Minarin Talk
แล้วอยู่ดีๆ รุ่นพี่ยูตะบ้ากามนั่นก็ลากฉันออกมาจากห้องและเปิดประตูห้องข้างๆ พอเห็นว่าไม่มีใครก็ลากฉันเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูทันทีแถมยังล็อกอีก เขาจะทำอะไรกันแน่...ไม่นะ ฉันเพิ่งเสียจูบแรกให้ผู้ชายที่เพิ่งรู้จักไม่กี่วัน แล้วเขายังจะ....ฉันจะไม่ยอมเสียให้เขาเด็ดขาด ถึงเขาจะหล่อแค่ไหนก็ตาม...
“นี่! จะทำอะไร” ฉันเอ่ยถามเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วพยายามที่จะแกะมือเขาออกแต่เขากลับบีบมันแน่นขึ้นก่อนจะพูดขึ้น
“ฉันไม่ปล้ำเธอหรอกน้า แค่จะคุยธุระสำคัญ เธอต้องช่วยฉัน”
“ปล่อย! ฉันไม่ช่วยอะไรทั้งนั้น ปล่อยฉันนะ..” ฉันโวยวายออกไปโดยไม่สนใจสิ่งที่เขาพูดสักนิด ฉันรู้แค่ว่าเขาอันตรายเกินไป ฉันอยู่ใกล้เขาไม่ได้ เขาลวนลามฉันทุกครั้งที่เจอ ฉันต้องอยู่ให้ห่างเขา
“นี่! หยุดโวยวายสักทีได้ไหม”
ปึกกกก
รุ่นพี่ยูตะตวาดเสียงดังลั่นก่อนจะใช้มืออีกข้างรั้วเอวฉันเข้าหาตัวเขาอย่างแรงจนร่างฉันถลาไปชนกับแผงอกแกร่งของเขา
“นี่!! ...”
ฉันเงยหน้าขึ้นตวาดเขาด้วยความโมโหแต่จังหวะนั้นรุ่นพี่ยูตะดันก้มหน้าลงมาพอดีเลยกลายเป็นว่าตอนนี้หน้าเราสองห่างกันแค่ปลายจมูกจนฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขา...ละ...แล้วมันใกล้ขนาดนี้ฉันจะพูดอะไรออก หายใจฉันยังลำบากเลย และสายตาที่สามารถหยุดหัวใจใครหลายๆ คนได้เลยทีเดียวรวมถึงฉันตอนนี้ด้วย ฉันเลยเบี่ยงหน้าหนีเขาก่อนที่จะเผลอไผลไปมากกว่านี้
รุ่นพี่ยูตะปล่อยข้อมือฉันเป็นอิสระก่อนจะเลื่อนมือหน้ามาประคองหน้าฉันให้กลับมามองหน้าเขาอย่างเดิมและพูดประโยคที่ฉันทำให้หัวใจฉันแทบจะหยุดเต้น
“คบกับฉัน”
What!!! ...เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ มาขอคบฉันทั้งที่เขามีผู้หญิงในสต๊อกเป็นร้อยเนี่ยนะ เหอะ…นี่ว่าช็อกแล้วนะ ประโยคต่อไปช็อกกว่าเป็นร้อยเท่า
“ฉันจะจ้างเธอ...เป็นแฟนฉัน อยากได้เท่าไหร่ว่ามาเลย ฉันพร้อมจ่าย นะ..ช่วยฉันเถอะนะ”
“ไม่มีทาง”
ฉันรวบรวมแรงทั้งหมดผลักเขาออกอย่างแรงแล้วเดินไปที่ประตูทันทีแต่เขาดันคว้าแขนฉันไว้ซะก่อน กะแล้วเชียว..ผู้ชายเจ้าชู้ตัวพ่ออย่างเขาเนี่ยนะ จะมาขอคบฉัน ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นว่าเขาเป็นยังไง..เปลี่ยนผู้หญิงยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าซะอีก
“มิณาริน เด็กกำพร้าอย่างเธอมีสิทธิ์ปฏิเสธฉันงั้นซิ เธอคิดว่าเธอเป็นใคร ถึงได้กล้าเดินหนีฉันแบบนี้ ฮะ!” เขาพูดพลางกัดฟันแน่นและทิ้งท้ายด้วยการตะคอกอย่างแรง นั้นซินะ...เด็กกำพร้าแบบฉันกล้าเดินหนีเจ้าชายอย่างเขางั้นเหรอ คงไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำกับเขาแบบนี้ซินะ แต่ไม่ใช่กับ มิณาริน คนนี้แน่นอน ฉันไม่เอาชีวิตอันสงบสุขของฉันไปทิ้งให้กับเรื่องไร้สาระพวกนี้แน่
“ใช่..ฉันไม่มีสิทธิ์ ฉันมันก็แค่เด็กกำพร้าจนๆ คนหนึ่ง ไม่ได้รวยล้นฟ้าเหมือนคุณนิ แต่จะว่าไปผู้หญิงในสต๊อกของคุณก็มีตั้งเยอะไปขอพวกเธอซิ..บางทีเธออาจจะเต็มใจช่วยคุณโดยไม่เอาเงินสักบาท และคุณก็ไม่ควรลดตัวลงมาเกลือกกลั้วกับคนจนๆ อย่างฉัน เพราะฉะนั้น อย่า...มา..ยุ่ง..กับ...ฉัน” ฉันตอบกลับเขาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันและย้ำประโยคสุดท้ายแบบชัดถ้อยชัดคำหวังว่าเขาคงจะเข้าใจพลางแกะมือเขาออกและหันกลับมาเปิดประตู
“ถ้าเธอกล้าก้าวขาออกจากห้องนี้ ชีวิตเธอจบไม่สวยแน่ สาวน้อย...เลือกเอาแกล้งคบกับฉันแค่สามเดือนหรือออกจากมหาลัยกะทันหัน” สิ้นเสียงเขาฉันก็หยุดกึกก้าวไม่ออกทันที เขาเอาเรื่องเรียนมาขู่ฉันงั้นเหรอ ไอ้...บ้าเอ๊ยยย ไอ้ชั่ว ไอ้เลว ไอ้… ฉันจะหาคำไหนมาด่าเขาดีมันถึงจะสาสม แล้วฉันก็เสือกกลัวเขาขึ้นมาซะงั้นเพราะรู้ว่าเขาทำได้น่ะซิ...ระดับเขาจะเอานักเรียนทุนอย่างฉันออกไม่ใช่เรื่องยากเลย
“โธ่...เว้ยยย! แล้วทำไมถึงต้องเป็นฉันวะ” ฉันหันกลับไปโวยวายใส่เขาที่กำลังยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างแล้วยกยิ้มอย่างผู้ชนะ ฉันเกลียดรอยยิ้มนี่ที่สุด ฉันเกลียดท่าทางที่ทำเหมือนเหนือกว่าคนอื่น ฉันเกลียดเขา ฉันเกลียดรุ่นพี่ยูตะ ผู้หญิงตั้งเยอะแยะ ทำไมถึงต้องเป็นอีมิณารินคนนี้ด้วยวะ
“หึ ก็เพราะซายะเห็นเธอแล้วไง ไม่ต้องห่วงแค่สามเดือน งานหมั้นจะเกิดขึ้นในอีกสามเดือนแต่ฉันจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นถอนหมั้นฉันก่อนสามเดือนให้ได้ ส่วนเธออยากได้เท่าไหร่...”
“ห้าหมื่น เดือนละห้าหมื่น” ฉันเอ่ยขึ้นทันทีที่เขาถามว่าฉันต้องการเท่าไหร่ อยู่ใกล้เขาแม่งโคตรอันตรายแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ความจริงฉันไม่มีสิทธิ์ต่อรองด้วยซ้ำถ้าเขาไม่ให้ฉันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
“โว้วว...ค่าตัวแพงฉิบ สามเดือน แสนห้า...ถ้าฉันจ่ายให้ได้ จะได้ของสมนาคุณเพิ่มไหมวะ จ่ายแพงขนาดนี้ หืม” เขาพูดจบก็ค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าหาฉันพลางเอามือลูบคางตัวเองแล้วไล่มองตามร่างกายของฉันด้วยสายตาหื่นกระหายแบบคนโรคจิต นี่ฉันคิดถูกคิดผิดวะเนี่ย...ฉันถอยหลังไปจนชนกำแพงอย่างไม่ทันระวังก่อนเขาจะหยุดเท้าแล้วโน้มหน้าลงมาหาฉัน
“ห้ามแตะต้องฉัน” ฉันโพล่งออกไปด้วยความประหม่าก่อนที่หน้าเขาจะเข้ามาใกล้กว่านี้แค่นี้ก็จะแย่อยู่แล้ว
“หึ เสืออย่างฉันเลือกกินแต่เหยื่อเด็ดๆ เท่านั้น ไม่ต้องห่วง เธอไม่อยู่ในโหมดนั่นหรอกน่า”
“ก็ดี เพราะเหยื่ออย่างฉันก็รอเสือจริงๆ เท่านั้น ไม่ใช่หมาแบบนี้” พูดจบฉันก็ผลักเขาออกแล้วจ้องหน้าเขาอย่างท้าทาย รุ่นพี่ยูตะขบกรามพลางกำหมัดแน่นเขาคงโกรธน่าดูนี่ถ้าฉันเป็นผู้ชายนะโดนต่อยหน้าหงายแน่ ดี..ให้รู้ซะมั้งว่าการโดนดูถูกมันเป็นยังไง ไหนว่าเสือผู้หญิงแค่นี้ก็จัดการไม่ได้ เสือเสออะไรกันหมาชัดๆ ฉันเดินออกมาจากห้องนั้นและเปิดประตูเข้าไปในห้องเดิมที่ยังมีพวกพี่ๆ เขาอยู่กันครบ
อื้อออ…
ฉันเดินเข้ามายังไม่ทันพ้นปากประตูรุ่นพี่ยูตะก็เดินมาขวางหน้าฉันแล้วรั้งท้ายทอยฉันเข้าไปยัดเยียดจูบมาให้ฉันท่ามกลางความตกใจของทุกคนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันมีสติเลยรีบเม้มปากเข้าหากันแน่นไม่ให้เขารุกล้ำเข้ามาได้แล้วรวบรวมแรงที่มีผลักเขาออกทันที
“ไอ้!!! ...”
“อย่าปากดีกับฉัน ไม่ใช่แค่ต่อหน้าพวกนี้หรอกนะกลางมหาลัยฉันก็จูบเธอได้จำไว้ มิณา” เขารีบพูดขึ้นมาซะก่อนที่ฉันจะหลุดคำด่าออกมา
“ไอ้…”
“เฮีย ถ้าหลุดเรียกคำอื่นละก็...คำละพัน” แล้วเขาก็เอาเรื่องเงินขึ้นมาขู่ทำให้ฉันยอมหยุดทันที คำละพันเลยเหรอวะ...แพงไปเปล่าวะเนี่ย ให้ฉันเรียกว่า เฮีย งั้นเหรอ ฉันเลยลองเรียกเขาแบบลากเสียงยาว ๆ นั่นแหละที่ฉันอยากจะด่าเขา
“อะไรนะ เฮี้ยยยยย...”
“เห่ย...ยาวไป” เขารีบร้องท้วงขึ้นพลางทำตาขวางใส่ก่อนที่ฉันจะลากเสียงยาวกว่านี้แล้วมันจะกลายเป็นคำอื่น หึ
“มิณกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยบอกทุกคนในห้องพลางยกมือไหว้แล้วหันหลังเดินออกมาจากห้องทันที บางทีฉันควรไปสะเดาะเคราะห์ไหมวะ เจอแต่เรื่องเฮงซวย...มันไม่คุ้มเลยสักนิดกับเงินแค่แสนห้าแต่ถ้าเป็นเรื่องเรียนและอนาคตฉันอะไรก็ต้องยอมแลก...เฮ้ออออ! เสียทั้งจูบ เสียทั้งชีวิตอันแสนสงบสุข แต่ก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมต่อไปนะคะ
ผมกำลังจะตามยัยตัวเล็กนั่นไปแต่เฮียวาดันลุกมาคว้าคอผมแล้วลากกลับมานั่งที่โซฟาซะก่อน“ไม่ต้องไป พูดมา มึงคิดจะทำอะไร” เฮียวาเอ่ยถามขึ้นพลางหรี่ตามองผมอย่างสงสัยและไม่ใช่แค่มันหรอกนะตอนนี้ทุกสายตาจ้องมาที่ผมคนเดียว เออ...เอาเข้าไป เหมือนกูไปฆ่าใครตายเลย คาดคั้นอะไรเบอร์นี้วะ“กูก็แค่จ้างยัยตัวเล็กนั่นมาแกล้งเป็นแฟนกู”พรวดดดด...แคร่กๆ“ฮะ!?”ไอ้ธามถึงกับเหล้าพุ่งเพราะมันกำลังยกเหล้าดกเข้าปากพอดี ส่วนคนอื่นๆ ก็ประสานเสียงกันดังลั่น ตกใจอะไรขนาดนั้น“อย่างมึงยังต้องจ้างอีกเรอะ” ไอ้เฮียแม็กถามขึ้นพลางเลิกคิ้วใส่ผม นั่นดิ ความจริงระดับผม...ผู้หญิงพร้อมจะคลานเข่าเข้ามาเป็นแฟนผมทั้งนั้น ยกเว้นยัยมิณานี่“ก็เพราะใครอะ พามาทำเหี้ยไรก็ไม่รู้ แล้วคือยัยซายะนั่นเห็นมิณาแล้วไหม จะให้กูทำไง” ผมหันไปมองไอ้เฮียวาตาขวางก่อนจะยกแก้วเหล้าของใครก็ไม่รู้...ไม่สนด้วย ดกเข้าปากรวดเดียวจนหมด หงุดหงิดชะมัด ผมไม่เคยโดนผู้หญิงปฏิเสธแบบไร้เยื่อใยยังงี้เลยนะ...แถมยังด่าผมเป็นหมาอีก แมร่งงงเอ้ยยย เสียชาติเสือฉิบหาย“เวรเอ้ยยย ใครจะรู้วะ...กูก็ไม่เห็นมึงปฏิเสธแม่หนิหว่า ก็เลยนึกว่า…”“หุบปากเลย มึงแหละตัวดี ก็เพราะม
Minarin Talkฉันเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องเป็นร้อย ๆ รอบตั้งแต่กลับมาจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรฉันก็สลัดภาพรุ่นพี่ยูตะออกจากหัวไม่ได้เลย ยิ่งสัมผัสนั่น…ฉันเผลอเอามือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างอดไม่ได้ วินาทีนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกับฉันวะ สมองเบลอไม่ประมวลผล หูอื้อไปหมดจนไม่ได้ยินเสียงใครนอกจากเสียงใจตัวเองที่เต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมา ริมฝีปากเขา ลิ้นเขา หรือแม้แต่ลมหายใจของเขาทุกอย่างเหมือนมีมนตร์สะกดให้ฉันตกอยู่ใต้ภวังค์ที่เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมา…Line~ Line~โฮะ...ตกใจหมด เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้นเรียกสติฉันให้กลับมาอยู่กับความเป็นจริง...ความจริงที่ว่า ผู้ชายอย่างเขาไม่มีวันที่จะมาสนใจเด็กกำพร้าจนๆ อย่างฉันจริงๆ แน่ นี่มันเป็นแค่แผนหลอกๆ เท่านั้น...เพราะฉะนั้นห้ามเผลอใจให้เขาเด็ดขาด แล้วนี่ฉันเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย คิดถึงเขาอยู่ได้ ฉันสะบัดหัวไล่ความคิดพวกนั้นก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดไลน์ดูNum : มึง กูกำลังจะเข้าไปเอาเลกเชอร์Min : เครๆฉันพิมพ์ไลน์ตอบน้ำเพื่อนที่คณะ มันยืมเลกเชอร์ฉันไว้ตั้งแต่เย็นแล้วแต่ฉันรีบไปหาพี่หนูดามันเลยจะเข้ามาเอาที่หอแทนก๊อกๆๆทำไมถึงเร็วนักวะ...ฉันหยิบเลคเชอร์ที่มั
เช้าวันต่อมา….ฉันนั่งดูข้อมูลที่เฮียยูตะส่งมาให้อยู่ที่โต๊ะประจำใต้ตึกบัญชี ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ก็ยังจำได้ไม่หมด ประวัติส่วนตัวหรือประวัติศาสตร์ชาติวะ เยอะฉิบ...แล้วไหนยังจะต้องเรียกสรรพนามให้คุ้นชินอีก คำละพัน ใครจะยอมเสีย...เหอะ ไม่มีทางผลัวะ!!! หัวฉันพุ่งไปตามแรงฝ่ามือที่ฟาดลงมาแบบไม่ได้ตั้งตัวจนมึนงงไปหมด พอตั้งสติได้ก็รีบมองหาต้นตอของแรงปะทะนั่นทันที“เชี่ยยย มึนฉิบ เล่นไรวะเนี่ย” ฉันหันไปด่าเพลินพลางเอามือลูบหัวตัวเองป้อยๆ กะแล้วว่าต้องเป็นมันเพราะไม่มีใครกล้าเล่นกับแบบนี้แน่ ฉันเป็นคนไม่ค่อยสุงสิงกับใครถ้าไม่สนิท แล้วมันก็เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพลางทำหน้าเหวี่ยงสุด“มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนไหม อีมิณ” เพลินถามฉันด้วยน้ำเสียงตัดพ้อน้อยใจสุดๆ อะไรวะดราม่าแต่เช้า เมื่อคืนมันดูซีรีส์เรื่องไหนมาวะ“ดราม่าอะไรแต่เช้าเนี่ย”ฉันเอามือไปโยกหัวเพลินเบาๆ มันปัดมือฉันออกด้วยท่าทางฟึดฟัดพลางยัดมือถือของมันที่เปิดค้างไว้ใส่มือฉันแล้วทำปากมู่ตู้เอามือขึ้นกอดอก อินี่เป็นหนักเหมือนกันนะ ฉันเลื่อนหน้าจอมือถือดูที่มันเปิดค้างไว้ ig เฮียยูตะ?[PIC]15454Like, 1045CommentUta_U เปลี
Thayukorn Talkผมเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมกับคู่ขาที่เกาะแขนผมไม่ยอมปล่อยพลางเลี้ยวมองคนตัวเล็กที่รีบวิ่งลงบันไดไปจนสุดสายตา แล้วแกะมือคู่ขาคนที่เพิ่งทำให้ผมสบายตัวมาหมาดๆ อย่างไม่ไยดี“กลับเองนะ ฉันไม่ว่างแล้ว” ผมบอกเธอแล้วเดินตรงมายังห้อง VIP ซึ่งเป็นที่สิงสถิตประจำของพวกผมโดยไม่สนใจคู่ขาคนนั้นแม้แต่น้อย แต่เธอรู้จักผมดีหลังจากที่ควงมาสักพักถ้าผมไม่สบอารมณ์แหละก็เธอจะรู้ทันทีว่าไม่ควรอยู่ใกล้ผมผมเปิดประตูเข้ามาแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอย่างแรง ผมยอมรับว่าก็ตกใจที่พอลิฟต์เปิดออกแล้วเห็นเด็กนั่นยืนอยู่หน้าลิฟต์และเธอคงจะเห็นด้วยว่าพวกผมทำอะไรกัน..แต่ที่หงุดหงิดสุดคือหน้าเธอตอนเห็นผมกับผู้หญิงคนนั้น เป็นห่าอะไรวะ...ทำไมทำหน้าแบบนั้น เห็นแล้วเสียอารมณ์ชะมัด“หน้ายังกะส้นตีน ไม่เด็ดไง” ไอ้ดินเอ่ยถามขึ้นพลางยกยิ้มขึ้นมุมปากอย่างกวนตีนหลังจากที่มันเดินตามผมมานั่งบนโซฟาตรงข้ามผม นั่นดิ...ผมแมร่ง เป็นเหี้ยไรวะ ทั้งที่คู่ขาผมคนเนี่ยเด็ดโคตรและผมก็รู้สึกดีมากด้วยแต่พอมาเจอยัยตัวเล็กนั่น อารมณ์ผมก็เปลี่ยนไปเฉย“เสือก”“โอ๊ะ...ไอ้สัส! ตกใจหมด มึงมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย” ผมด่าไอ้ดินก่อนจะหลุดอุทานอ
“อ้าว มิณ ลืมมือถือใช่ปะ พี่เห็นวางอยู่บนโต๊ะ”แมร่งเอ้ย...ความรู้สึกห่าอะไรก็ไม่รู้มันบอกให้ผมลุกขึ้นแล้ววิ่งตามเธอออกไปทันที จนแทบจะชนหนูดาดีที่หนูดาหลบทัน ไม่งั้นไอ้ดินฆ่าผมแน่เพราะผมได้ยินเสียงมันด่าตามหลังผมมาด้วย“ไอ้สัส! ชนเมียกู”แต่ใครสน...ผมวิ่งลงบันไดลงมาเห็นแผ่นหลังคนตัวเล็กเปิดประตูออกไปแวบๆ ผมเลยไม่รอช้ารีบตามออกไปแต่ก็ไม่เห็นเธอซะแล้ว ผมยืนหันซ้ายหันขวาอยู่หน้าผับเพื่อมองหาแต่ก็ไร้วี่แวว ล่องหนได้เหมือนไอ้ธามรึไงนะ ไวฉิบ ว่าแต่...เธอจะได้ยินที่ผมพูดรึเปล่าวะ แต่ก็...ช่างแม่งดิ สนใจอะไรผมหันหลังไปเปิดประตูเพื่อที่จะกลับขึ้นไปข้างบนแต่ใจนึงก็ไม่อยากกลับขึ้นไป กูเป็นห่าอะไรวะเนี่ย ได้ยินแล้วจะเป็นไร...ความจริงก็เป็นอย่างงั้นอยู่แล้ว กูจะมาห่วงความรู้สึกเด็กนั่นทำไมเนี่ย ไร้สาระฉิบหาย ผมปิดประตูลงอีกครั้งก่อนเอามือขึ้นขยี้ผมตัวเองแล้วหันหลังวิ่งไปที่รถตัวเองทันทีMinarin Talkฉันนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนรถประจำทางเลยหอฉันไปจนสุดสาย บ้าฉิบ...คำพูดของเขาทำให้ใจฉันหลุดลอยไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ ฉันรีบลงจากรถทันทีที่รถจอดป้ายสุดท้าย กลับไงวะเนี่ย..เดินไปเรื่อยๆ แล้วกัน ดีนะที่
ปึกกกอุกกกก////อีคนเดิมพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาต่อยท้องฉันอย่างแรงจนจุกไปหมด แมร่งงง...แน่จริงอย่ารุมดิวะ ฉันคิดว่าฉันไม่มีทางแพ้มันแน่ถ้าตัวต่อตัวเพียะ...เพียะ//ฝ่ามือของอีนคนเดิมฟาดเข้ามาที่หน้าฉันอย่างแรงสองทีโดยไม่เว้นช่วงให้ฉันตั้งหลักเลยแม้แต่น้อย ฉันหันหน้ากลับมามองมันพลางเอาลิ้นดุ้นแก้มข้างที่โดนตบด้วยแววตาที่โกรธจัด ฉันไม่เคยทำร้ายให้ก่อนแล้วฉันก็จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายแบบนี้แน่“อย่าลืมกลับไปบอกบรรพบุรุษมึงด้วยนะ ว่าล้มกูได้ด้วยหมาห้าตัว หึ”“อีสัส! ได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มแน่มึง”เพียะ///แล้วฝ่ามือมันก็ฝาดลงมาซ้ำข้างเดิมอีกทีด้วยน้ำหนักที่แรงกว่าทีแรกเป็นสองเท่า ก่อนมันจะพูดประโยคที่ทำให้ฉันรู้ทันทีว่ามันทำร้ายฉันเพราะอะไร“เลิกยุ่งกับรุ่นพี่ยูตะ ไม่งั้นมึงหน้าไม่สวยแบบนี้แน่”“ถุย! กูต้องกลัว..”มันง้างมือจะตบฉันอีกรอบแต่มีมือหน้ามารับไว้ได้ซะก่อนแล้วบีบข้อมือผู้หญิงคนนั้นจนมันทำหน้าเหยเกเพราะความเจ็บ มาเร็วกว่านี้ก็ไม่ได้เนอะ..โดนไปตั้งสามทีแล้วเนี่ย“ระ...รุ่นพี่ยะ..ยูตะ” อีคนเดิมเอ่ยเรียกชื่อเขาแบบตะกุกตะกัก หน้าถอดสีกันหมด อีสองคนที่ล็อกแขนฉันก็ปล่อยทันทีจนฉันแทบล้มเพ
“เหมือนใคร?”มิณาดึงแขนผมอย่างแรงเพื่อจะให้ผมหันกลับไปเผชิญหน้ากับเธอ ก่อนจะถามขึ้นพลางหรี่ตามองผมอย่างจับผิด หึ ร้อนตัวซินะ วัวสันหลังหวะก็จะเป็นแบบนี้แหละ“ทำไม ร้อนตัว ไปทำอะไรอย่างงั้นมาซินะ” ผมเอ่ยเสียงเรียบพลางแสยะยิ้มขึ้นมุมปากก่อนจะเอียงคอมองหน้ามิณาที่ดูเหมือนเธอจะช็อคไปชั่วขณะกับประโยคที่ผมพูดออกไป ก็แน่ล่ะ...ผมยิงเข้าประตูเต็มๆ ขนาดนั้น พลอดรักกันในรถท่ามกลางสายฝน เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด ตอนแรกก็ว่าจะไม่พูดแล้วนะเพราะเห็นว่าเธอถูกทำร้ายมา แต่ก็อดไม่ได้อยู่ดี ภาพนั้นแม่ง...หลอกหลอนผมทั้งคืนจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน“โอ๊ะ! เฮียไปอยู่ใต้เตียงฉันมาเหรอคะ โทษทีนะเสียงดังไปหน่อย” มิณาทำท่าเอามือขึ้นปิดปากคล้ายตกใจก่อนจะจีบปากจีบคอพูดอย่างน่าหมั่นไส้ แต่ที่เธอพูด...แสดงว่ายัยตัวเล็กนี่ ผมแค่ประชดนะ ทำไมมันถึงเป็นเรื่องจริงได้ล่ะ ผมหลุดโพล่งขึ้นอย่างตกใจ“นี่เธอกับไอ้หมอนั่น”“ค่ะ แล้วถึงฉันจะไปทำอะไรกับใคร ที่ไหน ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเฮียไม่ใช่เหรอ เฮียเป็นแค่นายจ้างนะ ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตฉันซะหน่อย ทำไมต้องสน” มิณาพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน แต่ประโยคนี่มันย้อนกลับมาที่ผมได้ยังไงวะ แล้วทำไมม
“โอ้เอ้...โอ้เอ้ อย่าโกรธแม่เลยนะ...นะ คืนนี้นอนนี้นะ แม่คิดถึงลูกจะแย่”“ไม่ฮะ ตราบใดที่งานหมั้นยังไม่ล้มเลิก ผมจะไม่กลับมาที่นี่อีก คุณยูริจะไม่ได้เห็นหน้าผมอีกเลยด้วย” ผมพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังพลางแกะมือแม่ออก“โอ๊ะ…! ไม่นะ...ไม่นะ อย่าใจร้ายนักเซ่ ไม่คิดถึงแม่เลยเหรอ พี่ชายลูกก็ไม่ค่อยจะกลับบ้าน มีลูกตั้งสองคนไม่มีใครสนใจแม่เลยสักคน” แม่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่น้อยเนื้อต่ำใจสุดๆ พลางก้มหน้างุดอยู่กับตักตัวเอง หึ มอบตุ๊กตาทองให้แก่คุณยูริไปเลย...สุดยอดการแสดง แน่ะ! มีทำสะอื้นด้วยนะ ผมไม่หลงกลง่ายๆ หรอกนะ เพราะโดนมาเยอะจนเข็ดแล้ว“ไม่รู้แหละ ถ้าอยากให้ผมกลับบ้านแม่ก็ต้องช่วยผม”“จะให้ช่วยได้ยังไงล่ะครับ คุณหญิงได้มาถอนหงอกแม่แน่ๆ” แม่รีบเงยหน้าบอกผมพลางส่ายหน้าไปมาเป็นพัลวัน ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย“แม่นะแม่ อยากจะบ้าตาย”ผมเห็นแม่เอานิ้วชี้ขึ้นแตะขมับตัวเองพลางขมวดคิ้วเข้าหากันเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนจะพูดเอ่ยบอกผม“แต่แม่ว่าท่าจะให้เนียนลูกควรพาน้องเข้าไปอยู่ที่คอนโดกับลูกด้วยนะ ตอนเนี่ยซายะต้องสั่งคนตามดูน้องอยู่แน่ๆ”“น้อง?” ผมเลิกคิ้วถามแม่ทันที น้องที่ว่าเนี่ยใค
“เชี่ยยย!” ผมร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นไอ้พี่ชายตัวดีนั่งยิ้มแฉ่งอยู่ที่เบาะหลังผ่านกระจกเงานั้น แม่งขึ้นมาตอนไหนวะ“อะไรของมึงเนี่ยเฮีย ใครเชิญ” ผมหันไปด่าพี่ชายหน้ามึนอย่างหัวเสีย“ฉันเชิญเอง มีอะไรหรอ” มือเล็กยกขึ้นข้างหัวพร้อมกับออกรับแทนไอ้เฮียวาอย่างออกนอกหน้านอกตา ไม่ไว้หน้าพวกเลยสักนิด แล้วใครจะกล้ามีคิดไหม นี่ใคร...ผัวไง แล้วนั้นใคร เมียไง จะกล้าต่อกลอนด้วยเหรอผมทำได้แค่ดึงตัวเองมานั่งตรงๆ หลังพวงมาลัยพร้อมกับเหยียบคันเร่งแบบจมตีนพุ่งตัวออกจากบ้านทันที โคตรหงุดหงิด ไอ้เฮียหมอก็อีกคน มาด่าแล้วก็ไป ไม่รู้เป็นส้นตีนอะไร หวงมิเชล ยิ่งกว่าพวกผมซะอีก พ่อกับแม่ยังไม่หวงเท่ามันเลย มันคงอยากมีน้องผู้หญิงแหละมั้ง ก็ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ต้องห่วงมิเชลมาก ยังไงก็ยังมีคนช่วยดูแลใช่เวลาไม่นานรถก็เคลื่อนตัวเข้ามาในสนามแข่งรถของไอ้เฮียวา นี่เป็นสถานที่ที่เหมาแก่การหัดขับรถมากที่สุด กว้างขวางและไม่มีสิ่งขวางกันเยอะนัก“มา เฮียจะบอกเกียร์ก่อน” ผมหันไปบอกคนตัวเล็กข้างๆ ทันทีที่รถจอดสนิท และเธอก็หันมาหาผมพยักหน้าหงึกๆ แบบตั้งใจสุดๆ“ตัว P เกียร์จอดหรือหยุด มันจะล็อกล้อเคลื่อนไปไหนไม่ได
“ป่ะเฮีย เสร็จแล้ว”ผมเงยหน้าจากจอมือถือขึ้นมองต้นเสียงที่มาหยุดยืนก้มลงสำรวจตัวเองเล็กน้อยก่อนจะฉีกยิ้มบางให้ผม ดูเหมือนเมียผมจะอยากขับรถเป็นเอามากๆ ดูจากอาการแล้วน่าจะเตรียมตัวมาอย่างดี ผมกดล็อกหน้าจอมือถือแล้วยัดมันเข้ากระเป๋ากางยีนตัวโปรดก่อนจะหยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูง เอื้อมแขนไปรั้งไหล่มิณาเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูเสียงเข้ม“ถ้าขับเป็นแล้ว ห้ามขับหนีผัวเด็ดขาด เพราะผัวจะพลิกแผ่นดินหาจนเจอแน่ๆ เข้าจั๋ย”“จะกลัวอะไรล่ะคะ ตราบใดที่เฮียยังทำตัวน่ารักแบบนี้….” มิณาเอียงคอหันมามองหน้าผมแล้วพูดขึ้นแบบยิ้มๆ แต่ยังไม่ทันจบประโยคปากบางก็เม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง แก้มนวลขึ้นสีนิดๆ ก่อนจะขวักมือน้อยๆ เป็นเชิงเรียกให้ผมเอาหูไปใกล้ปากเธอ ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย“ฉันไม่มีทางไปไหนรอดหรอก”จุ๊บ///สิ้นเสียงเล็กผมก็อาศัยจังหวะที่เธอกำลังเขินๆ หันไปจุ๊บริมฝีปากบางแบบไม่ทันตั้งตัวแล้วผละออก จนตาเล็กเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่ออย่างชัดเจน น่าฟัดจังวะ เปลี่ยนใจทันไหมเนี่ย เปลือกตาบางกะพริบถี่คล้ายกับกำลังเรียกสติตัวเองอยู่ อะไรกัน ผมทำแบบนี้ออกจะบ่อย ยัยตัวเล็กนี่ยัง
@มหาวิทยาลัย Aผมเดินลงมาจากตึกวิศวะพลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเรือนโปรดและพบว่ามันเหลืออีกตั้งชั่วโมงครึ่งกว่ามิณาจะเลิกคลาส เพราะผมเทสเสร็จก่อนเวลา ตอนแรกก็กะจะไปนั่งรอเมียที่ใต้ตึกบัญชีแต่เผอิญเหลือบตาไปเห็นพวกรุ่นน้องทั้งหลายแหล่มันนั่งเหงาหงอยอยู่ที่โต๊ะประจำ จุดรวมตัวของผมมันเลยแวะเข้าไปสร้างสีสันให้พวกมันหน่อยผมแล้วจัดการทักทายไอ้ไม้รุ่นน้องคนสนิทที่นั่งอยู่บนพนักพิงม้าหินอ่อนด้วยฝ่ามืออรหันต์ฟาดลงหัวมันดังสนั่นหวั่นไหวจนหัวเกือบทิ่มลงโต๊ะ ที่นั่งเขาก็มีเสือกนั่งผิดที่ผัวะ!!“โอ๊ย ใครวะแม่ง” ไอ้ไม้เอามือลูบหัวตัวเองแล้วหันมาโวยวายด้วยสีหน้าเอาเรื่องก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแหยๆ แทนเมื่อเห็นว่าเป็นผม“กูเองอ่ะ มึงจะต่อยกูงะ” ผมถามกลับไปพลางยักคิ้วให้มันอย่างกวนตีน ก่อนไอ้พวกรุ่นน้องที่เหลือจะลุกให้ผมนั่งแทนอย่างรู้งาน“โห้เฮีย ใครจะกล้า แต่มือหนักใช้ได้เลยนะ มึนฉิบ”“ทำไมเงียบเหงาจังวะ” ผมมองซ้ายมองขวาก่อนจะเอ่ยขึ้นลอยๆ ตามความคิดตัวเอง ปกติหน้าตึกวิศวะสาวๆ เดินสวนกันเป็นขบวนพาเลซแต่วันนี้แทบจะไม่มี เกิดไรขึ้นวะ“นั่นดิเฮีย ผมนั่งรอเหยื่อตั้งนานแล้วเนี่ย” ไอ้ไม้ตอบกลับแบบเซ็งๆ ก่อนที่
พอถึงเวลางานเลี้ยงเริ่มทุกคนก็พากันไปรุมสาวน้อยสมาชิกใหม่ของบ้านกันใหญ่ ฉันอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้เลย รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของมิเชลตอนนี้บ่งบอกได้เลยว่าเธอมีความสุขแค่ไหน“โหล เทส...โหล เทต่างๆ นานา” ฉันหันไปทางต้นเสียงเห็นพวกเฮียยูตะนั่งอยู่ตรงเวทีที่ถูกจัดไว้ริมสระว่ายน้ำ โดยมีกีตาร์โปร่งอยู่บนตักและปากจ่ออยู่กับไมค์ที่เขาพยายามเทสเสียงอยู่หลายรอบ“บัดนี้ นี้ นี้” เสียงที่ดังออกมาตามลำโพงจากเฮียวาโยที่เดินขึ้นเวทีไปยืนอยู่ข้างๆ เฮียยูตะ พร้อมเสียงแอดโค่ที่ทำขึ้นมาเองนั่น เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากทุกคนในที่นี่ได้เป็นอย่างดี“เวลาอันเป็นสมควรได้มาถึงแล้ว แล้ว แล้ววว”“มึงจะเล่นแอคโค่ทำเหี้ยอะไร เอาธรรมดาพอ” เฮียยูตะหันไปด่าพี่ชายจอมขี้เล่นของตัวเองลั่นกังวานไปทั่วเพราะไมค์ที่จ่อปากอยู่ ก่อนที่เฮียวาโยจะพูดต่อแบบธรรมดาตามที่น้องชายสั่ง“เอาแหละ วันนี้บ้านเหมบดินทร์มีสมาชิกมาเพิ่มหนึ่งคน เป็นสาวน้อย น่ารักจิ้มลิ้ม ที่มีนามว่า มิเชล มิรินดา เหมบดินทร์”แปะๆ ๆ ๆ ฮู้ๆ ๆ ๆสิ้นเสียงเฮียวาโยทุกคนก็พากันปรบมือเพื่อเป็นการต้อนรับเด็กหญิงมิเชลเข้าสู่ครอบครัว เด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนข
หลายวันต่อมา…..ฉันเปิดประตูลงมาจากรถแบบงงๆ คือเฮียยูตะพาฉันมาบ้านใต้แสงจันทร์ก็เรื่องปกตินั่นแหละ...แต่ทำไม พ่อกับแม่ของเขาถึงตามมาด้วย พวกเขาจะมาทำอะไรกันที่นี่ ถ้าจะมาบริจาคเงินต้องเอาฉันมาด้วยเหรอ เฮียยูตะเดินมาจูงมือฉันเดินตามท่านทั้งสองไปจนถึงห้องคุณแม่อธิการ“สวัสดีค่ะ” คุณแม่อธิการเอ่ยทักพ่อกับแม่ของเฮียยูตะ ก่อนท่านทั้งสองจะตอบกลับไปอย่างนอบน้อมและพากันไปนั่งโซฟากลางห้อง“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”ฉันกับเฮียยูตะก็ได้แต่ยกมือไหว้คุณแม่อธิการก่อนจะพากันไปนั่งโซฟาตรงข้ามท่านทั้งสอง คิ้วบางเริ่มขมวดเป็นปมเมื่อคุณแม่อธิการหยิบเอกสารใบรับอุปการะให้ท่านทั้งสองอ่าน อุปการะใครกัน ฉันเกินวัยที่จะต้องรับไปเลี้ยงแล้วนี่นา ไม่ใช่ฉันแน่ๆแกร่ก….แอ็ดดดดจู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ฉันรีบหันไปทางต้นเสียงทันที และก็ได้คำตอบให้คำถามที่ค้างคาอยู่ในหัวเมื่อครู่ เมื่อเด็กหญิงมิเชลเดินเข้ามาในห้องยกมือไหว้ทุกคนตามมารยาทก่อนจะเดินมานั่งลงบนตักเฮียยูตะอย่างสนิทสนม เหอะ...คือสองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหน แต่มิเชลไม่เคยยอมไปอยู่กับใครเลยนะ มีพวกคนใหญ่คนโตจะมารับอุปการะตั้งหลายครั้งแต่มิเชลก็ไม่ยอมไป
@คอนโดพอเปิดประตูเข้ามาในคอนโด เฮียยูตะก็รีบเข้าห้องตัวเองแล้วปิดประตูลงอย่างแรงเสียงดังสนั่น จนฉันถึงกับสะดุ้ง ระหว่างทางที่ขับรถกลับมาก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ ฉันรู้ว่าเขากำลังโมโหมาก พี่นนท์นี่ก็จริงๆ เลย ยั่วโมโหเฮียยูตะอยู่ได้ฉันถอนหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะเดินไปจับลูกบิดประตูห้องเฮียยูตะออกแรงหมุนมันเปิดเข้าไปและปิดมันลงอย่างเบามือ เดินตรงเข้าไปหาเจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนที่นอนหันหน้าไปทางหน้าต่าง“เฮีย โกรธฉันเหรอ” ฉันนั่งลงบนเตียงข้างๆ เขาก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือหนาที่สอดประสานกันแน่น ทำใจดีสู้เสือทั้งๆ ที่ใจก็กังวลไม่น้อย แต่เขาก็ยังคงเงียบได้แต่เสียงขบกรามเท่านั้นที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าแดงก่ำบ่งบอกได้ชัดเจนว่าอารมณ์เขาร้อนแค่ไหนฉันเลื่อนมือเล็กขึ้นนาบแก้มสากทั้งสองข้างแล้วออกแรงหันใบหน้าคมมาสบตาฉัน ก่อนจะกดจูบลงไปที่ปากหนาสักพักแล้วผละออก แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ยอมเพราะมือหนารั้งท้ายทอยฉันแล้วบดจูบลงมาอย่างเร่าร้อน ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาแบบรีบๆ ฉันเองก็ตกใจไม่น้อยแต่ก็ปล่อยให้เขาจูบอยู่แบบนั้นอื้ออออ~ ~แขนแกร่งโอบรอบเอวคอดก่อนจะออกแรงยกตัวฉันขึ้นนั่งคร่อมบนตักเขา โดยที่ปากเรา
“ไหนมาให้เฮียดูก่อนดิ” เฮียยูตะเอ่ยขึ้นหลังจากที่ปลดสายเบลล์ตัวเองแล้วเอื้อมมือมารั้งท้ายทอยฉันที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถเข้าไปใกล้ๆ แล้วยกมืออีกข้างขึ้นเกลี่ยเช็ดตามแก้มนวลอย่างแผ่วเบา“ตาบวมหมดแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเสียน้ำตาอีกแล้วนะ”ฉันมองหน้าแฟนตัวเองน้ำตาซึม เขาทำทุกอย่างให้ฉันด้วยความรักและความจริงใจ ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกพวกนั้น ไม่เคยเสียใจเลยสักนิดที่เปิดรับเขาเข้ามาอยู่ในชีวิต“โอ้ๆๆๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะเมียจ๋า” เฮียยูตะดึงฉันเข้าไปกอดแน่บอกพลางเอ่ยขึ้นเสียงทะเล้นพร้อมกับลูบผมฉันเบาๆ ฉันเหลือบตาขึ้นมองตนตัวโตที่ฉีกยิ้มกว้างอย่างร่าเริง อารมณ์แปรปรวนเหลือเกิน คือเมื่อกี้ยังซึ้งอยู่เลย ฉันต้องเป็นไบโพร่าตามเขาเข้าสักวันแน่ๆ“หาหมอไหม”“ฮึ้ย ไม่เอา” เฮียยูตะรีบผลักฉันออกพลางทำท่าขยะแขยงแบบสุดๆ เมื่อฉันพูดถึงหมอ แล้วหันไปเปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าทันทีฉันหลุดขำกับท่าทีของเขาพลางเปิดประตูลงจากรถแล้วรีบเดินตามไปคล้องแขนเฮียยูตะอย่างออดอ้อนออเซาะ เฮียยูตะเอามือขึ้นโยกหัวฉันเบาๆ ด้วยความเอ็นดู“อยากได้ไรครับเมีย”“อยากรักเฮีย” ฉันแกล้งตอบกลับเขาเสียง
สิบห้าปีก่อน…..ฉันนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนที่นอนก่อนจะลุกขึ้นมาเล่นตุ๊กตาอยู่คนเดียว เพราะนอนไม่หลับ คืนนี้พ่อกลับดึก ฉันรอพ่อก่อนดีกว่าตึงง...กรี๊ดดด...อุ๊บ“แม่!” ฉันร้องขึ้นด้วยความตกใจเพราะเสียงกรีดร้องนั่นเป็นเสียงของผู้เป็นแม่ ฉันรีบลุกจากที่นอนไปเปิดประตูออกจากห้องและวิ่งไปที่ห้องของแม่ทันทีภาพที่ฉันเห็นคือผู้ชายร่างหนาที่ฉันไม่รู้ว่าเป็นใครคร่อมอยู่บนร่างแม่ที่ดิ้นไปมาทุรนทุรายน้ำตาไหลอาบสองแก้ม ฉันไม่รู้ว่าเขาทำอะไรแม่ ฉันรู้แต่ว่าแม่เจ็บปวด ฉันต้องช่วยแม่ ฉันหันซ้ายหันขวา แล้วไปคว้าเอาปิ่นปักผมแม่โดดขึ้นเตียงออกแรงปักเข้าไปที่ต้นคอชายคนนั้นทันทีโอ๊ยยยผลั่ก...ตึงงงง“ใยไหม ไปเร็วลูก” แม่ผลักร่างหนาตกลงไปนอนโอดโอยอยู่บนพื้นห้องและรีบลุกขึ้นอุ้มฉันลงจากเตียงและวิ่งไปที่ประตูห้อง แต่ฉันไม่ทันไปถึงไหน ร่างแม่ก็หยุดกึกและปล่อยฉันลงกับพื้นพลางเอามือขึ้นจับผมตัวเองที่โดนทึ้งดึงจากชายปริศนานั้นโอ๊ยยยย“เก่งทั้งแม่ทั้งลูกเลยนะมึง” ผู้ชายคนนั้นพูดขึ้นเสียงแข็งก่อนจะจับร่างแม่โยนไปบนที่นอนอย่างแรง ฉันถูกสอนมาแบบไม่ให้อ่อนแอและไม่เคยกลัวอะไร ยิ่งเห็นแม่ถูกทำร้ายแบบนี้ฉันยิ่งยอมไม่ได
วันต่อมา….ผมเดินกอดคอมิณาเข้ามาใต้ตึกบัญชี นี่กลายเป็นกิจวัตรที่ผมต้องทำในทุกๆ เช้าวันที่มีเรียน เพราะผมไม่ไว้ใจสายตาของตัวผู้ทั้งหลายที่คอยแอบมองเมียผมอยู่เลยเวลาผมเผลอ ใจก็อยากโอนย้ายมาเรียนบัญชีด้วยซ้ำ แต่อีกแค่เทอมเดียวก็จะจบแหละ ทางมหาลัยต้องไม่สะดวกทำเรื่องให้ผมแน่ๆ เลยมานั่งเฝ้าตอนว่างๆ เอาแทน“อ้าว เฮียทำไมมานั่งนี่อะ” มิณาเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเห็นผมนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เธอ เพราะปกติผมส่งเธอถึงที่หมายเรียบร้อยก็จะตรงดิ่งไปที่ตึกวิศวะทันที แต่วันนี้เป็นไรไม่รู้ คิดถึงเมีย ยังไม่อยากห่าง แต่ความจริงก็คือมันมีกิจกรรมของชมรมห่าไรไม่รู้มาจัดอยู่หน้าตึกบัญชี และผู้แม่งก็เยอะฉิบหาย“เฝ้าเมีย” ผมพูดขึ้นพลางหันมองซ้ายมองขวาด้วยอารมณ์ที่โคตรจะหงุดหงิด ก่อนจะหันไปเห็นเพลินตานั่งอมยิ้มอยู่ เออลืมเลยว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย แต่ก็ช่าง ตอนนี้โคตรโมโหชมรมห่านี่เลย ที่อื่นมีเยอะแยะไม่ไปจัด มาจัดทำห่าอะไรตรงนี้วะ น่ารำคาญฉิบ“หยุดเลยมึง ไม่ต้องพูด” มิณาพูดดักพลางเอามือขึ้นชี้หน้าเพื่อนรักที่กำลังจะอ้าปากแซว ที่ผมพูดเมื่อกี้ ก่อนที่เพลินตาจะเม้มปากแน่นและก้มหน้าเล่นมือถือตัวเองต่อ“เอ่อ มึงรู้