“ก็แค่...” ฉันตั้งใจหยุดคำพูดเหล่านั้นเอาไว้เพื่อต้องการกวนประสาทคู่สนทนาที่กำลังจ้องออกมาจนดวงตาแทบออกมานอกเบ้าจากนั้นก็เอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าคว้ารูปด้านในมาวางไว้ตรงหน้าพี่ตามเรียงรายให้เห็นชัดๆ “รู้ว่าเรื่องเที่ยวก็แค่ติดสินบนลูกเพื่อกลบเรื่องผู้หญิงที่ชื่อบุ๋ม”
อยากรู้นักว่าครั้งนี้จะทำยังไง
รูปโชว์เด่นยากนักที่จะปฏิเสธว่าไม่ใช่ตัวเอง
คนในรูปไม่มีทางที่ใครจะเหมือนถึงแม้จะเห็นแค่ครึ่งใบหน้าทว่ากับยิ้มแย้มอวดกล้องด้วยความร่าเริงมือหนึ่งถือแก้วไวน์ทรงหรูสดๆ ร้อนๆ จากเมื่อคืน
“ให้คนตามพี่งั้นสิ”
ไม่ปฏิเสธให้เสียเวลาแต่กับยอมรับนี่คือนิสัยหลักของพี่ตามเลยแหละ โอเคฉันเข้าใจแล้วจะจำและเข้าใจว่าศึกครั้งนี้ตัวเองชนะแบบขาดรอยอย่างเฉียบขาดไม่มีทางที่ฝ่ายตรงข้ามจะไล่ล่าตามทัน
ระดับตูนไม่ตามให้เสียเหงื่อหรอก
แนะนำตัวง่ายๆ ฉันชื่อ ‘ตูน’ เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการของพี่ตาม ทางบ้านปัจจุบันก็ถือว่าไม่ได้ย้ำแย่อะไรมีอันจะกินทิ้งกินขว้างก็ยังได้เลยด้วยซ้ำไปถ้าอยากทำ มีธุรกิจเป็นของครอบครัวซึ่งเกี่ยวกับการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งรายใหญ่ของภาคใต้
เรื่องราวระหว่างเขากับฉันก็เหมือนความรักของวัยรุ่นทั่วไปในสมัยนี้เพียงแค่ว่าคืนนั้น...
ความสัมพันธ์ของทั้งฉันกับเขามันพัฒนาทางกายไปอีกขั้นหนึ่ง
ฉันไม่รู้ว่าพี่ตามเรียกมันว่าความผิดพลาดหรือเปล่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นระหว่างเขากับฉันแต่สำหรับฉันมันไม่ใช่ความผิดพลาด
ฉันรู้ตัวเสมอและเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความตั้งใจ
“นึกดีๆ สิคะ” ความใจเย็นมันโลดเล่นปั่นป่วนไปทั่วร่างกายของฉันกับผู้ชายตรงหน้าความเย็นยะเยือกเท่านั้นที่จะสามารถเอาชนะได้ถึงแม้เขาจะเป็นคนควบคุมอยากแต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้เสียหน่อย แม่สอนว่าร้อนมาก็ต้องเอาความเย็นเข้าลูบ “ว่าเมื่อคืนไปสิงอยู่ผับไหน?”
“ไอ้เฮียติ”
แค่ได้คำตอบจากริมฝีปากหยักได้รูปรอยยิ้มเหยียดของฉันก็ส่งออกไปภายในพริบตา พี่ตามคงเข้าใจสิ่งที่ฉันพยายามสื่อออกมาแล้วสิมือใหญ่ถึงได้ยกขึ้นกุมขมับตัวเองขนาดนั้นอีกทั้งยังบีบนวดอีก
ครั้งนี้คำว่าพลาดคงมาเยือนเอง
ผับใหญ่ใจกลางเมืองตั้งตรงย่านมหาลัยของญาติสนิทเมียตัวเองไม่คิดหน่อยเหรอว่าหนึ่งในนั้นฉันจะมีสายอยู่บ้าง ซึ่งเมื่อคืนมันก็ทำงานได้ดีมากเสียด้วย
“แล้วผู้หญิงชื่อบุ๋มเนี่ยพึ่งรู้จักหรอคะ?”
“เป็นเพื่อนกับเด็กไอ้บอล”
บุ๋ม...
เธอเป็นผู้หญิงรายล่าสุดที่เข้ามาชื่นชอบพี่ตามราวกับอยากถวายตัวให้ใจจะขาดเพียงแค่เจอครั้งเดียวในสถานการณ์เพื่อนแนะนำให้รู้จัก เธอแรงและร้ายเอาการพอตัวเลยแหละเท่าที่ฟังสรรพคุณมาจากการเล่าพร้อมกับหลักฐานของการกระทำแต่คนอย่างฉันก็โนสนโนแคร์สิ่งใดๆ เหมือนกัน
โลกนี้ไม่ใช่ใครคนหนึ่งทำได้คนเดียว
ความจริงฉันยังไม่ให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนนี้มากนักหรอก ในสายตาเธอก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่เข้ามาในชีวิตของพี่ตามเดี๋ยวก็หายไปทว่าฉันกับมองผิดพลาดไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ถ้าเธอไม่เข้ามายุ่งกับฉันก่อนเป็นตัวการเริ่มก่อน ที่สำคัญผู้หญิงคนนี้รู้ว่าพี่ตามมีครอบครัวก็ยังจะยุ่งมันใช่เรื่องเหรอ
“คงใช้ได้...”
การเป็นคนอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอให้ใครหน้าไหนได้เหยียบหัวเพราะถือว่าตัวเองยังมีศักดิ์ศรีสำหรับฉันมันสำคัญ ร้ายมาก็แรงกลับไปถือว่าแฟร์ๆ ดี ไม่ชอบก็ควรอยู่ในที่ๆ ของตนเองไม่ใช่เข้ามาเสือก ถ้าเป็นคนดีแล้วโดนทำร้ายคงต้องลองเป็นคนใจร้ายถึงจะดีใช่ไหมสำหรับโลกใบนี้
หลายคนคงคิดเช่นเดียวแบบฉัน
หรือคิดยิ่งกว่านั้นอย่ามองโลกด้านเดียวเลย
พื้นฐานของคนเราฉันรู้ดีว่าทุกอย่างมันมีไม่เท่ากันหรอกไม่ว่าจะเป็นด้านไหนทุกคนมักเจอะเจอปัญหาที่แตกต่างกันออกไปแต่ที่เหมือนกันก็คือการคิดหาทางแก้ไข เมื่อเจอปัญหาทุกคนก็มักทางทางแก้ไขซึ่งแน่ล่ะว่ามันก็แตกต่างกันออกไปอีกยกตัวอย่างก็คือตัวฉันเอง
ฉันเคยเป็นคนอ่อนแอแต่ตอนนี้ไม่ใช่
ฉันเคยเป็นคนไว้ใจคนง่ายแต่ตอนนี้อย่าหวัง
ฉันเคยถูกว่าให้เป็นตัวถ่วงความเจริญแต่ตอนนี้ฉันก้าวเหยียบมันมาแล้ว
และฉันเคยเป็นคนหัวอ่อนชักจูงได้ง่ายเหมือนหมาที่โดนใส่ปอกคอแต่ตอนนี้ต้องเหมาะสมกับตำแหน่งคนจูงหมา
การไต่ระดับของตัวเองพัฒนาสะสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ ตั้งแต่ห้าปีก่อน เลเวลก็เลื่อนขึ้นเรื่อยๆ จากต่ำไต่ระดับขึ้นไปยังจุดสูงและมันก็จะไม่มีทางลดหลั่นลงได้อีกถ้ารักษาความคงที่ได้ดีแต่มันก็ยากนะ
“เธอก็รู้ว่าพี่เจอแค่เมื่อคืน” นัยน์ตาสีนิลของพี่ตามเป็นเครื่องยืนยันชั้นดีแววตาของเขาเหมือนเพิ่มฉายแววความเข้มขึ้นเช่นเดียวกับท่าทีก็ดูจริงจังเพิ่มมากขึ้นจากเดิม “ถ้ารู้ถึงขนาดชื่อผู้หญิงคนนั้นก็คงรู้ว่ามันไม่มีอะไร เธอรู้ดี?”
“ใช่ไม่จำเป็นต้องสนใจคู่วิจัยแต่บางครั้งคนอย่างนายควรสนใจแยกแยะผิดชอบชั่วดีบ้าง ปีนต้นงิ้วไม่สนุกหรอชอบแย่งของชาวบ้านหรือไง” การเปิดเพลงดังเต็มหูก็ไม่ช่วยให้ความใจร้อนของจ๋าดีขึ้นเมื่อเพื่อนฉันคนนี้ยังได้ยินอีกทั้งตอนนี้ถอดหูฟังออกพร้อมหัวร้อนเต็มที่ “ส่วนแกยัยตูนบอกชาวเสือกรับรู้บ้างจะได้หายเสือกสักที!”Rr...แต่แล้วในขณะที่ฉันอยู่คั่นกลางสนามรบระหว่าเพื่อนรักกับรุ่นน้องโทรศัพท์ก็ดันดังขึ้นมาพอดีสองคนนี้ถึงหยุดทะเลาะกัน“แป๊บนะ”ว่าแล้วฉันก็ลุกขึ้นจากโต๊ะเดินไปอีกช่วงหนึ่งซึ่งระยะห่างพอสมควรจากนั้นก็ปัดหน้าจอรับสาย“ค่ะพี่ตาม”[ตูนนี่มันอะไร กิจกรรมบ้าเหี้ยอะไร?]เอ้า... จู่ๆ ก็ถูกเป็นที่รองรับอารมณ์เฉยอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่ามันเกี่ยวข้องกับอะไร พี่ตามเห็นฉันรับสายก็พูดใส่ๆ รัวแบบนี้ได้ด้วยหรือไง“นี่มันเรื่องอะไรค่ะ กรุณาเกริ่นหัวข้อด้วย”[ก็อาทิตย์ก่อนไงที่เธอกับลูกไปงานกิจกิจกรรมโรงเรียน]“แล้ว?”ก็ไปทำกิจกรรมร่วมกับผู้ปกครองคนอื่นๆ กับต้องตาด้วยก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเทอมหนึ่งก็เหมือนมีการจัดครั้งหนึ่งด้วย กิจกรรมส่วนมากก็เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ในด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่นเพื่อเ
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงพี่ตามคงแอบรักแกมาปีหนึ่งแล้วล่ะเพื่อน เขาถึงได้นับอีกปีหนึ่งรวมด้วยอีกทั้งยังให้เกียร์แล้วด้วยโชคดีอะไรขนาดนี้จ๊ะแม่ตูนขา” จ๋าจ้องมองที่ข้อมือของฉัน เครื่องประดับชิ้นแรกที่ฉันยังไม่ได้ถอดตั้งแต่วันนั้น “แต่ทำไมพึ่งให้เกียร์ อันนี้ไม่เข้าใจ”“พึ่งนึกออกมั้งว่าควรให้ฉัน”ใช่ที่พูดออกไปฉันประชดผสมกับความหงุดหงิด“อยากได้เกียร์พี่เขาตั้งนานแล้วดิถึงพูดพร้อมกับแสดงอาการแบบนี้ออกมาให้เพื่อนอย่างฉันเห็นได้ ตูนฉันจะบอกอะไรให้นะบางครั้งคนเราก็มีเหตุผลส่วนตัวกันทุกคนอยู่แล้วเปล่า บางคนก็พูดออกมาให้คนอื่นรับรู้แต่บางคนก็เลือกแสดงออกทางการกระทำดีกว่าเหมือนผัวแก พี่ตามเป็นผู้ชายพูดไม่เก่งเท่าไหร่แต่สิ่งที่ฉันเห็นชัดในแววตาเขาคืนนั้นหรือแม้ตอนที่เจอทุกครั้งเขาชัดเจนกับแกและต้องตามาก อยู่กันมาตั้งหลายปีแกไม่เคยเห็นเหรอบอกเลยว่าคนรอบข้างเขาเห็นหมดแล้ว”“รู้”ไม่งั้นฉันจะรักผู้ชายคนนั้นทำไมส่วนบางอย่างก็เลือกสงสัยแต่ไม่ถามก็เท่านั้น“สงสัยก็ถามมีอะไรก็ถามเปิดใจพูดไปเลยจะได้มีความสุข ชีวิตมันสั้นนะหาความสุขใส่ตัวไม่ดีกว่าคว้าความทุกข์เข้ามาไม่ใช่ แกมีครบทุกอย่างแล้วนะตูนอย่าปล่อยหลุ
“จะมีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าวิจัยในตอนนี้บอกเลยไม่มีอีกแล้ว” มันก็จริงเพราะอาทิตย์ที่ผ่านมารวมไปถึงอาทิตย์นี้ทั้งฉันและจ๋าเข้าออกมอเป็นว่าเล่นทุกวัน แบกคอมมาเพื่อแก้งานใต้ตึกเพื่อความรวดเร็ว “หมดกันแพลนเที่ยวที่วางไว้ก่อนจบ”“อย่าบ่นรีบทำจะได้รีบจบ”“เห้อ” ไม่วายจ๋ากรอกตาบนพร้อมกับเสียงถอนหายใจราวกับชีวิตนี้วอดวายไปหมดโดยมีวิจัยจบเป็นตัวการสำคัญมาก “กูถามจริงเถอะตูน เราสองคนจะจบมั้ยวะ”“จะไม่จบก็ตรงวิจัยนี้แหละ”เอาความจริงเลยนะฉันก็โคตรเบื่อหน่ายมากมายเพียงแค่ไม่แสดงออกมากเหมือนจ๋าเพื่อนตัวเอง เราสองคนทำงานอยู่ใต้ตึกคณะตัวเองซึ่งมีคนอื่นๆ ด้วยประปรายเพราะปีอื่นสอบเสร็จปิดภาคเรียนไปหมดเหลือแค่ปีสุดท้ายอย่างพวกฉันเท่านั้น ถ้าส่งวิจัยตัวนี้เสร็จก็เป็นอันว่าทั้งฉันและจ๋าก็จบอย่างเป็นทางการแต่มันติดตรงที่ได้แก้แล้วแก้อีกจนไม่มีอะไรจะแก้นี่สิ!“นั่นดิ คนเก่งๆ ก็ผ่านกันหมดแล้ว”“พูดขนาดนี้ด่าว่าเราสองคนโง่เลยมั้ยอีจ๋า!”ฉันขึ้นอีแล้วนะส่วนจ๋าจากที่ทำหน้าโง่บัดนี้เปลี่ยนมาเป็นใบหน้าแดงกร่ำเพราะถูกฉันตอกหน้ากลับ วิจัยจบอาจารย์ให้ทำเป็นคู่ไงผมมันต้องตกแบบนี้อยู่แล้ว ทั้งจ๋าและฉันไม่มีใครคบหรอก
อ๋อเรื่องนี้เองลืมเสียสนิทเลยใช่อะไรที่เกี่ยวกับตูนไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีไม่ดี โดนรักแกโดยใครผมไม่เคยไม่รับรู้แต่ทำเป็นเฉยไม่คิดใส่ใจนั่นมันก็แค่ฉากหนึ่งที่ผมแสดงออกไปแต่สิ่งที่อยู่อีกด้านหนึ่งมันคือความไม่พอใจต่างหาก ทุกคนล้วนมีมุมนี้ต่อหน้ายิ้มแย้มใจดีเหมือนโง่ไม่มีพิษภัยแต่ลับหลังไม่ใช่ ผมเอาคืนทุกคนเก็บมันทุกเม็ดทุกดอกคนแรกว่าให้ตูนแรดร่าน ผมทำให้ลูกมันแรดร่านคูนสอง คนที่สองว่าให้ตูนให้ผู้ชายดีกว่าครอบครัว ผมทำให้ลูกมันหนีไปกับผัว คนที่สามว่าให้ตูนเป็นเสนียด ผมทำให้ลูกมันไม่มีใครคบ คนที่สี่ว่าให้ตูนเป็นผู้หญิงเลวท้องคามหาลัย ผมทำให้คนอื่นทำลูกมันท้องคามัธยม คนสุดท้ายว่าให้ตูนทำให้ครอบครัวอับอายเดินทีแทบเอาปี๊บมาคุมหัว ผมจึงทำให้ครอบครัวมันอับอายหนักหน่วงเดินทีคงเอาปิ๊บมาคุมอย่างที่ปากหมาๆ เคยพูดจริงทุกอย่างคือฝีมือของผมที่ทำทิ้งไว้ก่อนย้ายจากกระบี่ทำมันด้วยอำนาจของเงิน“...”“เงียบอย่างงี้แสดงว่าลืม”“ด่าเมียกูทำไมล่ะ สมอยู่ดีไม่ว่าดีขี้เสือกนัก” ใช่ผมเข้าข้างเมีย เข้าข้างตูนตั้งแต่ต้นแต่ไม่ช่วยเหลือต่อหน้าคอยหนุนหลังมากกว่า “ตูนเป็นคนแรกเลยนะที่กูทำให้แบบนี้”“กูเชื่อมึงเลยจริ
“กูไม่อยากมาที่นี่ไง ไม่อยากมาตั้งแต่แรก” อีกครั้งหนึ่งกระเป๋ากางเกงสั่นรัวด้วยเครื่องมือสื่อสาร ผมล้วงออกมาหน้าจอก็บอกว่าปลายสายคือใคร “แม่ง... ซวยแล้วไง”“ถ้าไม่กลัวเมียก็บอกไปตามตรงไอ้ตาม ไหนพิสูจน์ให้เพื่อนรักมึงคนนี้เห็นหน่อย” การโดนหลอกจากไอ้เฮียติมันเป็นแบบนี้เองผมพึ่งรู้ซึ่งถึงหลายคำด่าของไอ้บอลที่มันเคยด่าไอ้ห่าตรงหน้าผม คำสัญญาบ้าบอพวกนั้นก็แค่ข้ออ้างความเป็นจริงมันต้องการแก้แค้นที่ผมทำกับญาติมันต่างหาก การที่มันไม่ห้ามแต่ก็ใช่จะไม่เอาคืนแค่การเอาคืนมีวิธีต่างกันออกไปต่างหาก “เอาเลยเพื่อนบอกเมียเต็มที่กูรอฟังอยู่ถ้าแน่จริงบอกอยู่ซ่อง บอกจริงกูไม่ล้อมึงเลย”“...”ควาย ความคิดควายล้วนๆ ไม่มีวัวผสมสักนิด“แต่ถ้ามึงโกหกไอ้ตูนเกิดรู้ทีหลังแม่งความรู้สึกพังนะเว้ยคิดดีๆ และกูล้อมึงยันลูกบวชอ่ะเอาดิ”Rrrr...“ฮัล...”[พี่ตามอยู่ไหน ทำไมกลับช้าขนาดนี้เกือบชั่วโมงครึ่งแล้วนะไม่ถึงบ้านสักที แอบไปทำอะไรไม่ดีมาอีกแล้วใช่มั้ยหรือว่าแอบเที่ยวอีก!] ยังไม่ได้โหลเลย ช่องว่างเต็มไปด้วยประโยคคำถามของตูน“อืม...”[อืมอะไร ถามว่าอยู่ไหน?]“อยู่ซ่อง...”คำหลังเสียงผมเบาหวิวเช่นเดียวกับปรายสาย ที่
ดูแลดวงใจของแม่ให้ดีนะลูก แม่ขอให้รักตูนเท่าครึ่งที่แม่รักแค่นี้ก็พอใจแล้วกระทั่งวันเวลาผ่านไปปีกว่าตอนนี้ผมย้ายจากระบี่เข้ามาในเมืองใหญ่เพื่อเปิดธุรกิจของตัวเองรวมไปถึงดูแลธุรกิจของครอบครัวพ่วงท้ายด้วยธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งที่บางครั้งต้องบินไปกระบี่การมาบ้านในครั้งนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงผมแยกออกมาจากบ้านใหญ่แน่นอนว่าตูนก็มาด้วยส่วนความสัมพันธ์ของผมกับตูนก็มีดีบ้างแย่บ้างปะปนกันไป ผมพยายามทำให้เธอเป็นผู้หญิงเข้มแข็งกับทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตแล้วความฉลาดก็เริ่มขึ้นจากที่มีอยู่น้อยก็สะสมขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นมากตูนระเบิดอารมณ์ออกมาเป็นครั้งแรกผ่านสายโทรศัพท์กับผมคืนนั้นผมจำจนตายเพราะเธอมีไพ่เหนือกว่าวันนั้นดึกแล้ว... ผมกำลังจะกลับบ้านก็พบไอ้เฮียติมันยืนพิงรถตัวเอง มันเอ่ยทวงสัญญาจากผมทั้งที่หายไปเกือบปีกว่าจนผมนึกว่ามันลืม“หวังว่ามึงยังไม่ลืมว่าสัญญาอะไรกับกูไว้ไอ้ตาม”“ต้องการอะไรว่ามา จะได้จบๆ นี่อะไรมาทวงเกือบจะสองปีแล้วใครไม่ลืมก็บ้าแล้ว” ผมทำหน้าที่ขับรถไม่มองหน้ามันแต่ก็ตอบรับทุกประโยค “รีบหน่อยดึกแล้วกูต้องไปหาลูกเมีย”“เป็นคนรักลูกรักเมียเข้ามาทันทีเลยว่ะ”“ลูกกูก็หลานมึง