LOGIN“เธอไม่ใช่ตัวจริงของเขา... แต่เป็นแค่ตัวสำรองที่พี่สาวยกให้เขาไว้เล่นชั่วคราวเพียงเท่านั้น”
View Moreละอองฟอง สะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงขยับเขยื้อนบางอย่างในความเงียบสงัดของยามดึก เธอลืมตาขึ้นช้า ๆ ก่อนจะหันไปมอง ก็เห็นเข้ากับ คิน ที่กำลังยืนสวมเสื้ออยู่หน้าตู้เสื้อผ้า หญิงสาวเบนสายตาไปยังนาฬิกาที่แขวนอยู่ผนัง ก็พบว่าเข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาเป็นเวลาตีสอง
ละอองฟองรีบคว้าชุดคลุมที่พาดอยู่บนพื้นมาสวมใส่อย่างลวก ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับลงจากเตียง แล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม เอื้อมมือไปติดกระดุมเสื้อให้เขาอย่างแผ่วเบา
“หนูนึกว่าวันนี้พี่คินจะนอนที่นี่กันหนูซะอีก” เธอเอ่ยเสียงเบา
“พรุ่งนี้ฉันมีธุระ”
“ธุระอะไรเหรอคะ” ละอองฟองถามพลางเงยหน้ามองเขาด้วย
สีหน้าบูดบึ้งแต่เขากลับไม่ตอบอะไรเลย เพียงหันไปคว้าโทรศัพท์และกุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะมาถือเอาไว้
“พี่คินคะ” หญิงสาวเอ่ยเรียกอีกครั้ง
“ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะถามทำไมอีก”
คำพูดของเขาเย็นชาแต่ตรงไปตรงมาของคนตรงหน้า ทำให้
หญิงสาวที่ได้ยินก็ชะงัก ก่อนจะก้มหน้าลงช้า ๆ สีหน้าเศร้าสร้อยปรากฏบนใบหน้าเพราะใช่เธอรู้ดีว่าธุระที่เขาพูดถึงคืออะไร นั่นก็คือการไปกินข้าวกับครอบครัวของเธอในฐานะว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวเธอนั่นเอง
และใช่ตอนนี้เธอก็กำลังมีความสัมพันธ์ลับกับเขาอยู่ ว่าที่คู่หมั้นของพี่สาวตัวเอง ผู้ชายที่เธอไม่ควรรักเลย แต่ตอนนี้เธอดันรักเขาหมดใจไปแล้ว
“พรุ่งนี้เธอจะไปด้วยกันไหม” เขาถามขึ้นหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
“คงไม่ได้ไปค่ะ พ่อกับแม่ไม่ได้ชวน”
เมื่อเช้าตอนที่กินข้าวเช้าด้วยกัน พวกเขาคุยกันเรื่องนี้อยู่ แต่กลับไม่มีใครเอ่ยถึงเธอเลยสักคน มีเพียงแค่พี่สาวที่ได้รับความสนใจทั้งหมด และเธอก็แค่นั่งฟังเงียบ ๆ เหมือนคนไม่มีตัวตนในบ้าน
“งั้นก็รออยู่ที่นี่ เดี๋ยวฉันคุยธุระเสร็จแล้วจะมาหา อยากกินอะไรไหมเดี๋ยวซื้อเข้ามาให้”
“ไม่ค่ะ ขอแค่พี่มาหาหนู แค่นั้นก็พอแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวกลับมาจากธุระไปกินข้าวกัน”
“ว่างเหรอคะ”
เพราะโดยปกติแล้วพี่คินค่อนข้างยุ่งมาก เวลามาหาเธอส่วนมากก็จะเป็นตอนกลางคืนซะส่วนใหญ่
“ก็หลังจากนัดกับครอบครัวเธอก็ว่าง”
“งั้นไปกันก็ได้ค่ะ”
“อย่าลืมแต่งตัวรอละ” คินเอ่ยพูดจบ หลังจากนั้นก็โน้มตัวลงมาใกล้เธอ แล้วก้มลงจูบเธอที่ริมฝีปากอวบอิ่มของคนตัวเล็ก
“นะ...หนูหายใจไม่ออก”
ละอองฟองที่เริ่มหายใจไม่ออกจึงเอ่ยบอกคนที่จูบเธออยู่ ซึ่งดีหน่อยที่ทันทีที่เธอบอก เขายอมหยุดอย่างว่าง่าย
“ไปก่อน” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะก้มลงจูบบนหน้าผากเธอ แล้วจึงหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
ละอองฟองยืนมองแผ่นหลังของเขาที่หายลับไป พร้อมกับความรู้สึกว่างเปล่าบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในอกอย่างเงียบงัน
“อยากรั้งพี่เขาไว้จัง”
หญิงสาวบ่นพึมพำกับตัวเอง แล้วถอนหายใจออกมาพรืดยาว ก่อนจะสาวเท้าไปยังห้องครัว เพราะท้องของเธอกำลังประท้วง เนื่องจากตั้งแต่หัวค่ำจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเธอเลย
“มีอะไรกินบ้างนะ”
เธอเปิดตู้เย็นพลางกวาดสายตามองสำรวจโดยรอบ เพราะหวังจะเจออะไรสักอย่างที่พอรองท้องได้ แต่เมื่อมองจนทั่วแล้วกลับพบว่าในนั้นกลับว่างเปล่าไม่มีอะไรที่พอจะให้เธอกินได้เลย
ละอองฟองจึงปิดตู้เย็นลง แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เพราะเธอตัดสินใจว่าจะลงไปหาอะไรกินที่หน้าคอนโดมิเนียม เนื่องจากแถวนั้นมีร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารที่เปิดถึงเกือบเช้าอยู่หลายร้าน
โดยหลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จ ละอองฟองก็ออกจากห้อง แล้วเดินตรงไปที่ลิฟต์ จากนั้นก็กดเลขลิฟต์ชั้นล่างสุด
ติ๊ง!
เสียงลิฟต์ดังขึ้นพร้อมประตูที่เปิดออก หญิงสาวเดินออกไปอย่างไม่เร่งรีบ มุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่ไม่ไกล
“น้องฟอง”
แต่ในตอนที่เธอเดินอยู่นั้น กลับได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเอง
ทำให้ฝีเท้าที่กำลังเดินชะงักลง ละอองฟองหันไปตามต้นเสียง ก่อนจะพบเข้ากับ ไต้ฝุ่น ที่กำลังเดินเข้ามาหาและหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ“ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ครับ ดึกแล้วนะ” เสียงทุ้มนุ่มของไต้ฝุ่นเอ่ยถามด้วยแววตาห่วงใย
“หนูหิวค่ะ” ละอองฟองตอบเสียงอ้อมแอ้ม
“หิวเวลานี้เนี่ยนะ”
“ใช่ค่ะ พอดีมื้อเย็นไม่ได้กินอะไรเลย” เธอว่าเบา ๆ พลางลูบหน้าท้องไปมา
“แล้วนี่จะไปกินอะไร”
“หนูว่าจะไปกินก๋วยเตี๋ยวน่ะค่ะ แล้วพี่ไต้ฝุ่นมาทำอะไรที่นี่ตอนนี้เหรอคะ”
“พี่เพิ่งกลับจากผับครับ พอดีวันนี้พี่ไปเฝ้าผับให้พี่ชาย แล้วกำลังจะมาหาแฟนที่คอนโดฯ นี้”
“แฟนพี่พักอยู่ที่นี่เหรอคะ ห้องไหนคะ ทำไมฟองไม่เคยรู้เลย”
“.....” ไต้ฝุ่นยิ้มนิด ๆ ก่อนจะตอบเสียงเรียบ “ไม่ใช่ห้องแฟนหรอก แต่แค่เจ้าของห้องก็ชอบผู้หญิงคนเดียวกับพี่ เราอยู่ด้วยกันสามคน”
ละอองฟองที่ฟังไต้ฝุ่นเล่าก็ขมวดคิ้วด้วยความสับสน เธอไม่เข้าใจที่เขาเล่าเลย
“งงใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ งงมากด้วย”
“มันเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างซับซ้อน แล้วก็อธิบายยากหน่อย ไว้วันหนึ่งน้องฟองจะเข้าใจเอง”
“.....” เธอพยักหน้าเบา ๆ โดยไม่ซักถามอะไรต่อ
“พี่ก็หิวเหมือนกัน ขอไปกินด้วยคนได้ไหม”
ละอองฟองเงยหน้าขึ้นสบตาเขา แล้วพยักหน้าอีกครั้ง “ได้สิคะ ไปกันเลยค่ะ”
หญิงสาวออกเดินนำไต้ฝุ่นมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งทั้งคู่มาหยุดที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง
ละอองฟองสั่งเมนูโปรดของตัวเอง ส่วนไต้ฝุ่นก็สั่งเมนูที่ตัวเองอยากกินเช่นกัน จากนั้นเราทั้งสองก็เดินไปนั่งที่โต๊ะว่างใต้แสงไฟสลัว ๆ ของร้าน
นั่งรอกันไม่นานนัก ก๋วยเตี๋ยวที่เราทั้งสองสั่งไว้ก็ถูกยกมาเสิร์ฟโดยสามีของเจ้าของร้าน ละอองฟองไม่รอช้า รีบลงมือปรุงตามรสชาติที่ตัวเองชอบ แล้วลงมือกินทันทีด้วยความหิวโหย
ไต้ฝุ่นที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็มองผู้หญิงของเพื่อนสนิทกินพลางยิ้มอย่างเอ็นดูกับความน่ารักของเธอ
พอเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ไต้ฝุ่นก็ขอตัวไปหาแฟนที่ห้องก่อน แต่ก่อนจะเดินจากไป เขาไม่ลืมหันมาบอกเธอด้วยน้ำเสียงจริงจังปนห่วงใย
“เราก็รีบไปซื้อของแล้วกลับเข้าห้องซะนะ มันดึกมากแล้ว”
“ค่ะ”
ละอองฟองพยักหน้าหงึก ๆ โดยหลังจากไต้ฝุ่นเดินแยกออกไป เธอก็ลุกจากโต๊ะ หยิบกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ขึ้นมาถือ แล้วเดินตรงไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่ไม่ไกล
ครืด! ครืด!
แต่ในขณะที่เธอกำลังเดินไปยังร้านสะดวกซื้อนั้น โทรศัพท์ในมือก็สั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน หญิงสาวจึงรีบก้มลงมองหน้าจอ และก็ต้องขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่
“พี่คิน” เธอพึมพำเบา ๆ กับตัวเองอย่างแปลกใจ ก่อนจะกดรับสายโดยไม่ลังเล
(ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่เข้านอนอีก ลงไปข้างล่างแบบนี้ไม่กลัวเหรอ)
เสียงของคินดังแทรกเข้ามาทันทีที่สายเชื่อมต่อกัน จนละอองฟองนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เธอไม่จำเป็นต้องเดาให้ยากเลยว่าปลายสายรู้ได้ยังไง
ว่าเธอลงมาข้างล่าง ถ้าไม่ใช่ไต้ฝุ่นที่เจอกันก่อนหน้านี้ ก็คงไม่มีใครอื่นอีกแล้ว(ฉันถามเธออยู่ละอองฟอง)
“หนูหิวน่ะค่ะ เลยลงมาหาอะไรกิน”
(แล้วในห้องไม่มีอะไรเลยเหรอ ถึงต้องลงมาดึกขนาดนี้)
“ไม่มีจริง ๆ ค่ะ”
(แล้วตอนฉันออกมาทำไมไม่บอกว่าหิว จะได้พาไปหาอะไรกินก่อน)
“หนูไม่อยากรบกวนเวลาพี่คินค่ะ”
(เธอนี่มันจริง ๆ เลย แล้วตอนนี้กลับขึ้นห้องหรือยัง)
“ยังค่ะ หนูอยากกินนม เลยว่าจะเดินเข้าไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อก่อน”
(งั้นก็รีบไปเลย)
“โอเคค่ะ งั้นหนูวางสะ… (ละอองฟอง) / ไม่ต้องวางสาย ปล่อยมันไว้แบบนั้น (คิน)”
ละอองฟองยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียงของคินก็ดังแทรกขึ้นมาก่อน เธอเลยต้องยอมเงียบตามคำขออย่างปฏิเสธไม่ได้
(รีบซื้อเลย)
“ค่ะ”
ละอองฟองตอบรับเบา ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาในร้านสะดวกซื้อ เธอเลือกหยิบนมกล่องที่ตัวเองอยากกิน แล้วตรงไปยังแคชเชียร์เพื่อจ่ายเงิน
หลังจากนั้นเธอก็เดินกลับขึ้นห้องอย่างเงียบ ๆ โดยที่ยังคงถือสายสนทนาอยู่กับเขา ถึงแม้จะไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้นเลยก็ตาม
“พะ...พี่คินคะ”
(อะไร) เสียงปลายสายตอบกลับมาทันทีในโทนนิ่งเรียบแบบที่เธอคุ้นดี
“คือว่าหนูถึงห้องแล้วค่ะ” ละอองฟองเอ่ยรายงานอย่างว่าง่ายในขณะที่ปิดประตูห้องตามหลังเรียบร้อย
(แล้ว)
“หนูขอตัดสายนะ หนูจะนอนแล้ว”
หญิงสาวพูดจบก็เดินไปทิ้งกล่องนมที่ดื่มหมดแล้วลงถังขยะ ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในห้องนอน
(อยากนอนก็นอนไป แต่ไม่ต้องตัดสาย)
คำตอบที่ได้รับทำเอาเธอชะงักไปนิด ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นอย่างกลั้นคำถาม จะให้ถือสายไว้ทำไม ก็จะนอนแล้วนี่นา แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบไว้ เพราะไม่อยากโดนปลายสายเอ่ยดุ
(ละอองฟอง)
“คะ”
(ไหนบอกว่าจะนอน แล้วทำไมยังตอบฉันได้อยู่)
“กะ...ก็หนูนอนแล้วค่ะ แต่ยังไม่หลับ” เธอตอบเสียงเบา พร้อมกับรีบล้มตัวลงนอนจริง ๆ ตามที่พูดไป
(ฝันดี เด็กดื้อ)
เสียงทุ้มต่ำจากปลายสายดังขึ้นเบา ๆ หลังจากที่เธอนอนนิ่งไปได้สักพักใหญ่ แม้จะยังไม่หลับสนิท แต่ละอองฟองก็ได้ยินชัดทุกถ้อยคำ
เธอเผลอยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ หัวใจอบอุ่นอย่างประหลาด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเลือกที่จะเงียบเอาไว้เหมือนเดิม
หลังจากหญิงสาวปลดปล่อยคราบคาวรักออกมา จนถึงกับหอบหายใจถี่ คินก็พลันปาดลิ้นโลมเลียไปทั่วกลีบดอกไม้ เพื่อกลืนกินน้ำหวานทั้งหมดของเธอแน่นอนว่าในจังหวะนั้น ร่างกายของเธอก็พลันสั่นกระตุกอีกครั้งคล้ายคนจวนจะเสร็จสม ทั้งเสียวซ่าน ทรมานและรู้สึกสุขสมอารมณ์ไปพร้อมกัน“อึก...อื้อ พี่คิน พอแล้ว นะ...หนูเสร็จแล้ว อือ...”เธอเอ่ยเสียงสั่นพลางพยายามดันใบหน้าของชายหนุ่มอีกห่างจากตัวเอง เพราะแค่ถูกเขาสัมผัสเพียงเล็กน้อย เธอก็เสียวซ่านจนใจแทบจะขาดเสียให้ได้ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะถูกเขากินในห้องครัวแทนข้าวแบบนี้“หนูเสร็จแล้ว แต่พี่ยังไม่เสร็จนี่” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาตอบเสียงเรียบ ๆ แบบไม่อายปาก“พะ...พี่ยังไม่เสร็จแล้วจะให้หนูทำยังไงเล่า”ละอองฟองเอ่ยตอบทั้งที่หน้าแดงก่ำ ไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย แถมยังเริ่มรู้สึกเขินอายขึ้นมานิด ๆ จนต้องยกมือขึ้นปิดหน้าอก พลางหุบขาเข้าหากันอีกครั้งทว่าคินกลับเร็วกว่า เขาคว้าวงแขนเรียวทั้งสองข้างเอาไว้ ก่อนจะซุกหน้าเข้าหาเต้าอวบที่ชูช่อเต่งตึงล่อใจอยู่ตรงหน้า พลางอ้าปากงับด้วยท่าทางหิวโหย“อ๊ะ! อะไรกัน พี่คิน อื้ออ กินไปรอบหนึ่งแล้วนี่นา อ๊า”ละอองฟองแกล้งโวยวายเบา
คินเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม อารมณ์ดีตั้งแต่ยังไม่ก้าวพ้นประตู เพราะเพียงแค่คิดว่าภรรยาสาวกำลังลงมือทำอาหารรอเขาอยู่ ความเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวันก็พลันสลายไปในพริบตาโดยทันทีที่เสียงประตูบ้านปิดลง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำเอาหัวใจของเขาเต้นแรงกว่าเดิม เพราะตอนนี้ภรรยาสาวกำลังยืนอยู่หน้าเตาในครัว ร่างบอบบางสวมผ้ากันเปื้อนพิมพ์ลายน่ารัก ผมยาวถูกรวบขึ้นลวก ๆ ให้พ้นใบหน้า เผยลำคอระหงขาวนวล ขณะที่มือเล็กกำลังขยับปรุงอาหารอย่างคล่องแคล่วเธอกำลังฮัมเพลงเบา ๆ ไปตามจังหวะดนตรีที่เปิดคลออยู่ เสียงหวานนั้นกลมกล่อมพอ ๆ กับกลิ่นหอมจากหม้อแกงที่ลอยอบอวลไปทั่วห้องครัวคินหยุดยืนมองอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งโดยไม่เอ่ยอะไร แววตาคมเต็มไปด้วยความละมุน ราวกับต้องมนตร์สะกด เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าความสุขของตัวเองจะเรียบง่ายเพียงเท่านี้ การได้กลับบ้านมาเจอผู้หญิงคนนี้ที่ยืนรออยู่ในครัวริมฝีปากหยักยกยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด ก่อนที่เขาจะเดินย่องเข้าไปข้างหลังเธออย่างเงียบเชียบ พลางยกแขนกว้างโอบเอวบางจากด้านหลังแนบแน่น ก้มหน้าซุกลงที่ไหล่ขาวพร้อมสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธออย่างเต็มปอด“หอมทั้งกับข้าว หอมทั้ง
“คุณหนู”ทันทีที่ร่างบางก้าวลงจากรถ เหล่าแม่บ้านต่างก็รีบวิ่งกรูเข้ามาหาด้วยสีหน้าดีใจที่ได้เห็นเจ้านายสาวกลับมา หญิงสาวเห็นดังนั้นก็รีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม“สวัสดีค่ะ ช่วยเอาของหลังรถเข้าไปในบ้านให้หน่อยนะคะ วันนี้หนูแวะซื้อของมาเยอะเลย” เธอกล่าวเสียงอ่อนหวาน ก่อนจะยิ้มบาง “มีขนมครกด้วยนะ เอาไปแบ่งกันกินได้เลยค่ะ”“ขอบคุณค่ะคุณหนู” เสียงแม่บ้านตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ต่างช่วยกันขนของเข้าไปอย่างขะมักเขม้น“แล้วนี่คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ไหนเหรอคะ” เธอหันไปถามแม่นมที่คอยเดินตามไม่ห่าง“คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายกำลังนั่งดื่มชาที่หลังบ้านค่ะ”“อ๋อ งั้นหนูไปหาคุณพ่อคุณแม่ก่อนนะคะ แม่นมไปนั่งพัก กินขนมกับพี่ ๆ เขาได้เลย”“ได้ค่ะคุณหนู” แม่นมพยักหน้า ยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะถอยออกไปหญิงสาวเดินตรงไปยังสวนด้านหลังบ้านอย่างคุ้นเคย กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกมะลิที่ปลูกเรียงรายตามทางเดินโชยมาตามสายลมอ่อน ๆ จนทำให้เธอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวพอมาถึงหลังบ้าน ก็พบว่าคุณพ่อกับคุณแม่กำลังนั่งจิบชากันอยู่ที่ศาลากลางสวน บรรยากาศร่มรื่นจนชวนให้รู้สึกอบอุ่นใจ“คุณพ่อ คุณแม่ สวัสดีค่ะ” เธอรีบยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมทันทีที่
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่”ทันทีที่รถจอดสนิท ละอองฟองก็รีบเปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะเดินจูงมือสามีหนุ่มตรงเข้าไปในตัวบ้านด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความคิดถึงคนบ้านหลังนี้เมื่อก้าวเข้ามาด้านในแล้ว เธอก็พบกับคุณพ่อคุณแม่ของคินที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับหลานชายตัวน้อยวัยสองขวบ ลูกชายคนเล็กของคิมน้องชายฝาแฝดของสามี ซึ่งทันทีที่ทั้งสองท่านเห็นเธอเดินเข้ามา ก็ยิ้มกว้างพลางกวักมือเรียก ละอองฟองจึงรีบเดินเข้าไปกอดท่านทั้งคู่ด้วยความรักและผูกพัน“คิดถึงจังเลยลูก ตอนพี่คินโทรมาบอกว่าหนูมาหาที่บริษัท แม่ก็ตกใจนะ เพราะเมื่อวานยังคุยกันอยู่ ไม่เห็นบอกอะไรเลย”“ถ้าบอกก่อน งั้นก็ไม่เซอร์ไพรส์สิคะ” ละอองฟองยิ้มสดใส ก่อนจะหันไปโบกมือทักหลานชายตัวน้อยที่นั่งเล่นอยู่ “ตัวเล็กน่ารักจังเลยค่ะแม่”“จริงจ้ะ น่ารักมากเลย”ละอองฟองมองเด็กน้อยด้วยสายตาอบอุ่น ก่อนจะหันกลับมาถาม “แล้วพ่อแม่ของหลานไปไหนกันคะ”“พ่อแม่เขาพาเจ้าแฝดไปซื้อชุดนักเรียนน่ะลูก เปลี่ยนชั้นเรียนแล้ว ชุดมันคับก็เลยต้องไปซื้อใหม่”“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”ละอองฟองพยักหน้าเข้าใจ คุณแม่ก็ไม่รอช้า จูงมือเธอไปนั่งลงที่โซฟาตัวว่าง โดยมีพี่คินนั่งลงเคียงข้างไม่ห่าง
ห้าปีต่อมา...“ถ้าทำมาแล้วได้แค่นี้ ทีหลังก็ลาออกไปซะ ฉันจะได้หาคนใหม่มาทำแทน” คินตวาดเสียงเข้ม พลางโยนเอกสารในมือลงกระแทกโต๊ะอย่างแรง เสียงกระดาษกระจายไปทั่วห้องประชุมจนพนักงานหลายคนสะดุ้งเฮือก หน้าซีดเผือด ต่างก้มหน้างุดไม่กล้าแม้แต่จะสบตา“วันนี้ประชุมแค่นี้ สัปดาห์หน้าหวังว่าจะไม่เป็นแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้น เตรียมหางานใหม่ยกทีมได้เลย”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขากระแทกลงกลางใจคนฟัง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมด้วยสีหน้าตึงเครียด ขณะที่บรรยากาศหนักอึ้งยังคงคลุ้งอยู่อย่างนั้น“ท่านรองจะรับกาแฟอีกไหมครับ ผมจะได้ไปจัดการให้” ศักดนัย เลขาฯ คู่ใจที่เดินตามหลังเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ“ไม่ต้อง เอางานค้างทั้งหมดเข้ามา ฉันจะเคลียร์ให้เสร็จเอง”คินถอนหายใจแรงราวกับระบายความหงุดหงิด ก่อนจะเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป แต่พอเข้ามาด้านใน กลับมีบางสิ่งทำให้เขาชะงัก กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำหอมที่เขาคุ้นเคย กลิ่นที่ละอองฟองชอบใช้เสมอ มันอบอวลจนหัวใจเขาเผลอสั่นไหว“นี่กูคิดถึงเมียจนเพี้ยนไปแล้วเหรอเนี่ย”เขาพึมพำกับตัวเองพลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หนัง ยื่นมือไปหยิบเอกสารตรงหน้าขึ้นมาพลิกดูพอให้จิตใจได้จดจ่อก
หลายวันต่อมา...“วันนี้หนูแต่งตัวเป็นยังไง สวยไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมกับหันไปทำตาแป๋วมองคนข้าง ๆ“สวย” คินตอบสั้น ๆ แต่สายตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเธอไม่วางตา “แต่ว่าฉันว่าแก้มมันแดงไปหน่อยนะ”ละอองฟองรีบยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองทันที “ไม่แดงหรอก แบบนี้แหละ เทรนกำลังมา” น้ำเสียงของเธอเจือความมั่นใจปนขี้เล่นเล็ก ๆคินส่ายหน้าเบา ๆ แต่รอยยิ้มมุมปากกลับปรากฏขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ “ตามใจ” เขาพูดช้า ๆ ราวกับจะยอมแพ้ให้กับความดื้อรั้นของคนตัวเล็ก “วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ตั้งใจสอบให้ดี ถ้าเทอมนี้เกรดออกมาสวย อยากได้อะไรก็จะซื้อให้”น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ดังอยู่ในรถทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นทันที แม้จะเป็นประโยคธรรมดา แต่ละอองฟองกลับยิ้มกว้างเหมือนเด็กที่ได้ยินสัญญาจากผู้ใหญ่ใจดี“จริงเหรอคะ พูดแล้วห้ามคืนคำนะ” เธอเงยหน้าขึ้นมามองทันที “อืม” เขาพยักหน้ารับสั้น ๆ “งั้นหนูอยากได้รถใหม่ เอาแบบแพง ๆ เลยนะ” เธอพูดพลางยิ้มกวน ความจริงไม่ได้อยากได้สักหน่อย แค่อยากลองเชิงเขาดูว่าถ้าเป็นของชิ้นใหญ่ขนาดนี้ เขาจะยังตามใจเธออยู่หรือเปล่าคินเหลือบตาไปมองนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบเรียบ ๆ แต่แฝงความมั่นคงในน้ำเสียง“






Comments