Time & Lalin 3 - สำหรับคนพิเศษเท่านั้น
“ผมเป็นเจ้าของที่นี่”
“อ้อ ค่ะ” ทันทีที่ได้ยินคำตอบของเขาคนตัวเล็กก็รู้สึกแปลกใจ...ที่เธอนั้นดันโล่งอก
โล่งอกเพราะได้ทราบว่าเขาเป็นเจ้าของที่นี่ ไม่ใช่นักท่องราตรีจนจำหน้าได้ทุกคนอย่างที่แอบคิดไปก่อนหน้า
“ตามผมมาครับ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก ก่อนจะเดินนำเธอเดินขึ้นไปยังชั้นสองและชั้นสามเรื่อย ๆ
เขาพาเธอเดินมาหยุดที่หน้าห้องน้ำชั้นสี่ ที่เป็นห้องน้ำส่วนตัวของพวกเขาเท่านั้นซึ่งผับนี้มีเจย์และมาคัสร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วย
“เป็นห้องน้ำวีไอพี สำหรับคนพิเศษเท่านั้น” คนตัวสูงหันกลับมาหาใบหน้าหวานที่แดงซ่านชวนมอง พร้อมพูดด้วยแววตาชวนคิดกับประโยคแฝงความนัย
“ขอบคุณค่ะ” คนตัวเล็กรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวเมื่อเผลอคิดลึกไปไกลในสิ่งที่อีกคนเอ่ยเมื่อครู่
ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำหรูที่สะอาดสะอ้านและมีกลิ่นหอมทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
“นี่หน้าเราแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์...” ลลินพูดกับตัวเองในกระจก เมื่อเห็นว่าทั้งใบหน้านั้นเห่อแดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับยกมือขึ้นสัมผัสแก้มนวลของตัวเอง
ก่อนจะเลื่อนลงมายังอกข้างซ้ายที่กำลังเต้นรัวไม่หยุดหย่อน
“...หรือว่า...คนด้านนอกกันแน่”
“สร่างเมาหรือยังครับ”
ขณะที่เธอกำลังพูดคุยกับตัวเองในกระจกอยู่นั้น เสียงหล่อทุ้มก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ลลินเบนสายตามองคนที่เข้ามาใหม่ผ่านบานกระจกและเมื่อรู้ว่าเป็นเขา
เธอก็รีบหันหลังกลับไปในทันที
“ฉัน...” สายตาของคนตรงหน้าทำเธอลืมไปเลยว่าควรพูดอะไร เขาสะกดเธอด้วยแววตาที่กำลังจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเธอ
ขายาวก้าวประชิดร่างบาง และเมื่อเธอจะถอยหลังมือแกร่งก็โอบเอวคอดไว้ ก่อนรั้งตัวเธอเข้ามาให้แนบชิดที่อกของเขา ใบหน้าโน้มเข้าใกล้เธออย่างช้า ๆ
สายตาคมจ้องมองดวงตาหวานอย่างกับร่ายมนตร์สะกด ให้เธอหลงมัวเมาในสิ่งที่เขากำลังจะเอ่ยต่อจากนี้
“ผมชอบคุณ”
ตาหวานเบิกโพลงด้วยความตกใจ ใจที่เต้นแรงอยู่แล้วก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นไปอีก เธอไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
ไม่เคยมีใครรุกเธอแรงขนาดนี้มาก่อน
เขาเป็นคนแรก...
ตาหวานจ้องมองใบหน้าหล่อไม่กะพริบ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขานั้นเป็นคนหล่อเหลาเอาการ
และหล่อมากจนทำเธอเผลอเคลิบเคลิ้ม
เมื่อลลินเงียบ คนตัวโตก็ค่อย ๆ ขยับใบหน้าเข้าใกล้เธออีก
ตาหวานจ้องมองริมฝีปากหนาที่ค่อย ๆ ขยับเลื่อนเข้ามาใกล้
เข้ามาอีก...ใจดวงน้อยเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง
เมื่ออีกคนเข้าใกล้จนริมฝีปากเริ่มจะสัมผัสกัน ลลินก็ถอยใบหน้าห่างออกเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ ก่อนจะหลับตาลง
ตึก ตัก ตึก ตัก
เสียงหัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามแทบหลุดออกจากอกเสียให้ได้
จุ๊บ.. ในตอนที่ริมฝีปากของเขาแตะโดนริมฝีปากเธอ ลลินหยุดหายใจไปชั่วขณะ มือเรียวกำเข้าหากันแน่น
“อื้อ” คนตัวเล็กร้องครางในลำคอ เมื่อจูบแรกโดนคนตรงหน้าที่เพิ่งเจอกันเพียงไม่กี่นาทีพรากไป
ไม่เพียงแค่นั้น ลิ้นร้อนยังเข้ามาตวัดหยอกเล่นกับลิ้นหวานอย่างเอาแต่ใจ
“อื้อ” คนใต้อาณัติได้แต่ร้องครางประท้วงในลำคออย่างทำอะไรไม่ได้
คนตัวโตอาศัยความชำนาญหลอกล่อให้คนตัวเล็กเผลอไผลไปกับตน มอบจุมพิตนุ่มนวลและสัมผัสที่แผ่วเบา ค่อย ๆ หยอกเย้าเล่นกับลิ้นหวาน จนเธอเริ่มเคลิ้มตามอย่างง่ายดาย
เธอที่ไม่เคยมาก่อน ได้แต่ยอมเผยอปากให้อีกคนได้ทำตามใจ...ไม่นานเขาก็ปล่อยปากนุ่มให้เป็นอิสระ
“คุณ” เมื่อใบหน้าหล่อเหลาผละออกลลินก็หน้าแดงเห่อร้อนเขินอายขึ้นมาในทันที
“ไทม์ครับ” แม้หญิงสาวตรงหน้าไม่ได้เอ่ยถาม แต่เขาอยากจะบอก
เมื่อเห็นแววตาใสซื่อตรงหน้าแล้ว เขาก็ก้มลงประกบจูบริมฝีปากอวบอิ่มอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้
“อื้อ” เขาประกบจูบเธออีกครั้งอย่างพึงพอใจ
ปากเธอทั้งหวานและนุ่ม มันดีเอามาก ๆ จนแทบไม่อยากจะหยุด และคงหยุดไม่ได้ง่าย ๆ แน่
ลิ้นร้อนหยอกเล่นลิ้นหวานอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานเขาแทบไม่อยากผละออก เพราะยิ่งชิมก็ยิ่งติดใจ
เขารับรู้ได้ทันทีว่าเธอไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน จากความไร้เดียงสาที่แสดงออกมา
นั่นยิ่งทำให้เขาสนใจในตัวเธอมากขึ้นไปอีก
จุ๊บ...
ไทม์ผละริมฝีปากหนาออก เมื่อคิดแล้วก็อดใจไม่ไหวอีกต่อไป
“ถ้าไม่ติดอะไร คืนนี้อยู่ต่อกับผมนะครับ” เขาโพล่งออกมาด้วยเสียงแหบพร่า ลมหายใจถี่กระชั้นตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น
“ตะ ต่อ” คนตัวเล็กในอ้อมกอดอ้ำอึ้ง เธอก็รู้สึกดีและเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบจากเขา อีกฝ่ายทั้งหล่อและดูดี คือชายในฝันเลยเหมือนกัน
แต่อีกใจหนึ่งก็ยังลังเล เพราะไม่เคยพบเจอหรือทำความรู้จักอะไรกันมาก่อน ให้ทำแบบนี้ก็ดูจะข้ามขั้นตอนไปอยู่บ้าง
“วันไนต์สแตนด์เหรอคะ” ลลินครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะหาคำนิยามให้กับความสัมพันธ์ในค่ำคืนนี้ของเธอและเขาได้
“ครับ” ไทม์จ้องมองใบหน้าหวานที่กำลังลังเลอย่างใจจดจ่อ
ไม่เคยมีใครลังเลและคิดนานขนาดนี้หากรู้ว่าเขาสนใจ
ยกเว้น เธอคนนี้...
ทำเอาไทม์รู้สึกประหม่าเป็นครั้งแรก
“ไม่ต้องคิดแล้วครับ” ดังนั้นเขาจะไม่ปล่อยให้เธอได้คิดนาน
พรึบ
แขนแกร่งอุ้มร่างบางขึ้นในท่าเจ้าสาว ก่อนจะเดินพาเธอไปยังห้องนอนส่วนตัวที่อยู่ชั้นห้า
เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องก็เจอกับโต๊ะทำงาน อุ้มร่างบางเดินผ่านไปอีกห้องที่เป็นห้องนอน เมื่อมาถึงขอบเตียงแขนแกร่งก็ค่อย ๆ วางคนตัวเล็กลงอย่างนุ่มนวล และขึ้นคร่อมเธอในทันที
“คุณ” ลลินเรียกคนด้านบนที่กำลังคร่อมเธออยู่อย่างใจเต้นระรัว ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เล่นงานก่อนหน้าหายไปหมดแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้ว
“คุณไม่เคยมาก่อนใช่ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถาม
…ลลินพยักหน้าขึ้นลง สบสายตาคู่คมตรงหน้า
“ผมจะทะนุถนอมคุณให้เป็นอย่างดีเลยครับ” มือหนาลูบไล้แขนเนียนอย่างหลงใหล ตัวเธอนุ่มนิ่มและหอมอ่อน ๆ ทำเอาประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
และในขณะที่มือหนากำลังลูบไล้คนตัวเล็กใต้ร่างด้วยอารมณ์ที่เริ่มพลุ่งพล่านอยู่นั้น
“ดะ เดี๋ยวค่ะ...” ลลินผลักอกแกร่งด้วยมือเล็กทั้งสองออกเบา ๆ
ไทม์หน้าเสียในทันทีแต่เมื่อได้ยินประโยคถัดไปของคนใต้ร่างก็พอให้โล่งใจขึ้นมาได้
“...คุณมีเครื่องดื่มไหมคะ” ลลินเองก็ไม่อยากปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป เขาทั้งหล่อและรวย เป็นถึงเจ้าของผับหรูขนาดนี้ก็ต้องรวยมากแน่ ๆ
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เธอหลงใหลในหน้าตาและกลิ่นหอมที่ลอยโชยมาจากกายเขา
เขาที่แสนเพอร์เฟกต์ ฐานะต่างจากเธอลิบลับ เธอเป็นเพียงแค่คนธรรมดาลูกชาวไร่ชาวสวนคนหนึ่ง
ส่วนเขานี่สิ ดูแล้วต้องรวยและเป็นถึงไฮโซลูกคุณหนูแน่ ๆ
หากพบกันตามท้องถนน ไม่มีวันที่เขาจะชายตามองเธอด้วยซ้ำ
“ได้สิครับ” ไทม์ยกยิ้มพร้อมกับผละตัวออก แล้วเดินไปยังตู้เย็นไซซ์เล็กที่แช่เครื่องดื่มเอาไว้
เขาหยิบเหล้ามาหนึ่งขวดพร้อมกับแก้วเล็กอีกสองใบ
ไทม์เดินมานั่งที่ขอบเตียงข้างร่างบาง ซึ่งตอนนี้ก็ลุกมานั่งรอเครื่องดื่มตามที่ขอไป
“ผมคงใจร้อนเกินไป ขอโทษด้วยนะครับ...” ไทม์เอ่ยขอโทษคนตัวเล็กด้านข้างพร้อมรินเหล้าลงแก้ว
“คุณ...” มือหนายื่นแก้วให้หญิงสาว แต่ก็ไม่วายส่งสายตาแฝงหลอกถามชื่อ
“ลลินค่ะ” มือเรียวรับแก้วเหล้าพร้อมบอกชื่อแก่เขา
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณลลิน”
“เช่นกันค่ะ” ลลินเองก็จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคมเบื้องหน้า
Time & Lalin 38จากศัตรูทางธุรกิจสู่การเป็นลูกเขย (จบ) ไทม์ตักเข้าปาก โดยทุกคนก็ลุ้นไปกับเขาด้วย“เป็นไง ไข่เจียวไหม” ถ้าเขาทานไม่ได้ฉันก็ต้องไปเจียวไข่มาให้เขา“ไม่ต้อง อร่อยมากเลยครับ ที่จริงผมก็เคยกินตามร้านอาหารอีสานในห้างมาบ้าง แต่ไม่อร่อยเท่านี้เลยครับ” ประโยคแรกเขาเอ่ยกับฉันก่อนจะหันไปพูดกับพ่อและแม่ฉันรัว ๆฉันเข้าใจแล้ว ลืมไปว่าบ้านเขาเป็นถึงเจ้าของแบรนด์ไทม์ กรุ๊ป ที่มีร้านอาหารในเครือหลายร้าน ไม่แปลกที่เขาจะเคยกินอาหารอีสานมาบ้าง“ก็แน่อยู่แล้ว นี่มันรสมือคนอีสานแท้ ๆ” แม่ฉันก็ชอบใจใหญ่ที่เขาชม“อร่อยก็กินเยอะ ๆ นะ” และแล้วเราก็นั่งทานข้าวกันไป โดยที่พ่อและแม่ฉันก็เอาแต่นั่งตักอาหารให้ไทม์ปล่อยให้ฉันและน้องเป็นหมาหัวเน่าที่กำลังนั่งร่วมวงทานข้าวกับพวกเขาตกดึก“จะบอกให้ว่านายนอนกับฉันไม่ได้นะ” ฉันยืนขวางประตูห้องนอนตัวเอง เพราะไทม์ดูบอลกับน้องจนดึก พ่อและแม่ก็เข้านอนกันหมดแล้วด้วยเหลือเพียงเขาที่จะตีเนียนเข้ามานอนกับฉันในห้อง“ทำไม”“เพราะต่างจังหวัดเขาถือ นอนห้องเดียวกันมันจะดูไม่งาม”“แล้วให้ไทม์นอนไหนอะเธอ”“นอนกับลัน ไม่ก็...นอนที่กลางบ้าน” เพราะฉันเตรียมที่นอนให้แล้
Time & Lalin - 37 ลูกเขยสายเปย์ สามวันต่อมา...“แน่ใจนะว่าอยู่ได้ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน” ฉันหันไปเอ่ยถามคนข้างกายที่กำลังทำหน้าที่ขับรถพาฉันกลับบ้านใช่ค่ะ ตอนนี้เรากำลังมุ่งหน้าไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน ซึ่งเป็นบ้านเกิดฉันเองตอนแรกฉันตั้งใจจะมาคนเดียว แต่สุดท้ายก็มีไทม์ที่ตื๊ออยากมาด้วย“แน่ใจสิ มีโอกาสมาเจอพ่อแม่แฟนทั้งที” ความแน่วแน่ของเขา ฉันจะไปขัดได้อย่างไรมันก็เป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่ง แสดงว่าเขาคิดกับฉันจริงจังพอประมาณ ถึงขนาดอยากมาเจอพ่อแม่ฉัน“ใครแฟน เราไม่ได้เป็นแฟนกัน ลินยังไม่ได้ตอบตกลงคุณเลย” ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่เคยขอฉันคบขอฉันเป็นแฟนอีกเลยไม่รู้ว่าจะน้อยใจดีไหม หรือเราสองคนเลยการขอคบเป็นแฟนมาแล้วแล้วอย่างนี้จะนับวันครบรอบอย่างไร“เราเลยขั้นนั้นกันมานานแล้ว” คำตอบที่ได้ก็อย่างที่คาดแอบน้อยใจอยู่นิด ๆ ที่ความสัมพันธ์ของเรามันดูไม่เป็นจริงเป็นจังเท่าไรแล้วฉันจะเอาวันไหนเป็นวันครบรอบดีล่ะ....ฉันเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็เกือบจะถึงบ้านแล้วเหรอเนี่ยเพราะฉันตั้งจีพีเอสไว้ ไทม์เลยขับมาถูกไม่นานรถก็ขับเข้ามาในหมู่บ้านฉัน“เลี้ยวซ้ายข้างหน้า
Time & Lalin - 36 เดี๋ยวก็ชินไม่ไหว วันนี้ไม่ไหว พรุ่งนี้ค่อยมาสู้กับมันใหม่ วันนี้ขอกลับไปพักผ่อนก่อนแล้วกันคิดได้ดังนั้นฉันจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋า และยื่นบัตรเครดิตให้สกาย“นี่บัตร ใช้รูดได้เลย”“ขอบคุณครับ” สกายก็รับไปทันที“พี่ไปก่อน ฝากส่งสาว ๆ ถึงห้องด้วย”“รับทราบครับ”หมดธุระของฉันแล้วก็รีบเดินออกมาอย่างไว เพราะเริ่มจะปวดหัวมากขึ้นเรื่อย ๆ กับแสงสีและเสียงที่ดังเกินพอดี“อายุก็ไม่ได้เยอะเท่าไร ทำไมถึงไม่ชอบที่แบบนี้เลย” ฉันเดินออกมาตรงโซนร้านอาหารที่เดิม ก่อนจะบ่นกับตัวเองรู้สึกไม่ชอบที่คนพลุกพล่านเลย ชอบที่สงบ ๆ มากกว่าก่อนจะก้มหน้าหาโทรศัพท์เพื่อโทรบอกไทม์ว่าขอตัวกลับก่อน ตอนนี้เธอไม่ไหวแล้ว รู้สึกปวดหัวเอามาก ๆแต่แล้ว...“ออกมาเร็วจัง” เสียงไทม์ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังเสียก่อน“อ๋อ ลินรู้สึกปวดหัวน่ะ ก็เลยจะกลับก่อน” ฉันหันหลังไปหาไทม์ พร้อมกับเงยหน้าคุยกับเขาพอฉันบอกออกไปแบบนั้น ไทม์ก็ยกมือขึ้นสัมผัสหน้าผากฉันเบา ๆ“เป็นอะไรมากหรือเปล่า” และเอ่ยถามออกมาพร้อมสายตาและน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วง“วันนี้น่าจะเครียดเกินไป ไมเกรนเลยขึ้น”“ไทม์ไปส่งที่คอนโด”“ลินยังไปเองไ
Time & Lalin 35 – ควรทำตัวให้ชินงั้นเหรอก๊อก ก๊อก“คุยอะไรกับน้อง ๆ หน้าตาตื่นเต้นดีใจกันใหญ่เลย” ไทม์เปิดประตูเข้าพร้อมกับเอ่ยถามนึกว่าเขาไปแล้วเสียอีก“หึ จะอะไรอีกคะ นอกเสียจากได้ไปเที่ยวได้ออกไปฉลองกัน” ฉันมองผ่านไทม์ไปยังด้านหลังของเขาห้องฉันเป็นห้องกระจก ซึ่งเห็นเด็ก ๆ กำลังมองเข้ามาด้านในอย่างอยากรู้อยากเห็นคงจะปิดเรื่องของเราสองคนไม่ได้แล้วสินะ ไม่รู้ว่าน้อง ๆ จะคิดอย่างไรที่เห็นไทม์เข้ามาแบบนี้“ที่ไหนครับ” ไทม์ถามขึ้น ทำให้ฉันกลับมาโฟกัสที่เขาซึ่งตอนนี้แขนทั้งสองของเขากำลังค้ำยันที่โต๊ะ พร้อมใบหน้าหล่อเหลากำลังโน้มเข้ามาใกล้กับใบหน้าฉันที่กำลังเห่อร้อนขึ้น“ที่ที่เราเจอกันครั้งแรกค่ะ” ฉันตอบคำนี้ออกไปโดยไม่ได้คิดอะไรแต่พอพูดออกไปแล้วกลับเขินขึ้นมาเสียอย่างนั้นไทม์ได้ยินดังนั้นก็ส่งยิ้มกว้าง คงจะชอบใจน่าดูฉันที่เขินจนทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่กัดปากตัวเองแก้เขิน พร้อมกับหลบสายตาจากเขา“อย่ากัดปากสิคะ เดี๋ยวก็เป็นแผล” และเป็นอีกครั้งที่เสียงของไทม์เรียกสติฉันกลับมาน้ำเสียงน่ะดูเป็นห่วงนะ แต่สายตาที่จ้องมานั้น...“ไทม์ไปทำงานก่อนนะ คืนนี้เจอกัน” ไทม์กล่าวพลางละแขนที่ค้ำโต๊ะอ
Time & Lalin - 34 รอยยิ้ม“มีท่านอื่นอีกไหมคะ” ฉันละสายตาจากเสียงค้านเพียงหนึ่งเสียง มองไปรอบ ๆ ห้องแต่ก็ไม่มีใครค้านอีก“มติเป็นเอกฉันท์นะคะว่าบริษัทจะเข้าไปอยู่ในเครือไทม์ กรุ๊ป” ฉันจึงด่วนสรุปทันทีและในตอนนั้นเอง“ไม่ได้นะ” ภีมลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้เพื่อค้านฉันมองหน้าเขานิ่ง เช่นเดียวกับเขาที่กำลังจ้องมองฉันด้วยแววตาแข็งกร้าว ดูไม่สบอารมณ์อย่างมากก่อนที่สายตานั้นจะเลื่อนไปสบตากับไทม์“ประชุมวันนี้จบเพียงเท่านี้ค่ะ ท่านที่ต้องการค้านขอให้อยู่ต่อก่อนนะคะ” ฉันหันไปเอ่ยกับผู้ถือหุ้นที่เห็นด้วย ส่วนประโยคหลังฉันหันไปมองยังภีมและพ่อของเขาทุกคนเดินออกไปโดยมีสายป่านและหมิวหมิวเดินนำไปส่งเหลือแค่เพียง ฉัน ไทม์ รุก สกาย และทนาย ที่รอคิดบัญชีกับพวกเขาสองคนพ่อลูก“ทำแบบนี้ไม่ได้นะ” พ่อของภีมเอ่ยขึ้นทันทีด้วยแววตาคัดค้าน“เพราะอะไรคะ” ฉันเอ่ยถามถึงเหตุผล ทั้งที่รู้อยู่แล้วก็ตามว่าเพราะอะไรก็เพราะต้องการอยากจะได้บริษัทนี้เป็นของตัวเอง หากเข้าไปอยู่ในไทม์ กรุ๊ปแล้ว พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสอีกต่อไป“ก็เพราะ…” พ่อของภีมอ้ำอึ้ง“ทำอย่างนี้มันไม่เหมาะสมหรือเปล่าครับ ไหนคุณค้านการเทกโอเวอร์บริษัท ทำ
Time & Lalin - 33 ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว“งั้นพวกเราขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”“อืม” เมื่อจบธุระเด็ก ๆ ก็เดินออกไป แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงซุบซิบนินทา“แกคิดอย่างฉันไหม”“ต้องมีอะไรแน่ ๆ”ลลินยิ้มแก้มแดงอย่างเขินอาย พร้อมกับส่ายหน้าให้กับความรู้ดีของพวกเขา“พี่ได้ยินนะ” ก่อนจะตะโกนออกไปนอกห้อง“ค่า”เธอส่ายหัวไม่หยุด ได้แต่คิดในใจว่าเธอจะปิดบังอะไรพวกนั้นได้บ้างสักเรื่องก็คงไม่ได้สินะตกเย็น“กลับบ้านกันดี ๆ นะเด็ก ๆ”“ค่า/ครับ” ลลินยืนส่งรุ่นน้องที่หน้าตึก ทุกคนขึ้นรถพากันกลับบ้านเพราะถึงเวลาเลิกงานแล้วโดยปกติเธอไม่ได้ออกมาส่งน้อง ๆ อย่างนี้หรอก เพียงแต่ครั้งนี้เธอมายืนรอไทม์และเจอเด็ก ๆ เข้าพอดีเมื่อรถน้อง ๆ ขับออกไปได้ไม่นาน รถไทม์ก็ขับเข้ามารับเธอ“มาตรงเวลาดีนะคะ” มือเรียวเปิดประตูรถหรู ก้าวขาขึ้นรถพร้อมกับเอ่ยแซวคนด้านในที่ใส่สูทมาอย่างเต็มยศเขาก็คงไปทำงานมา แต่กลับมารับเธอได้ตรงเวลาตามที่นัดเป๊ะ ๆ“ต้องตรงเวลาสิคะ คิดถึงเธอแทบแย่” มือหนาคว้ามือเรียวของลลินไปกอบกุม พร้อมบอกกับเธอด้วยแววตาซึ่งเผยความคิดถึงออกมาชัดเจนลลินเห็นดังนั้นก็ยิ้มหน้าแดง รู้อยู่หรอกว่าเขาเป็นคนที่คิดอะไรก็พูดออก