Time & Lalin 1 - เกมล่าเหยื่อ
“ผู้หญิงคนนั้นตรงสเปกมึงหรือไง” เจย์เอ่ยถามเพื่อนชายที่เอาแต่จ้องมองยังหญิงสาวโต๊ะตรงข้ามไม่กะพริบตา
“ใช่ ตรงแบบ โดนใจกูมาก ๆ เลยละ” เสียงทุ้มตอบเพื่อนที่นั่งข้างกัน หากแต่สายตายังคงจับจ้องตาหวานที่มองมายังเขาไม่ละสายตา
เธอไม่หลบตาเขาสักนิด แถมยังจ้องกลับอย่างสู้สายตา
ไทม์ ยกยิ้มมุมปาก พร้อมกับส่งแววตาเจ้าเล่ห์
สองสายตาสบจ้องมองกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร ในแววตาของทั้งคู่ดูเหมือนกำลังต่างคนต่างเชิญชวน
“แล้วจะมัวรออะไรอยู่วะ เข้าไปทำความรู้จักเลยดิ” มาคัสเพื่อนร่วมโต๊ะอีกคนที่นั่งอยู่เอ่ยยุ
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนแสดงความต้องการกันและกันผ่านทางสายตาเสียขนาดนั้น จะมัวรั้งรออะไรอยู่อีก
“กูเข้าไปแน่ แต่รอ...ให้เธอสนุกให้เต็มที่กว่านี้ก่อน” มือแกร่งยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกดื่มรวดเดียวอย่างคนมีแผน
ก็เขามีแผนจริง ๆ แผนที่ว่าคือการรอให้เธอได้ดื่มเครื่องดื่มในมือให้มึนเมาไปมากกว่านี้ก่อน เพราะมันจะง่าย...ต่อการหลอกล่อเหยื่อให้มาติดกับ
“ไอ้นี่ มันรู้งานว่ะ” เจย์เอ่ยชมอย่างชอบใจในความคิดอันชาญฉลาดของเพื่อน
“แม่งแผนสูงใช้ได้ว่ะ” ไม่ต่างจากมาคัสที่คิดไม่ถึงกับแผนการแบบนี้ของเพื่อน เพราะหากเป็นเขาหรือเจย์ เมื่อเจอเหยื่อที่ถูกใจก็จะรีบเข้าไปหาทันทีโดยไม่ลังเล ซึ่งต่างจากเพื่อนชายอย่างไทม์ ที่นาน ๆ จะเจอคนที่ถูกใจอย่างเธอคนนี้ แต่เขาก็เลือกนั่งรออยู่ที่โต๊ะอย่างใจเย็น ได้แต่คอยจ้องมองเธอ คอยส่งสายตาให้กันไปเรื่อย ๆ เพราะมีแผนอันแยบยลอยู่
“ช้าไปเดี๋ยวมีหมาคาบไปแดกนะมึง” มาคัสเอ่ยเตือน เมื่อสังเกตเห็นว่าหนุ่ม ๆ ในผับต่างก็กำลังจับจ้องไปยังหญิงสาวที่เพื่อนหมายปองไว้เช่นกัน
แต่สิ่งที่เพื่อนสนิทเอ่ยเตือน ไม่อาจทำให้เขาหวั่นใจเลยสักนิด มือแกร่งยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่ม สายตามองไปยังแผ่นหลังขาวเนียนของหญิงสาวผู้เป็นเป้าหมาย ก่อนจะเอ่ยกับเหล่าเพื่อนด้วยความมั่นใจ
“หมาหรือจะสู้...เสืออย่างกูได้วะ” ไทม์ตอบออกมานิ่ง ๆ ด้วยท่าทีมั่นใจ พร้อมกระดกแก้วน้ำสีอำพันเข้าปากรวดเดียวอีกครั้ง
อะไรที่ทำให้เขามั่นใจได้ขนาดนี้น่ะหรือ
คงไม่พ้นสายตาที่เธอใช้จ้องมองเขาเมื่อครู่ ที่มองก็รู้ว่าอีกฝ่ายก็สนใจเขาอยู่เหมือนกัน
คิดแล้วมุมปากก็ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
“เร็ว ๆ นี้ในกลุ่มพวกเราท่าจะมีคนสละโสดว่ะ” เจย์พูดอย่างขำ ๆ เพราะดูจากท่าทางของไทม์ที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับตัวเองอย่างคนบ้า
“คิดงั้นเหรอวะ...” ประโยคถัดมาเป็นมาคัสที่หันไปเอ่ยถามเจย์
“...หรือแค่เล่น ๆ” ก่อนจะหันมาเอ่ยถามไทม์อย่างนึกสงสัย
“ไว้ผ่านคืนนี้กูจะให้คำตอบ” เสียงทุ้มราบเรียบเอ่ยบอกเพื่อนทั้งสองคน
พูดเสร็จสายตาคมก็จ้องมองไปยังหญิงสาวดังเดิม
ไทม์ไม่เคยถูกตาต้องใจใครง่าย ๆ มีเพียงเธอคนนี้ที่ทำให้เขาถูกใจตั้งแต่แรกเห็น ทั้งรูปร่างและหน้าตา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตรงสเปกเขาเหลือเกิน
จะเหลือก็เพียงแต่...
สิ่งที่ต้องใช้ความใกล้ชิดและความลึกซึ้งเพื่อช่วยตัดสิน ถ้าค่ำคืนนี้เธอทำให้เขาถูกใจได้ ก็ไม่แน่ที่เขาจะสานต่อ...
ไทม์ปล่อยให้หญิงสาวที่ตนแอบมองได้สนุกสนานกับกลุ่มเพื่อนไปก่อน โดยไม่พลาดที่จะสังเกตดูเธอไปพลาง ๆ พร้อมมองหาโอกาสเพื่อเข้าหาในจังหวะที่เหมาะสม
...
Time & Lalin 38จากศัตรูทางธุรกิจสู่การเป็นลูกเขย (จบ) ไทม์ตักเข้าปาก โดยทุกคนก็ลุ้นไปกับเขาด้วย“เป็นไง ไข่เจียวไหม” ถ้าเขาทานไม่ได้ฉันก็ต้องไปเจียวไข่มาให้เขา“ไม่ต้อง อร่อยมากเลยครับ ที่จริงผมก็เคยกินตามร้านอาหารอีสานในห้างมาบ้าง แต่ไม่อร่อยเท่านี้เลยครับ” ประโยคแรกเขาเอ่ยกับฉันก่อนจะหันไปพูดกับพ่อและแม่ฉันรัว ๆฉันเข้าใจแล้ว ลืมไปว่าบ้านเขาเป็นถึงเจ้าของแบรนด์ไทม์ กรุ๊ป ที่มีร้านอาหารในเครือหลายร้าน ไม่แปลกที่เขาจะเคยกินอาหารอีสานมาบ้าง“ก็แน่อยู่แล้ว นี่มันรสมือคนอีสานแท้ ๆ” แม่ฉันก็ชอบใจใหญ่ที่เขาชม“อร่อยก็กินเยอะ ๆ นะ” และแล้วเราก็นั่งทานข้าวกันไป โดยที่พ่อและแม่ฉันก็เอาแต่นั่งตักอาหารให้ไทม์ปล่อยให้ฉันและน้องเป็นหมาหัวเน่าที่กำลังนั่งร่วมวงทานข้าวกับพวกเขาตกดึก“จะบอกให้ว่านายนอนกับฉันไม่ได้นะ” ฉันยืนขวางประตูห้องนอนตัวเอง เพราะไทม์ดูบอลกับน้องจนดึก พ่อและแม่ก็เข้านอนกันหมดแล้วด้วยเหลือเพียงเขาที่จะตีเนียนเข้ามานอนกับฉันในห้อง“ทำไม”“เพราะต่างจังหวัดเขาถือ นอนห้องเดียวกันมันจะดูไม่งาม”“แล้วให้ไทม์นอนไหนอะเธอ”“นอนกับลัน ไม่ก็...นอนที่กลางบ้าน” เพราะฉันเตรียมที่นอนให้แล้
Time & Lalin - 37 ลูกเขยสายเปย์ สามวันต่อมา...“แน่ใจนะว่าอยู่ได้ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน” ฉันหันไปเอ่ยถามคนข้างกายที่กำลังทำหน้าที่ขับรถพาฉันกลับบ้านใช่ค่ะ ตอนนี้เรากำลังมุ่งหน้าไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน ซึ่งเป็นบ้านเกิดฉันเองตอนแรกฉันตั้งใจจะมาคนเดียว แต่สุดท้ายก็มีไทม์ที่ตื๊ออยากมาด้วย“แน่ใจสิ มีโอกาสมาเจอพ่อแม่แฟนทั้งที” ความแน่วแน่ของเขา ฉันจะไปขัดได้อย่างไรมันก็เป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่ง แสดงว่าเขาคิดกับฉันจริงจังพอประมาณ ถึงขนาดอยากมาเจอพ่อแม่ฉัน“ใครแฟน เราไม่ได้เป็นแฟนกัน ลินยังไม่ได้ตอบตกลงคุณเลย” ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่เคยขอฉันคบขอฉันเป็นแฟนอีกเลยไม่รู้ว่าจะน้อยใจดีไหม หรือเราสองคนเลยการขอคบเป็นแฟนมาแล้วแล้วอย่างนี้จะนับวันครบรอบอย่างไร“เราเลยขั้นนั้นกันมานานแล้ว” คำตอบที่ได้ก็อย่างที่คาดแอบน้อยใจอยู่นิด ๆ ที่ความสัมพันธ์ของเรามันดูไม่เป็นจริงเป็นจังเท่าไรแล้วฉันจะเอาวันไหนเป็นวันครบรอบดีล่ะ....ฉันเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็เกือบจะถึงบ้านแล้วเหรอเนี่ยเพราะฉันตั้งจีพีเอสไว้ ไทม์เลยขับมาถูกไม่นานรถก็ขับเข้ามาในหมู่บ้านฉัน“เลี้ยวซ้ายข้างหน้า
Time & Lalin - 36 เดี๋ยวก็ชินไม่ไหว วันนี้ไม่ไหว พรุ่งนี้ค่อยมาสู้กับมันใหม่ วันนี้ขอกลับไปพักผ่อนก่อนแล้วกันคิดได้ดังนั้นฉันจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋า และยื่นบัตรเครดิตให้สกาย“นี่บัตร ใช้รูดได้เลย”“ขอบคุณครับ” สกายก็รับไปทันที“พี่ไปก่อน ฝากส่งสาว ๆ ถึงห้องด้วย”“รับทราบครับ”หมดธุระของฉันแล้วก็รีบเดินออกมาอย่างไว เพราะเริ่มจะปวดหัวมากขึ้นเรื่อย ๆ กับแสงสีและเสียงที่ดังเกินพอดี“อายุก็ไม่ได้เยอะเท่าไร ทำไมถึงไม่ชอบที่แบบนี้เลย” ฉันเดินออกมาตรงโซนร้านอาหารที่เดิม ก่อนจะบ่นกับตัวเองรู้สึกไม่ชอบที่คนพลุกพล่านเลย ชอบที่สงบ ๆ มากกว่าก่อนจะก้มหน้าหาโทรศัพท์เพื่อโทรบอกไทม์ว่าขอตัวกลับก่อน ตอนนี้เธอไม่ไหวแล้ว รู้สึกปวดหัวเอามาก ๆแต่แล้ว...“ออกมาเร็วจัง” เสียงไทม์ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังเสียก่อน“อ๋อ ลินรู้สึกปวดหัวน่ะ ก็เลยจะกลับก่อน” ฉันหันหลังไปหาไทม์ พร้อมกับเงยหน้าคุยกับเขาพอฉันบอกออกไปแบบนั้น ไทม์ก็ยกมือขึ้นสัมผัสหน้าผากฉันเบา ๆ“เป็นอะไรมากหรือเปล่า” และเอ่ยถามออกมาพร้อมสายตาและน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วง“วันนี้น่าจะเครียดเกินไป ไมเกรนเลยขึ้น”“ไทม์ไปส่งที่คอนโด”“ลินยังไปเองไ
Time & Lalin 35 – ควรทำตัวให้ชินงั้นเหรอก๊อก ก๊อก“คุยอะไรกับน้อง ๆ หน้าตาตื่นเต้นดีใจกันใหญ่เลย” ไทม์เปิดประตูเข้าพร้อมกับเอ่ยถามนึกว่าเขาไปแล้วเสียอีก“หึ จะอะไรอีกคะ นอกเสียจากได้ไปเที่ยวได้ออกไปฉลองกัน” ฉันมองผ่านไทม์ไปยังด้านหลังของเขาห้องฉันเป็นห้องกระจก ซึ่งเห็นเด็ก ๆ กำลังมองเข้ามาด้านในอย่างอยากรู้อยากเห็นคงจะปิดเรื่องของเราสองคนไม่ได้แล้วสินะ ไม่รู้ว่าน้อง ๆ จะคิดอย่างไรที่เห็นไทม์เข้ามาแบบนี้“ที่ไหนครับ” ไทม์ถามขึ้น ทำให้ฉันกลับมาโฟกัสที่เขาซึ่งตอนนี้แขนทั้งสองของเขากำลังค้ำยันที่โต๊ะ พร้อมใบหน้าหล่อเหลากำลังโน้มเข้ามาใกล้กับใบหน้าฉันที่กำลังเห่อร้อนขึ้น“ที่ที่เราเจอกันครั้งแรกค่ะ” ฉันตอบคำนี้ออกไปโดยไม่ได้คิดอะไรแต่พอพูดออกไปแล้วกลับเขินขึ้นมาเสียอย่างนั้นไทม์ได้ยินดังนั้นก็ส่งยิ้มกว้าง คงจะชอบใจน่าดูฉันที่เขินจนทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่กัดปากตัวเองแก้เขิน พร้อมกับหลบสายตาจากเขา“อย่ากัดปากสิคะ เดี๋ยวก็เป็นแผล” และเป็นอีกครั้งที่เสียงของไทม์เรียกสติฉันกลับมาน้ำเสียงน่ะดูเป็นห่วงนะ แต่สายตาที่จ้องมานั้น...“ไทม์ไปทำงานก่อนนะ คืนนี้เจอกัน” ไทม์กล่าวพลางละแขนที่ค้ำโต๊ะอ
Time & Lalin - 34 รอยยิ้ม“มีท่านอื่นอีกไหมคะ” ฉันละสายตาจากเสียงค้านเพียงหนึ่งเสียง มองไปรอบ ๆ ห้องแต่ก็ไม่มีใครค้านอีก“มติเป็นเอกฉันท์นะคะว่าบริษัทจะเข้าไปอยู่ในเครือไทม์ กรุ๊ป” ฉันจึงด่วนสรุปทันทีและในตอนนั้นเอง“ไม่ได้นะ” ภีมลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้เพื่อค้านฉันมองหน้าเขานิ่ง เช่นเดียวกับเขาที่กำลังจ้องมองฉันด้วยแววตาแข็งกร้าว ดูไม่สบอารมณ์อย่างมากก่อนที่สายตานั้นจะเลื่อนไปสบตากับไทม์“ประชุมวันนี้จบเพียงเท่านี้ค่ะ ท่านที่ต้องการค้านขอให้อยู่ต่อก่อนนะคะ” ฉันหันไปเอ่ยกับผู้ถือหุ้นที่เห็นด้วย ส่วนประโยคหลังฉันหันไปมองยังภีมและพ่อของเขาทุกคนเดินออกไปโดยมีสายป่านและหมิวหมิวเดินนำไปส่งเหลือแค่เพียง ฉัน ไทม์ รุก สกาย และทนาย ที่รอคิดบัญชีกับพวกเขาสองคนพ่อลูก“ทำแบบนี้ไม่ได้นะ” พ่อของภีมเอ่ยขึ้นทันทีด้วยแววตาคัดค้าน“เพราะอะไรคะ” ฉันเอ่ยถามถึงเหตุผล ทั้งที่รู้อยู่แล้วก็ตามว่าเพราะอะไรก็เพราะต้องการอยากจะได้บริษัทนี้เป็นของตัวเอง หากเข้าไปอยู่ในไทม์ กรุ๊ปแล้ว พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสอีกต่อไป“ก็เพราะ…” พ่อของภีมอ้ำอึ้ง“ทำอย่างนี้มันไม่เหมาะสมหรือเปล่าครับ ไหนคุณค้านการเทกโอเวอร์บริษัท ทำ
Time & Lalin - 33 ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว“งั้นพวกเราขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”“อืม” เมื่อจบธุระเด็ก ๆ ก็เดินออกไป แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงซุบซิบนินทา“แกคิดอย่างฉันไหม”“ต้องมีอะไรแน่ ๆ”ลลินยิ้มแก้มแดงอย่างเขินอาย พร้อมกับส่ายหน้าให้กับความรู้ดีของพวกเขา“พี่ได้ยินนะ” ก่อนจะตะโกนออกไปนอกห้อง“ค่า”เธอส่ายหัวไม่หยุด ได้แต่คิดในใจว่าเธอจะปิดบังอะไรพวกนั้นได้บ้างสักเรื่องก็คงไม่ได้สินะตกเย็น“กลับบ้านกันดี ๆ นะเด็ก ๆ”“ค่า/ครับ” ลลินยืนส่งรุ่นน้องที่หน้าตึก ทุกคนขึ้นรถพากันกลับบ้านเพราะถึงเวลาเลิกงานแล้วโดยปกติเธอไม่ได้ออกมาส่งน้อง ๆ อย่างนี้หรอก เพียงแต่ครั้งนี้เธอมายืนรอไทม์และเจอเด็ก ๆ เข้าพอดีเมื่อรถน้อง ๆ ขับออกไปได้ไม่นาน รถไทม์ก็ขับเข้ามารับเธอ“มาตรงเวลาดีนะคะ” มือเรียวเปิดประตูรถหรู ก้าวขาขึ้นรถพร้อมกับเอ่ยแซวคนด้านในที่ใส่สูทมาอย่างเต็มยศเขาก็คงไปทำงานมา แต่กลับมารับเธอได้ตรงเวลาตามที่นัดเป๊ะ ๆ“ต้องตรงเวลาสิคะ คิดถึงเธอแทบแย่” มือหนาคว้ามือเรียวของลลินไปกอบกุม พร้อมบอกกับเธอด้วยแววตาซึ่งเผยความคิดถึงออกมาชัดเจนลลินเห็นดังนั้นก็ยิ้มหน้าแดง รู้อยู่หรอกว่าเขาเป็นคนที่คิดอะไรก็พูดออก