ตอนนี้ผมกำลังยืนตัวหนาวสั่นอยู่ที่ท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ โดยมีชายรูปร่างสูงใหญ่ร่างกายกำยำ เจ้าของใบหน้าคมคายในมาดที่นิ่งขรึมของประธานบริษัทยืนอยู่คู่กัน ฝ่ามือถูกกุมกระชับไว้เพื่อเพิ่มความอบอุ่น ขณะรอรถที่เช่าไว้มาส่งให้ที่บริเวณด้านหน้า
ครับ ใช่ครับ เรากำลังอยู่ที่ลอนดอน เพราะผมเองที่เอ่ยปากว่าอยากไปเที่ยว พี่เนมก็จัดการให้ในทันที ตอนแรกผมคิดว่าเราคงจะเที่ยวกันใกล้ๆ ไม่ไกลบ้านสักเท่าไหร่ หากแต่คนข้างกายนี้กลับจองตั๋วเครื่องบิน ที่พักให้พร้อมสรรพ
โดยหลังจากที่ผม อ่อ หลังจากที่พี่เนมชวนผมล้างรถนั่น เราก็นอนพักเอาแรง นอนคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย ในช่วงเย็นของวันพี่มาคัสก็โทรมาแจ้งว่าชิ้นส่วนที่ส่งไปที่ต่างประเทศนั้นมีปัญหา แล้วเป็นทั้งล๊อต มูลค่าไม่ใช่น้อยๆ จนพี่เนมต้องรีบบินมาไกลถึงลอนดอนนี้เอง โดยหลังจากที่ทราบข่าวเราก็พากันเก็บข้าวของ รีบบึ่งรถออกมาจากบ้านทันที ตรงดิ่งเข้าบ้านแล้วจัดกระเป๋าอย่างรวดเร็ว พี่เนมนะครับ ไม่ใช่ผม ผมเองก็ช่วยพี่เนมเก็บกระเป๋า นั่งพับผ้าใส่ให้ อย่างเหงาหงอย ก็อุตส่าห์ได้ลาหยุด 1 อาทิตย์ พึ่งใช้ไปแค่ 2 วันเอง ส่วนพี่เนมแม้จะลาพักร้อนแล้ว แต
ตอนนี้ผมกำลังยืนตัวหนาวสั่นอยู่ที่ท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ โดยมีชายรูปร่างสูงใหญ่ร่างกายกำยำ เจ้าของใบหน้าคมคายในมาดที่นิ่งขรึมของประธานบริษัทยืนอยู่คู่กัน ฝ่ามือถูกกุมกระชับไว้เพื่อเพิ่มความอบอุ่น ขณะรอรถที่เช่าไว้มาส่งให้ที่บริเวณด้านหน้าครับ ใช่ครับ เรากำลังอยู่ที่ลอนดอน เพราะผมเองที่เอ่ยปากว่าอยากไปเที่ยว พี่เนมก็จัดการให้ในทันที ตอนแรกผมคิดว่าเราคงจะเที่ยวกันใกล้ๆ ไม่ไกลบ้านสักเท่าไหร่ หากแต่คนข้างกายนี้กลับจองตั๋วเครื่องบิน ที่พักให้พร้อมสรรพโดยหลังจากที่ผม อ่อ หลังจากที่พี่เนมชวนผมล้างรถนั่น เราก็นอนพักเอาแรง นอนคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย ในช่วงเย็นของวันพี่มาคัสก็โทรมาแจ้งว่าชิ้นส่วนที่ส่งไปที่ต่างประเทศนั้นมีปัญหา แล้วเป็นทั้งล๊อต มูลค่าไม่ใช่น้อยๆ จนพี่เนมต้องรีบบินมาไกลถึงลอนดอนนี้เอง โดยหลังจากที่ทราบข่าวเราก็พากันเก็บข้าวของ รีบบึ่งรถออกมาจากบ้านทันที ตรงดิ่งเข้าบ้านแล้วจัดกระเป๋าอย่างรวดเร็ว พี่เนมนะครับ ไม่ใช่ผม ผมเองก็ช่วยพี่เนมเก็บกระเป๋า นั่งพับผ้าใส่ให้ อย่างเหงาหงอย ก็อุตส่าห์ได้ลาหยุด 1 อาทิตย์ พึ่งใช้ไปแค่ 2 วันเอง ส่วนพี่เนมแม้จะลาพักร้อนแล้ว แต
ในเช้าวันนี้ผมตื่นมาพร้อมกับความสดชื่นและสดใสอย่างที่สุดในรอบหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา หันมองข้างกายก็ไม่พบพี่เนมแต่อย่างใด คิดว่าคงจะไปออกกำลังกายที่ข้างล่างหรือไม่คงไปหาอะไรมาทานเป็นอาหารเช้า ผมจัดการลุกขึ้นจากฟูกนอน ความเจ็บแสบที่ช่องทางรักทำให้ผมมีความสุขแทนที่จะทรมานจากการขยับตัวจนอดยกยิ้มออกมาไม่ได้ ผมเดินเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็นำผ้าทั้งหมดที่ใช้แล้วเดินไปทางหลังบ้าน ซักผ้าสักหน่อยครับ เดี๋ยวจะไม่มีใส่เอา เมื่อเดินลงมาแล้วก็ไม่พบพี่เนมแต่อย่างใด แถมรถสปอร์ตคู่ใจก็หายไปด้วย คิดได้อย่างเดียวคือออกไปหาอะไรมาทานแน่ๆผมละความสนใจในการตามหาพี่เนม เดินไปรองน้ำใส่กะละมัง เมื่อน้ำพอประมาณแล้วก็เอาผงซักฟอกที่อยู่ในกระปุกใกล้ๆ กันนั้นมาใส่ในน้ำ ตีกระจายฟองอยู่ชั่วครู่จนแน่ใจว่าละลายดีแล้ว ถึงได้เอาผ้าลงใส่ แล้วรองน้ำใส่กะละมังใบอื่นแทนเพื่อใช้สำหรับล้างน้ำเปล่า ผมขยี้ผ้าไปด้วย เพื่อให้มั่นใจว่ามันจะสะอาดจริงๆ เริ่มซักผ้าได้ไม่นาน เสียงรถยนต์ก็ดังให้ได้ยินจากด้านหลัง จนผมต้องหันไปมอง พี่เนมก้าวขาลงจากรถพร้อมกับอาหารมากมายทั้งของคาวของหวาน ทั้งปรุงเสร็จแล
“ลงกันเถอะครับ นายคงจะหิวแย่แล้ว” พี่เนมจัดการปลดล็อกรถแล้วก้าวเดินลงไป ทำให้ผมหันมองรอบๆ ตัวด้วยความสนใจ สถานที่แห่งนี้เหมือนกับน้ำตกเลยละครับ มีร้านค้าต่างๆ มากมาย เพราะว่ายังเช้าอยู่คนเลยบางตา ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ผมรีบเปิดประตูก้าวเท้าตามลงไป พี่เนมจัดการกดล็อกรถไว้ แล้วกุมมือผมให้เดินไปด้วยกัน“ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนหรอครับ”“น้ำตกวังตะไคร้ครับ”“นครนายก?” พี่เนมพยักหน้าเป็นการตอบรับ ส่วนผมกะพริบตาปริบๆ มันไม่ได้ไกลจากบ้านพี่เนมเลยสักนิด!!!! ลุงชาญอุตส่าห์จับผมมา จับมาไกลแค่เนี้ยะ??? ผมถอนหายใจ ส่ายหัวนิดๆ ไอ้เรารึนึกว่าจะถูกจับมาไกลสุดสายตาของพี่เนม คิดว่าจะกักขังไว้ไม่ให้ได้เจอกันโดยง่าย แต่กลับอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง ผมอดหัวเราะหน่อยๆ ออกมาไม่ได้ สายตาหันไปมองร้านข้างทางที่มีอยู่เต็มไปหมด ก่อนจะหันไปเห็นเสื้อลายดอกสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงสามส่วน เหมือนอยู่ในฮาวาย หันมองคนข้างกายที่ยังอยู่ในชุดคอเต่าแขนยาวสีดำกับกางเกงทหารมีกระเป๋าเยอะๆ ที่เนื้อผ้าดูแล้วไม่ระบายอากาศเท่าไหร่ผมเดินเข้าไปในร้านนั้น หยิบจับเส
ผมเอื้อมมือลูบหน้าของพี่เนมที่ตอนนี้เหมือนตกอยู่ในภวังค์ นิ้วโป้งของผมลูบรอยคล้ำใต้ตา ไล่ลงมาจนถึงแก้มตอบหน่อยๆ และมาจบอยู่ที่ปลายคางที่เริ่มมีไรหนวดขึ้นมาให้เห็น ใบหน้าของพี่เนมโทรมลงไปมาก คงเพราะปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าอยู่ในตอนนี้ และผมเองก็คงเป็นส่วนหนึ่งของปัญหานั้นเช่นกัน ผมดึงรั้งตัวพี่เนมให้เข้ามาซบพิงกับไหล่ของผม จนคนตัวโตต้องโค้งตัวลงตาม พี่เนมวางหัวไว้ที่บ่าของผม รอบข้างตกอยู่ในความเงียบงัน แขนทั้งสองข้างของผมตระกองกอดคนตรงหน้านี้ ฝ่ามือลูบเส้นผมหนาดกดำนุ่มมือ อีกข้างลูบหลังแผ่วเบาปลอบใจ เรายืนกอดกันนิ่งๆ จนผมรับรู้ถึงความฉ่ำชื้นที่บนบ่า ก่อนจะพูดออกมา“ร้องมาเถอะครับ ผมบอกแล้วไง ผมจะยืนอยู่ข้างพี่ ผมจะเป็นพละกำลังให้พี่ และผมจะเป็นแรงใจให้พี่เอง” ไหล่กว้างที่เคยตั้งตรง สูงสง่า สั่นไหวน้อยๆ พร้อมกับความชุ่มชื้นที่เพิ่มมากขึ้น จนบ่าของผมเกิดเป็นรอยน้ำตา ผมกอดคนตรงหน้าให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ พูดปลอบใจไปเบาๆ อยากจะช่วยให้พี่เนมผ่านพ้นความทุกข์ทรมานนี้ไปได้“พี่... ไม่เคยคิดเลย อึก ว่าคนที่พี่ตามหามาตลอด คนที่เป็นคนวางแผนทั้งหมด จะเป็นแม่ของพี
ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันอาทิตย์ อาการบาดเจ็บเริ่มดีขึ้นมาก ผมก็นั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้อง ไม่ได้ออกไปที่ไหน ถึงจะอยากออกไปก็คงออกไม่ได้อยู่ดี เพราะมีพวกพี่ๆ เข้าเฝ้าอยู่เต็มไปหมด แต่ว่าที่นี่ก็มีคนเข้าออกอยู่ตลอด ก็คือป้าที่คอยเอาข้าวปลาอาหารมาส่งให้กับคุณหมอที่คอยแวะเวียนมาตรวจอาการตอนนี้ก็ 5 วันเข้าไปแล้วที่ผมโดนจับตัวมา ผมเองทั้งวันก็ไม่ได้ทำอะไร นั่งดูคลิปวนไปอยู่แบบนั้น ทุกครั้งที่ได้ดูก็จะแสดงอาการทั้งสุข ทั้งเศร้า ทั้งเสียใจ และดีใจ ปะปนกันไปหมด หลากหลายอารมณ์ จนคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นบ้าไปเสียแล้ว แต่สิ่งหนึ่งเลยที่อยู่ในความคิดของผมมาตลอดก็คือ ผมคิดถึงพี่เนม ผมอยากกลับบ้าน อยากไปเจอหน้าเขา อยากอยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆ นั้น ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยกให้ผมเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ ผมคิดถึงพี่เนมอย่างที่สุด ไม่รู้ว่าคนตัวโตจะตามหาผมขนาดไหน ไม่รู้ว่าจะคลุ้มคลั่งไปไหมที่หาผมไม่เจอ พี่จะรู้บ้างไหมว่าผม คิดถึง....ผมนั่งคิดอะไรไปเรื่อยจนมาถึงช่วงเย็นของวัน พี่มอสก็บอกให้ผมลงไปหาที่ด้านล่าง นายของพี่มอสอยากจะคุยด้วย ทำให้ผมตาลุกวาว ผมจะได้เจอคนที่จับผมมาแล้วใช่ไหม จะใช่คนที่ผมคิดไหมนะ ผมคิดพ
หลังจากที่ผมสั่งงานมาคัสเสร็จ ผมก็ขับรถตรงกลับบ้านทันที ผมถึงบ้านในราวๆ 5 ทุ่มของวัน ผมเดินเข้าบ้านด้วยสภาพอ่อนระโหยโรยแรง ไม่มีแม้แต่แรงจะเดิน ผมพาร่างตัวเองเดินมาเรื่อยจนถึงห้องนอน ก่อนจะทิ้งตัวลงอย่างอ่อนล้า กลิ่นหอมจางๆ ยังอยู่ทั่วทุกอณูภายในห้องนอน กลิ่นหอมของคนตัวเล็กที่ทำให้ผมโหยหา อยากกอด อยากสัมผัส ไม่อยากให้ระหว่างเราเป็นอย่างนี้ผมคว้าหมอนที่เจ้านายใช้หนุนนอนมาตระกองกอดไว้ เปรียบเสมือนตัวแทนของเจ้านายในช่วงเวลานี้ ฝั่งหน้าลงบนหมอนนุ่ม สูดลมหายใจเข้าลึก ติดตรึงอยู่ในภวังค์ของห้วงคำนึง น้ำสีใสไหลออกจากหางตา ตกกระทบกับหมอนใบใหญ่ ก่อนจะซึมหายไปในที่สุด หยดที่หนึ่ง.... หยดที่สอง.... หยดที่สาม.... ก่อนจะไหลออกมาไม่ขาดสาย ซึมลงไปในหมอนใบโตผมใช้มือแตะที่ใบหน้าของตัวเองอย่างแปลกใจ ก่อนจะพบว่าน้ำสีใสติดมือมา นี่ผม.... ร้องไห้?“ฮึก อึก” ผมกลั้นสะอื้น ปกปิดเสียงร้องไห้ของตัวเอง ซุกหน้าลงบนหมอน สูดกลิ่นกรุ่นของคนร่างบางที่ติดอยู่อย่างเจ็บปวด ผมยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าผมเสียใจ เสียใจอย่างที่สุดแล้ว ความเจ็บปวดที่ไม่มีเสียงนี้ บาดลึกลงที่กลางใจ เพราะผมเ