ผมยังพูดไม่ทันจบไอ้เฮียวา พี่ชายตัวดีของผมก็เปิดประตูเข้ามาซะก่อนพร้อมกับผู้หญิงที่เดินตามหลังมันเข้ามา และผู้หญิงคนนั้นทำให้ผมช็อก...ช็อกมาก แม่งเอ๊ยยยย พามาทำไมวะเนี่ย กูเจอวันนั้นยังหลอนไม่หายเลย..แล้วเธอก็พูดขึ้นด้วยท่าทางดีใจสุดๆ ซึ่งขัดกับผมมากเพราะตอนนี้ผมคิดว่ามันเหี้ยสุดๆ
“พี่ยูตะอยู่ที่นี่จริงด้วย”
“ไอ้เฮีย! มึงพามาทำไมเนี่ย” ผมหันไปด่าไอ้พี่ชายตัวดีทันที เวรเอ๊ย อุตส่าห์หนีมานี้คิดว่าจะพ้นแล้วนะ
“ก็ซายะเขาบอกว่าอยากเจอมึง คิดถึงมึงจะแย่ กูก็เห็นว่าเดี๋ยวก็จะหมั้นกันแล้วเลยคิดว่าพามานี้ได้” มันตอบกลับมาพลางทำหน้าได้อินโนเซนต์สุดๆ กวนตีนฉิบหายและทุกสายตาแม่งก็พร้อมใจกันหันมามองผม ก็ยังไม่มีใครรู้ไง ผมไม่คิดจะบอกและผมก็ไม่คิดจะหมั้นกับยัยซายะอะไรนี่ด้วย แม่นะแม่ทำอะไรไม่ปรึกษา ผมเลยหนีออกมาอยู่คอนโดซะเลย
“เชี่ยยยย..กูพลาดช็อตเด็ดไปเหรอวะ” ไอ้เฮียแม็กรีบพูดเสริมขึ้นทันที
“นี่ซินะ..กูถึงเจอมึงที่คอนโด” ไอ้ดินเอ่ยขึ้นแล้วอมยิ้มน้อยๆ ไอ้เวรนี่ก็เสือกจริงๆ แทนที่ยัยซายะจะไม่รู้ว่ากูไปหลบอยู่ไหน
“พี่ยูตะไปนอนที่คอนโดเหรอคะ ถึงว่าซายะไปที่บ้านไม่เจอ แล้วคอนโดพี่อยู่แถวไหนเหรอคะ”
“กะ…”
“ไอ้สัสดิน หุบปาก!” ผมรีบหันไปด่าไอ้เหี้ยดินพลางเอามือชี้หน้ามันอย่างคาดโทษทันที ไอ้ห่าร้อยวันพันปีไม่เห็นพูดมากอย่างงี้ แม่งน่าโมโหฉิบหาย แต่ตอนนี้จะเอาไงดีวะ...ยัยซายะนั่นก็ยังยืนทำหน้าสงสัยไม่เลิก ผมหันกลับไปมองไอ้พวกนั้นแม่งก็นั่งหัวเราะกันไม่มีใครคิดจะช่วยกูสักคน ถ้าปล่อยให้อยู่แบบนี้ไอ้พวกนี้ต้องปากโป้งบอกที่อยู่คอนโดแน่ จริงซิ..ในนี้มีผู้หญิงอีกคนนี่หว่า ผมได้ตัวช่วยแหละ...หึ
พรึบบบบ
อ๊ะ…
ผมเดินไปทิ้งตัวนั่งข้างยัยตัวเล็กนั่นแล้วยกตัวเธอขึ้นมานั่งบนตักของผมทันที ท่ามกลางความตกใจของทุกคน แต่ใครสน...ตอนนี้ผมแค่อยากไล่ยัยซายะนั่นออกไปให้ไกล...ไปจากชีวิตผมเลยได้ยิ่งดี
“ไอ้!!! ....อุ๊บ” ผมรีบเอามือขึ้นปิดปากยัยตัวเล็กนี่ที่กำลังจะด่าผมแล้วล็อกตัวเธอไว้ด้วยแขนอีกข้าง
“จุ๊ๆๆ งอนอะไรนักหนาล่ะ เมียจ๋า ดีกันนะ...นะ”
ฟอดดดด
พูดจบผมก็กดจมูกลงไปบนแก้มนวลนั่นทันทีพร้อมสูดดมความหอมเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะผละออก จะว่าไปแก้มยัยตัวเล็กนี่ก็หอมดีเหมือนกันแฮะ
“นะ..นี่มันอะไรกัน โอกาซังบอกว่าพี่ยูตะไม่มีแฟน..” ยัยน้องซายะพูดขึ้นหน้าตาตื่น คงจะตกใจไม่น้อยเลยแหละ ก็แม่ผมเล่นโปรโมทซะดิบดี เจอแบบนี้ก็ต้องช็อกเป็นธรรมดา
“จ๊ะ ไม่มีแฟน...เนี่ยเมีย แล้วเราก็รักกันมากกกก เนอะเมียจ๋า” ผมหันไปบอกยัยซายะที่ยืนอึ้งกิมกี่อยู่ข้างๆ ไอ้เฮียวาก่อนจะหันมาส่งตาหวานให้คนบนตักที่ตอนนี้ทำได้แค่ถลึงตาใส่ผมเพราะเธอไม่สามารถสู้แรงผมได้อยู่แล้ว
“ไม่จริงหรอก ซายะไม่เชื่อ พี่จ้างผู้หญิงคนนี้มาหลอกซายะใช่ไหม”
นั้นไง...กูว่าแล้ว แม่งรู้ดีจังวะ..เห็นทำตัวใสๆ แอ๊บแบ๊ว นึกว่าจะโง่..เสือกฉลาด เอาไงดีวะกู ไอ้ตัวที่อยู่บนตักแม่งก็ฤทธิ์เยอะฉิบ คิดไม่ออกแล้วเว้ยยย...เอาวะ เดี๋ยวค่อยเคลียร์ที่หลัง ผมเปิดปากยัยตัวเล็กบนตักออกแล้วปิดปากเธอด้วยปากผมแทนทันทีก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมาท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“อะ...อื้ออออ”
“เห่ย!!”
หนูดาร้องขึ้นอย่างดังก่อนที่ไอ้ดินจะดึงไปกอดไว้อย่างรู้งาน ตอนแรกก็กะจะแค่เอาปากชนไว้เฉยๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันไม่ได้ไง ผมเผลอแทรกลิ้นเข้าไปฉกชิมความหวานในปากเล็กนั่นอย่างห้ามไม่ได้ รสจูบยัยตัวเล็กนี่หวานซะจนไม่อยากถอนออกเลยแฮะ
กรี๊ดดดดดด
ปังงงงง
ผมได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงปิดประตูลงอย่างแรง คิดว่ายัยซายะนั่นน่าจะออกไปแล้ว แต่...ขออีกหน่อยแล้วกัน ไหนๆ ก็ได้จูบแล้ว ไม่ทันไรผมก็รู้สึกถึงแรงฝ่ามือปะทะเข้าที่หัวผมอย่างจัง
ผัวะ///
“ไปนานแหละ ไอ้สัส” ไอ้เฮียวานี่แมร่ง มารผจญกูทุกเรื่องจริงๆ ผมถอนจูบออกจากยัยตัวเล็กนั่นอย่างเสียดายพลางเอาลิ้นแตะลิ้มฝีปากที่ยังมีความหวานติดอยู่ก่อนจะหลุดยิ้มออกมา แต่คนบนตักทำไมนิ่งจังวะ ช็อกไปแล้วมั้ง...โฮะ...หน้าเธอแดงมาก อย่าบอกนะว่ายัยตัวเล็กนี่ไม่เคยจูบงั้นเหรอ บ้าไปแล้ว..เป็นไปได้ไง
“กูว่าช็อก หึ” ไอ้เฮียแม็กพูดขึ้นพลางยกยิ้มขึ้นมุมปากก่อนที่หนูดาจะเอื้อมมือมาสะกิดถามยัยตัวเล็กบนตัก
“มิณ เป็นไรไหม”
แล้วเธอก็สะดุ้งจนสุดตัวเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์อะไรทำนองนั้น รีบดีดตัวลุกขึ้นพุ่งไปยังประตูทันที แต่ผมไวกว่าคว้าแขนเธอไว้ได้ซะก่อนที่เธอจะถึงประตูซะอีก
เพี้ยะ////
เธอหันกลับมาฟาดมือเข้าที่หน้าผมอย่างแรง เรียกได้ว่าน่าจะสุดแรง...แม่งเอ๊ยยย เจ็บฉิบ แต่ผมยังปล่อยเธอออกไปไม่ได้เผื่อยัยซายะนั่นยังไม่กลับ ที่ทำมาทั้งหมดก็เสียเปล่าดิ
“จะตบกี่ทีก็เชิญเลย แต่อย่าเพิ่งออกไปตอนนี้”
เพี้ยะ….
อู้ยยยย
ฝ่ามือเล็กนั่นฟาดลงมาที่หน้าผมอย่างแรงจนหันไปอีกทางและตามมาด้วยเสียงร้องของไอ้พวกที่อยู่ในห้อง จะไม่ให้ร้องได้ไงแม่งเล่นซะดังสนั่น ผมหันมาหาเธอยังไม่ทันจะพูดอะไรก็โดนไปอีกที
เพี้ยะ….
อู้ยยยยย
แม่งเอ๊ยยย...มือหนักฉิบ ผมหันมาแล้วรีบคว้ามือเล็กนั่นไว้ก่อนที่จะฟาดลงมาที่หน้าผมอีกครั้ง
หมับบบบ
“พอ! ซี๊ดดดด...เจ็บฉิบ แตกแล้วมั้งปากกู”
ผมเอามืออีกข้างขึ้นแตะที่มุมปากตัวเองเพราะผมรู้สึกถึงรสฝาดอยู่ภายในปาก ได้เลือดจนได้ พอให้ตบก็เอาซะคุ้มเชียว...เดี๋ยวเจอเอาคืนแน่ ยัยตัวดี
“เชี่ยยย!” ผมร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นไอ้พี่ชายตัวดีนั่งยิ้มแฉ่งอยู่ที่เบาะหลังผ่านกระจกเงานั้น แม่งขึ้นมาตอนไหนวะ“อะไรของมึงเนี่ยเฮีย ใครเชิญ” ผมหันไปด่าพี่ชายหน้ามึนอย่างหัวเสีย“ฉันเชิญเอง มีอะไรหรอ” มือเล็กยกขึ้นข้างหัวพร้อมกับออกรับแทนไอ้เฮียวาอย่างออกนอกหน้านอกตา ไม่ไว้หน้าพวกเลยสักนิด แล้วใครจะกล้ามีคิดไหม นี่ใคร...ผัวไง แล้วนั้นใคร เมียไง จะกล้าต่อกลอนด้วยเหรอผมทำได้แค่ดึงตัวเองมานั่งตรงๆ หลังพวงมาลัยพร้อมกับเหยียบคันเร่งแบบจมตีนพุ่งตัวออกจากบ้านทันที โคตรหงุดหงิด ไอ้เฮียหมอก็อีกคน มาด่าแล้วก็ไป ไม่รู้เป็นส้นตีนอะไร หวงมิเชล ยิ่งกว่าพวกผมซะอีก พ่อกับแม่ยังไม่หวงเท่ามันเลย มันคงอยากมีน้องผู้หญิงแหละมั้ง ก็ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ต้องห่วงมิเชลมาก ยังไงก็ยังมีคนช่วยดูแลใช่เวลาไม่นานรถก็เคลื่อนตัวเข้ามาในสนามแข่งรถของไอ้เฮียวา นี่เป็นสถานที่ที่เหมาแก่การหัดขับรถมากที่สุด กว้างขวางและไม่มีสิ่งขวางกันเยอะนัก“มา เฮียจะบอกเกียร์ก่อน” ผมหันไปบอกคนตัวเล็กข้างๆ ทันทีที่รถจอดสนิท และเธอก็หันมาหาผมพยักหน้าหงึกๆ แบบตั้งใจสุดๆ“ตัว P เกียร์จอดหรือหยุด มันจะล็อกล้อเคลื่อนไปไหนไม่ได
“ป่ะเฮีย เสร็จแล้ว”ผมเงยหน้าจากจอมือถือขึ้นมองต้นเสียงที่มาหยุดยืนก้มลงสำรวจตัวเองเล็กน้อยก่อนจะฉีกยิ้มบางให้ผม ดูเหมือนเมียผมจะอยากขับรถเป็นเอามากๆ ดูจากอาการแล้วน่าจะเตรียมตัวมาอย่างดี ผมกดล็อกหน้าจอมือถือแล้วยัดมันเข้ากระเป๋ากางยีนตัวโปรดก่อนจะหยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูง เอื้อมแขนไปรั้งไหล่มิณาเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูเสียงเข้ม“ถ้าขับเป็นแล้ว ห้ามขับหนีผัวเด็ดขาด เพราะผัวจะพลิกแผ่นดินหาจนเจอแน่ๆ เข้าจั๋ย”“จะกลัวอะไรล่ะคะ ตราบใดที่เฮียยังทำตัวน่ารักแบบนี้….” มิณาเอียงคอหันมามองหน้าผมแล้วพูดขึ้นแบบยิ้มๆ แต่ยังไม่ทันจบประโยคปากบางก็เม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง แก้มนวลขึ้นสีนิดๆ ก่อนจะขวักมือน้อยๆ เป็นเชิงเรียกให้ผมเอาหูไปใกล้ปากเธอ ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย“ฉันไม่มีทางไปไหนรอดหรอก”จุ๊บ///สิ้นเสียงเล็กผมก็อาศัยจังหวะที่เธอกำลังเขินๆ หันไปจุ๊บริมฝีปากบางแบบไม่ทันตั้งตัวแล้วผละออก จนตาเล็กเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่ออย่างชัดเจน น่าฟัดจังวะ เปลี่ยนใจทันไหมเนี่ย เปลือกตาบางกะพริบถี่คล้ายกับกำลังเรียกสติตัวเองอยู่ อะไรกัน ผมทำแบบนี้ออกจะบ่อย ยัยตัวเล็กนี่ยัง
@มหาวิทยาลัย Aผมเดินลงมาจากตึกวิศวะพลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเรือนโปรดและพบว่ามันเหลืออีกตั้งชั่วโมงครึ่งกว่ามิณาจะเลิกคลาส เพราะผมเทสเสร็จก่อนเวลา ตอนแรกก็กะจะไปนั่งรอเมียที่ใต้ตึกบัญชีแต่เผอิญเหลือบตาไปเห็นพวกรุ่นน้องทั้งหลายแหล่มันนั่งเหงาหงอยอยู่ที่โต๊ะประจำ จุดรวมตัวของผมมันเลยแวะเข้าไปสร้างสีสันให้พวกมันหน่อยผมแล้วจัดการทักทายไอ้ไม้รุ่นน้องคนสนิทที่นั่งอยู่บนพนักพิงม้าหินอ่อนด้วยฝ่ามืออรหันต์ฟาดลงหัวมันดังสนั่นหวั่นไหวจนหัวเกือบทิ่มลงโต๊ะ ที่นั่งเขาก็มีเสือกนั่งผิดที่ผัวะ!!“โอ๊ย ใครวะแม่ง” ไอ้ไม้เอามือลูบหัวตัวเองแล้วหันมาโวยวายด้วยสีหน้าเอาเรื่องก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแหยๆ แทนเมื่อเห็นว่าเป็นผม“กูเองอ่ะ มึงจะต่อยกูงะ” ผมถามกลับไปพลางยักคิ้วให้มันอย่างกวนตีน ก่อนไอ้พวกรุ่นน้องที่เหลือจะลุกให้ผมนั่งแทนอย่างรู้งาน“โห้เฮีย ใครจะกล้า แต่มือหนักใช้ได้เลยนะ มึนฉิบ”“ทำไมเงียบเหงาจังวะ” ผมมองซ้ายมองขวาก่อนจะเอ่ยขึ้นลอยๆ ตามความคิดตัวเอง ปกติหน้าตึกวิศวะสาวๆ เดินสวนกันเป็นขบวนพาเลซแต่วันนี้แทบจะไม่มี เกิดไรขึ้นวะ“นั่นดิเฮีย ผมนั่งรอเหยื่อตั้งนานแล้วเนี่ย” ไอ้ไม้ตอบกลับแบบเซ็งๆ ก่อนที่
พอถึงเวลางานเลี้ยงเริ่มทุกคนก็พากันไปรุมสาวน้อยสมาชิกใหม่ของบ้านกันใหญ่ ฉันอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้เลย รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของมิเชลตอนนี้บ่งบอกได้เลยว่าเธอมีความสุขแค่ไหน“โหล เทส...โหล เทต่างๆ นานา” ฉันหันไปทางต้นเสียงเห็นพวกเฮียยูตะนั่งอยู่ตรงเวทีที่ถูกจัดไว้ริมสระว่ายน้ำ โดยมีกีตาร์โปร่งอยู่บนตักและปากจ่ออยู่กับไมค์ที่เขาพยายามเทสเสียงอยู่หลายรอบ“บัดนี้ นี้ นี้” เสียงที่ดังออกมาตามลำโพงจากเฮียวาโยที่เดินขึ้นเวทีไปยืนอยู่ข้างๆ เฮียยูตะ พร้อมเสียงแอดโค่ที่ทำขึ้นมาเองนั่น เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากทุกคนในที่นี่ได้เป็นอย่างดี“เวลาอันเป็นสมควรได้มาถึงแล้ว แล้ว แล้ววว”“มึงจะเล่นแอคโค่ทำเหี้ยอะไร เอาธรรมดาพอ” เฮียยูตะหันไปด่าพี่ชายจอมขี้เล่นของตัวเองลั่นกังวานไปทั่วเพราะไมค์ที่จ่อปากอยู่ ก่อนที่เฮียวาโยจะพูดต่อแบบธรรมดาตามที่น้องชายสั่ง“เอาแหละ วันนี้บ้านเหมบดินทร์มีสมาชิกมาเพิ่มหนึ่งคน เป็นสาวน้อย น่ารักจิ้มลิ้ม ที่มีนามว่า มิเชล มิรินดา เหมบดินทร์”แปะๆ ๆ ๆ ฮู้ๆ ๆ ๆสิ้นเสียงเฮียวาโยทุกคนก็พากันปรบมือเพื่อเป็นการต้อนรับเด็กหญิงมิเชลเข้าสู่ครอบครัว เด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนข
หลายวันต่อมา…..ฉันเปิดประตูลงมาจากรถแบบงงๆ คือเฮียยูตะพาฉันมาบ้านใต้แสงจันทร์ก็เรื่องปกตินั่นแหละ...แต่ทำไม พ่อกับแม่ของเขาถึงตามมาด้วย พวกเขาจะมาทำอะไรกันที่นี่ ถ้าจะมาบริจาคเงินต้องเอาฉันมาด้วยเหรอ เฮียยูตะเดินมาจูงมือฉันเดินตามท่านทั้งสองไปจนถึงห้องคุณแม่อธิการ“สวัสดีค่ะ” คุณแม่อธิการเอ่ยทักพ่อกับแม่ของเฮียยูตะ ก่อนท่านทั้งสองจะตอบกลับไปอย่างนอบน้อมและพากันไปนั่งโซฟากลางห้อง“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”ฉันกับเฮียยูตะก็ได้แต่ยกมือไหว้คุณแม่อธิการก่อนจะพากันไปนั่งโซฟาตรงข้ามท่านทั้งสอง คิ้วบางเริ่มขมวดเป็นปมเมื่อคุณแม่อธิการหยิบเอกสารใบรับอุปการะให้ท่านทั้งสองอ่าน อุปการะใครกัน ฉันเกินวัยที่จะต้องรับไปเลี้ยงแล้วนี่นา ไม่ใช่ฉันแน่ๆแกร่ก….แอ็ดดดดจู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ฉันรีบหันไปทางต้นเสียงทันที และก็ได้คำตอบให้คำถามที่ค้างคาอยู่ในหัวเมื่อครู่ เมื่อเด็กหญิงมิเชลเดินเข้ามาในห้องยกมือไหว้ทุกคนตามมารยาทก่อนจะเดินมานั่งลงบนตักเฮียยูตะอย่างสนิทสนม เหอะ...คือสองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหน แต่มิเชลไม่เคยยอมไปอยู่กับใครเลยนะ มีพวกคนใหญ่คนโตจะมารับอุปการะตั้งหลายครั้งแต่มิเชลก็ไม่ยอมไป
@คอนโดพอเปิดประตูเข้ามาในคอนโด เฮียยูตะก็รีบเข้าห้องตัวเองแล้วปิดประตูลงอย่างแรงเสียงดังสนั่น จนฉันถึงกับสะดุ้ง ระหว่างทางที่ขับรถกลับมาก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ ฉันรู้ว่าเขากำลังโมโหมาก พี่นนท์นี่ก็จริงๆ เลย ยั่วโมโหเฮียยูตะอยู่ได้ฉันถอนหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะเดินไปจับลูกบิดประตูห้องเฮียยูตะออกแรงหมุนมันเปิดเข้าไปและปิดมันลงอย่างเบามือ เดินตรงเข้าไปหาเจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนที่นอนหันหน้าไปทางหน้าต่าง“เฮีย โกรธฉันเหรอ” ฉันนั่งลงบนเตียงข้างๆ เขาก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือหนาที่สอดประสานกันแน่น ทำใจดีสู้เสือทั้งๆ ที่ใจก็กังวลไม่น้อย แต่เขาก็ยังคงเงียบได้แต่เสียงขบกรามเท่านั้นที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าแดงก่ำบ่งบอกได้ชัดเจนว่าอารมณ์เขาร้อนแค่ไหนฉันเลื่อนมือเล็กขึ้นนาบแก้มสากทั้งสองข้างแล้วออกแรงหันใบหน้าคมมาสบตาฉัน ก่อนจะกดจูบลงไปที่ปากหนาสักพักแล้วผละออก แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ยอมเพราะมือหนารั้งท้ายทอยฉันแล้วบดจูบลงมาอย่างเร่าร้อน ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาแบบรีบๆ ฉันเองก็ตกใจไม่น้อยแต่ก็ปล่อยให้เขาจูบอยู่แบบนั้นอื้ออออ~ ~แขนแกร่งโอบรอบเอวคอดก่อนจะออกแรงยกตัวฉันขึ้นนั่งคร่อมบนตักเขา โดยที่ปากเรา