พนักงานต้อนรับเรียกคนให้มาพาข้าวปุ้นขึ้นไปพบบอสที่พูดถึง
เธอตามพนักงานเข้ามาในลิฟต์แล้วกดขึ้นชั้นบน ไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าขึ้นชั้นไหน นอกจากร่างกายจะเหนื่อยล้าแล้วจิตใจยังเป็นกังวลอีก คิดว่าต้องใช่ยังไงก็ต้องใช่แน่ๆ "ตามมาทางนี้เลยค่ะ" ประตูลิฟต์เปิดออกพนักงานก็เดินนำหน้าไปที่ห้องผู้บริหาร ข้าวปุ้นมองไปรอบๆ ชั้นนี้คงเป็นชั้นผู้บริหาร แต่ก็มีฉากกั้นมองไปดูคิดว่าคงเป็นฝ่ายธุรการ หรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการโรงแรม ก๊อกๆ "บอสคะคนของคุณผู้หญิงคนนั้นมาแล้วค่ะ" "ให้เข้ามา" "........." ประตูเปิดเข้ามาสิ่งแรกที่เธอมองไปก็คือบอสของที่นี่ แล้วมันก็ไม่ได้เกินความคาดหมายเลย "นั่งสิ" ชายหนุ่มค่อยๆ เอนหลังพิงเก้าอี้ที่นั่งอยู่ สายตาจ้องมาที่เธอเขาพอจะรู้แล้วล่ะว่าใครที่จะมาคุยเรื่องนี้ ตกลงเธอมีกี่ร่างกันแน่ ทั้งทำงานกลางวันและกลางคืนเลยเหรอ "สวัสดีค่ะ ฉันมาในนามของคุณเกตุแก้ว เมื่อคืนนี้ได้ยินว่าท่านทำแจกันของที่นี่แตก" "ใช่" ดวงตาของเขายังคงจ้องมาที่เธอจนอีกฝ่ายรู้สึกประหม่าจะมองอะไรนักหนา แต่ถ้าไม่มองหน้าก็ไม่รู้จะให้เขามองที่ไหนเพราะกำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่ "คุณอยากให้ทางเรารับผิดชอบยังไงคะ" "ก็ลองเสนอมาสิว่าจะรับผิดชอบยังไง" "ฉันจะซื้อแจกันอันใหม่คืนให้คุณค่ะ" "หึ.." อยู่ดีๆ ใบหน้าเขาก็กระตุกยิ้ม ..ทำแตกก็ต้องซื้อแทนสิมีอะไรน่าขำ "มันแพงมากเลยหรือคะ" เธอคิดว่าเจ้านายยังไงก็มีเงินจ่ายอยู่แล้ว เลยต้องถามราคาแจกันดู "แพงไม่เท่าไรหรอก แต่แจกันคู่นั้นมีแค่คู่เดียวในโลก" "คะ?" อะไรกันเนี่ยนอกจากจะแพงแล้วแถมยังมีแค่สองอันเองเหรอ "แล้วคุณจะให้ทางเรารับผิดชอบยังไงล่ะคะ" "ถ้าผมบอกว่าอยากได้แจกันที่แตกคืนมาล่ะ" "คุณบอกว่ามีคู่เดียวในโลก แสดงว่ามันมีอยู่สองอัน อีกอันหนึ่งอยู่ที่ไหนล่ะคะ" เธอคิดว่าซื้ออีกอันมาคืนอันที่แตกก็คงได้ "อยู่ที่ห้องจัดเลี้ยง" แสดงว่าเขาครอบครองคนเดียวทั้งสองเลยเหรอ ของแพงขนาดนั้นทำไมต้องเอาไปไว้ในสถานที่แบบนั้นด้วย "ในเมื่อมันแตกไปแล้ว เราก็ขอชดใช้เป็นเงินแทนแล้วกันค่ะ" "ค่าของแจกันมันประเมินค่าไม่ได้คุณจะให้ผมเท่าไรล่ะ" "คุณบอกว่ามันประเมินค่าไม่ได้ นั่นแสดงว่ามันก็ยังมีราคาในตัวมันอยู่ คุณเป็นเจ้าของก็บอกราคามาสิคะ" เธอตอบได้ฉะฉานมาก สีหน้าก็นิ่ง บางทีแอบมีตกใจตอนที่เขาบอกว่ามันประเมินค่าไม่ได้แต่สีหน้าของเธอก็กลับมาเป็นปกติได้เร็ว >>{"อะไรนะ?! แกไปคุยยังไงเขาถึงคิดราคาขนาดนั้น"} หลังจากที่รู้ราคาข้าวปุ้นก็โทรไปแจ้งคุณผู้หญิง เธอก็แอบตกใจอยู่หรอกแจกันอะไรจะราคาสูงขนาดนั้น {"แล้วจะทำยังไงดีคะ"} >>{"จะทำยังไงล่ะแกก็หาเงินไปใช้เองเลยแล้วกัน"} {"เดี๋ยวก่อนสิคะ"} บ้าไปแล้วทำแตกเธอก็ไม่ได้ทำ แถมต้องแบกทั้งหน้าและสังขารตัวเองมาเจรจาให้ ยังต้องเป็นคนรับผิดชอบอีกแล้วเงินตั้งหลายล้านใครจะมีล่ะ ขนาดรถยังผ่อนอยู่เลย ข้าวปุ้นที่ขอออกมาคุยโทรศัพท์ก็กลับเข้าไปหาบอสเจ้าของโรงแรมอีกรอบ "คุณพอจะลดราคาลงมาได้ไหมคะ" "เมื่อกี้คุณเองไม่ใช่เหรอเป็นคนบอกให้ผมตั้งราคา" ทำไมมันเหมือนเป็นความผิดของเราเลยล่ะ ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย "ผมให้เวลาคุณสามวันแล้วกัน" หรือเธอจะไปคุยกับคุณผู้ชายดี เวลาสามวันคงพอแก้ไขเรื่องนี้ได้ ขณะที่เธอกำลังจะลุกโทรศัพท์ก็มีสายเข้า >>{"ค่ะ"} เป็นสายเดิมที่เธอโทรออกไปหาเมื่อครู่ ข้าวปุ้นรีบรับคิดว่าคุณผู้หญิงคงหาทางออกได้แล้ว {"เรื่องนี้ห้ามโทรไปบอกสามีฉัน และเงินที่บอกมามันเยอะเกินไปต่อรองให้เหลือแค่ 1 ส่วน 10"} >>{"อะไรนะคะ?"} ยังไม่ทันได้พูดอะไรทางนั้นก็ตัดสายไปอีกแล้ว เธอเลยชำเลืองไปมองดูเขาที่กำลังมองมาเช่นกัน "คือว่า คุณช่วยลดราคาให้เหลือ 1 ส่วน 10 ของจำนวนเงินที่คุณบอกมาได้ไหมคะ" "ไม่ได้"ไม่มีแม้น้ำตาสักหยดที่จะไหลออกมาจากดวงตางามคู่นั้น หลังจากทุกอย่างผ่านไปข้าวปุ้นก็หอบร่างกายที่บอบช้ำลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่จริงเขาเห็นตั้งแต่ตอนที่เธอลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แต่พอเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็หยิบเอากระเป๋าสะพาย"จะไปไหน" ชายร่างกำยำที่นอนอยู่บนเตียงรีบลุกมาขวางแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบเขายืนขวางตรงนี้เธอเลยเดินอ้อม"ถอยไป" ถึงแม้เธอจะเดินอ้อมเขาก็เดินมาปิดประตูไม่ให้เธอออกจากห้องได้"เราต้องคุยกันก่อน""คุณคิดว่าฉันยังจะคุยกับคุณได้อีกเหรอ""เธอไม่ต้องไปไหนอยู่ที่นี่""คุณไม่ใช่เจ้าชีวิตของฉัน""แต่ฉันเป็นผัวเธอ""หึ!! หน้าไม่อาย""ก็ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เธอต้องการอยู่แล้ว""ตอนนี้ฉันไม่ต้องการแล้ว" ในเมื่อเขาคิดว่าเธอทำทุกอย่างเพื่ออยากได้ตัวเขาก็ปล่อยให้คิดไป"ได้ฉันแล้วคิดจะหนีงั้นเหรอ""คุณพูดอะไร" ประโยคนี้เธอต้องเป็นคนพูดมากกว่าไหม"ก็เมื่อกี้ไง เล่นงานฉันจนน้ำแตกแล้วคิดจะหนีงั้นเหรอ""คนเลวพูดออกมาได้ไม่อายปาก""ไม่รู้ล่ะยังไงเธอต้องรับผิดชอบฉัน" พูดบ้าอะไรไปวะเรา"ฉันบอกให้ถอยไปไง" ข้าวปุ้นทนไม่ไหวแล้วผลักร่างของเขาอย่างแรงแต่แทนที่เขาจะล้มกลับเป็นเธอที่เกือบล
หลังจากที่ฟังคลิปเสียงนั้นจบ อัคคีถึงได้มองไปดูเจ้าของเสียงที่อยู่ในคลิป เขาจำได้ว่าเสียงทั้งสองเป็นเสียงของใคร ..ทุกอย่างเธอจัดฉากขึ้นมาจริงๆ ด้วย"ผู้หญิงเจ้าเล่ห์แบบนี้คุณคงไม่เอามาทำพันธุ์หรอกนะคะ" ไม่คิดว่าการมาครั้งนี้จะคุ้มค่าเพราะได้มารับรู้อะไรดีๆ เกี่ยวกับผู้หญิงคนใหม่ของเขา ถึงแม้ว่าจะถูกดูถูกเหยียดหยามบ้างแต่ก็ไม่เป็นไร"มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับคุณนี่""คุณไม่ชอบแบบนี้ไม่ใช่หรือคะ"อัคคีไม่ได้ตอบหรอก เขากำลังจะเดินหนีด้วยซ้ำแต่สรวงสุดาไม่ยอมปล่อยไป"คุณไม่กลัวว่าฉันจะเอาคลิปเสียงนี้ไปให้คุณแม่ฟังหรือคะ ฉันเห็นว่าท่านภูมิใจในตัวลูกสะใภ้คนนี้เหลือเกิน""แล้วแต่คุณสิ" เขาก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับเธออยู่แล้ว ถึงยังไงถ้าเรื่องนี้จบเขาก็คงต้องจบกับเธอเหมือนกัน"ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้""ฮ่าๆๆ"ได้ยินเสียงผู้หญิงขำสรวงสุดาที่ยืนมองตามอัคคีไปถึงได้หันกลับไปมอง "เป็นบ้าอะไร""ใครเขาจะอยากกลับไปกินของเก่าล่ะ" คนที่ขำเมื่อครู่ก็คือซัมเมอร์ และตอนนี้ซัมเมอร์ก็พอจะเดาออกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับอัคคี"แต่ฉันก็เห็นว่าเขาไม่อยากจะกินเธอเหมือนกันไม่ใช่เหรอ""ร้ายกาจมาก" ได้ยินคำพูด
"สวัสดีค่ะคุณแม่" ขณะที่ตะวันฉายกำลังพูดคุยกับแขกและเพื่อนอยู่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาสวัสดี"สรวงสุดา?""สุดีใจนะคะที่คุณแม่จำสุได้""ใครเชิญมา""คุณแม่ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ เห็นว่าคุณแม่เชิญทุกคนที่อยากมาร่วมแสดงความยินดีไม่ใช่เหรอคะ""ฉันขอตัวนะคะ" จากที่กำลังคุยกับกลุ่มเพื่อนอยู่ตะวันฉายก็ปลีกตัวออกมา พอเดินออกมาก็ถึงเวลาที่ท่านต้องกล่าวเปิดงานเอาฤกษ์เอาชัยให้กับลูกชาย"สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ก่อนอื่นดิฉันต้องขอบพระคุณแขกทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับตาอัคคีลูกชายของดิฉันในวันนี้""คนนี้หรือคือแม่ของคุณอัคคี" ระย้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ข้าวปุ้นเห็นท่านบอกว่าเป็นของลูกชาย"ใช่ค่ะ""ดูท่านไม่แก่เลยนะคะเนี่ย ถ้าไม่บอกว่าเป็นแม่ยังคิดว่าเป็นพี่สาวอยู่เลย""ทีแรกที่เจอท่านข้าวก็คิดแบบนั้นแหละ""ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะอัคคี""........" อัคคีมัวสนใจแม่ที่กำลังกล่าวอยู่บนเวที จนไม่ได้ดูแขกว่ามีใครเข้ามาร่วมบ้าง แต่พอได้ยินเสียงเขาถึงได้หันไปมอง"ทำไมคุณดูตกใจจังเลยคะที่เห็นสุ" สรวงสุดาถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ เพราะมีเก้าอี้ว่างอยู่ตัวหนึ่ง"อัคคีคะ ซัมก็มองหาอยู่ว่าคุณอยู่ตรงไหน" ซัมเมอร์
"คือว่า..ผมเป็นคนเสนอให้เธอพาลูกน้องทำโอทีเองครับ" โกสินทร์คิดว่าจะให้เธอรับผิดชอบคนเดียวไม่ได้หรอก พอพูดออกไปท่านผู้บริหารก็หันมามอง"ไปทำเรื่องลาออก" อัคคีตวัดสายตามองมาที่โกสินทร์เพื่อทำให้ทุกคนรู้ว่าเขาสั่งใคร"เรื่องแค่นี้ทำไมถึงกับไล่ออกเลยล่ะ" เพราะแบบนี้แหละข้าวปุ้นถึงคิดว่าตัวเองรับผิดชอบคนเดียวก็พอแล้ว ยังไงเขาก็ไม่ชอบหน้าเธอ ไล่ออกได้ยิ่งดี"เหมือนเธออยากจะรับผิดชอบเรื่องนี้นะ""ค่ะฉันจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง""บอกฝ่ายบัญชีคิดเงินค่าโอทีกับผู้หญิงคนนี้""มันจะมากไปแล้วนะอัคคี" ไม่รู้ว่าน้องชายเอานิสัยแบบนี้มาจากไหน"งั้นเราไปดูงานด้านในกันต่อ" อัคคีทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเพลิง เดินนำหน้าผู้บริหารเข้าไปดูงานด้านใน"หัวหน้าคะ//หัวหน้าครับ" ค่าแรงของทุกคนไม่ใช่น้อยๆ ถ้าตีเป็นโอทีแล้วหลายหมื่นเลยแหละ พวกลูกน้องเลยเป็นห่วง"ไม่เป็นไรหรอกพวกเราไปทำงานกันเถอะ""เดี๋ยวผมจะหาทางช่วยคุณอีกทีนะครับ" ก่อนที่จะเดินตามเจ้านายไปโกสินทร์ได้หันมาพูดกับข้าวปุ้นก่อนเธอไม่ได้ตอบโกสินทร์หรอก ช่วยได้ก็ช่วยถ้าช่วยไม่ได้ก็ช่างมัน ยังไงเขาก็จงใจจะเล่นงานเธออยู่แล้ว ไม่รู้โกรธเกลียดอะไรเธอนักหนา"หัวห
"โปรเจคใหม่ไปถึงไหนแล้ว""บอสหมายถึงโปรเจคที่คุณข้าวกำลังทำอยู่ใช่ไหมครับ"กึก! แฟ้มเอกสารในมือถูกโยนลงโต๊ะ ก่อนจะตวัดสายตาเหลือบมองดูโกสินทร์ผู้ช่วยคนสนิท"โปรเจคใหม่มีโปรเจคไหนบ้างล่ะ" พอได้ยินชื่อผู้หญิงคนนั้นแล้วรู้สึกไม่ลื่นหูยังไงไม่รู้"เอ่อ.. 80% แล้วครับ""ไปตามงาน..เปิดให้ได้ภายใน 3 วัน""อะไรนะครับ""ไม่ได้ยินเหรอ""แต่เธอเป็นผู้หญิง.." ยังไม่ทันได้ออกความคิดเห็นเจอสายตาพิฆาตโกสินทร์ก็ต้องรีบตกปากรับคำไปก่อนหน้าห้องทำงาน.."ทำไมวันนี้บอสถึงดูแปลกๆ" ออกมาโกสินทร์ก็อดพรึมพำกับตัวเองไม่ได้"มีอะไรเหรอ""คุณซัม.." มองไปก็เห็นว่าเป็นลูกสาวหุ้นส่วนอีกคน"ฉันถามว่ามีอะไร""บอสบอกให้ไปเร่งงานโปรเจคใหม่ครับ""ก็ไปจัดการสิ" ทีแรกกำลังจะไปที่ห้องทำงานของพี่ชาย.. แต่เปลี่ยนใจเข้าห้องทำงานนี้ก่อนดีกว่า ..ซัมเมอร์มีพี่ชายเป็นผู้บริหารอยู่ที่นี่คนหนึ่ง พ่อไม่ค่อยเข้ามาบริหารงานเลยปล่อยลูกชายนั่งตำแหน่งนั้นแทนก๊อกๆ"เข้ามา" ประตูเปิดเข้ามาอัคคีก็แปลกใจ ซัมเมอร์ไม่เคยรอให้เขาอนุญาตหรือบางทีไม่เคาะประตูด้วยซ้ำ ครั้งนี้รอจนกว่าเขาอนุญาตค่อยเปิดประตูเข้ามา"คุณดูจะอารมณ์ไม่ดีนะคะ มีใครทำอะไร
หลังจากที่ได้เครื่องดื่มแล้วอัคคีก็นั่งรอเพราะเขาสั่งไว้ว่าถ้าจอยมาให้เข้ามาหาในห้องนี้แก๊ก.. รออยู่พักหนึ่งประตูห้องก็เปิดเข้ามา"??" ทีแรกคิดว่าเป็นจอยแต่ไม่คิดว่าเป็นผู้หญิงคนที่กำลังสร้างเรื่องกลุ้มใจให้เขาอยู่"???" ไม่ใช่แค่อัคคีหรอกที่แปลกใจข้าวปุ้นก็แปลกใจเหมือนกันก็ว่าอยู่ทำไมภาณุถึงจะมาอยู่ในห้องนี้ เพราะตอนที่เธอไปถามหาภาณุพนักงานบอกว่าอยู่ในห้องพิเศษหนึ่งแกร็กๆ ตอนที่ข้าวปุ้นกำลังจะออกไปประตูห้องดันเปิดไม่ได้ ต้องเป็นฝีมือระย้าอีกแน่เลย โอ๊ยเอ็นดูเขาเอ็นเราขาดเป็นแบบนี้หรือ ที่เธอเปรียบเปรยแบบนี้เพราะไม่น่าไปบอกว่าสนใจอีตาบ้านี่เลย ทุกอย่างก็เลยเป็นแบบที่เห็นข้าวปุ้นกำลังจะหยิบโทรศัพท์มาโทรหาคนข้างนอกให้มาเปิดประตู แต่เพิ่งนึกได้ว่าโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋าวางอยู่ในห้องของหัวหน้าเธอเลยต้องหันกลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลัง"ขอยืมโทรศัพท์หน่อย""ไม่ได้เอามา""ทำไมคุณไม่รู้จักพกโทรศัพท์"ชายหนุ่มทำแค่ปรายตามองไปดูเป็นคำตอบ ขนาดเธอยังไม่ได้เอาโทรศัพท์มาด้วยยังมีหน้ามาว่าให้เขาอีกก๊อกๆ "มีใครอยู่แถวนี้ไหมเปิดประตูหน่อย" ตะโกนให้คอแตกก็คงไม่มีใครมาเปิดเพราะด้านนอกเสียงดังกว่าด้านใน