ท่ามกลางแสงไฟสลัวและเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่ม กลับมีหญิงสาวคนหนึ่งมานั่งหลบมุมเงียบ ๆ เพียงลำพัง ใบหน้าเศร้าหมองของเธอช่างไม่เข้ากับบรรยากาศสนุกสนานรอบข้างแม้แต่น้อย
มือเรียวบางยกแก้วไวน์ขาวขึ้นจิบอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ อย่างเหนื่อยล้า
ไอริสพาตัวเองมานั่งดื่มตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ แม้รอบข้างจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนและเสียงเพลงที่ดังเข้าสู่ทุกโสตประสาท แต่เธอกลับรู้สึกโดดเดี่ยวราวกับอยู่คนเดียวในโลก
ร่างบางยังคงยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าจนขวดแรกหมดไปในระยะเวลาอันสั้น วันนี้เธอเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของการที่มีผู้คนมากมายรอบตัวแต่กลับเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกว่ามันเป็นอย่างไร
“คุณผู้หญิงจะรับเครื่องดื่มเพิ่มไหมครับ”
“เอามาอีกขวดค่ะ”
ไอริสหันไปตอบพนักงานเสิร์ฟที่มาดูแลเธอในโซนวีไอพีก่อนจะสั่งเครื่องดื่มเพิ่มอย่างไม่ลังเล ร่างบางเอนหลังพิงพนัก แล้วหลับตาลงช้า ๆ พร้อมปล่อยให้ภาพความทรงจำก่อนหน้าไหลย้อนกลับมา…
ใครจะคิดว่ามาวินแฟนหนุ่มของเธอที่คบกันมานานจะนอกใจเธอไปมีคนอื่นหลังจากที่เปิดเรียนได้เพียงแค่เดือนเดียว
เมื่อสองชั่วโมงก่อน
ไอริสเดินฝ่าฝูงชนเข้ามาในสถานบันเทิงชื่อดังอย่างดราก้อนคลับ ท่ามกลางสายตาของชายหนุ่มมากมายในคลับที่ได้เจอหญิงสาวสวยสะกดใจ
แม้เธอจะแต่งกายด้วยชุดธรรมดา ๆ แต่ด้วยใบหน้าที่สวยละมุนและเรือนร่างเย้ายวนที่ส่งกลิ่นหอมวนิลาอ่อน ๆ ออกมา ในตอนที่เธอเดินผ่าน กลับสร้างความสนใจให้กับทุกคนที่ได้อยู่ใกล้อย่างไม่ตั้งใจ
แม้ไอริสจะรู้ตัวว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตา แต่เธอกลับเลือกไม่สนใจ เธอคิดเพียงแค่ต้องรีบมาส่งเค้กแสนอร่อยให้ลูกค้าที่มาฉลองวันเกิดที่นี่ แล้วรอรับเงินก่อนกลับร้านไปเท่านั้น
วันนี้เธอไม่ได้มาเที่ยว แค่นำเค้กที่ลูกค้าสั่งไว้มาส่งเท่านั้น ไอริสเป็นเจ้าของร้านเบเกอร์รี่เล็ก ๆ เธอมักรับออเดอร์จากสถานที่ท่องเที่ยวในละแวกนี้ และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน
แต่แล้วสายตาของเธอก็หยุดนิ่งไปที่แผ่นหลังกว้างของผู้ชายคนหนึ่ง แม้จะเห็นเพียงด้านหลังเธอก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร มาวิน คนรักที่คบกันมาเกือบสามปี
คนตัวเล็กกำมือแน่น แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง เธอเดินเข้าไปหาเขาทันที โดยไม่ลังเลพร้อมกับจังหวะหัวใจที่สั่นระรัว
“นี่มันอะไรกันวิน?”
ชายหนุ่มสะดุ้งตัวเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหูแล้วหันกลับมามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าแตกตื่น ฝ่ามือหนาของเขากำลังโอบกอดผู้หญิงอีกคน ซึ่งบังเอิญเป็นเจ้าของวันเกิดคนที่สั่งเค้กจากร้านของเธอ
“ไอ… มาได้ไง?”
“ตอบมาสิวิน มันคืออะไร”
มาวินเงียบไปเพียงชั่วครู่ ก่อนจะปล่อยคำพูดที่แสนเย็นชาออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเกินกว่าจะเป็นคนรัก
“เราเลิกกันเถอะ”
“หมายความว่ายังไง?”
ดวงตาของเธอไหววูบ ราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่กำลังได้ยิน แทนที่เธอจะได้รับคำขอโทษหรือคำอธิบาย แต่เขากลับเลือกที่จะบอกเลิกเธอแทน
“วินมีคนใหม่แล้ว ตามที่ไอเห็นนั่นแหละ”
“ทำไม? เราทำอะไรผิดเหรอ?”
“วินแค่… เบื่อ เบื่อคำว่าไม่พร้อมของไอ”
“แค่เพราะเซ็กซ์เหรอ?”
น้ำเสียงของเธอสั่นไหว แต่กลับไม่มีน้ำตา ไม่มีคำวิงวอน มีเพียงความเจ็บปวดที่แน่นอยู่ในอก
“ไม่ใช่แค่เซ็กซ์ แต่มันเป็นเพราะไอเอาแต่ทำงานที่ร้าน ไม่เคยมีเวลาให้ วินก็มีความต้องการเหมือนกัน วินเป็นผู้ชายนะไอ”
“ถ้างั้นก็พูดกันตรง ๆ สิ ทำไมต้องนอกใจ บอกเลิกก่อนไปมีคนอื่นมันจะตายเหรอ”
“ขอโทษนะ เรื่องนี้วินผิดเอง แต่สิ่งที่วินอยากได้จากไอ… ฝ้ายให้วินมาหมดแล้ว”
“วินไม่รักไอบ้างเลยเหรอ?”
มาวินสบตาคนตัวเล็ก พลางคิดถึงอดีตระหว่างเขาและไอริส ตอนนั้นมาวินเองที่เป็นฝ่ายเข้าไปจีบเธอก่อนจนได้คบกัน
“วินก็รักไอนะ แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างฝ้าย… ลูกสาวเจ้าของคลับ กับไอที่มีแค่ร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ วินเลือกฝ้าย เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่มันเคยดี อย่ามาสร้างปัญหาเลย ออกไปจากชีวิตวินเถอะนะ”
“เราเข้าใจแล้ว งั้นก็เลิกกัน”
“ไอช่วยย้ายออกจากตึกที่เช่าบ้านของวินด้วยนะ วินไม่อยากให้ฝ้ายไม่สบายใจ”
ไอริสมองเขาเงียบ ๆ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างสมเพชตัวเอง แล้วหันหลังเดินจากมา ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
กลับมาที่ปัจจุบัน
ไอริสนั่งคิดทบทวนเรื่องราวทุกอย่างตลอดเวลาที่ผ่าน จุดเปลี่ยนเล็ก ๆ ระหว่างเธอกับมาวิน จากแฟนหนุ่มที่สุขุมอ่อนโยน ค่อยดูแลใส่ใจทะนุถนอมเธอที่เป็นคนรักราวกับเจ้าหญิงค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ความสัมพันธ์ทุกอย่างเริ่มแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เขาเริ่มหายหน้าไปและติดต่อไม่ได้เป็นครั้งคราว มีหลายครั้งที่เธอติดต่ออีกฝ่ายไปแต่กลับไร้การตอบกลับ จนกระทั่งล่วงเลยผ่านไปอีกวัน กว่าที่มาวินจะติดต่อเธอกลับมา
ดวงตากลมโตที่ปิดลงเริ่มมีหยาดน้ำตารินไหล ริมฝีปากเม้มสนิทเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมา สุดท้ายไม่ว่าความสัมพันธ์จะจบลงแบบไหน เธอก็อดไม่ได้จะเสียใจอยู่ดี
เสียงสะอื้นที่เงียบที่สุดกลับเป็นเสียงสะท้อนความรู้สึกที่ดังที่สุดในใจเธอ
“เซ็กซ์งั้นเหรอ”
เสียงพึมพำลอดจากริมฝีปาก เมื่อไอริสลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอปาดน้ำตาลวก ๆ ด้วยหลังมือ ก่อนจะยกไวน์ขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ‘ในเมื่อวินไม่ต้องการไออีกแล้ว งั้นไอก็มีสิทธิ์เลือกทางของตัวเองเหมือนกัน’
ดวงตาสีน้ำตาลเฮเซลนัทหันไปสบตากับชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมเข้มที่นั่งมองเธอไม่วางตา ไอริสลุกขึ้นยืน รินไวน์ลงแก้วใบเดิม แล้วเดินตรงไปหาเขา
เธอทิ้งตัวนั่งบนตักเขา โดยไม่แม้แต่จะขออนุญาต มือเรียวประคองแก้วไวน์ขึ้นดื่ม ก่อนจะเลื่อนเรียวแขนมากอดคอชายหนุ่ม แล้วโน้มตัวลงไปแนบริมฝีปากเข้ากับเขาอย่างเร่าร้อน คืนนี้เธอเลือกแล้วว่าจะไม่เป็นคนเดิมอีกต่อไป…
“จะทำอะไร”
แต่แทนที่ชายหนุ่มจะตอบสนองกลับทันที ร่างแกร่งกลับเลื่อนมือขึ้นมาจับไหล่เธอไว้เบา ๆ อย่างระมัดระวัง
“เธอกำลังเมา”
เสียงทุ้มเอ่ยเตือนแผ่วเบา แต่กลับโน้มตัวเข้าหาคนร่างบาง จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนที่เป่ารดผิวกาย เขาหลุบตาลงมองใบหน้าที่แดงระเรื่อไปจนถึงลำคอ ช้า ๆ แต่กลับไม่ยอมสัมผัสเธอ
ไอริสไม่ฟังในสิ่งที่คนตัวโตร้องห้าม มือบางลูบลงบนต้นคอเขาเบา ๆ แล้วเป็นฝ่ายจูบซ้ำลงมาแทน ริมฝีปากบางอ่อนนุ่มที่ทาบทับลงมาเป็นเหมือนไฟหลอมละลายกำแพงที่เขากำลังสร้างขึ้น ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับเธอ
“ไอรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่…”
“…”
“คืนนี้ไอจะเป็นของคุณ แค่คืนเดียว”
“มั่นใจแล้วเหรอที่พูด”
ซันยังคงใช้สองมือประคองร่างเธอไว้ ไม่ผลักออก แต่ก็ยังไม่ดึงเธอเข้ามาใกล้ เสียงของเขาแหบพร่าราวกับพยายามกลั้นอารมณ์ที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในดวงตาอย่างควบคุมไม่อยู่
“อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน”
สายตาคมแสนดุดันจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา เพียงครู่เดียวไอริสก็ถูกอุ้มขึ้นแนบอก ก่อนจะพาร่างบางที่หอมละมุนคล้ายขนมหวานกลับคอนโดอย่างรวดเร็ว
ประตูคอนโดถูกปิดลง พร้อมกับการจู่โจมของชายหนุ่มที่กระโจนเข้าหาเธออย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างกายแนบชิดกันจนไม่เหลือแม้แต่ช่องว่างให้อากาศไหลผ่าน
ร่างสูงตรึงข้อมือเรียวของเธอไว้เหนือศีรษะ กดแผ่นหลังบางแนบกับผนังเย็น ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากอย่างร้อนแรง
เรียวลิ้นหนาสอดเข้ามาหยอกล้อในโพรงปากนุ่มราวกับหลงใหลในรสหวานที่ไม่มีวันพอ รสจูบของเขาอ่อนโยนแต่ก็เร่าร้อนราวกับไฟ
ฝ่ามือร้อนผ่าวลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างไม่รีบร้อน แต่กลับทำให้เธอหายใจติดขัด ทุกสัมผัสของเขาเหมือนกำลังสะกดเธอให้หลงใหล ยอมปล่อยให้ริมฝีปากหนานั้นทิ้งร่องรอยไว้ตั้งแต่ลำคอจนถึงเนินอกอวบอิ่ม
เสียงหอบหายใจของเธอสะท้อนก้องอยู่ในความเงียบเป็นจังหวะเดียวกับหัวใจที่กำลังเต้นรัว มือหนาละจากข้อมือของเธอ แล้วเลื่อนลงมาสอดประสานกับปลายนิ้วเรียวที่ยังสั่นไหว ก่อนจะก้มลงประทับจูบอย่างแผ่วเบาตรงหลังมือเหมือนจะปลอบประโลม แต่กลับยิ่งเพิ่มความร้อนรุ่มให้ลุกลามไปทั่วกาย
“ลืมทุกอย่างแล้วเรียกหาแค่ฉันคนเดียวก็พอ”
“ต้องเรียกว่าอะไรคะ”
“ซัน”
เขากระซิบแผ่วเบา แนบริมฝีปากไว้ข้างใบหู น้ำเสียงนั้นทั้งอบอุ่นและหนักแน่นจนเธอรู้สึกเหมือนกำลังจะหลอมละลาย เธอพยักหน้าเบา ๆ แววตาฉ่ำวาวอย่างคนที่ไม่อาจต้านทานแรงปรารถนาที่เขาปลุกขึ้นมาได้อีกต่อไป
เขาช้อนร่างเธอขึ้นอีกครั้ง ฝ่ามือแนบใต้เรียวขาทั้งสองข้างแล้วพาเธอก้าวถอยไปยังเตียงขนาดใหญ่ที่ปูด้วยผ้าปูเรียบตึงสีเข้ม
กลิ่นหอมจาง ๆ จากเครื่องหอมในห้อง ผสมผสานกับกลิ่นกายของเขาทำให้เธอเคลิบเคลิ้มจนแทบไม่ได้สังเกตว่าเสื้อผ้าของตัวเองถูกถอดออกไปตั้งแต่เมื่อไร
แผ่นหลังเปลือยเปล่าสัมผัสกับผ้านวมเย็นเฉียบ ในขณะที่ร่างสูงทาบทับลงมาช้า ๆ ความร้อนจากร่างกายของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกโอบล้อมด้วยเปลวไฟ
ริมฝีปากหนาค่อย ๆ คลอเคลียจากปลายคาง ไล้ลงมาที่ซอกคอขาวเนียน ทุกจุดที่สัมผัสทิ้งร่องรอยไว้ราวกับเป็นตราประทับของความเป็นเจ้าของ
เธอจิกปลายนิ้วลงกับผ้าปูเตียง ขณะปล่อยให้เสียงหวานครางลอดออกมาจากลำคออย่างไม่ทันรู้ตัว อารมณ์ของเขาเหมือนพายุที่โหมกระหน่ำเข้าใส่เธออย่างไร้ความปรานี แต่ในขณะเดียวกันกลับเต็มไปด้วยความทะนุถนอมอย่างลึกซึ้ง
“ซัน”
เธอเรียกชื่อเขาด้วยเสียงแผ่วเบา ในจังหวะที่โลกทั้งใบของเธอและเขากำลังจะหลอมละลายกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
ความคิดเห็น