หลังจากที่หายตกใจข้าวปุ้นก็ก้มลงไปเก็บชุดของคุณผู้หญิงขึ้นมาแล้วรีบเดินตรงไปที่ห้องรับรองแขกโดยไม่ได้หันกลับไปมองผู้ชายคนนั้นอีก
ก๊อกๆ "ข้าวเองค่ะ" "ทำอะไรของเธออยู่ชักช้าไม่เข้าเรื่อง" เกตุแก้วเปิดประตูออกมาแล้วคว้าเอาชุดในมือของข้าวปุ้น "รอเอาชุดเก่าไปเก็บด้วย" คนที่พูดปิดประตูทันทีเพราะต้องรีบไปเปลี่ยนชุด ส่วนข้าวปุ้นก็ต้องยืนรออยู่หน้าห้อง "คุณรู้จักผู้หญิงคนนั้นเหรอครับ" โกสินทร์ก็คือผู้ช่วยส่วนตัวของอัคคี "ผู้หญิงที่อยู่ในห้องเป็นใคร" เขาไม่ได้ตอบคำถามผู้ช่วยหรอก แต่สงสัยทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงใช้น้ำเสียงวางอำนาจกับเธอ "เดี๋ยวผมเช็คให้ครับ" โกสินทร์เดินไปที่เคาน์เตอร์แล้วก็ถามรายละเอียดว่าตอนนี้ใครใช้ห้องรับรองแขกอยู่ ไม่นานผู้ช่วยก็เดินมาแจ้งว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นภรรยาของคุณอรรจน์ที่จองห้องจัดเลี้ยงในคืนนี้ ผ่านไปเพียงชั่วครู่ข้าวปุ้นก็รับชุดที่เกตุแก้วส่งออกมาให้เดินกลับออกมา เธอไม่กล้ามองไปรอบๆ หรอกกลัวว่าเขาจะยังอยู่แถวนี้ แต่ในระยะสายตามองไม่เห็นก็ถือว่าดีมากแล้ว "เราจะไปกันได้หรือยังครับ" โกสินทร์ไม่เข้าใจ ผู้หญิงคนนั้นก็หน้าตาดีอยู่หรอกแต่ดูจะซกมกเกินไป คนอะไรใส่ชุดนอนตั้งแต่เช้ายันค่ำเลยเหรอ แถมจะเข้ามาในสถานที่แบบนี้ยังไม่เปลี่ยนชุดอีก >>{"ฉันกลัวว่าจะไปไม่ทันน่ะสิคะ"} มาถึงรถข้าวปุ้นก็ได้รับโทรศัพท์จากภาณุ เพราะยังไม่เห็นเธอเข้าที่ทำงาน ..แต่พอได้ยินว่าคู่ข้าวใหม่ปลามันคืนนี้ยังไม่เข้างาน เธอเลยจะขาดงานอีกคนไม่ได้ ขับรถออกจากโรงแรมข้าวปุ้นก็แวะซื้อชุดสำหรับใส่คืนนี้ก่อน แล้วก็ขับรถตรงมาที่ทำงาน เธอใช้ประตูหลังเป็นทางเข้าเพราะถ้าคนเห็นว่าใส่ชุดนอนมามีหวังเป็นที่เม้าท์มอยแน่ หลังเลิกงานข้าวปุ้นก็ขับรถกลับมาที่บ้าน วันนี้รู้สึกว่ารถติดมากกว่าจะกลับมาถึงก็เช้าแล้ว "ผมบอกให้คุณระวังแล้วใช่ไหม ก่อเรื่องจนได้" มาถึงก็ได้ยินเสียงคนในบ้านกำลังพูดคุยกัน ฟังจากน้ำเสียงแล้วเรียกว่าทะเลาะได้เลย "ฉันจะไปรู้เหรอว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้ช่วยใหม่ของคุณ แล้วทำไมคุณไม่หาผู้ช่วยเป็นผู้ชาย" "คราวหลังถ้ามีงานเลี้ยงบริษัทไม่ต้องไปร่วมเลยนะ แล้วนี่เรื่องที่ทำให้ของโรงแรมเขาเสียหายคุณจะจัดการยังไง" "คุณก็ให้คนของบริษัทไปเคลียร์สิคะ" "คุณเป็นคนทำต้องจัดการเอง" ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่อง ทุกครั้งอรรจน์เป็นคนจัดการให้ทั้งหมด ครั้งนี้เลยจะให้นางเป็นคนจัดการเองบ้าง จะได้รู้ว่าควรทำตัวยังไงในที่สาธารณะ หลังจากที่สามีออกจากบ้านไป เกตุแก้วก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ถ้าไปจัดการเองต้องเสียหน้าแน่ ในขณะที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงมองไปก็เห็นว่าข้าวปุ้นเดินผ่านพอดี "มานี่หน่อยสิ" ข้าวปุ้นมองซ้ายมองขวาดูว่านางเรียกใคร "เธอนั่นแหละ" "มีอะไรคะ" "ไปจัดการเรื่องโรงแรมให้ฉันหน่อย" "แต่ข้าวเพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน" "อย่าลืมนะว่าบ้านนี้มีบุญคุณต่อเธอแค่ไหน ให้ทำแค่นี้มันจะตายหรือไง" "...ให้จัดการเรื่องอะไรคะ" "ฉันทำแจกันของที่นั่นแตก เธอไปเคลียร์ให้หน่อย" แค่แจกันทำไมต้องเป็นเรื่องวุ่นวายด้วย ข้าวปุ้นรับปากว่าจะไปคุยให้แต่ตอนนี้เธอต้องไปนอนก่อนเพราะไม่ไหวแล้ว "ไม่ได้เธอต้องไปเคลียร์ให้เสร็จภายในเช้านี้" ถ้าสามีรู้มีหวังมาอาละวาดอีกแน่ "....ค่ะ" เธอต้องกล้ำกลืนฝืนทนทำตาม เมื่อไรบุญคุณนี้มันจะจบสิ้นสักที คำตอบที่ให้ตัวเองได้ก็คงจนกว่าจะหมดลมหายใจนั่นแหละ ถ้าเธอพูดออกมาให้ทรงอัปสรรู้ว่าการใช้ชีวิตคนเดียวในบ้านหลังนี้มันช่างทรมานเหลือเกิน เธอเชื่อว่าทรงอัปสรคงจะให้ย้ายออก แต่ก็พูดออกไปไม่ได้เพราะคุณหนูเชื่อใจเธอมากอยากให้คอยเป็นหูเป็นตาเรื่องพ่อ ก็เลยต้องกล้ำกลืนฝืนทนอยู่ที่นี่ต่อ ข้าวปุ้นกลับมาที่ห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกรอบก่อน เพื่อทำให้ตัวเองสดชื่นขึ้นมาหน่อย แล้วก็ออกมาจากบ้านขับรถตรงไปที่โรงแรม กว่าจะมาถึงก็ใช้เวลาไปเป็นชั่วโมงๆ "ฉันมาติดต่อเรื่องที่ลูกค้าทำของเสียหายเมื่อคืนนี้ค่ะ" "คุณเป็นตัวแทนของลูกค้าเมื่อคืนนี้ใช่ไหมคะ เชิญขึ้นไปที่ห้องบอสเลยค่ะ" "บอส?" หวังว่าคงไม่ใช่อีตานั่นนะไม่มีแม้น้ำตาสักหยดที่จะไหลออกมาจากดวงตางามคู่นั้น หลังจากทุกอย่างผ่านไปข้าวปุ้นก็หอบร่างกายที่บอบช้ำลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่จริงเขาเห็นตั้งแต่ตอนที่เธอลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แต่พอเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็หยิบเอากระเป๋าสะพาย"จะไปไหน" ชายร่างกำยำที่นอนอยู่บนเตียงรีบลุกมาขวางแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบเขายืนขวางตรงนี้เธอเลยเดินอ้อม"ถอยไป" ถึงแม้เธอจะเดินอ้อมเขาก็เดินมาปิดประตูไม่ให้เธอออกจากห้องได้"เราต้องคุยกันก่อน""คุณคิดว่าฉันยังจะคุยกับคุณได้อีกเหรอ""เธอไม่ต้องไปไหนอยู่ที่นี่""คุณไม่ใช่เจ้าชีวิตของฉัน""แต่ฉันเป็นผัวเธอ""หึ!! หน้าไม่อาย""ก็ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เธอต้องการอยู่แล้ว""ตอนนี้ฉันไม่ต้องการแล้ว" ในเมื่อเขาคิดว่าเธอทำทุกอย่างเพื่ออยากได้ตัวเขาก็ปล่อยให้คิดไป"ได้ฉันแล้วคิดจะหนีงั้นเหรอ""คุณพูดอะไร" ประโยคนี้เธอต้องเป็นคนพูดมากกว่าไหม"ก็เมื่อกี้ไง เล่นงานฉันจนน้ำแตกแล้วคิดจะหนีงั้นเหรอ""คนเลวพูดออกมาได้ไม่อายปาก""ไม่รู้ล่ะยังไงเธอต้องรับผิดชอบฉัน" พูดบ้าอะไรไปวะเรา"ฉันบอกให้ถอยไปไง" ข้าวปุ้นทนไม่ไหวแล้วผลักร่างของเขาอย่างแรงแต่แทนที่เขาจะล้มกลับเป็นเธอที่เกือบล
หลังจากที่ฟังคลิปเสียงนั้นจบ อัคคีถึงได้มองไปดูเจ้าของเสียงที่อยู่ในคลิป เขาจำได้ว่าเสียงทั้งสองเป็นเสียงของใคร ..ทุกอย่างเธอจัดฉากขึ้นมาจริงๆ ด้วย"ผู้หญิงเจ้าเล่ห์แบบนี้คุณคงไม่เอามาทำพันธุ์หรอกนะคะ" ไม่คิดว่าการมาครั้งนี้จะคุ้มค่าเพราะได้มารับรู้อะไรดีๆ เกี่ยวกับผู้หญิงคนใหม่ของเขา ถึงแม้ว่าจะถูกดูถูกเหยียดหยามบ้างแต่ก็ไม่เป็นไร"มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับคุณนี่""คุณไม่ชอบแบบนี้ไม่ใช่หรือคะ"อัคคีไม่ได้ตอบหรอก เขากำลังจะเดินหนีด้วยซ้ำแต่สรวงสุดาไม่ยอมปล่อยไป"คุณไม่กลัวว่าฉันจะเอาคลิปเสียงนี้ไปให้คุณแม่ฟังหรือคะ ฉันเห็นว่าท่านภูมิใจในตัวลูกสะใภ้คนนี้เหลือเกิน""แล้วแต่คุณสิ" เขาก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับเธออยู่แล้ว ถึงยังไงถ้าเรื่องนี้จบเขาก็คงต้องจบกับเธอเหมือนกัน"ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้""ฮ่าๆๆ"ได้ยินเสียงผู้หญิงขำสรวงสุดาที่ยืนมองตามอัคคีไปถึงได้หันกลับไปมอง "เป็นบ้าอะไร""ใครเขาจะอยากกลับไปกินของเก่าล่ะ" คนที่ขำเมื่อครู่ก็คือซัมเมอร์ และตอนนี้ซัมเมอร์ก็พอจะเดาออกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับอัคคี"แต่ฉันก็เห็นว่าเขาไม่อยากจะกินเธอเหมือนกันไม่ใช่เหรอ""ร้ายกาจมาก" ได้ยินคำพูด
"สวัสดีค่ะคุณแม่" ขณะที่ตะวันฉายกำลังพูดคุยกับแขกและเพื่อนอยู่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาสวัสดี"สรวงสุดา?""สุดีใจนะคะที่คุณแม่จำสุได้""ใครเชิญมา""คุณแม่ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ เห็นว่าคุณแม่เชิญทุกคนที่อยากมาร่วมแสดงความยินดีไม่ใช่เหรอคะ""ฉันขอตัวนะคะ" จากที่กำลังคุยกับกลุ่มเพื่อนอยู่ตะวันฉายก็ปลีกตัวออกมา พอเดินออกมาก็ถึงเวลาที่ท่านต้องกล่าวเปิดงานเอาฤกษ์เอาชัยให้กับลูกชาย"สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ก่อนอื่นดิฉันต้องขอบพระคุณแขกทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับตาอัคคีลูกชายของดิฉันในวันนี้""คนนี้หรือคือแม่ของคุณอัคคี" ระย้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ข้าวปุ้นเห็นท่านบอกว่าเป็นของลูกชาย"ใช่ค่ะ""ดูท่านไม่แก่เลยนะคะเนี่ย ถ้าไม่บอกว่าเป็นแม่ยังคิดว่าเป็นพี่สาวอยู่เลย""ทีแรกที่เจอท่านข้าวก็คิดแบบนั้นแหละ""ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะอัคคี""........" อัคคีมัวสนใจแม่ที่กำลังกล่าวอยู่บนเวที จนไม่ได้ดูแขกว่ามีใครเข้ามาร่วมบ้าง แต่พอได้ยินเสียงเขาถึงได้หันไปมอง"ทำไมคุณดูตกใจจังเลยคะที่เห็นสุ" สรวงสุดาถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ เพราะมีเก้าอี้ว่างอยู่ตัวหนึ่ง"อัคคีคะ ซัมก็มองหาอยู่ว่าคุณอยู่ตรงไหน" ซัมเมอร์
"คือว่า..ผมเป็นคนเสนอให้เธอพาลูกน้องทำโอทีเองครับ" โกสินทร์คิดว่าจะให้เธอรับผิดชอบคนเดียวไม่ได้หรอก พอพูดออกไปท่านผู้บริหารก็หันมามอง"ไปทำเรื่องลาออก" อัคคีตวัดสายตามองมาที่โกสินทร์เพื่อทำให้ทุกคนรู้ว่าเขาสั่งใคร"เรื่องแค่นี้ทำไมถึงกับไล่ออกเลยล่ะ" เพราะแบบนี้แหละข้าวปุ้นถึงคิดว่าตัวเองรับผิดชอบคนเดียวก็พอแล้ว ยังไงเขาก็ไม่ชอบหน้าเธอ ไล่ออกได้ยิ่งดี"เหมือนเธออยากจะรับผิดชอบเรื่องนี้นะ""ค่ะฉันจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง""บอกฝ่ายบัญชีคิดเงินค่าโอทีกับผู้หญิงคนนี้""มันจะมากไปแล้วนะอัคคี" ไม่รู้ว่าน้องชายเอานิสัยแบบนี้มาจากไหน"งั้นเราไปดูงานด้านในกันต่อ" อัคคีทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเพลิง เดินนำหน้าผู้บริหารเข้าไปดูงานด้านใน"หัวหน้าคะ//หัวหน้าครับ" ค่าแรงของทุกคนไม่ใช่น้อยๆ ถ้าตีเป็นโอทีแล้วหลายหมื่นเลยแหละ พวกลูกน้องเลยเป็นห่วง"ไม่เป็นไรหรอกพวกเราไปทำงานกันเถอะ""เดี๋ยวผมจะหาทางช่วยคุณอีกทีนะครับ" ก่อนที่จะเดินตามเจ้านายไปโกสินทร์ได้หันมาพูดกับข้าวปุ้นก่อนเธอไม่ได้ตอบโกสินทร์หรอก ช่วยได้ก็ช่วยถ้าช่วยไม่ได้ก็ช่างมัน ยังไงเขาก็จงใจจะเล่นงานเธออยู่แล้ว ไม่รู้โกรธเกลียดอะไรเธอนักหนา"หัวห
"โปรเจคใหม่ไปถึงไหนแล้ว""บอสหมายถึงโปรเจคที่คุณข้าวกำลังทำอยู่ใช่ไหมครับ"กึก! แฟ้มเอกสารในมือถูกโยนลงโต๊ะ ก่อนจะตวัดสายตาเหลือบมองดูโกสินทร์ผู้ช่วยคนสนิท"โปรเจคใหม่มีโปรเจคไหนบ้างล่ะ" พอได้ยินชื่อผู้หญิงคนนั้นแล้วรู้สึกไม่ลื่นหูยังไงไม่รู้"เอ่อ.. 80% แล้วครับ""ไปตามงาน..เปิดให้ได้ภายใน 3 วัน""อะไรนะครับ""ไม่ได้ยินเหรอ""แต่เธอเป็นผู้หญิง.." ยังไม่ทันได้ออกความคิดเห็นเจอสายตาพิฆาตโกสินทร์ก็ต้องรีบตกปากรับคำไปก่อนหน้าห้องทำงาน.."ทำไมวันนี้บอสถึงดูแปลกๆ" ออกมาโกสินทร์ก็อดพรึมพำกับตัวเองไม่ได้"มีอะไรเหรอ""คุณซัม.." มองไปก็เห็นว่าเป็นลูกสาวหุ้นส่วนอีกคน"ฉันถามว่ามีอะไร""บอสบอกให้ไปเร่งงานโปรเจคใหม่ครับ""ก็ไปจัดการสิ" ทีแรกกำลังจะไปที่ห้องทำงานของพี่ชาย.. แต่เปลี่ยนใจเข้าห้องทำงานนี้ก่อนดีกว่า ..ซัมเมอร์มีพี่ชายเป็นผู้บริหารอยู่ที่นี่คนหนึ่ง พ่อไม่ค่อยเข้ามาบริหารงานเลยปล่อยลูกชายนั่งตำแหน่งนั้นแทนก๊อกๆ"เข้ามา" ประตูเปิดเข้ามาอัคคีก็แปลกใจ ซัมเมอร์ไม่เคยรอให้เขาอนุญาตหรือบางทีไม่เคาะประตูด้วยซ้ำ ครั้งนี้รอจนกว่าเขาอนุญาตค่อยเปิดประตูเข้ามา"คุณดูจะอารมณ์ไม่ดีนะคะ มีใครทำอะไร
หลังจากที่ได้เครื่องดื่มแล้วอัคคีก็นั่งรอเพราะเขาสั่งไว้ว่าถ้าจอยมาให้เข้ามาหาในห้องนี้แก๊ก.. รออยู่พักหนึ่งประตูห้องก็เปิดเข้ามา"??" ทีแรกคิดว่าเป็นจอยแต่ไม่คิดว่าเป็นผู้หญิงคนที่กำลังสร้างเรื่องกลุ้มใจให้เขาอยู่"???" ไม่ใช่แค่อัคคีหรอกที่แปลกใจข้าวปุ้นก็แปลกใจเหมือนกันก็ว่าอยู่ทำไมภาณุถึงจะมาอยู่ในห้องนี้ เพราะตอนที่เธอไปถามหาภาณุพนักงานบอกว่าอยู่ในห้องพิเศษหนึ่งแกร็กๆ ตอนที่ข้าวปุ้นกำลังจะออกไปประตูห้องดันเปิดไม่ได้ ต้องเป็นฝีมือระย้าอีกแน่เลย โอ๊ยเอ็นดูเขาเอ็นเราขาดเป็นแบบนี้หรือ ที่เธอเปรียบเปรยแบบนี้เพราะไม่น่าไปบอกว่าสนใจอีตาบ้านี่เลย ทุกอย่างก็เลยเป็นแบบที่เห็นข้าวปุ้นกำลังจะหยิบโทรศัพท์มาโทรหาคนข้างนอกให้มาเปิดประตู แต่เพิ่งนึกได้ว่าโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋าวางอยู่ในห้องของหัวหน้าเธอเลยต้องหันกลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลัง"ขอยืมโทรศัพท์หน่อย""ไม่ได้เอามา""ทำไมคุณไม่รู้จักพกโทรศัพท์"ชายหนุ่มทำแค่ปรายตามองไปดูเป็นคำตอบ ขนาดเธอยังไม่ได้เอาโทรศัพท์มาด้วยยังมีหน้ามาว่าให้เขาอีกก๊อกๆ "มีใครอยู่แถวนี้ไหมเปิดประตูหน่อย" ตะโกนให้คอแตกก็คงไม่มีใครมาเปิดเพราะด้านนอกเสียงดังกว่าด้านใน