ฉันกับเพื่อนๆ เดินออกมาถึงลานจอดรถ ด้วยสภาพที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เพราะทุกคนต่างก็เมากันไปบ้างแล้ว กว่าจะเดินออกมาได้ก็ใช้เวลากันพอสมควร เพราะคนในผับค่อนข้างเยอะ จนแทบจะไม่มีทางเดินออกมา
แต่พอมาถึงก็เจอกับพวกผู้ชายขับรถมาจอดรออยู่หน้าลานจอดรถแล้ว
“มีรถสามคัน จะไปคันไหนรีบเลือกเลย” ไอ้วินที่เปิดกระจกรถค้างไว้รีบพูดขึ้น พร้อมกับมีรถอีกสองคันจอดต่อท้ายอยู่ คงจะไม่พ้นที่จะเป็นรถของไอ้เกอร์ กับรถของออสตินหรอก
“เออๆ แป๊บนึงๆ” ยัยฮันน่าหันไปบอกไอ้วิน ก่อนที่จะหันมาตกลงกันว่าใครจะไปรถคันไหนกันบ้าง
“มึงไปกับไอ้เกอร์” ยัยเดียหันไปบอกยัยรินที่เอาแต่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา
“รินไปกับวินดีกว่า” ยัยรินที่ยืนเงียบอยู่ก็รีบปฏิเสธเสียงแข็งขึ้นมาทันที ทำเอาต่อมสงสัยฉันทำงานอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ทำไมยัยรินถึงไม่อยากจะไปกับไอ้เกอร์ขนาดนั้น แบบนี้มันต้องมีเรื่องอะไรกันแน่นอน ฉันต้องรู้ให้ได้
“ทำไม หรือว่ามึงสองคนมีเรื่องอะไรกัน” ยัยเดียถามขึ้นอย่างไม่รอช้า ทำเอาทุกคนต่างมองหน้ายัยรินอย่างรอฟังคำตอบ
“ปะ ป่าว…รินไปก็ได้” ยัยรินอ้ำอึ้ง เหมือนตอนแรกอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายกลับไม่พูด (ยอมง่ายๆ ซะงั้น) ทำเอาฉันเซ็งเลย
“ดี! ส่วนมึงไปกับไอ้ติน” และแล้วก็ถึงคิวของฉัน ยัยเดียหันมามองหน้าฉันอย่างเอาจริง แต่มีเหรอที่ฉันจะยอมไปกับออสติน
ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที จะให้ฉันไปกับออสตินตอนนี้ เวลานี้ไม่ได้นะ คนยิ่งเมาๆ อยู่ ยังไงฉันก็ไม่ไปเด็ดขาด ปล่อยให้ยัยเดียกับยัยฮันน่าไปเองเถอะ
“กูจะไปกับไอ้วิน” ฉันพูดขึ้นก่อนจะเดินไปขึ้นรถของไอ้วินทันที ไม่ว่ายัยเดียกับยัยฮันน่าจะร้องตะโกนตามหลังยังไงฉันก็ไม่หันกลับไปมอง (อยากไปก็ไปเองสิจะมาบอกให้ฉันไปทำไมล่ะ)
“มึงโอเคมั้ย” หลังจากที่ขับรถออกมาได้ซักพักไอ้วินก็ถามฉันขึ้นมา พร้อมกับมองหน้าฉันอย่างเป็นห่วง
“โอเคสิ ทำไมกูจะไม่โอเคล่ะ” ฉันแสร้งตอบไปแบบเลี่ยงๆ ไม่กล้ามองหน้าไอ้วิน ถึงในใจจะไม่โอเคแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ทำได้เพียงแค่บอกกับทุกคนไปว่าฉันยังโอเค
“เหรอ แล้วทำไมช่วงนี้มึงไม่ค่อยพูดมากเหมือนเดิมล่ะ หรือว่ามึงคิดมากเรื่องไอ้ติน” อยู่ๆ ไอ้วินก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา นี่ฉันเปลี่ยนไปขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมฉันไม่รู้ตัวเองเลย
“เฮ้อ…” ฉันถอนหายใจแล้วเอาแต่นั่งเงียบ ทั้งคิดเรื่องที่ไอ้วินพูด ทั้งคิดเรื่องที่ยัยรินบอก คิดจนหัวฉันแทบจะระเบิดออกมาแล้วตอนนี้
“มึงอย่าไปคิดมาก ยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนกัน” ไอ้วินรีบพูดให้กำลังใจฉันทันที ช่วงนี้ไม่ว่าจะคุยกับใคร ก็มีแต่คนคอยให้กำลังใจฉันตลอดเลย
“แล้วกูจะต้องทำยังไงต่อไปวะ” ฉันถามแล้วมองหน้าไอ้วิน ตอนนี้ฉันมืดแปดด้านไปหมด ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไงต่อไปทุกอย่างมันถึงจะดีขึ้นมา
“มึงก็ต้องอดทน เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา ไม่มีใครอยากให้มันเป็นแบบนี้หรอก มึงต้องผ่านมันไปให้ได้ เพื่อนทุกคนเป็นกำลังใจให้มึงนะ” ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา ฉันก็พึ่งจะเคยเห็นไอ้วินมันพูดดีนี่แหละ
“ขอบใจมากนะ” ฉันซึ้งใจจนน้ำตาจะใหล เป็นบุญหูของฉันเลยจริงๆ ที่ได้ยินคำพูดแบบนี้ออกจากปากของไอ้วิน
..
@คอนโดออสติน
“มึงไม่ขึ้นไปเหรอ” ฉันหันไปถามไอ้วิน ที่ไม่คิดจะลงจากรถ
“มึงขึ้นไปก่อนเลย กูมีธุระด่วนที่จะต้องไปจัดการ” ไอ้วินบอกฉันด้วยสายตาที่แพรวพราวเป็นประกาย
“ธุระด่วน อะไรจะด่วนขนาดนั้น นัดเด็กไว้อะดิมึง” ฉันรีบแซวมันทันที คนอะไรจะมีธุระด่วนตอนนี้บ้ารึเปล่า
“ดื่มกันไปก่อนเลยนะไม่ต้องรอ เผื่อกูไปนาน” ไอ้วินพูดขึ้นก่อนที่มันจะขับรถออกไป ฉันส่ายหัวให้กับคำพูดของมันก่อนที่ฉันจะเดินไปอีกทาง ปล่อยให้มันได้ไปทำธุระด่วนของมันเถอะ
เดินมาได้ไม่ไกลฉันก็เจอออสตินยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงทางเดิน ฉันทำตัวไม่ถูกเลยซักครั้งเวลาที่ได้อยู่กับออสตินสองต่อสอง (ใจมันสั่นยังไงก็ไม่รู้) อีกอย่างฉันก็ไม่ได้มาห้องออสตินนานแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้จะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างรึป่าว
“พวกนั้นไปไหนกันหมดเหรอ” ฉันถามขึ้นก่อนที่เหตุการณ์จะดูอึดอัดไปมากกว่านี้
“ในห้อง” ออสตินตอบกลับมาสั้นๆ คนอะไรนิ่งได้ขนาดนี้ มีความรู้สึกบ้างรึป่าวเนี่ย
ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง (เผ่นสิจะไปรออะไรล่ะ) อยู่ไปก็ไม่รู้จะคุยอะไรกันอยู่ดี
“รอก่อน” อยู่ๆ ออสตินก็พูดขึ้น ทำเอาฉันยืนตัวแข็งทื่อทำตัวไม่ถูก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าออสตินจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
ออสตินยกบุหรี่ที่เหลืออยู่เพียงครึ่งหนึ่งให้ฉันดู คงจะบอกให้รอบุหรี่หมดก่อน แล้วค่อยไปพร้อมกันล่ะมั้ง ฉันยืนพิงผนังรออยู่เงียบๆ และแล้วทุกอย่างก็ถูกความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง ต่างคนต่างเงียบ ต่างคนต่างไม่พูด จนเหตุการณ์เริ่มจะอึดอัด (ก็ฉันไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไร คนมันทำตัวไม่ถูกอะ)
เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของออสตินดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ก่อนที่ออสตินจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความที่ส่งเข้ามา
บุหรี่ราคาแพงที่ยังเหลืออยู่ถูกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดีก่อนที่ออสตินจะเหยียบบุหรี่ให้ไฟดับด้วยความโมโห (ฉันสัมผัสได้)
“ให้กูกลับก่อนมั้ย” ฉันถามขึ้นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ และฉันก็พอจะเดาได้ว่าใครที่เป็นคนส่งมา
“ไม่เป็นไร” ออสตินพูดสั้นๆ ก่อนที่จะเดินนำฉันไปที่ลิฟต์เพื่อที่จะขึ้นไปหาเพื่อนๆ ที่รออยู่ห้องก่อนแล้ว
‘ส่งอะไรมานะ’ ฉันได้แต่สงสัยและคิดในใจ ทำไมออสตินถึงได้ดูโมโหขนาดนั้น ฉันที่เป็นเพื่อนมานานยังไม่เคยเห็นออสตินโมโหขนาดนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
“กูทำให้มึงอึดอัดมากเลยใช่มั้ย” เมื่อเดินเข้าไปในลิฟต์ อยู่ๆ ออสตินก็ถามขึ้น วันนี้เป็นวันอะไรก็ไม่รู้ทำไมถึงถามฉันบ่อยขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ปกติไม่ค่อยจะได้คุยกันด้วยซ้ำ
“ไม่” ฉันก้มหน้าก้มตาตอบไปด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุด (จะให้ฉันตอบว่าอึดอัดมากมันก็ไม่ได้มั้ย)
“อย่ามาโกหก” ออสตินมองหน้าฉันอย่างจริงจัง
“จริงๆ ไม่ได้โกหก” ฉันยังคงหน้าด้านตอบไปอย่างเนียนๆ
“กูกับมึงเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้ว ทำไมเรื่องแค่นี้กูจะดูไม่ออก” ออสตินยังคงพูดออกมาด้วยท่าทางนิ่งๆ
“กูต่างหากที่ทำให้มึงต้องอึดอัด” ฉันพูดออกไปตามความเป็นจริง ที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้มันก็เป็นเพราะฉัน เพราะฉันเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องนี้ยังไงล่ะ
“ใช่! กูอึดอัด…อึดอัดที่ต้องแคร์ความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย ที่ต่างก็สำคัญกับกู” ใจฉันเต้นแรงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ฉันหันไปมองหน้าออสตินอย่างดีใจ…ดีใจที่ฉันยังสำคัญกับออสตินอยู่ ดีใจจนฉันทำตัวไม่ถูกแล้ว
“นางส่งข้อความมาง้อเหรอ” ฉันแกล้งพูดเปลี่ยนเรื่องทันที (จริงๆ ก็อยากรู้เรื่องนี้ด้วยแหละ ก็เลยลองถามดู)
“เปล่า…แค่ส่งมาบอกให้กูเก็บของไว้ให้ พรุ่งนี้จะเข้ามาเอา” สายตาที่ไร้ความรู้สึกมองมาที่ฉันจนฉันขนลุกไปหมด (ฉันกลัวสายตาแบบนี้ที่สุดเลย)
“เป็นเพราะกูใช่มั้ย” ถึงจะกลัวแค่ไหน แต่ฉันก็ยังกลั้นใจถามต่อไปอยู่ดี
“ไม่หรอก” ออสตินตอบมาเพียงสั้นๆ พร้อมกับประตูลิฟต์ที่เปิดออกพอดี แล้วออสตินก็เดินเข้าห้องไปดื่มเหล้ากับเพื่อนๆ ต่อ
เฮ้อ! ฉันยังไม่ได้ถามอะไรต่อเลย แล้วเรื่องนี้มันจะต้องเป็นยังไงต่อไป ฉันทำตัวไม่ถูกแล้วนะ…
หลังจากที่เรื่องทุกอย่างจบลงพี่สาวของไข่มุขก็บอกอยากจะเลี้ยงข้าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยน้องสาว แต่ก็ต้องหาวันว่างๆ แล้วค่อยนัดกันอีกที เพราะวันนี้ไข่มุขเจอเรื่องเลวร้ายมาทั้งวันแล้ว ถ้าจะไปกินข้าวกันวันนี้คงจะดูไม่เหมาะเท่าไหร่ ทุกคนก็ตกลงเห็นด้วย ด้วยความเต็มใจ ก่อนที่พี่สาวของไข่มุขจะขอตัวกลับเพื่อพาน้องสาวไปพัก“ไปหาอะไรกินกันมั้ยวะ หิวแล้ว” ฮันน่าพูดขึ้นเพราะกว่าจะเคลียร์ทุกอย่างจบก็เป็นช่วงเย็นพอดี ก็ทำเอาทุกคนหิวไม่ต่างกัน“ดีเหมือนกัน กูก็เริ่มหิวแล้ว” ตามด้วยเสียงนาเดียพูดขึ้นที่ดูท่าจะหิวไม่ต่างกัน“ไปก็ไป” กวินตามใจสาวๆ อย่างขัดไม่ได้ ไปไหนก็ต้องไปด้วยกันอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ไปด้วย มีหวังได้เป็นเรื่องแน่ๆ สาวๆ ยิ่งเอาแต่ใจกันอยู่ด้วย“จะไปกินร้านไหนวะ” คริสตัลถามขึ้นอย่างไม่รอช้า“ไปร้านอาหารแถวคอนโดมึงก็ได้ กินเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ” ฮันน่ารีบตอบทันทีดูท่าแล้วน่าจะหิวหนักกว่าใครคนอื่น“งั้นก็ไปเจอกันที่ร้านxxx” ออสตินที่รู้จักร้านอาหารที่อยู่แถวนั้นเป็นอย่างดี ก็รีบพูดตัดบทขึ้นมาทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะจับมือคริสตัลแล้วเดินจูงมือเธอตรงไปที่รถทันที“อีคริสมันไม่ได้ตาบอดนะ ทำไมต้องจั
ออสตินกับคริสตัลมาถึงยังสถานที่ที่ไข่มุขบอกเอาไว้ก่อนหน้า ก่อนจะเจอกับกลุ่มเพื่อนที่มากันครบหมดทุกคน เพราะคริสตัลได้โทรบอกเพื่อนให้ออกมาช่วยกันก่อนที่เธอจะออกมา“ทำไมไม่เห็นมีใครเลยวะ” นาเดียพูดขึ้นพร้อมกับมองซ้าย มองขวาอย่างสำรวจซอยเปลี่ยวที่เงียบและไร้ผู้คนจนดูน่ากลัว“ปล่อยนะ! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือดังขึ้นจนทุกคนหันไปมองหน้ากัน คิดว่ายังไงก็ต้องเป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือของไข่มุกแน่ๆเอี๊ยด!เสียงรถตู้คันใหญ่แล่นมาจอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะปรากฎร่างกายกำยำของชายชุดดำสามคนที่กำลังเดินลงจากรถ ก่อนจะเดินไปกระชากหญิงสาวที่อยู่กับชายชุดดำอีกคนให้รีบเดินตรงไปขึ้นรถที่จอดรออยู่“รีบเดินหน่อยสิวะ!” ชายชุดดำที่ดูน่ากลัวตะคอกบอกไข่มุขเสียงดัง ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งตกใจกลัวขึ้นมาอีกครั้ง“ขึ้นไปอยู่บนรถกันก่อนนะ” ออสตินบอกกับคริสตัลด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาไม่อยากให้หญิงสาวเป็นอันตราย“เดี๋ยวพวกกูจัดการเอง” กวินพูดขึ้นก่อนที่จะเดินนำไปยังรถตู้ที่จอดอยู่ พร้อมกับมีออสตินและไทเกอร์เดินตามมาด้วยสาวๆ รีบวิ่งขึ้นไปอยู่บนรถอย่างว่าง่าย โดยที่ไม่มีใครบ่นเลยซักคำ เพราะเหตุการณ์ตรงหน้
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เพื่อนๆ ต่างทยอยกันกลับไปจนหมด ตอนนี้ภายในห้องก็มีแค่คริสตัลกับออสตินเพียงสองคน แต่ชายหนุ่มก็เอาแต่เงียบไม่ยอมคุยกับหญิงสาวเลยซักคำ“หิวมั้ย” คริสตัลถามขึ้นเมื่อบรรยากาศภายในห้องนั้นเงียบเกินไป“….”ไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย ภายในห้องยังคงปกคลุมไปด้วยความเงียบอยู่เหมือนเดิม“ออกไปหาอะไรกินมั้ย” หญิงสาวยังคงถามต่อ พยายามถาม พยายามหาเรื่องมาคุยด้วยแต่ก็ไม่เป็นผล“….”ไม่ว่าเธอจะถาม จะพูดอะไร ชายหนุ่มเอาแต่งอนไม่ยอมตอบเธอเลยซักอย่าง“เป็นอะไร…” คริสตัลเดินเข้าไปถามชายหนุ่มใกล้ๆ แต่ออสตินก็เงียบ ไม่สนใจ แถมเขายังเดินหนีเข้าไปอาบน้ำอีกด้วยคริสตัลรีบเดินตามไปแต่ก็ไม่ทัน เพราะชายหนุ่มนั้นล็อกประตูห้องน้ำเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“รีบออกมาน๊าาา” คริสตัลไม่ยอมแพ้ ถึงจะเข้าไปในห้องน้ำด้วยไม่ได้ เธอก็ตะโกนบอกเขาเสียงดังอย่างไม่ลดละความพยายามลงเลยซักนิดออสตินใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องน้ำมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันเอวหนาเอาไว้ร่างหนาเดินผ่านหญิงสาวไปอย่างไม่สนใจ ถึงแม้เธอจะเดินตามง้อเขาแทบจะทุกฝีก้าวก็ตาม“หายงอนเถอะนะ” คริสตัลพูดพร้อมกับโอบกอดเอวหนา
สองวันต่อมาคริสตัลนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟากลางห้อง ฮันน่ากับกวินก็นั่งกินขนมกันอยู่ไม่ไกล ส่วนไอรินกับไทเกอร์ก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จา เรียกได้ว่าตอนนี้ห้องของคริสตัลได้กลายเป็นที่รวมตัวของกลุ่มเพื่อนไปแล้ว จะขาดก็แต่นาเดียที่ออกไปข้างนอกตั้งนานแล้วไม่ยอมกลับมาซักที“ดูอะไรอยู่เหรอ” ออสตินถามขึ้นพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คริสตัลอย่างเคยชินเหมือนที่เคยทำอยู่ตลอด“ก็ดูไปเรื่อยแหละ” คริสตัลตอบพร้อมกับหันหน้าไปมองออสตินก่อนที่เธอจะหันกลับมาสนใจเล่นโทรศัพท์ที่อยู่ในมือต่อ“ถามอะไรหน่อยสิ” ร่างหนาถามขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าหญิงสาว รอดูว่าเธอจะหันมามองเขาอีกหรือเปล่า“อะไรเหรอ” หญิงสาวถามออกมา แต่เธอยังคงก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ไม่สนใจมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยซักนิด“ไม่คิดอะไรจริงเหรอ” ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนลงหนุนตักหญิงสาวอย่างที่เคยทำเป็นประจำ พร้อมกับถามเธอออกมา“คิดเรื่องอะไร” คริสตัลก้มมองหน้าออสตินนิ่งๆ ก่อนที่เธอจะถามออกมา พร้อมกับทำหน้างงๆ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังถามเรื่องอะไรอยู่“ก็เรื่องที่ไข่มุขยังมาวนเวียนมาอยู่แบบนี้ไง” ออสตินถามไปด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะคิดมากเรื่
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาตั้งแต่ที่ออสตินกับคริสตัลเปิดตัวว่าคบกันออกสื่ออย่างเป็นทางการ ชีวิตของทั้งสองคนก็ดูมีความสุขมากขึ้น ทุกคนรอบข้างต่างก็สบายใจไปด้วย ไม่มีอะไรที่จะอึดอัดใจเหมือนก่อนหน้านี้ออสตินได้ย้ายมาอยู่ที่คอนโดของคริสตัลอย่างถาวร เพราะหญิงสาวให้เหตุผลว่า เธอไม่อยากจะย้ายไปอยู่ในห้องที่ชายหนุ่มเคยอยู่กับแฟนเก่ามาก่อน ซึ่งชายหนุ่มก็เข้าใจและตามใจหญิงสาวทุกอย่างตลอดทั้งอาทิตย์ออสตินกับคริสตัลก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนนอกจากไปเรียน เรียนเสร็จก็กลับห้อง ทำเอาเพื่อนๆ ทุกคนต่างก็มาคลุกอยู่ที่ห้องของคริสตัลเป็นประจำ และวันนี้ก็เช่นกัน“เรื่องน้องมุขเป็นไงบ้างวะ” กวินถามขึ้นด้วยความสงสัย“ก็โดนตามขู่อยู่เหมือนเดิมแหละ” ไทเกอร์ตอบไปด้วยท่าทางนิ่งๆ“แรกๆ กูไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่านางจะโดนคุกคามจริงๆ นึกว่านางสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจซะอีก” ฮันน่าพูดออกมาตามตรง เพราะไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้“ตอนแรกกูก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่วันนั้นกูไปเห็นมากับตา แม่งโดนทำลายด้วย โชคดีที่เข้าไปช่วยทัน” ไทเกอร์พูดถึงวันที่เอาเงินไปแล้วเห็นว่าไข่มุขกำลังโดนขู่ โชคดีที่เขาเอาเงินไปให้เธอทันเวลาพอ
เข้าวันต่อมาชายหนุ่มตื่นขึ้นมาก่อนหลังจากที่เพิ่งจะได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพราะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ถ้าเขาไม่รับก็กลัวว่าหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างๆ จะตื่นเสียก่อน“มีอะไรวะ” ออสตินถามเสียงเบาเพราะกลัวหญิงสาวจะตื่น ทั้งๆ ที่ในใจเขาตอนนี้อยากจะด่าออกไปให้มันจบๆ(ฮ่าฮ่าฮ่า) ไม่มีเสียงพูดตอบกลับใดๆ มีเพียงแค่เสียงหัวเราะของไทเกอร์ที่ดังขึ้นมาอย่างพอใจ ก่อนที่ปลายสายจะกดวางสายไปเอง“อย่าให้ถึงทีมึงบ้างก็แล้วกัน” ออสตินพูดออกมาด้วยความโกรธที่โดนแกล้งตอนเช้าแบบนี้ ชายหนุ่มรีบปิดเครื่องแล้วนอนกอดร่างบางต่อทันที“มีอะไรเหรอ” คริสตัลงัวเงียถามขึ้นมา เมื่อเห็นท่าทางหัวร้อนของออสติน“ไม่มีอะไรหรอก” พูดจบชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าเข้าไปสูดดมซอกคอขาวอย่างไม่รอช้า“อือออ…ขอพักก่อนได้มั้ย” หญิงสาวบอกชายหนุ่มเสียงเบาอย่างไร้เรี่ยวแรง เพราะพึ่งจะได้พักเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง“นอนพักเลย…เดี๋ยวทำเอง” ออสตินกระซิบบอกที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย หญิงสาวได้แต่นอนหลับตานิ่งไม่มีแม้แรงจะห้าม จึงปล่อยให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจตัวเองร่างหนาทาบทับร่างสวยเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเริ่มบทรักครั้งใหม่กับเธออีกครั้ง..ช่ว