LOGIN5
"ดูเหมือนว่าน้องจะไม่กลับหัวเลยนะครับ กระดูกเชิงกรานก็ดูเล็กไป คุณแม่อาจจะต้องผ่าตัดคลอด" คำพูดของคุณหมอทำคนท้องเป็นกังวลอย่างมาก เธอตั้งใจว่าจะคลอดเองเพราะกลัวการผ่าตัดคลอดจะทำให้ต้องพักฟื้นนานกว่าการคลอดเอง
หญิงสาวผ่อนลมหายใจแห่งความเป็นกังวลจนหมอสังเกตเห็น หมอหันไปเขียนบางอย่างในชาร์ตคนไข้ก่อนจะหันกลับมาคุยกับว่าที่คุณแม่
"กลัวเหรอครับ"
"ค่อนข้างค่ะ"
"ไม่ต้องกลัวไปหรอกครับ จริง ๆ มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น คุณแม่นอนนิ่ง ๆ แค่หนึ่งวัน ๆ ต่อมาก็ลุกเดินได้แล้วครับ"
"ค่ะ คุณหมอแล้วรินต้องทำอะไรเป็นพิเศษอีกมั้ย" คนเป็นกังวลถามหมอด้วยน้ำเสียงตื่น ๆ เธอกังวลจนคิดอะไรไม่ออกตั้งแต่รู้ว่าตนเองอาจจะต้องผ่าคลอด ซึ่งเป็นการคลอดที่เธอกลัวเอามาก ๆ
"ไม่มีครับ คุณแม่แค่เตรียมตัวให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ กินแต่อาหารที่มีประโยชน์ก็พอเพราะทางโรงพยาบาลเตรียมไว้ให้หมดครับ" คุณหมอตอบก่อนจะหันมายิ้มอบอุ่นให้กำลังใจว่าที่คุณแม่ ก่อนจะหยิบใบอัลตร้าซาวด์สองใบให้เธอ
"แล้วจะต้องผ่าวันไหนเหรอคะ"
"คุณแม่ดูตามตารางนี้ได้เลยครับ สีแดงแปรว่ามีคิว สีเขียวว่างสามารถจองคิวได้ครับ" หมอหนุ่มว่าพลางใช้นิ้วชี้ไล่ช่องว่างสีเขียวในแผนงานไปทีละช่อง
"หลังจากวันที่ 15 เลือกได้หมดเลยครับ"
"งั้นวันที่ 15 ก็ได้ใช่มั้ยคะ" ระหว่างตัดสินใจเลือกวันผ่าตัดคลอด คุณหมอก็บอกเธอว่าระยะการผ่าตัดคลอดที่ปลอดภัยคือกลางเดือนเป็นต้นไป คนท้องที่เริ่มปวดเมื่อยเนื้อตัว เจ็บท้องเตือนอยู่เรื่อย ๆ จึงเลือกวันที่เร็วที่สุดเพื่อผ่าตัดคลอดเด็กจิ๋วในท้อง
"ได้ครับ วันนัดอย่าลืมพาญาติหรือสามีมาด้วยนะครับ"
"จำเป็นด้วยเหรอคะ"
"ใช่ครับ การผ่าตัดคลอดจำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากญาติหรือตัวสามีด้วยครับ" รินลดาพยักหน้าให้คุณหมอก่อนจะยกมือไหว้แล้วเดินออกจากห้องตรวจไป เธอไม่อยากจะกลับไปคุยกับคน ๆ สักประโยคเดียว แต่จะทำยังไงได้ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที
"เป็นยังไงบ้าง หมอว่าไง" พอออกจากห้องคลอดพี่ชายของไมค์ก็เข้ามาถามเธอถึงเด็กจิ๋วในท้อง เขาเองไม่ได้อยากจะยุ่งกับเรื่องครอบครัวคนอื่นนักหรอกเพียงแต่สงสารคนน้องสะใภ้ท้องแก่ขนาดนี้จะไปไหนมาไหนคนเดียว ใช่ว่าเธอขับรถไม่ได้เพียงแต่ในตอนนี้เธอไม่สามารถเอื้อมถึงพวงมาลัยได้ ด้วยท้องโตจนแทบชิดพวงมาลัยถ้านั่งที่คนขับ
"อีกสองอาทิตย์หมอนัดผ่าคลอดน่ะค่ะ น้องไม่กลับหัว รินคลอดน้องเองไม่ได้ตามที่หมอบอก"
"งั้นเหรอ แย่เลยนะพี่ได้ยินมาว่าผ่าคลอดนี่ต้องพักฟื้นนานกว่าคลอดเองด้วย มา…พี่ไปเอายาให้" เมเจอร์พูดพร้อมกับยื่นมือไปรับใบสั่งยาจากรินลดาก่อนจะบอกให้เธอนั่งรอหน้าห้องตรวจ หญิงสาวมองพี่ชายของสามีตนเองแล้วทอดถอนใจให้กับความแตกต่างกันของพี่น้องบ้านนี้
ไมค์ดูเป็นคนไม่รับผิดชอบ ไม่เอาอะไรเลยแถมยังเอาแต่ใจตนเองด้วย เธอผิดเองที่หลงไปการกระทำแสนดีในตอนแรกของเขา สุดท้ายถึงมาเสียใจไม่จบไม่สิ้นแบบนี้
"รินไปไหนกับไอ้เมจมา" เสียงเข้มของไมเนอร์ถามขึ้นหลังจากเธอถือถุงอาหารเข้ามาในห้อง พร้อมกับพี่ชายตนเอง เจ้าของหงุดหงิดทันทีที่ฟังคำถามจบ
"มันเรื่องอะไรของพี่" รินลดาตอบเสียงแข็งก่อนจะเดินผ่านสามีตนเองเข้าไปในครัวเพื่อวางถุงอาหารที่แวะซื้อระหว่างทางกลับจากโรงพยาบาล
"ไมค์ ใช้สมองก่อนจะพ่นอะไรออกมาบ้างว่ะ" พี่ชายตอบเสียงเรียบแต่ยังคงแฝงไปด้วยความหงุดหงิด น้องเขามันไม่มีสมองเลยจริง ๆ โชคร้ายของเธอที่มาอยู่กับน้องชายเขา
"งั้นแกก็บอกมาดิวะ ไปไหนกันมา" เสียงเข้มดังขึ้นพร้อมกับก้าวเท้าเข้าหาคนเป็นพี่ด้วยท่าทางหาเรื่อง จนรินลดาทนเห็นไม่ไหวเดินเข้ามาผลักหน้าอกเขาให้ถอยห่างจากเจ้าของห้อง
"พี่ไมค์ พี่มีจิตสำนึกบ้างหรือเปล่าหรือมันตกหายไปจนหมดแล้ว พี่ควรจะขอบคุณพี่เมจด้วยซ้ำ คอนโดก็ของพี่เมจ เวลาที่พี่ไม่ว่างพี่เขาก็คอยช่วยฉันอยู่ตลอด โรงพยาบาลทั้งที่มันควรเป็นหน้าที่พ่ออย่างพี่แท้ ๆ แต่พี่เมจก็พาไปเพราะพี่มันห่วงเที่ยวกลับเช้า จนนอนเหมือนตายไล่ให้ฉันไปโรงพยาบาลคนเดียว ยังมีหน้ามากล้าว่าคนอื่นอีกเหรอ เป็นแบบนี้ก็เลิก ๆ กันไปเถอะลูกคนเดียวรินเลี้ยงเองได้" รินลดาตะคอกเสียงดังพร้อมกับใช้มือขวายกท้องตนเองขึ้นเล็กน้อยเพราะรู้สึกแน่น เกร็งจนท้องแข็งไปหมด ความโกรธทำให้รินลดาลืมตัวตะคอกเสียงดังลืมควบคุมตนเอง ความดันขึ้นจนเกือบจะวูบ
"รินทำไมพูดแบบนั้นล่ะ เราสัญญากันไว้แล้วไงว่าจะทำให้ครอบครัวมันสมบูรณ์" เสียงของไมเนอร์อ่อนลงจนเห็นได้ชัด เจ้าของห้องที่เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของตนเองจึงเดินหนีไปปล่อยให้คนทั้งสองคุยกันเอง
"แล้วมันดีมั้ย พี่เป็นแบบนี้กี่รอบแล้ว ให้โอกาสตั้งกี่รอบก็เหมือนเดิม รินไม่อยากทนแล้วรินเหนื่อย" คนท้องแก่พูดเสียงดังจนอีกฝ่ายเงียบเพราะไม่กล้าจะเถียง แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าตนเองทำผิดอะไรนักก็แค่เพลียจัดเลยไม่ได้พาเธอไปหาหมอ ทำไมอีกฝ่ายจะต้องหงุดหงิดซะขนาดนั้น
5"ดูเหมือนว่าน้องจะไม่กลับหัวเลยนะครับ กระดูกเชิงกรานก็ดูเล็กไป คุณแม่อาจจะต้องผ่าตัดคลอด" คำพูดของคุณหมอทำคนท้องเป็นกังวลอย่างมาก เธอตั้งใจว่าจะคลอดเองเพราะกลัวการผ่าตัดคลอดจะทำให้ต้องพักฟื้นนานกว่าการคลอดเองหญิงสาวผ่อนลมหายใจแห่งความเป็นกังวลจนหมอสังเกตเห็น หมอหันไปเขียนบางอย่างในชาร์ตคนไข้ก่อนจะหันกลับมาคุยกับว่าที่คุณแม่"กลัวเหรอครับ""ค่อนข้างค่ะ""ไม่ต้องกลัวไปหรอกครับ จริง ๆ มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น คุณแม่นอนนิ่ง ๆ แค่หนึ่งวัน ๆ ต่อมาก็ลุกเดินได้แล้วครับ""ค่ะ คุณหมอแล้วรินต้องทำอะไรเป็นพิเศษอีกมั้ย" คนเป็นกังวลถามหมอด้วยน้ำเสียงตื่น ๆ เธอกังวลจนคิดอะไรไม่ออกตั้งแต่รู้ว่าตนเองอาจจะต้องผ่าคลอด ซึ่งเป็นการคลอดที่เธอกลัวเอามาก ๆ"ไม่มีครับ คุณแม่แค่เตรียมตัวให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ กินแต่อาหารที่มีประโยชน์ก็พอเพราะทางโรงพยาบาลเตรียมไว้ให้หมดครับ" คุณหมอตอบก่อนจะหันมายิ้มอบอุ่นให้กำลังใจว่าที่คุณแม่ ก่อนจะหยิบใบอัลตร้าซาวด์สองใบให้เธอ"แล้วจะต้องผ่าวันไหนเหรอคะ""คุณแม่ดูตามตารางนี้ได้เลยครับ สีแดงแปรว่ามีคิว สีเขียวว่างสามารถจองคิวได้ครับ" หมอหนุ่มว่าพลางใช้นิ้วชี้ไล่ช่องว่าง
4"ริน พี่ซื้อสเต็กปลามาฝาก" น้ำเสียงทุ้มต่ำของพี่สามีดังขึ้นจากอีกฝั่งของเคาน์เตอร์ครัว เขาไปพบลูกค้าที่ร้านสเต็กชื่อดัง แล้วนึกถึงน้องสะใภ้ขึ้นมาจึงสั่งสเต็กแบบกลับบ้านมาให้เธอ"ขอบคุณค่ะ รินกำลังจะทำอะไรกินพอดี พี่เมจกินด้วยกันมั้ยคะ""พี่ไปคุยงานที่ร้านสเต็กเลยกินกับลูกค้ามาแล้ว นึกขึ้นได้ว่าคนท้องต้องทานโปรตีนเยอะ ๆ แต่จะสั่งสเต็กเนื้อก็กลัวจะย่อยยากเลยสั่งสเต็กปลามาให้" คนพูดวางถุงอาหารลงบนเคาน์เตอร์ก่อนจะเดินอ้อมไปล้างมือตรงอ่างล้างจาน ล้างเสร็จก็หันไปมองรอบห้องเพื่อหาน้องชายตัวดีของตนเอง"ไอ้ไมค์ยังไม่กลับเหรอ""ยังเลยค่ะ เห็นบอกว่ามีนัดต่อ" รินลดาพูดจบก็หยิบกล่องอาหารมาแกะดูด้วยสีหน้าซึม ๆ เล็กน้อย"มา พี่กินเป็นเพื่อน" เสียงนุ่มทุ้มพูดพลางยกจานสเต็กที่รินลดาจัดไว้เดินไปที่โต๊ะ แล้วนั่งกินอาหารเป็นเพื่อนคนท้อง"แล้วนี่จะคลอดเดือนไหนล่ะ""น่าจะเกือบสิ้นปีเลยค่ะ" พูดจบก็นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเจ้าของห้อง โชคดีที่เป็นสเต็กปลาเพราะช่วงนี้เธอรู้สึกว่าตนเองท้องผูกจากการตั้งครรภ์ ยิ่งทานเนื้อมากเธอก็ยิ่งท้องผูกไม่ว่าจะทานผักอย่างไรก็ยังมีอาการท้องผูกอยู่เสมอ"แล้วนี่ต้องผ่าหรือคล
3"พี่ไมค์ รินเจ็บขาอะ" เสียงหวานใสพูดขึ้นขณะกำลังเดินเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้า ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาลเอกชลมากนัก หลังพบหมอประจำตัวเสร็จ รินลดาก็ชวนสามีมาที่ห้างเพื่อซื้อของเตรียมคลอดต่าง ๆ ให้เจ้าเด็กจิ๋วในท้องได้ยินแบบนั้นไมเนอร์จึงรีบวิ่งกลับไปที่รถแล้วยกวีลแชร์ลงมาเพื่อให้ภรรยาสาวนั่งตอนซื้อของ"สบายขึ้นหรือยังครับ""ขอบคุณค่ะ" รินลดาตอบพร้อมขยับตัวให้นั่งสบายมากขึ้น พอเห็นเธอนั่งเรียบร้อยเขาก็เข็นรถไปโซนของใช้แม่และเด็ก ที่อยู่ชั้นสองของห้าง"พี่ไมค์ดูตื่นเต้นจังเลยนะคะ""ก็ต้องตื่นเต้นสิครับ มีลูกกับคนที่รัก นี่ลูกของเราเลยนะ" คนเป็นสามีพูดอย่างอ่อนโยนก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวภรรยาบนวีลแชร์ เธอยิ้มออกมาด้วยความดีใจพลางนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ทั้งคู่เกือบเลิกกัน ลูกของเธอเกิดมาเพื่อเป็นโซ่คล้องใจจริง ๆ หญิงสาวลูบท้องที่นูนออกมาจนเห็นได้ชัดว่ากำลังตั้งครรภ์"ริน นี่รินใช่มั้ย" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากปากชายหนุ่มด้านข้างที่ไมค์เพิ่งเข็นวีลแชร์ผ่านมา หนุ่มแว่นรีบเดินตรงเข้าทักคนที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม คนถูกทักขมวดคิ้วหน่อย ๆ ก่อนจะยิ้มให้ชายตรงหน้าแล้วเอ่ยทักเขา"พี่การใช
2รถเก๋งซีดานสีดำหยุดลงหน้าร้านข้างทางร้านหนึ่งไม่ใหญ่ไม่เล็กแต่สำหรับไมเนอร์มันดูเล็กและไม่สะอาดเอามาก ๆ เขาไม่ชอบร้านข้างทางพวกนี้เอาเสียเลย"จอดทำไมคะ" เสียงใสถามขึ้นทันทีที่รถหยุดลงด้วยความสงสัยเธอคบกับเขามาเกือบปี น้อยครั้งที่แฟนหนุ่มของเธอจะยอมไปนั่งร้านข้างทางกับเธอ"หาอะไรให้เจ้าจิ๋วในท้องรินกินไง พี่จำได้ว่ารินชอบกินราดหน้าร้านนี้" ไมเนอร์พูดจบก็เปิดประตูลงไปแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูให้แฟนสาวตนเอง "ริน ๆ" เปิดประตูห้องได้รินลดาก็ทำท่าพะอืดพะอมแล้วพุ่งตัวไปที่ห้องน้ำ ครู่เดียวอาหารที่กินเข้าไปก็ออกมา ฝ่ามืออบอุ่นวางลงบนแผ่นหลังของรินลดาลูบไปมาด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันไปดึงกระดาษทิชชูด้านหลังมาเช็ดปากให้เธอซึ่งตอนนี้นั่งหมดสภาพพิงแขนเขาอยู่"อา…ทำไมจู่ ๆ ก็เวียนหัว คลื่นไส้แบบนี้ล่ะเนี่ย" รินลดาพึมพำพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบหน้าตนเอง ตอนนั่งกินข้าวที่ร้านเธอก็ยังปกติดีอยู่แท้ ๆ แต่พอถึงห้องดันเวียนหัวขึ้นมาซะเฉย ๆชายหนุ่มหันไปกดชักโครกให้แล้วช้อนตัวเธอขึ้นมาแนบอกจากนั้นจึงพาเธอไปวางไว้ที่เตียง"เดี๋ยวพี่เอายาให้กิน รินก็พักผ่อนซะตอนเย็นพี่จะพาไปเจอคุณแม่" "แต่ตอนเย็นรินต้องไปทำง
บทที่ 1"โถ่ พี่ก็มาขอโทษน้องรินไงครับ พี่ขอโทษจริง ๆ พี่แค่หงุดหงิดมากไปไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ " คนถูกถามรีบลุกจากเตียงอล้วปรี่เข้ามาจับไหล่ทั้งสองของเธอเบา ๆ อย่างเอาอกเอาใจ เพราะที่อพาร์ตเมนต์นี้ใช้ระบบสแกนนิ้วจึงทำให้ไมเนอร์สามารถเข้าออกได้ตามใจ เขาเลยมานั่งอยู่ในห้องโดยที่เธอไม่ได้อนุญาตได้"ไม่ได้ตั้งใจงั้นเหรอคะ ไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่ตรงไหนคะ ตั้งแต่ตอนรินอมหรือไม่ได้ตั้งใจว่ารินจะเห็น" น้ำเสียงประชดประชันออกมาไม่ขาดสายเธอไม่แม้แต่จะหันไปมองใบหน้าของเขาด้วยซ้ำ เพราะตั้งใจว่าจะตัดขาดกับเขาให้จบวันนี้เลยเกรงว่าหากหันไปมองอาจจะใจอ่อน"ช่างเถอะค่ะ ให้มันจบแค่นี้เถอะรินรับคำขอโทษพี่ไมค์กลับไปเถอะค่ะ แล้วจากนี้อย่ามาเจอกันอีก" รินลดาพูดเสียงเรียบพร้อมกับลูบครีมแก้มเนียนของตนเอง"ไม่เอาหรอก แฟนพี่อยู่ที่นี่จะให้พี่ไปไหนล่ะครับ พี่ขอโทษน้า ตบพี่เลยก็ได้พี่จะไม่ทำอีกแล้ว รินครับ""ไม่ละค่ะ รินไม่อยากต้องมานั่งทุกข์ใจเพราะให้โอกาสพี่อีก"ไมเนอร์ที่เห็นว่าครั้งนี้แฟนสาวดูจริงจังมากกว่าทุกครั้งก็กวาดสายตาไปรอบห้องเพื่อหาวิธีพูดโน้วน้าวใจแฟนสาว จนในที่สุดสายตาก็หยุดที่บางอย่างบนตลับแป้งของเธอ แผ่น
บทนำ"พี่ไมค์ คุยกับใครน่ะ" หญิงสาวร่างเปลือยเปล่าที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมากล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวไม่พอใจ ขณะที่เธอกำลังทำบางสิ่งบางอย่างให้เขาอยู่พลันสายตาก็ไปสบเข้ากับภาพกระจกทางด้านหลังของเขา คนตรงหน้าเธอกำลังแช็ตกับใครบางคนอยู่แต่เธอเห็นเพียงสติ๊กเกอร์รูปหัวใจในกระจกเพราะไม่ทันอ่านเธอลุกขึ้นมากระชากโทรศัพท์มือถือออกจากมือของเขา ก่อนจะเลื่อนแช็ตเพื่อดูข้อความก่อนหน้า'คิดถึงนะครับ' ข้อความก่อนที่สติ๊กเกอร์รูปหัวใจจะถูกส่งไปคนที่นั่งอยู่บนเตียงในตอนแรกรีบลุกขึ้นมาแย่งมือถือของตนเองทันทีที่ถูกแย่งไป เขาดึงโทรศัพท์ไปถือเอาไว้ก่อนจะหันมาเอาเรื่องเธอที่กล้ายุ่งกับของๆ เขาชายหนุ่มที่ร่างกายไร้เสื้อผ้าปกปิดยืนมองเธอด้วยสีหน้าโมโห พร้อมผลักไหล่เปลือยเปล่าของฝ่ายตรงข้ามอย่างแรงจนเธอล้มลงกับพื้น"เป็นบ้าอะไรถึงมายุ่งกับของ ๆ กู""พี่ไมค์" หญิงสาวหันมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แววตาเจ็บปวดถูกส่งผ่านม่านน้ำตาออกมา เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะโมโหแค่เพราะเธอแย่งโทรศัพท์ของเขามาดู หนำซ้ำยังขึ้นกูมึงกับเธอทั้งที่ยามปกติไม่เคยพูด"แล้วถ้าไม่มีอะไรพี่จะหวงมันถึงขนาดนี้หรือไง" รินลดาพูดทั้งน้ำตาพลางยันตนเองให้ล







