ผมกับพี่เนมช่วยกันตั้งโต๊ะตัวเล็กนั้นขึ้นจากพื้น สิ่งที่เราเห็นคงไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากเดิมเท่าไหร่หากมองผิวเผินปกตินอกจากพื้นพรมสีแดงเลือดนกเท่านั้น หากแต่เมื่อพิจารณาดีๆ จะเห็นรอยเชื่อมต่อของพื้นพรมที่ปิดได้แนบสนิทพอดีชนิดที่ว่าหากไม่สังเกตคงจะไม่เห็น ส่วนที่ผมเห็นเพราะตรงมุมของมันเป็นรอยกดจนพื้นพรมเผยอเปิดขึ้นมานิดๆ อย่างน่าแปลก ที่มันมีทั้งสี่มุมตามขนาดของโต๊ะที่ล้มไปพอดี
ทำไมถึงต้องช่วยกันยก? เพราะว่าโต๊ะตัวนี้ทำมาจากโครงเหล็กและหินอ่อนที่ด้านบนในรูปทรงสี่เหลี่ยม ส่วนด้านล่างเป็นลิ้นชักสีดำ ขนาด 2 ชั้นขอบดิ้นทองดูดุดัน หากแต่ก็หรูหรา ถึงแม้ว่าจะสามารถยกคนเดียวได้แต่ก็หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ผมหันไปมองพี่เนมที่แทบไม่ต้องออกแรงอะไรมากมาย ก็สามารถขยับออกได้แล้ว จนทำให้ผมถึงกับสงสัยในพละกำลังของพี่เนมในทันที
หลังจากที่เรายกโต๊ะเล็กนั้นออก พี่เนมก็เปิดพื้นพรมขึ้นทันที ที่ด้านล่างมีประตูไม้ปาร์เกต์เล็กๆ ฝั่งอยู่ในพื้น โดยที่บนประตูเล็กนั้นมีห่วงกลมๆ เอาไว้ดึงประตูขึ้น เนียนเรียบสนิทในขนาดที่เสมอเท่ากันกับประตู ไม่มีรอยนูนปรากฏให้เห็น ผมกับพี่เนมสบตากัน ก่อนจะเริ่มดึงห
จากการสืบสวนของพี่มาคัส ทำให้เรารับรู้วิธีการที่ไอ้วุฒิใช้อย่างรวดเร็ว เมื่อแน่ใจแล้วว่าอยู่กับไอ้วุฒิแน่ๆ พวกผมก็กระหน่ำโทรหามันทันที สัญญาณโทรศัพท์บ่งบอกว่ายังสามารถโทรเข้า-ออกได้ แต่ไม่มีการตอบรับกลับมา พวกผมจึงลงความเห็นว่าจะไปดูที่คอนโดและที่บ้านของไอ้วุฒิ โดยแยกกันเป็นผมกับพี่มาคัสไปที่บ้านไอ้วุฒิ ไอ้ซันไอ้เบสไปที่คอนโด หากแต่ก็ไม่พบทั้งสองที่ เราจึงตกลงกันว่าจะมารวมตัวที่บ้านพี่เนมก่อน โดยพี่มาคัสทำหน้าที่ติดตามเส้นทางที่ไอ้วุฒิมันใช้หลบหนีไปส่วนพี่เนม... พี่เนมคงจะตื่นในเวลาราวๆ 6 โมงเช้า เพราะการโทรเข้า-ออก แจ้งเวลาไว้ว่าอย่างนั้น ผมไม่ได้รับสายแต่อย่างใด เลือกที่จะกดตัดสายทิ้งแล้วเพียรโทรหาไอ้วุฒิแทน เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดภายในบ้าน ในเวลา 7 โมงเช้าของวัน คนอื่นๆ หันมองดูด้วยความสนใจ แตกต่างจากผม ที่ไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมอง ก็คนที่จะเข้ามาได้มีเพียงคนเดียวนี่ครับ“นายครับ!! ทำไมไม่รับสายพี่!!” พี่เนมเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน สภาพเสื้อผ้ายับย่นจนไม่น่ามอง แตกต่างจากเมื่อวานที่เดินออกจากบ้านในมาดคุณชายผู้เพียบพร้อม โดยไม่สนใจสายตาสงสัยของคนรอบข้างที
ผมหันหลังเดินตรงกลับไปที่รถ หาม้านั่งแถวๆ นั้นแล้วนั่งรอเวลา จนผ่านไปสักพักใหญ่ พี่เนมกับคุณรอลเลนจึงเดินกลับมา สองมือของคนทั้งคู่เต็มไปด้วยขนมนมเนยจำนวนมาก เมื่อเห็นว่าพี่เนมกับคุณรอลเลนมาแล้ว ผมก็ผุดลุกขึ้นยืน พี่เนมส่งสายตาดุๆ มาให้“หายไปแบบนี้พี่เป็นห่วงนะครับ จะไปไหนก็บอกพี่ก่อนสิ ถ้ารอลเลนไม่บอกว่าเห็นเดินมาทางรถพี่คงสั่งให้คนตามหาแล้วนะ” ผมยิ้มรับคำบ่นที่มองออกว่ามาจากความเป็นห่วง ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป“ขอโทษครับ พอดีผมเหนื่อยๆ เลยอยากพักสักหน่อยน่ะครับ” พี่เนมรวบของที่ถือไว้ในมือแล้วยื่นมือมาอังกับหน้าผากของผมเพื่อเช็คอุณหภูมิ จับตามแก้มตามคอ ก่อนจะพึมพำ“ตัวรุมๆ นะ งั้นไปครับ กลับกันเถอะ” พี่เนมจัดการปลดล็อกรถ เอาของทั้งหมดที่ซื้อมาเก็บไว้ด้านหลังรถ ก่อนที่เราจะพากันก้าวขึ้นรถ ทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถได้ ผมก็เอนเบาะเล็กน้อย ไม่ให้เบียดคุณรอลเลนมากไปนัก ก่อนจะหลับตาลง สัมผัสสุดท้ายที่รับรู้คือฝ่ามืออุ่นๆ ลูบเส้นผมให้แผ่วเบา ก่อนที่ผมจะหลับไปผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรถเข้าสู่เขตตัวเมืองใจกลางกรุงเทพ แ
เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาด้วยสภาพที่หัวปูดครับ เขียวเลย ส่วนพี่เนม ปากบวม จนทำให้ผมอดขำไม่ได้ ซึ่งก็ได้รับสายตาดุๆ ส่งกลับมาแทน วันนี้วันศุกร์ครับ มีเรียนเต็มแน่นทั้งวัน แต่ว่าเช้านี้เราก็ไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด เพราะพี่เนมก็อยู่ที่ทำงานอยู่แล้ว ส่วนผมก็ใช้เวลาเดินทาง 30 นาทีในการไปมหาลัย เวลาเหลือๆ ครับหลังจากตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จแล้วพี่เนมก็ออกมานั่งทำงานในเวลา 8 โมงตรง ส่วนผมเองมีเรียนตอน 9 โมงเช้า ก็ยังเวลาที่พอมีอยู่ เข้าไปชงกาแฟกับจัดเตรียมขนมมาเสิร์ฟให้พี่เนม ก่อนจะหมุนตัวเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง เพื่อทำอาหารเช้าง่ายๆ ไว้ให้พี่เนมทาน เช่น แฮม ฮอทดอก และไข่ดาว มองแล้วก็อดจะถอนหายใจไม่ได้ เพราะสารอาหารมีน้อยมากถึงมากที่สุด แต่ที่เข้มข้นสุดก็คงจะเป็นโปรตีนและไขมันละครับ ผมคิดว่าคงต้องให้พี่มาคัสหาซื้อของสดมาติดตู้เย็นไว้ให้บ้างแล้วผมถือจานออกไปวางไว้ให้พี่เนม ตอนนี้พึ่งจะ 8 โมง 10 นาที ออกไปก่อนก็แล้วกัน จะได้เผื่อรถติดด้วย เมื่อคิดได้ผมก็สวัสดีพี่เนม ก่อนจะหยิบกระเป๋ากำลังจะเดินออกจากห้อง“นายครับ” พี่เนมเงยหน้า เรียกผมไว้ ก่อนที่มือของผมจะ
ผมกับพี่เนมช่วยกันตั้งโต๊ะตัวเล็กนั้นขึ้นจากพื้น สิ่งที่เราเห็นคงไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากเดิมเท่าไหร่หากมองผิวเผินปกตินอกจากพื้นพรมสีแดงเลือดนกเท่านั้น หากแต่เมื่อพิจารณาดีๆ จะเห็นรอยเชื่อมต่อของพื้นพรมที่ปิดได้แนบสนิทพอดีชนิดที่ว่าหากไม่สังเกตคงจะไม่เห็น ส่วนที่ผมเห็นเพราะตรงมุมของมันเป็นรอยกดจนพื้นพรมเผยอเปิดขึ้นมานิดๆ อย่างน่าแปลก ที่มันมีทั้งสี่มุมตามขนาดของโต๊ะที่ล้มไปพอดีทำไมถึงต้องช่วยกันยก? เพราะว่าโต๊ะตัวนี้ทำมาจากโครงเหล็กและหินอ่อนที่ด้านบนในรูปทรงสี่เหลี่ยม ส่วนด้านล่างเป็นลิ้นชักสีดำ ขนาด 2 ชั้นขอบดิ้นทองดูดุดัน หากแต่ก็หรูหรา ถึงแม้ว่าจะสามารถยกคนเดียวได้แต่ก็หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ผมหันไปมองพี่เนมที่แทบไม่ต้องออกแรงอะไรมากมาย ก็สามารถขยับออกได้แล้ว จนทำให้ผมถึงกับสงสัยในพละกำลังของพี่เนมในทันทีหลังจากที่เรายกโต๊ะเล็กนั้นออก พี่เนมก็เปิดพื้นพรมขึ้นทันที ที่ด้านล่างมีประตูไม้ปาร์เกต์เล็กๆ ฝั่งอยู่ในพื้น โดยที่บนประตูเล็กนั้นมีห่วงกลมๆ เอาไว้ดึงประตูขึ้น เนียนเรียบสนิทในขนาดที่เสมอเท่ากันกับประตู ไม่มีรอยนูนปรากฏให้เห็น ผมกับพี่เนมสบตากัน ก่อนจะเริ่มดึงห
“มันเป็นยังไงบ้าง?” ผมถามเพื่อนทั้งสองทันทีที่เราเข้ามานั่งในโรงอาหารของโรงพยาบาล ทั้งสองมองหน้ากันชั่วครู่ก่อนจะเป็นไอ้เบสที่เปิดปาก“แย่”“มันเล่าอะไรให้มึงฟังไหม” ไอ้เบสส่ายหัวเป็นการปฏิเสธ แล้วถามผมกลับแทน“ของมึงล่ะ”“ไอ้เพชรก็ไม่ได้เล่าอะไรเหมือนกัน กูเองก็ไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบ กูแค่ถามมันว่าจะเอายังไงต่อ ถ้ามันอยากจะเคลียร์กูก็จะเปิดทางให้ไอ้วุฒิเข้ามาคุย แต่ถ้าไม่กูก็จะช่วยมันซ่อนตัว พวกมึงรู้ไหม อาการของมันตอนที่กูไปเจอหนักขนาดไหน ตัวมีแต่รอยช้ำ มีแผลที่มือ ช่อง อ่อ ตรงนั้นอะ ฉีกขาดรุนแรง แล้วยังมีอาการหวาดผวาเวลาใครเข้าไปแตะแบบที่มันไม่รู้ตัวด้วย พี่ไผ่บอกว่าชื่อ PT อะไรนี่แหละ”“ส่วนของกู ตอนที่มึงโทรมาบอก พวกกูก็รีบไปทันที เจอมันนอนอยู่ที่พื้นนั่นแหละ หน้าช้ำดำเขียว เลือดกบปากเลยนะเว้ย พี่เนมน่ากลัวสัสๆ กูสาบานเลยคนๆ หนึ่งที่กูจะไม่ไปมีเรื่องด้วยก็คือพี่เนมนี่แหละ” ไอ้ซันพูด ทำท่าขนลุกขนชัน จนผมอดจะเอ่ยสำทับไม่ได้“เออ กูเห็นด้วย พี่เขาเล่นปืนด้วยนะเว้ย
“คำตอบของพี่ละครับ....” ผมเอยถามคนตัวเล็กเสียงนุ่ม พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น มีความมั่นคงต้องอธิบายก่อนว่า การตรวจ DNA ระหว่างเครือญาติแล้ว จะมี % ความคล้ายกันน้อยมาก จนบางครั้งแทบจะไม่มีเลย เพราะ DNA ที่ถ่ายทอดมาจะถูกทอนลดลงเรื่อยๆ จนบางครั้งแทบจะตรวจไม่เจอ ถ้าเป็นชาย สามารถอ้างอิงย้อนกลับได้จากโครโมโซม Y ที่ได้รับสืบทอดมา แต่ถ้าเป็นหญิง ก็จะตรวจจากไมโทรคอนเดรีย ไม่ได้ตรวจจากโครโมโซม อย่างที่ทุกคนรู้ชาย XY หญิง XX นั่นเอง แม้จะตรวจจากไมโทรคอนเดรียแต่โอกาสมีน้อยลงมากเช่นกัน เทียบไม่ได้กับการตรวจระหว่างพ่อแม่ ที่มีความใกล้เคียงได้มากที่สุด ถึง 99%“ผลการตรวจพิสูจน์ พบว่า...” เสียงของเจ้านายเงียบลงจนผมเริ่มจะร้อนใจ ร่างกายเกร็งไปทุกสัดส่วน ทั้งหวาดกลัวและต้องการที่จะรู้“ความสัมพันธ์.... อยู่ในระดับเครือญาติ ความใกล้เคียงของDNAอยู่ที่ 23.57%”จบคำพูดของเจ้านาย ทำให้ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ร่างกายที่เครียดเกร็งก็ผ่อนคลายลงตามลำดับ คนตัวเล็กยื่นเอกสารมา