงไปกองที่พื้น ฉันหันกลับไปมองพี่อาร์ตช้า ๆ ทั้งงงทั้งกลัวไปหมดแล้ว“พี่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าพี่พลาดโอกาสจากความรักมาแล้วครั้งหนึ่งแล้วพี่ก็จะไม่ยอมพลาดอีกครั้ง!” ไม่ใช่การหึงฉันแน่นอน ไม่มีทาง ฉันมั่นใจว่าพี่อาร์ตไม่ได้คิดเกินเลยกับฉัน ไม่อย่างนั้นพี่เขาไม่หายไปเลยตอนที่ฉันโสดหรอก นอกซะจาก...“พี่อาร์ตชอบพี่... / ไม่ได้ชอบแต่กูรัก!” ฉันยังถามไม่จบพี่อาร์ตก
“อย่าให้ผมเห็นพวกคุณสองคนมาทะเลาะกันที่บริษัทผมอีก ไม่งั้นผมจะแจ้งมหาลัยของพวกคุณแล้วส่งตัวกลับ!”ฉันยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเพราะไม่มีแรงจะทำอะไร ส่วนซิลเวียร์ก็รีบเผ่นไปตั้งแต่ที่พี่คริชพูดจบแล้ว“น้องนับ”“พี่ขนม...ฮึก” ฉันหันไปตามเสียงที่เรียกชื่อถึงได้เห็นว่าเป็นพี่ขนมที่ยืนมองฉันอยู่ พอเห็นพี่ขนมเท่านั้นฉันก็กลั้นสะอื้นเอาไว้ไม่อยู่“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” พี่ขนมรีบเดินเข้ามากอดฉันเอาไว้แล้วก็ปลอบพร้อมกับลูบหัวฉันไปด้วย มันเจ็บมากนะคะ เจ็บจนไม่รู้จะทำอะไรนอกจากกอดใครสักคนเอาไว้#NUB NGERN END#KRICHB TALKใครคิดว่าคนที่เย็นชาจะไม่เจ็บ ผมโคตรเจ็บเลยที่เห็นเธอโดนทำร้าย โคตรโกรธที่ซิลเวียร์กล้าทำร้ายคนดีของผม ยิ่งเห็นเลือดที่มุมปากผมยิ่งอยากเข้าไปกอดเธอให้แน่นที่สุดแล้วถามว่าเจ็บมากไหม ขอโทษที่ปล่อยให้คนอื่นกล้ามาทำร้ายเธอแบบนี้แต่จะให้ผมเสนอตัวไปทำแบบนั้นด้วยสถานะไหน?ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด“อืมว่าไง”(ไปผับไอ้ตินไหมเฮีย)“ไม่ว่ะ เหนื่อยวันนี้ประชุมทั้งวัน ไม่ต้องมากวนเฮียด้วยเฮียอยากนอน” ไอ้เควินโทรมาชวนผมให้ออกไปเปิดหูเปิดตาแบบนี้หลายครั้งแล้วแต่ผมไม่อยากไป บางครั้งพอผมปฏิเสธมันก็เป็นฝ่าย
“อย่าพูดเหมือนจะเลิกกับพี่นับเงิน”“พี่คริชก็น่าจะรู้ว่าที่นับพูดมามันหมายความว่ายังไง แต่ถ้าไม่อยากสรุปเอาเองก็ใช่ค่ะ เราเลิกกัน ถ้าโกรธจะฆ่านับให้ตายตอนนี้ก็ทำได้เลย แต่รู้เอาไว้นะคะไม่ว่าพี่คริชจะทำยังไงกับนับ นับก็ไม่มีวันกลับไป”ฉันพูดจบแววตาของพี่คริชก็ลดความแข็งกร้าวลงกลายเป็นสั่นไหว พร้อมกับความเจ็บปวดที่มันออกมาทางสายตานี่ฉัน...พูดบ้าอะไรออกไป“พี่คริช.../ หึ! ตลกว่ะนับเงิน” พี่คริชแค่นยิ้มออกมาก่อนที่จะมองฉันแค่เสี้ยววินาทีเดียวแล้วเขาก็หันหลังให้ฉันทันที“พี่คริช นับ... / พี่เคยบอกว่าจะไม่ปล่อยมือเราเด็ดขาด ยกเว้นเราจะเป็นคนปล่อยมือพี่เองนับเงิน” พี่คริชหยุดนิ่งตอนที่ฉันเรียกชื่อเขาอีกครั้งพร้อมกับคำพูดประโยคนี้ที่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดฉันไม่กล้าเรียกเขาอีกครั้งได้แต่มองเขาเดินออกไป ค่อย ๆ ไกลออกไปทีละนิด จนตอนนี้ฉันมองไม่เห็นเขาแล้วฉันทำอะไรลงไป ฉันปล่อยให้ความโกรธที่เขาหึงหวงฉันเพราะรักฉันมากมาเป็นต้นเหตุทำให้เราต้องเลิกกัน ทั้งที่พี่คริชพยายามบอกให้ฉันกลับห้องอยู่หลายครั้ง ความจริงถ้าฉันค่อย ๆ พยายามขอร้องเรียกสติพี่คริชให้เขาเย็นลงมันก็ทำได้ แต่ฉันกลับเลือกที่