นั่งดื่มกันไปซักพักสถานการณ์ก็เริ่มอึดอัดขึ้นไปทุกที ทุกคนเอาแต่นั่งดื่มกันไปเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยซักคำ ออสตินก็เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ถาม ไม่ด่า ไม่ปรึกษาอะไรเพื่อนเลย จนฉันเองทำตัวไม่ถูก บางทีมันอาจจะเป็นเพราะฉัน เหตุการณ์มันก็เลยแย่แบบนี้
“กูกลับก่อนดีกว่า” ฉันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ ก่อนที่จะลุกขึ้น ทุกคนต่างก็มองก็มาที่ฉันอย่างงงๆ ที่อยู่ๆ ฉันก็จะกลับแบบนี้
“นั่งลง” ออสตินบอกพร้อมกับดึงแขนฉันให้นั่งลงที่เดิม (อยู่ๆ ใจฉันก็สั่นขึ้นมาซะงั้น นานแล้วนะที่ออสตินไม่ได้แตะตัวฉันแบบนี้) ฉันมองหน้าออสตินด้วยความแปลกใจ (นี่มันไปกินยามาผิดรึป่าววะเนี่ย!)
“มึงจะกลับทำไม กลับไปตอนนี้มันก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นมาหรอก” ออสตินยังคงพูดนิ่งๆ ตามสไตล์ จนฉันไม่กล้าพูด ไม่กล้าถามอะไร
“งี่เง่าอีกแล้วเหรอวะ” อยู่ๆ ไอ้วินก็หันมาถามออสติน จนฉันงงไปหมดแล้ว ฉันก็นั่งของฉันอยู่เฉยๆ นี่จะมาว่าฉันงี่เง่าหรอ!
“อืม” นี่ก็อีกคน ตอบสั้นๆ ไปแบบไม่คิดอะไรเลยซักนิด แล้วยังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก แต่ฉันไม่ทนหรอกนะจะมาว่าฉันงี่เง่าแบบนี้ไม่ได้!
“กูไม่ได้งี่เง่านะ” ฉันหันไปสะกิดแขนไอ้วิน แล้วพูดกับมันให้รู้เรื่อง
“อะไร มึงเป็นอะไร ใครไปว่ามึง” ไอ้วินตอบกลับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยซักนิด
“ก็ที่มึงพูดกับไอ้ตินอะ” ฉันยังคงถามต่อ เพราะยังไงฉันก็คิดว่ามันหมายถึงฉันแน่ๆ ที่ว่างี่เง่า
“ก็ไม่ได้ว่ามึง กูหมายถึงแฟนไอ้ตินมันนู้น”
เพล้ง! หน้าแตกแบบที่หมอไม่รับเย็บเลยฉัน สำคัญตัวผิดนึกว่าหมายถึงตัวเอง อายไอ้วินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้วเนี่ย แต่เดี๋ยวนะ มันใช้คำว่า ‘งี่เง่าอีกแล้ว’ แบบนี้ก็แสดงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเป็นแบบนี้สินะ หรือว่าออสตินมันจะเคยปรึกษาเรื่องแฟนกับพวกผู้ชายมาแล้ว
“กูว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ” ยัยฮันน่าพูดขึ้นอย่างจริงจัง นี่มันจะมาไม้ไหนอีกเนี่ย
“ดีอะไรของมึงอีก” ไอ้เกอร์ที่อยากรู้ก็ถามขึ้นมา
“ก็เมื่อก่อนตอนที่ไอ้ตินมันยังไม่มีแฟน พวกเราก็ไปเที่ยวไปดื่มกันจนเมาอย่างสนุก ไม่ต้องมามัวคอยคิดถึงความรู้สึกใคร” ยัยฮันน่าพูดขึ้นทำเอาฉันคิดถึงตอนนั้นเลย ไปไหนไปกันสนุกกันสุดๆ
“ก็จริงนะ เมื่อก่อนเมาจนกลับห้องไม่ได้ แต่ก็โคตรมีความสุขเลยว่ะ” ยัยเดียก็พูดเสริมยัยฮันน่าตลอด เข้ากันได้ทุกเรื่องเลยจริงๆ
“กูก็ว่างั้นแหละ” ตามด้วยเสียงไอ้เกอร์ที่นั่งอยู่ไม่ไกล
ทุกคนต่างพูดถึงเรื่องอดีตเป็นเสียงเดียวกัน ทำเอาฉันอดคิดไม่ได้ เมื่อก่อนฉันกับออสตินสนิทกันมาก มากจนทำเอาฉันเผลอคิดไปไกล ออสตินชอบมานอนค้างที่ห้องฉันบ่อยๆ จนคนอื่นคิดว่าฉันกับออสตินเป็นแฟนกัน แต่เราก็ไม่เคยมีอะไรเกินเลยกันซักครั้ง คงจะมีแค่ฉันนี่แหละที่คิดเกินเลยไปไกลคนเดียว
“กูไปห้องน้ำก่อนนะ” ฉันพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“ให้กูไปเป็นเพื่อนมั้ย” ยัยเดียหันมาถามฉันด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร” ฉันตอบไปสั้นๆ ก่อนจะเดินออกไป
อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา ดื่มทีไรทำเอาฉันคิดมากทุกทีเลย ระหว่างทางเดินก็ทำให้ฉันคิดไปถึงเหตุการณ์หลายอย่างตอนที่สนิทกับออสตินมากๆ ตอนนั้นออสตินเคยถามคำถามฉันเอาไว้ว่า…
‘ถ้าวันนึงกูมีแฟน มึงจะทำยังไง’ ออสตินถามขึ้นในวันที่มานอนค้างที่ห้องฉัน
‘กูก็ยินดีกับมึงไง’ ตอนนั้นฉันตอบไปแบบไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าออสตินคงจะถามเล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร
‘จริงเหรอ’ แต่ออสตินก็ยังคงถามย้ำอีกครั้ง อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด
‘จริงสิ เรื่องแบบนี้กูก็ต้องยินดีด้วยอยู่แล้ว’ ฉันตอบไป เพราะไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้
ความคิด ความรู้สึกเก่าๆ ต่างก็ผุดเข้ามาในหัวฉัน แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้คิดอะไรต่อก็มีคนถามฉันขึ้นมาเสียก่อน ทำเอาฉันหลุดจากภวังค์ความคิดทันที
“โอเคมั้ย” ยัยรินถามฉันด้วยความเป็นห่วง คงจะกลัวฉันคิดมากมั้งก็เลยเดินตามฉันมาเข้าห้องน้ำ
ฉันมีเพียงความเงียบให้กับคำถามของยัยริน ถ้าจะบอกไปว่าไม่โอเค ฉันก็กลัวว่าเพื่อนจะหมดสนุก เพราะมัวแต่มาเป็นห่วงความรู้สึกของฉัน ฉันก็เลยทำได้เพียงแค่เงียบ
“เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับคริส คริสไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องไปคิดมากหรอก” อยู่ๆ ยัยรินก็พูดขึ้นมา ทำเอาฉันแทบจะร้องไห้ ไม่คิดเลยว่ายัยรินจะพูดปลอบใจและเข้าข้างฉันขนาดนี้ คงจะมีแค่ยัยรินนี่แหละที่คิดแบบนี้
“ขอบใจมึงมากนะ แต่กูจะกลับแล้ว” นับวันฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวปัญหาเข้าไปทุกที อยู่ไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอก
“เรื่องนี้มันไม่มีใครผิด มันไม่มีใครเป็นตัวปัญหาหรอก คริสก็ไม่ผิดที่รักติน” ยัยรินยังคงพูดปลอบใจฉันต่อ ฉันซึ้งจนแทบจะร้องไห้
“จริงเหรอ” ฉันถามกลับอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่ฉันไม่ผิดจริงๆ เหรอ
“ถ้าจะผิด ก็คงจะผิดที่ไม่บอกทุกอย่างให้เร็วกว่านี้” ยัยรินยังคงพูดต่อ
“บอกให้เรื่องทุกอย่างมันแย่เหรอ” ฉันอยากจะร้องไห้ หมดกันสภาพฉันตอนนี้
“ที่เรื่องมันแย่ เพราะว่าตินแคร์คริสมากไง มันก็เลยทำให้ตินมีปัญหากับแฟน”
ฉันตกใจกับคำพูดของยัยริน ตอนนี้ตาฉันโตอย่างกับไข่ห่าน ปกติยัยรินเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ทำไมอยู่ๆ ยัยรินถึงได้พูดแบบนี้หรือว่ายัยรินจะไปรู้เรื่องอะไรมานะ แบบนี้มันต้องถามให้รู้เรื่อง!
“พูดมาให้หมดเลยนะ มึงไปรู้เรื่องอะไรมา” ฉันรีบถามกลับพร้อมกับจ้องหน้ายัยรินอย่างรอฟังคำตอบ ยัยรินก็เอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดอะไร
“เสร็จรึยัง ไปต่อห้องไอ้ตินกัน” ยังไม่ทันที่ยัยรินจะได้พูดอะไร เสียงยัยฮันน่าก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน ทำเอาฉันอยากจะพายัยรินวิ่งออกไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่มันก็ติดตรงที่ฉันทำไม่ได้
“อะไรกันอีก” ฉันหันไปถามอย่างหงุดหงิด
“ก็พวกนั้นชวนไปต่อห้องไอ้ติน” ยัยเดียที่เดินมาด้วยกันก็พูดขึ้น คงจะหมายถึงพวกผู้ชายละมั้ง
“ไปกันเถอะ” เป็นยัยรินที่รีบตอบก่อนใคร คงจะกลัวที่ฉันถามค้างเอาไว้ละมั้ง
“ไปๆ เดี๋ยวอีกหน่อยผับปิดคนจะวุ่นวาย” ยัยฮันน่าพูดก่อนจะเดินนำออกไป
ฉันมองหน้ายัยรินด้วยสายตาที่คาดโทษสุดๆ ไปรู้อะไรมาทำไมไม่บอกฉันให้หมดนะ แล้วที่บอกว่าออสตินแคร์ฉัน สรุปแคร์ยังไงฉันยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย คิดแล้วก็ปวดหัว
หลังจากที่เรื่องทุกอย่างจบลงพี่สาวของไข่มุขก็บอกอยากจะเลี้ยงข้าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยน้องสาว แต่ก็ต้องหาวันว่างๆ แล้วค่อยนัดกันอีกที เพราะวันนี้ไข่มุขเจอเรื่องเลวร้ายมาทั้งวันแล้ว ถ้าจะไปกินข้าวกันวันนี้คงจะดูไม่เหมาะเท่าไหร่ ทุกคนก็ตกลงเห็นด้วย ด้วยความเต็มใจ ก่อนที่พี่สาวของไข่มุขจะขอตัวกลับเพื่อพาน้องสาวไปพัก“ไปหาอะไรกินกันมั้ยวะ หิวแล้ว” ฮันน่าพูดขึ้นเพราะกว่าจะเคลียร์ทุกอย่างจบก็เป็นช่วงเย็นพอดี ก็ทำเอาทุกคนหิวไม่ต่างกัน“ดีเหมือนกัน กูก็เริ่มหิวแล้ว” ตามด้วยเสียงนาเดียพูดขึ้นที่ดูท่าจะหิวไม่ต่างกัน“ไปก็ไป” กวินตามใจสาวๆ อย่างขัดไม่ได้ ไปไหนก็ต้องไปด้วยกันอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ไปด้วย มีหวังได้เป็นเรื่องแน่ๆ สาวๆ ยิ่งเอาแต่ใจกันอยู่ด้วย“จะไปกินร้านไหนวะ” คริสตัลถามขึ้นอย่างไม่รอช้า“ไปร้านอาหารแถวคอนโดมึงก็ได้ กินเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ” ฮันน่ารีบตอบทันทีดูท่าแล้วน่าจะหิวหนักกว่าใครคนอื่น“งั้นก็ไปเจอกันที่ร้านxxx” ออสตินที่รู้จักร้านอาหารที่อยู่แถวนั้นเป็นอย่างดี ก็รีบพูดตัดบทขึ้นมาทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะจับมือคริสตัลแล้วเดินจูงมือเธอตรงไปที่รถทันที“อีคริสมันไม่ได้ตาบอดนะ ทำไมต้องจั
ออสตินกับคริสตัลมาถึงยังสถานที่ที่ไข่มุขบอกเอาไว้ก่อนหน้า ก่อนจะเจอกับกลุ่มเพื่อนที่มากันครบหมดทุกคน เพราะคริสตัลได้โทรบอกเพื่อนให้ออกมาช่วยกันก่อนที่เธอจะออกมา“ทำไมไม่เห็นมีใครเลยวะ” นาเดียพูดขึ้นพร้อมกับมองซ้าย มองขวาอย่างสำรวจซอยเปลี่ยวที่เงียบและไร้ผู้คนจนดูน่ากลัว“ปล่อยนะ! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือดังขึ้นจนทุกคนหันไปมองหน้ากัน คิดว่ายังไงก็ต้องเป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือของไข่มุกแน่ๆเอี๊ยด!เสียงรถตู้คันใหญ่แล่นมาจอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะปรากฎร่างกายกำยำของชายชุดดำสามคนที่กำลังเดินลงจากรถ ก่อนจะเดินไปกระชากหญิงสาวที่อยู่กับชายชุดดำอีกคนให้รีบเดินตรงไปขึ้นรถที่จอดรออยู่“รีบเดินหน่อยสิวะ!” ชายชุดดำที่ดูน่ากลัวตะคอกบอกไข่มุขเสียงดัง ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งตกใจกลัวขึ้นมาอีกครั้ง“ขึ้นไปอยู่บนรถกันก่อนนะ” ออสตินบอกกับคริสตัลด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาไม่อยากให้หญิงสาวเป็นอันตราย“เดี๋ยวพวกกูจัดการเอง” กวินพูดขึ้นก่อนที่จะเดินนำไปยังรถตู้ที่จอดอยู่ พร้อมกับมีออสตินและไทเกอร์เดินตามมาด้วยสาวๆ รีบวิ่งขึ้นไปอยู่บนรถอย่างว่าง่าย โดยที่ไม่มีใครบ่นเลยซักคำ เพราะเหตุการณ์ตรงหน้
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เพื่อนๆ ต่างทยอยกันกลับไปจนหมด ตอนนี้ภายในห้องก็มีแค่คริสตัลกับออสตินเพียงสองคน แต่ชายหนุ่มก็เอาแต่เงียบไม่ยอมคุยกับหญิงสาวเลยซักคำ“หิวมั้ย” คริสตัลถามขึ้นเมื่อบรรยากาศภายในห้องนั้นเงียบเกินไป“….”ไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย ภายในห้องยังคงปกคลุมไปด้วยความเงียบอยู่เหมือนเดิม“ออกไปหาอะไรกินมั้ย” หญิงสาวยังคงถามต่อ พยายามถาม พยายามหาเรื่องมาคุยด้วยแต่ก็ไม่เป็นผล“….”ไม่ว่าเธอจะถาม จะพูดอะไร ชายหนุ่มเอาแต่งอนไม่ยอมตอบเธอเลยซักอย่าง“เป็นอะไร…” คริสตัลเดินเข้าไปถามชายหนุ่มใกล้ๆ แต่ออสตินก็เงียบ ไม่สนใจ แถมเขายังเดินหนีเข้าไปอาบน้ำอีกด้วยคริสตัลรีบเดินตามไปแต่ก็ไม่ทัน เพราะชายหนุ่มนั้นล็อกประตูห้องน้ำเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“รีบออกมาน๊าาา” คริสตัลไม่ยอมแพ้ ถึงจะเข้าไปในห้องน้ำด้วยไม่ได้ เธอก็ตะโกนบอกเขาเสียงดังอย่างไม่ลดละความพยายามลงเลยซักนิดออสตินใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องน้ำมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันเอวหนาเอาไว้ร่างหนาเดินผ่านหญิงสาวไปอย่างไม่สนใจ ถึงแม้เธอจะเดินตามง้อเขาแทบจะทุกฝีก้าวก็ตาม“หายงอนเถอะนะ” คริสตัลพูดพร้อมกับโอบกอดเอวหนา
สองวันต่อมาคริสตัลนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟากลางห้อง ฮันน่ากับกวินก็นั่งกินขนมกันอยู่ไม่ไกล ส่วนไอรินกับไทเกอร์ก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จา เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องของคริสตัลได้กลายเป็นที่รวมตัวของกลุ่มเพื่อนไปแล้ว จะขาดก็แต่นาเดียที่ออกไปข้างนอกตั้งนานแล้วไม่ยอมกลับมาซักที“ดูอะไรอยู่เหรอ” ออสตินถามขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คริสตัลอย่างเคยชินเหมือนที่เคยทำอยู่ตลอด“ก็ดูไปเรื่อยแหละ” คริสตัลตอบพร้อมกับหันหน้าไปมองออสตินก่อนที่เธอจะหันกลับมาสนใจเล่นโทรศัพท์ที่อยู่ในมือต่อ“ถามอะไรหน่อยสิ” ร่างหนาถามขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าหญิงสาว รอดูว่าเธอจะหันมามองเขาอีกหรือเปล่า“อะไรเหรอ” หญิงสาวถามออกมา แต่เธอยังคงก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ไม่สนใจมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยซักนิด“ไม่คิดอะไรจริงเหรอ” ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนลงหนุนตักหญิงสาวอย่างที่เคยทำเป็นประจำ พร้อมกับถามเธอออกมา“คิดเรื่องอะไร” คริสตัลก้มมองหน้าออสตินนิ่งๆ ก่อนที่เธอจะถามออกมา พร้อมกับทำหน้างงๆ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังถามเรื่องอะไรอยู่“ก็เรื่องที่ไข่มุขยังมาวนเวียนมาอยู่แบบนี้ไง” ออสตินถามไปด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะคิดมากเรื่
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาตั้งแต่ที่ออสตินกับคริสตัลเปิดตัวว่าคบกันออกสื่ออย่างเป็นทางการ ชีวิตของทั้งสองคนก็ดูมีความสุขมากขึ้น ทุกคนรอบข้างต่างก็สบายใจไปด้วย ไม่มีอะไรที่จะอึดอัดใจเหมือนก่อนหน้านี้ออสตินได้ย้ายมาอยู่ที่คอนโดของคริสตัลอย่างถาวร เพราะหญิงสาวให้เหตุผลว่า เธอไม่อยากจะย้ายไปอยู่ในห้องที่ชายหนุ่มเคยอยู่กับแฟนเก่ามาก่อน ซึ่งชายหนุ่มก็เข้าใจและตามใจหญิงสาวทุกอย่างตลอดทั้งอาทิตย์ออสตินกับคริสตัลก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนนอกจากไปเรียน เรียนเสร็จก็กลับห้อง ทำเอาเพื่อนๆ ทุกคนต่างก็มาคลุกอยู่ที่ห้องของคริสตัลเป็นประจำ และวันนี้ก็เช่นกัน“เรื่องน้องมุขเป็นไงบ้างวะ” กวินถามขึ้นด้วยความสงสัย“ก็โดนตามขู่อยู่เหมือนเดิมแหละ” ไทเกอร์ตอบไปด้วยท่าทางนิ่งๆ“แรกๆ กูไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่านางจะโดนคุกคามจริงๆ นึกว่านางสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจซะอีก” ฮันน่าพูดออกมาตามตรง เพราะไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้“ตอนแรกกูก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่วันนั้นกูไปเห็นมากับตา แม่งโดนทำลายด้วย โชคดีที่เข้าไปช่วยทัน” ไทเกอร์พูดถึงวันที่เอาเงินไปแล้วเห็นว่าไข่มุขกำลังโดนขู่ โชคดีที่เขาเอาเงินไปให้เธอทันเวลาพอ
เข้าวันต่อมาชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก่อนหลังจากที่เพิ่งจะได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพราะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ถ้าเขาไม่รับก็กลัวว่าหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างๆ จะตื่นเสียก่อน“มีอะไรวะ” ออสตินถามเสียงเบาเพราะกลัวหญิงสาวจะตื่น ทั้งๆ ที่ในใจเขาตอนนี้อยากจะด่าออกไปให้มันจบๆ(ฮ่าฮ่าฮ่า) ไม่มีเสียงพูดตอบกลับใดๆ มีเพียงแค่เสียงหัวเราะของไทเกอร์ที่ดังขึ้นมาอย่างพอใจ ก่อนที่ปลายสายจะกดวางสายไปเอง“อย่าให้ถึงทีมึงบ้างก็แล้วกัน” ออสตินพูดออกมาด้วยความโกรธที่โดนแกล้งตอนเช้าแบบนี้ ชายหนุ่มรีบปิดเครื่องแล้วนอนกอดร่างบางต่อทันที“มีอะไรเหรอ” คริสตัลงัวเงียถามขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทางหัวร้อนของออสติน“ไม่มีอะไรหรอก” พูดจบชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าเข้าไปสูดดมซอกคอขาวอย่างไม่รอช้า“อือออ…ขอพักก่อนได้มั้ย” หญิงสาวบอกชายหนุ่มเสียงเบาอย่างไร้เรี่ยวแรง เพราะพึ่งจะได้พักเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง“นอนพักเลย…เดี๋ยวทำเอง” ออสตินกระซิบบอกที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย หญิงสาวได้แต่นอนหลับตานิ่งไม่มีแม้แรงจะห้าม จึงปล่อยให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจตัวเองร่างหนาทาบทับร่างสวยเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเริ่มบทรักครั้งใหม่กับเธออีกครั้ง..ช่ว