“นิยายที่เธอเขียนนี่ มันจะได้อารมณ์เท่าตอนที่พี่ยั่วเธอไหมนะ?”
더 보기@Dee Day Condominium
ปึก!
ร่างกำยำสูงร้อยแปดสิบห้าถูกหญิงสาวใบหน้างามผลัก จนแผ่นหลังกว้างชนเข้ากับประตูห้องเสียงดัง ก่อนที่เธอจะตามมาแนบชิด
บดเบียดความอวบอิ่มไร้ซึ่งบาร์เซียสีปกปิดเข้ากับแผงอกแกร่ง ช้อนสายตาขึ้นมองสีหน้าชายหนุ่มอย่างเย้ายวน แล้วซุกหน้าคลอเคลียกับซอกคอหนา ยั่วยวนปลุกอารมณ์
“อย่าดูด” เสียงทุ้มกระเส่า หลับตาลงแล้วเงยหน้าขึ้น ถึงกลิ่นกายสาวตรงหน้าจะไม่ถูกจมูกแต่ก็พอทนได้อยู่บ้าง
ไม่ใช่ว่าเธอตัวเหม็นหรืออะไร แต่คนเรามันมีกลิ่นเฉพาะตัวที่ต่างกัน และกลิ่นที่ชอบมันไม่ใช่กลิ่นนี้...
หญิงสาวผุดยิ้มบางๆ พรมจูบโดยไม่ฝากรอยตั้งแต่ไหปลาร้าลงมาที่เม็ดยอดสีเข้ม ปากอิ่มเตรียมจะดูดสร้างความรัญจวนให้แก่อีกฝ่าย ทว่าก็ถูกมือหนาบีบเข้าที่ลำคอ
“มะ มาวินคะ” คนตกใจกลืนน้ำลายลำบาก เธอแค่อยากให้ความสุขแก่เขา
“ถ้าพูดไม่ฟังก็พอแค่นี้” การที่เธอทำเกินกว่าคำสั่ง มันทำให้หมดอารมณ์อย่างง่ายดาย
“วะ วีวี่ทราบแล้วค่ะ” ลำคอที่ถูกบีบรัด ทำให้เธอ กลัวขึ้นมาจับใจ
กฎเหล็กของ มาวิน เมธาวัฒนกิจ เจ้าของใบหน้าหวานล้ำกระชากใจ มีอยู่สามข้อ
ข้อหนึ่งเวลาเอากันห้ามทำรอย
ข้อสองเวลาเอากันห้ามร้องคราง มันรำคาญหู
ข้อสามหลังเสร็จกิจห้ามตาม ห้ามตอแย
ใครฝ่าฝืน มาวินพร้อมจะตัดขาดกับพวกเธอเหล่านั้นทันที โดยไม่สนใจว่าจะสวยหรือถูกใจมากแค่ไหนและเรื่องพวกนี้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่นอนย่อมรู้ดี
“วีวี่ขอโทษค่ะ วินให้วีวี่แก้ตัวนะคะ” ไม่ใช่เพียงเพราะหน้าตาอันหล่อเหลาราวกับดาราเกาหลีอย่างเดียวที่ทำให้เธอยอม เงินในกระเป๋าของเขาก็มีผลที่ทำให้เธอจำนนต่อทุกอย่าง แม้ต้องแลกมาด้วยความเจ็บและทรมานที่อีกฝ่ายมักชอบทำรุนแรงก็ตาม “นะคะวิน วินให้โอกาสวีวี่อีกครั้งนะคะ”
ฝ่ามือหนาค่อยๆคลายออก เปลี่ยนมาเชิดปลายคางมนแล้วตวัดไปด้านข้าง ก่อนที่จะทาบริมฝีปากฝังฟันคมลงบนต้นคอขาวนวล ขบแรงๆจนเป็นรอยเขี้ยว แล้วเคลื่อนลงไปกัดที่บ่าน้อย
เขาซาดิสม์!
วีวี่กัดฟันแน่น เจ็บจนน้ำตาไหลแต่ก็ไม่ยอมปริปาก เพราะนี่เป็นวิธีเดียวที่ทำให้เธออยู่นานกว่าสาวๆทุกคนที่เขาควง
ครืดด ครืดด
แรงโทรศัพท์บนชั้นวางรองเท้าดึงความสนใจของมาวินให้ผละจากร่างเล็ก เอื้อมมือไปคว้าสิ่งนั้นที่วางอยู่บนชั้นวางรองเท้า ถึงกับต้องถอดหายใจ จำได้ว่านี่เป็นสายที่สิบแล้วที่ คุณนายรัญญา โทรมา
(มันเป็นจะใดอ้ายวิน บ่อปิกบ้านปิกจอง แม่โทรหาก่อบ่อฮับสาย) {มันเป็นยังไงพี่วิน ไม่กลับบ้านกลับช่อง แม่โทรหาก็ไม่รับสาย}
“วินติดเฮียนครับ” {วินติดเรียนครับ} น้ำเสียงนุ่มหูคุยกับผู้เป็นแม่ด้วยภาษาถิ่น ปลายสายร้อนรนจึงต้องเอาน้ำเย็นเข้าสู้
หญิงสาวที่ได้อิสระลงไปนั่งคุกเข่า รั้งกางเกงสแล็คสีดำของกายหนาลงถึงข้อพับแล้วปรนเปรอให้เขาเป็นการแก้ตัว ขณะเดียวกันก็ช้อนสายตาขึ้นอย่างเชิญชวน แม้จะหวั่นกับความใหญ่โตที่ไม่เคยจะชินแต่ก็สู้ตายเพื่อมัดใจ
(ติดเฮียนอะหยัง? อย่ามาจุ๊ ติดสาวก่ออู้มา) {ติดเรียนอะไร? อย่ามาโกหก ติดสาวก็พูดมา)
“วินจะเอาสาวตี่ไหนมาครับ กู่วันนี้แค่เฮียน วินก่อเหนื่อยแล้วครับคุณนาย” {วินจะเอาสาวที่ไหนมาครับ ทุกวันนี้แค่เรียน วินก็เหนื่อยแล้วครับคุณนาย} คนโป้ปดขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้มมองลูกรักที่กำลังคับปากอุ่น ใช้มือข้างที่ว่างกดหัวเธอ ให้ท่อนลำเข้าไปในปากน้อยลึกขึ้น
(แม่ฮู้นิสัยอ้ายวินดี ถ้าบ่าอยากหื้อมรดกตกไปเป็นของปุ๊กกี้ก่อปิกบ้านมาพ่องเลาะ) {แม่รู้นิสัยพี่วินดี ถ้าไม่อยากให้มรดกตกไปเป็นของปุ๊กกี้ก็กลับบ้านมาบ้าง}
“ครับๆ เดียววินว่างละจะปิกบ้าน ฮักเด้อครับ” (ครับๆ เดี๋ยววินว่างแล้วจะกลับบ้าน รักนะครับ) เมื่ออารมณ์มันพุ่งทะยาน คำขู่ของแม่ที่จะยกสมบัติให้กับหมาปอมเมอเรเนียนจึงไม่มีผล บอกรักแล้วกดตัดสายทันที จากนั้นก็หันมาสนใจใบหน้างาม
จับเธอลุกขึ้นหันหน้าเข้ากับประตู ความรุนแรงก็ขึ้นกับอารมณ์ที่แผ่ซ่าน
มือหนาเอื้อมหยิบซองสี่เหลี่ยมจากที่เดียวกับโทรศัพท์ ฉีกมันด้วยปากแล้วสวมใส่ด้วยความชำนาญ กดส่วนหัวใส่กึ่งกลางสาว พร้อมเอ่ยเตือนข้างหู
“ถ้าเธอร้องฉันจะหยุดทันที”
ห้องตรงกันข้าม
ห้องพักสี่เหลี่ยมขนาดสตูดิโอหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ ถูกตกแต่งด้วยชั้นหนังสือราวกับเป็นห้องสมุดขนาดหย่อม ร่างเล็กนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานติดริมหน้าต่างบานเกล็ด
ดวงตากลมโตภายใต้แว่นตาทรงหนาจดจ่อกับหน้าจอแมคบุ๊ค ข้างกันนั้นมีแผ่นกระดาษมากมายที่เขียนพล๊อตนิยายเอาไว้เป็นเรื่องราวด้วยลายมือของเจ้าตัว
ติ่ง!
ทันทีที่เสียงแจ้งเตือนดัง ปันปัน ก็ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู นิ้วเรียวกดดูรูปคู่รักที่พร้อมจะเป็นครอบครัวกันแบบเต็มตัว เห็นแล้วก็อดมีความสุขตามไม่ได้
Rrrr
[เด็กน้อยปลาทู]
“ว่าไงจ๊ะ ว่าที่เจ้าสาวป้ายแดง” ไม่ต้องรอให้โทรศัพท์ในมือได้สั่นนาน แค่เห็นชื่อก็กดรับสายทันที ที่ตั้งชื่อเพื่อนแบบนั้นก็ตามนิสัยนางนั้นแหละ
(ทำไมไม่เห็นเตี๊ยมกันก่อนว่าพี่คิณขาจะขอฉันแต่งงาน)
“ทำไมล่ะ?” นั่งเอนหลังพร้อมกับถอดแว่นตาไว้บนโต๊ะ เผยใบหน้างามหวานฉ่ำอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน นวดคลึงเปลือกตาเล็กน้อยก็หยิบมาใส่ใหม่
(ก็ฉันไม่ได้เตรียมตัวน่ะสิ ไม่สวยเลย)
“คิกๆ” คนฟังหัวเราะออกเสียง ปลาทู มักจะเป็นแบบนี้ มั่นใจกับทุกเรื่องยกเว้นหน้าตาตัวเอง ทั้งที่ก็น่ารักหน้าหยิกแต่ทำไมยังบอกว่าตัวเองไม่สวยก็ไม่รู้
(ถ้าเธอบอกก่อนฉันจะได้เตรียมตัว ใส่ชุดสวยๆ ฝึกไม่ร้องไห้)
“เหรอ” ถึงกับต้องเปิดดูรูปอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่เห็นว่ามันดูแย่ตรงไหน แถมยังดูดีอีกต่างหาก “ถ้าเตรียมตัวก่อน เขาคงเรียกว่าเซอร์ไพรส์หรอก”
(แต่ยังไงก็ขอบคุณนะปันปัน และที่โทรไปไม่มีไร...)
“หึ?” ขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางลุกขึ้นไปหยิบกุญแจและกระเป๋าสตางค์ ไหนๆงานเขียนก็ถูกขัดจังหวะแล้ว จึงคิดจะออกไปหาอะไรกินใกล้ๆคอนโด
(แค่จะโทรมาขิง ว่าฉันกำลังจะแต่งงาน)
“โอ้ยย!” โอดครวญด้วยรอยยิ้ม ในใจเต็มเปรียบไปด้วยความยินดี พี่ อคิณกับปลาทูนี่เหมาะสมกันที่สุดแล้ว “ดีใจด้วย”
(รีบตามมา รอเห็นความสุขของเธออยู่ แม่นักเขียนสุดที่รัก)
“อีกนาน ไม่รู้ว่าทางนี้เนื้อคู่จะเกิดหรือยัง”
ปึก!
จังหวะที่ปิดประตูก็เกิดเสียงดังราวกับคนทุบประตู ที่ดังมาจากห้องตรงข้าม มันดังขนาดที่คนในสายยังได้ยิน
(เสียงไรงะปัน?)
“มะ ไม่รู้ดิ” พลางก้าวขาเข้าไปใกล้แล้วแนบหูไปกับบานประตูห้องตรงข้าม ซึ่งเป็นห้องของพี่รหัส “เดี๋ยวฉันโทรกลับนะปลาทู”
ปึก ปึก!
ปันปันถึงกับสะดุ้งตัวตกใจ เสียงเมื่อครู่มันเหมือนกับแรงกระแทกของหนัก ทำเอาใจคอไม่ดี จากที่ไม่เคยจะสนใจเจ้าของห้อง มือน้อยทุบประตูรัวๆ
ปัง! ปัง! ปัง!
“พี่วิน เป็นอะไรหรือเปล่า?” ตะโกนถามเข้าไปด้านในไม่พอ ต้องกดกริ่งหน้าห้องด้วย
ดังขนาดนั้นไม่ใช่ว่าเขากำลังมีเรื่องกับใครอยู่เหรอ?
จู่ๆ บานประตูก็เปิดแง้มออกเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาเตรียมจะโผล่ออกไปเพียงให้ได้สื่อสารกันเท่านั้น ทว่าก็ไม่ทัน เพราะคนเป็นห่วงได้ออกแรกผลักเข้าไป
“พี่วิน เป็นอะ...ไร” ปันปันเหมือนกับคนที่ถูกแช่แข็งเมื่ออีกฝ่ายดูปกติดี และที่สำคัญเขากำลังเปลือยท่อนบน อวดมัดกล้ามและซิกแพคที่น่ามอง ในขณะที่ช่วงเอวถูกปิดคลุมไว้ด้วยผ้าเช็ดตัวพื้นบาง ซึ่งมันโคตรจะบางเฉียบจนแนบไปกับกลางเป้าที่ใหญ่โต เล่นเอาลำคอน้อยกลืนน้ำลายไม่ลงคอ กระพริบตาปริบๆ
ข้างกันนั้นก็มีหญิงสาวใบหน้าสะสวยอีกคน เธอนุ่งด้วยผ้าเช็ดตัวสีเดียวกันกับคนตัวโต แววตาและท่าทางของเจ้าตัวทำให้ปันปันรู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจเอามากๆ ที่มาขัดจังหวะ คงกำลัง...กันสินะ
แย่แล้วฉัน!
“เออ...คือ...” อยากจะขอโทษ แต่มันพูดไม่ออก
“ออกไป” น้ำเสียงติดไม่สบอารมณ์ คนรู้ตัวจึงรีบโค้งหัวให้ หมุนตัวเตรียมจะออกจากห้อง ทว่าท่อนแขนแกร่งกลับสอดเข้ามารั้งเอวบางเอาไว้จากทางด้านหลัง ให้ร่างเล็กขยับเข้ามาแนบชิดกับแผงอก โน้มกระซิบข้างหู “พี่ไม่ได้หมายถึงเธอ”
ปากบางเม้มเข้าหากันแน่น กำของในมือแน่นขนัด หัวใจเต้นแรงตึกตักเจียนจะวาย ยิ่งลมหายใจอุ่นเป่ารดตรงต้นคอก็ยิ่งขนลุกเกลียว แข็งทื่อไปทั้งตัว
“ไม่ได้ยินหรือไง บอกว่าให้ออกไปไงวะ” หันไปตะคอกใส่หญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ สีหน้าเธอเหวอไป ก่อนจะรีบคว้าเอาเสื้อผ้าที่ตกพื้นกระจาดกระจายแล้วรีบเปิดประตูออกไปทั้งอย่างนั้น
ภายในห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงลมหายใจของพี่รหัสที่รุนแรงขึ้นราวกับกำลังสูดดมกลิ่นกายสาว มันหอมยั่วยวนดมกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ อดไม่ได้ที่จะถูไถช่วงล่างที่เป็นลำใหญ่ใส่ร่องก้นงอนผ่านเนื้อผ้า
“นิยายที่เธอเขียนนี่ มันจะได้อารมณ์เท่าตอนที่พี่ยั่วเธอไหมนะ?” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้พูดไปแบบนั้น แต่แค่ได้เห็นแก้มป่องๆกลิ่นหอมยั่วกำหนัด ทุกอย่างในร่างกายมันก็ไปของมันเอง และกลิ่นนี้ที่เขาชอบ
...แต่เธอไม่ชอบ
“กรี๊ดด!!!” ทั้งเขินทั้งอาย ความร้อนวูบวาบทำให้คนตัวเล็กทนไม่ไหวกรี๊ดลั่น ผลักคนบ้ากามให้ออกห่าง แล้ววิ่งสุดชีวิต ตรงเข้าห้องตัวเอง
“หึหึ” มาวินมองตามหลังเด็กน้อยแล้วหัวเราะชอบใจ เขาแอบเห็นหรอกว่าเนื้อตัวน้องแดงอมชมพูไปหมด น่าขย้ำเป็นบ้า นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องรหัส คงได้จับตอก ดัดนิสัยชอบสอดรู้สอดเห็นไปแล้ว
แล้วจะยังไงต่อละกู?
ใบหน้าหวานคมก้มมองขาที่สามของตัวเองแล้วส่ายหัวไปมา หมั่นเขี้ยวน้องห้องตรงข้าม
เด็กหนอเด็ก! ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเลยไหมกู
ปัง!
ปันปันกระแทกปิดประตูเสียงดัง เข่าอ่อนทรุดตัวลงกับพื้น ดวงใจสั่นกระตุกรัวๆขณะที่เสียงทุ้มกระเส่านั่นยังดังก้องหู ทำเอาใบหน้าเห่อร้อนยิ่งกว่าอยู่หน้าหม้อไฟเดือดๆ
“ไอ้บ้า! ไอ้พี่มาวินคนบ้า!” ปกติแค่โดนเขาแกล้งนิดแกล้งหน่อย ใจเธอก็สั่นอยู่แล้ว นี่เล่นแกล้งกันถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ อีกหน่อยคงไม่ถึงเตียงกันเลยเหรอ
มันเกินไป มันเกินไปจริงๆ
หลังจากผ่านค่ำคืนที่ราวกับสงครามใหญ่ เช้านี้ปันปันจึงตื่นมาด้วยอาการปวดเมื่อยและเกือบจะไม่ตื่นหากไม่มีนาฬิกาปลุกอย่างพี่มาวิน ที่ใช่ว่าจะปลุกกันดีๆ วิธีของเขาคือการเคลื่อนตัวลงไปใช้ปากหยอกเย้ากับทรวงอกและถ้าเธอไม่รู้สึกตัวก่อน คงมีไต่ลงเรื่อยๆไปถึง…เมื่อคืนก็เกือบเช้าเลยนะ เขาไม่เหนื่อยบ้างเลยเหรอ คนหื่น! คนบ้ากาม!“นี่ไม่ใช่ว่ากำลังนั่งด่าผัวในใจหรอกใช่ไหม?” แค่เห็นใบหน้าคิ้วขมวด คนที่พึ่งออกจากห้องน้ำก็เดาออกมาวินยืนพิงประตูโดยที่ร่างกายมีผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียวผูกหมิ่นเหม่ตรงช่วงเอว ผมเปียกและมีหยดน้ำอยู่บนตัวชวนหวั่นใจแสนรู้เกินไปแล้วพี่วินปันปันคิดในใจแต่ไม่กล้าพูดออกมา เปิดผ้าห่มแล้วก้าวลงจากเตียง คนสายตาสั้นสี่ร้อยมองไม่ค่อยชัดแต่ก็ใช้สัญชาตญาณของการมองเห็นเลือนรางเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่อยู่ตรงราว จะอาบน้ำต่อพี่หลังจากนอนบิดขี้เกียจเกือบสิบนาทีหมับ!ความที่หมั่นเขี้ยวอยู่แล้ว จังหวะที่ร่างเล็กเดินผ่านฝ่ามือหนาก็คว้าเอวบางเข้ามาแนบชิดแล้วประคองท้ายทอย ดูดคลึงกลีบปากสีอ่อนทั้งบนและล่างมอนิ้งคิส ผละออกได้มือน้อยก็รีบปิดปากตัวเองทันทีเพราะยังไม่ได้ล้างหน้าแปลงฟัน น่าอายมาก“พี
@ หัวใจมาวินรีสอร์ทรถจอดสนิทเจ้าของใบหน้าหล่อก็มองสำรวจหาความหวานบนดวงหน้าจิ้มลิ้ม ซึ่งก็กระจายอยู่ทุกตารางเมตรของใบหน้าละมุน มันตรึงใจแกร่งเอาไว้เสียอยู่หมัดจนถอดถอนไม่ได้แขนข้างที่น้องซบมันชาเล็กน้อยจากการค้างอยู่ท่าเดิมเป็นเวลาเกือบชั่วโมง จึงค่อยๆชักกลับแล้วใช้มืออีกข้างยื่นไปเกลี่ยผิวแก้มใสแผ่วเบา“น่ารักจังแหะ” ตั้งแต่ตอนไหนกันที่คนอย่างมาวิน เมธาวัฒนกิจ ได้กลายเป็นไอ้โรคจิตที่เอาแต่มองหน้าเมียแล้วอมยิ้มอยู่คนเดียวเดาว่าคงเป็นตอนที่มีอันตรายแล้วเขาไม่คิดจะนึกถึงชีวิตของตัวเอง หากแต่นึกถึงคนตัวเล็กก่อนเป็นอันดับแรก ขอแค่เธอปลอดภัยแล้วเขาจะเป็นยังไงก็ช่างละมั้ง คงเป็นตอนนั้นการได้เห็นเด็กสาวอยู่ข้างกาย แม้จะยามหลับหรือยามตื่น แม้น้องจะนั่งจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยมทำงานอยู่ในโลกของตัวเอง จะยังไงจะแบบไหนมันก็ยังดีกว่าการไม่ได้เห็นหน้ากันพอลองมองย้อนกลับไปถึงแรกเริ่มมาจนถึงวันนี้โคตรจะไม่ใช่เรื่องง่าย มันคือบทเรียนที่ราคาแพงที่สุดในชีวิตของผู้ชายคนหนึ่ง บทเรียนเรื่องเวลาและบทเรียนเรื่องใช้ชีวิต ไม่มีอะไรง่ายเลยสักอย่าง“พี่วิน” ดวงตาคู่น้อยค่อยๆปรือขึ้นแต่ก็ยังไม่ขยับ“ถึงแล้วครับ” ย
ออกจากวัดก็บ่ายแก่แล้ว มาวินจึงพาคนตัวเล็กขับรถมายังร้านอาหารเจ้าประจำของครอบครัวที่อยู่ในตัวเมือง ระหว่างทางก็เริ่มเห็นผู้คนขนถังน้ำมารอต้อนรับประเพณีวันสงกรานต์ บางจุดก็เริ่มมีคนรอโบกรถสาดน้ำกันแล้วด้วยเดินเข้าซุ้มประตูที่เป็นหน้าจั่วก็จะเป็นลานกว้างๆที่ปูด้วยพรมสีอ่อน มีหมอนอิงกับเบาะนั่งเป็นตัวแบ่งสัดแบ่งส่วน ตรงด้านหน้าเป็นพื้นที่ว่างที่ยกสูงขึ้นมาหน่อยเป็นเวที บริเวณโดยรอบถูกตกแต่งด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ให้ความร่มรื้น“สวัสดีจ้าวน้องวิน” ญาดาเจ้าของร้านแต่งตัวด้วยชุดผ้าซิ้นพื้นเมืองเดินเข้ามาต้อนรับ ชายหนุ่มเจ้าของชื่อยกมือไหว้แล้วสวมกอด “บ่าปะกันเมิน หล่อขนาดน้องปี่” {ไม่เจอกันนาน หล่อมากน้องพี่} จับใบหน้าคมคายพลิกซ้ายทีขวาที ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เหมือนไอ้เด็กแสบที่ทะเลาะกับแม่ใหญ่แล้วชอบมากกอยู่ที่นี่“ของมันแน่อยู่แล้ว” มาวินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม พี่ญาดายังคงเป็นพี่สุดสวยที่เขารักและเคารพเหมือนเช่นวันวาน“แล้ว...”“อ่อ เธอขานี่พี่สาวพี่ ชื่อพี่ญาดา เป็นรุ่นพี่ของพี่” เห็นสายตาของอีกฝ่ายที่มองเมียเด็ก มือหยาบก็รีบคว้าตัวน้องมาโอบเอวคอด แนะนำให้ต่างฝ่ายต่างรู้จักกัน มือน้อยก็รีบประนมไหว
ช่วงบ่ายของวันถัดมา“คิดถึงแม่นะคะ” ปันปันพูดสายกับมารดาผ่านทางโทรศัพท์ คนเป็นพี่ที่กำลังขับรถเลี้ยวเข้าซอยก็อยากมีส่วนร่วม เอี่ยวตัวเข้ามาคุย“ผมก็คิดถึงแม่ยายนะครับ” ดวงหน้าเล็กหลุดยิ้ม ก่อนจะกดเปิดสปีกเกอร์โฟนให้คนตัวโตได้ยินด้วย(เธอมันน่าเป็น แล้วอาการเป็นยังไงบ้าง? น้องดูแลดีหรือเปล่า?)คิ้วบางขยับเลื่อนเข้าหากันอัตโนมัติ นับวันคนเป็นแม่ยิ่งทำเหมือนพี่มาวินเป็นลูกชายตัวจริงเข้าไปแล้วทุกวัน เขาอยากได้อะไรมารดาก็จะตามใจตลอด ไม่เว้นแม้กระทั่งตอนนี้เห็นแม่ยายลูกเขยปรองดองกันได้มันก็ดีแต่บางทีลูกสาวแท้ๆก็น้อยใจเป็นนะมาวินเหลือบมองสีหน้าของคนตัวเล็กก็อมยิ้ม เอื้อมมือยีหัวน้อยเอ็นดู “น้องดูแลผมมากครับคุณแม่ยาย” น้ำเสียงแฝงความใน คนตัวเล็กก็หายใจไม่สะดวกดันเผลอนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนคนบ้า ที่ผ่านมาแกล้งเจ็บหรือเปล่าก็ไม่รู้(ดีแล้ว ถ้าน้องทำอะไรให้ไม่พอใจเธอรีบโทรมาบอกแม่เลยนะ)มีการออกคำสั่งอีกต่างหากจนปันปันอดไม่ได้ที่จะถอดหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เป็นที่น่าขบขันให้กับคนเป็นพี่ที่กำลังจอดรถตรงบริเวณหน้าวัดชื่อดัง โดยเจ้าถิ่นสุดหล่อเล่าว่าวัดนี่เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ ใค
มาวินใช้จังหวะนั้นเปิดกระเป๋าเดินทาง เก็บเสื้อผ้าและข้าวของออกมาวางใส่ตู้ให้เข้าที่ ระหว่างนั้นพนักงานก็มาเก็บของที่พึ่งกินเสร็จ พอน้องออกมาเขาก็เข้าไปอาบต่อ ได้ยินน้องบอกว่าห้องน้ำสะอาดและสวยมากก็แอบปลื้มใจเพราะเขาคัดสรรเองกับมือห้องน้ำเป็นแบบเปิดโล่งสามารถมองเห็นดวงดาวยามค่ำคืนที่มืดครึ้ม พอตอนเช้าแสงแดดก็สาดส่องได้อาบน้ำท่ามกลางแสงของอาทิตย์ แน่นอนว่าเขาได้แรงบันดาลใจมาจากนิยายของคุณนักเขียน“มาค่ะ ปันดูแผลให้” เห็นร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยกางเกงนอนขายาวสีดำก็เตรียมกล่องเครื่องมือล้างแผลไว้รอ หมอเตือนว่าช่วงนี้แผลยังโดนน้ำไม่ได้เลยต้องติดแผ่นกันน้ำไว้ทุกครั้งที่อาบน้ำมาวินไม่รีรอ เดินมานั่งปลายเตียงขณะเช็ดหัวตัวเองไปด้วย ตามตัวยังคงมีหยดน้ำประปรายส่งให้ร่างกำยำประกายความน่ามอง ทำเอาดวงตาคู่น้อยไม่อาจละจากและเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะสะบัดหัวตัวเองแรงๆแล้วลงไปนั่งกับพื้นอยู่ระหว่างสองขาแกร่งมือน้อยบรรจงแกะแผ่นใสกันน้ำออกแล้วจัดการใช้สำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดบริเวณโดยรอบก่อน ทำตามลำดับขั้นตอนที่คุณหมอได้บอกเอาไว้ ทว่ากลิ่นกายจากตัวพี่ก็เล่นเอาจิตใจไม่สงบ ต้องกะพริบตาไล่ความ
2 อาทิตย์ผ่านไป5.30pmอ้น ชายหนุ่มวัยสิบเก้ายืนโบไม้โบกมือให้กับนายน้อยของตัวเองที่กำลังเดินออกจากประตูของสนามบิน โดยข้างกันนั้นคือหญิงสาววัยเดียวกันกับเขา เจ้าของใบหน้าเล็กระบายยิ้มอ่อนๆ ส่งมายิ่งทำให้เขาเกิดอาการหน้าแดง ปันปันยิ้มแล้วน่ารักขึ้นเป็นเท่าตัวมาวินหรี่ตาลงอย่างไม่ชอบใจ เมียใครใครก็หวง พอถึงตัวก็ผลักกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ในมือให้ไหลไปหาคนที่เป็นเหมือนน้องชาย อีกฝ่ายจึงได้สติรีบยกมือไหว้แล้วยกกระเป๋าขึ้นหลังรถ“พอยิ้มเป็นก็เหมือนจะไม่เกรงใจผัวแล้ว” ติติงด้วยการบีบแก้มใส บางครั้งก็อยากจะให้กลับไปเป็นเด็กหน้านิ่งของเขาเหมือนเดิม“นั่นอ้นนะคะพี่วิน”“จะอ้นหรือจะพ่อแม่พี่ เธอก็ห้ามยิ้มหวาน” เป็นคำสั่งที่ทำเอาปวดขมับจนคิ้วบางขมวดปม มันจะทำแบบนั้นได้ไง แต่คนขี้หวงกลับไม่สน “ห้ามก็คือห้าม”จะยิ้มจะน้ำเสียง เขาก็หวงหมดปันปันถอดหายใจออกมาอย่างคนเหนื่อยจะพูด จะคิดเสียว่าพี่หน้าหวานเป็นเด็กชายมาวิน ถึงได้มีนิสัยติดหวงของ“กุญแจครับนายน้อย” พลางส่งกุญแจรถยนต์สี่ประตูให้ มาวินพยักหน้าพร้อมรับของที่ว่ามาถือ “แล้วนายน้อยจะเข้าบ้านวันใดครับ ผมจะได้บอกแม่ใหญ่” เพราะเห็นว่าหญิงสาวอยู่ด้วย
댓글