เรานั่งเรียนเกี่ยวกับโครงสร้างงานโฆษณาไปได้ประมาณห้าสิบนาที อาจารย์สมรศรีก็ปล่อยพวกเราเลิกคลาสเร็วกว่ากำหนดเกือบสี่สิบนาที
มหาลัยนี้มันเป็นมหาลัยเปิดจริงๆ สินะ อยากเลิกตอนไหนก็เลิก เกิดอินดี้ไม่อยากเข้าสอน ฉันก็ไม่สอน เชิญคุณๆ เรียนรู้เอง ดีชะมัด!!
“เพลย์ ยีนส์ จะกลับเลยมั้ย เพราะหลังจากนี้ก็ไม่มีเรียนต่อแล้ว”
เสียงหวานๆ ของตาหวานถามพวกเรา
“เอาไงดียีนส์ จะกลับเลยมั้ย” ฉันหันไปถามแนวร่วม
“ไปห้างกัน แถวนี้มีห้างใกล้ๆ เปล่า” ยีนส์หันไปถามตาหวาน
“มีสิ เดี๋ยวหวานพาไป จะพาทัวร์ให้ครบทุกชั้นของห้างเลย”
ตาหวานพูดพร้อมกับดึงแขนพวกฉันสองคนเดินตามเธอมา
“เดี๋ยว!!” ยีนส์ขืนตัวไว้พร้อมกับตะโกนหยุดตาหวานที่กำลังลากพวกเราสองคน “ทำไมเหรอ หรือว่าเกิดเปลี่ยนใจ”
ตาหวานรีบหันหน้าใสๆ พร้อมกับทำตาบ๊องแบ๊วเหมือนแมวขี้สงสัยถาม
“เปล่า... จะถามว่าหวานจะไปยังไง คือเราขี่มอไซค์มา”
เออ! เกือบลืมไปเลย เรามีกันสามคน แต่รถดันเป็นมอเตอร์ไซค์ แล้วแบบนี้จะซ้อนสามไหวเหรอ “อ้าวเหรอ! งั้นยีนส์กับเพลย์ขับตามรถหวานมาแล้วกัน”
“ยีนส์ฝากเพลย์ไปรถหวานได้เปล่าอะ ไม่อยากให้ยัยนี่นั่งตากแดด”
ซึ้งค่ะ ฮือๆ ซึ้งในน้ำใจเพื่อนรักที่เป็นห่วงเป็นใยเพลย์เยอร์น้อยผู้บอบบาง
“เดี๋ยวนินจามันจะทำงานหนักไปเกิดงอแงป่วยไปอีกคน”
ขอถอนคำพูดก่อนหน้าทันมั้ย!?
ไอ้ความซึ้งในน้ำในเพื่อนสนิทคนนี้ เพลย์เยอร์คนนี้ขอถอนมันคืน..!
สุดท้ายก็ลงเอยตรงที่ ฉันติดรถเบนซ์สีขาวมากับตาหวาน และตอนนี้เราสามคนกำลังอยู่ในห้าง JCT ห้างดังของย่านนี้ ตาหวานเธอบอกมาอีกทีน่ะ
“หวาน เดี๋ยวพาไปโซนชุดนักศึกษาหน่อยสิ ยีนส์จะพาเพลย์มันไปซื้อเสื้อใหม่ ดูสิไปแอบขโมยเสื้อเด็กที่ไหนมาใส่ก็ไม่รู้ น่าเกลียด!” ยีนส์แขวะฉันพร้อมกับเบ้ปากประชด เรื่องก่อนฉันยังไม่หายงอนเลยเหอะ
“ก็บอกแล้วคนมันมีดี ทำไมแกต้องอิจฉาเพื่อนด้วยยัยยีนส์” อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ว่าเราสองคนโกรธเกลียดอะไรกันนะ มันเป็นเรื่องปกติของฉันกับยีนส์ เรามักจะคุยกันแบบนี้แหละ ถ้าคนไม่รู้จักก็จะมองว่าเราไม่ถูกกัน
“นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นเพื่อนสนิท หวานคิดว่าสองคนนี้ต้องเป็นศัตรูกันแน่”
หวานพูดพร้อมกับยิ้มขำๆ ให้กับการกัดกันเป็นเด็กๆ ของฉันกับยีนส์
เห็นมั้ยบอกแล้ว ถ้าคนอื่นที่ไม่รู้จักฉันสองคนจะมองในอีกมุมหนึ่ง
หลังจากที่เลือกเสื้อผ้ากันเสร็จแล้ว พวกเราเลยเลือกที่จะเข้าไปดูหนังกัน แต่มันดันติดตรงที่…
“ไม่ไหวอะแก มีแต่หนังผี เพลย์ไม่สันทัด” ฉันเบะปากทำหน้าหวาดเสียวกับโปสเตอร์หนังที่มันมีแต่หนังผี ไม่ก็ฆาตรกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่ชอบ
“เออลืมไป เพลย์มันขวัญอ่อนน่ะ ถ้าให้มันเข้าไปดูมีหวังได้ทำบุญร้อยวันให้มันแน่” ปากเสียจริงๆ เลยนะเพื่อนยีนส์
ฉันด่ายีนส์ผ่านทางสายตา พร้อมกับจิ๊ปากใส่เธอหน่อยๆ
“งั้นไม่เป็นไร นี่ก็ห้าโมงเย็นแล้ว ทุกคนจะกลับกันเลยมั้ย แล้วพักที่ไหนกันเหรอ” เอาเข้าจริงๆ ตาหวานเพื่อนใหม่คนนี้ก็ช่างจ้อเหมือนกันนะ นึกว่าจะเป็นคนนิ่งๆ เหมือนรูปลักษณ์ภายนอกซะอีก แต่ฉันว่าเธอเป็นคนจริงใจดี
“คอนโด GS2K น่ะ”
“ว้าว!! ดีจังเลยได้อยู่คอนโดของสี่หนุ่มหล่อของมหาลัยเราด้วย” ตาหวานทำท่าทางเหมือนกับตื่นเต้นอะไรสักอย่างหลังจากที่ฉันบอกชื่อคอนโดที่พักอยู่
“ใครเหรอสี่หนุ่มหล่อที่ว่า” ด้วยความอยากรู้ฉันเลยถามตาหวานทันที
“สี่หนุ่มหล่อที่ว่าก็จะมี... หวานว่าเราไปนั่งร้านไอศกรีมตรงนั้นกันดีกว่า ถ้าให้เล่าคงยาว ยืนแบบนี้เมื่อยขาหมด” พูดจบตาหวานก็เดินนำฉันกับยีนส์ไปที่ร้านที่เธอเพิ่งบอกก่อนหน้า
“สี่หนุ่มหล่อที่ว่านะ มี ซาดีนส์ ขันที การ์เซีย แล้วก็เคซิส ทั้งสี่คนเป็นรุ่นพี่พวกเราน่ะ แต่เรียนคนละคณะกับพวกเรา แต่ไม่ต้องห่วงเธอสองคนต้องได้เจอแน่”
อืม... ฟังจากชื่อก็น่าจะหล่อกันทั้งนั้นนะ ชื่อทั้งเท่แล้วก็แปลกดี
“ฉันอยากรู้เรื่องของทั้งสี่คนน่ะ เล่าให้ฟังหน่อยสิ” ยีนส์รีบคะยั้นคะยอให้ตาหวานเล่าเรื่องสี่คนนั้นให้ฟัง ซึ่งฉันก็กำลังอยากรู้อยู่พอดี
“ได้สิ งั้นเริ่มจากพี่ใหญ่สุดอย่างเคซิสแล้วกันนะ” ฉันสองคนนั่งฟังตาหวานเล่าถึงเรื่องราวของ เคซิส ขันที แล้วก็การ์เซียมาประมาณยี่สิบนาทีกว่าๆ ก็เข้าใจในทันทีเลยว่า ทำไมถึงได้ฉายาสี่หนุ่มหล่อของมหาลัย
เพราะว่าโปรไฟร์ของพวกเขาเลิศหรูกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น รูปร่างหน้าตาที่เหมือนปั้นแต่ง (มโนตามที่ตาหวานเล่ามาอีกที) แล้วไหนจะฐานะที่ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายต่างก็อยากได้และอิจฉา
“แล้วคุณสุดท้ายล่ะ” ฉันเร่งให้ตาหวานเล่าถึงคนสุดท้ายที่ชื่อ เอ่อ..
“ซาดีนส์ น่ะเหรอ”
น่าจะใช่มั้ง! ฉันพยักหน้ารัวๆ ให้ตาหวาน พร้อมกับทำหน้าตาตั้งอกตั้งใจฟังอย่างออกนอกหน้า
“แต่งเลย / แต่งเลย”ฉันยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงตะโกนจากด้านล่างก็ดังขึ้น ทุกคนยืนขึ้นพร้อมกับตะโกนให้ฉันตอบรับซาดีนส์ ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่ของพวกเรา“ฉะ ฉัน” มันตื้นตันจนตอบออกมาเป็นคำพูดไม่ได้“ว่าไงครับ เพลย์น้อยของซีนส์ วันนี้จะยอมเป็นเจ้าสาวของเจ้าชายคนนี้หรือเปล่า” รอยยิ้มที่มาพร้อมกับประโยคร้องขอทำให้ฉันฝืนน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป“ฮึก อึก”“เด็กขี้แย ถ้าไม่ตอบ...” ซาดีนส์เงียบเสียงลง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยคำพูดที่ไม่มีเสียง ‘ฉันจะจับเธอกินทั้งคืน’ ฉันถึงกับกัดปากแน่น แบบนี้เรียกมัดมือชกไหมนะ“อื้อ” ฉันพยักหน้า อยากตอบเขาเป็นคำพูดแต่ตอนนี้มันดีใจสุดๆ มันตื้นตันจนไม่มีเสียงที่จะเปล่งออกมาแล้ว“ไม่เอาสิ อยากได้ยินคำพูดหวานๆ พูดให้ซีนส์ดีใจสักคำสิครับ” เสียงออดอ้อนพร้อมกับแววตาเว้าวอนและโหยหาของซาดีนส์ทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคออึกๆ“ก็บอกว่าอื้อไง” ฉันกัดปากอีกครั้ง เบือนหน้าไปทางอื่นตอนนี้มันทั้งอายและก็ดีใจไปในเวลาเดียวกัน อายเพื่อนๆ และพ่อแม่ดีใจ ที่คำสัญญาในวัยเด็กเป็นจริงสักที“ดื้ออีกแล้ว คนเขาอุตส่าห์บอกความในใจหมดแล้วนะ”ทำเป็นน้อยใจ ชิ! ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ’ฉันพูดแบบไม่มีเสียงให้เขา
“สวัสดีค่ะ / ครับ” ทั้งตาหวาน ตาโตรวมถึงยีนส์ยกมือไหว้ป๊ากับแม่เล็กหลังจากได้ยินท่านถามประโยคนั้น “ตามสบายนะเด็กๆ วันนี้เป็นวันพิเศษของพิเศษ” ฉันมองหน้าป๊าแบบงงๆ นิดหน่อยวันพิเศษของพิเศษ คือมันแสนจะพิเศษใช่ไหมนะ?“เด็กๆ เข้าบ้านกันเถอะจ๊ะ เดี๋ยวเลยฤกษ์ดีกันพอดี”ฤกษ์ดี? ฉันกำลังจะเอ่ยถามแม่เล็กแต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อท่านเดินนำเข้าไปยังตัวบ้านที่ประดับประดาหรูหราไม่แพ้ด้านนอกเลยสักนิดเดียว“สวัสดีค่ะคุณป้า” เมื่อเข้ามาในตัวบ้านเรียบร้อยฉันมองเห็นแม่ซาดีนส์นั่งรออยู่ที่โต๊ะข้างเวทีทรงเตี้ยที่มีป้ายอะไรสักอย่างถูกปิดด้วยผ้าสีขาวผืนบางอีกที “นั่งก่อนสิจ๊ะหนูเพลย์”ป้าแพรวกวักมือเรียกให้ฉันไปนั่งข้างๆ ท่าน“คุณพิณนี่ตาถึงนะคะ เลือกชุดให้หนูเพลย์เข้ากับงานวันนี้จริงๆ” เสียงป้าแพรวแซวแม่เล็กขำๆ ฉันว่าชุดที่แม่เล็กส่งมาให้มันดูหรูมากเกินไปด้วยซ้ำในตอนแรกเดรสลูกไม้แบบรัดรูปสีชมพูอ่อน เปิดโชว์ช่วงเนินอก กระโปรงยาวคลุมเข่าปลายระบายกว้างนิดๆ เหมือนจะไปงานการ่าดินเนอร์เสียด้วยซ้ำ“เอ่อ คุณป้าคะ” ฉันเสียมารยาทพูดแทรกผู้ใหญ่ทั้งสองที่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาคนไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน “ว่าไงจ๊ะลูก”
“หึ” ฉันมองเห็นรอยยิ้มที่มุมปากเฮียการ์เซียผ่านกระจกมองหลังด้วยแหละ แต่คนถูกถามกลับไม่ตอบคำถามฉัน ทำไมแลดูมีลับลมคมนัยจังนะ“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เมื่อรถจอดหน้าคอนโดเรียบร้อย ยีนส์ลงไปจากรถเป็นคนแรกโดยที่ไม่ได้ล่ำลาหรือกล่าวขอบคุณเฮียการ์เซีย เลยทำให้ฉันที่ยังไม่ลงจากรถรีบเอ่ยขอบคุณเขาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ กับความเสียมารยาทของเพื่อนรัก“อย่าคิดมากเลย เดี๋ยวมันกลับมาเธอจะยิ่ง... หลงมัน”“คะ? เมื่อกี้เฮียว่าอะไรนะคะ” เพราะคำพูดท้ายๆ เฮียการ์เซียเบาเสียงลงฉันเลยไม่ได้ยินว่าเขาพูดว่าอะไร “รีบลงไปเถอะ เพื่อนเธอจะกินหัวฉันอยู่แล้ว”เขาไม่ตอบอีกแล้ว ฉันมองตามออกไปนอกรถตามคำบอกเล่าเฮียการ์เซีย เห็นยีนส์กำลังยืนทำท่าทางเบื่อหน่ายและเซ็งๆ จ้องมองมาทางพวกเราที่อยู่ในรถเลยต้องรีบปลีกตัวลงไป@สามวันต่อมาฉันอยากเอาหัวโขลกกำแพงให้มันตายรู้แล้วรู้รอดรู้อะไรไหม? ตั้งแต่ที่ซาดีนส์บอกไปธุระต่างประเทศนี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วนะ ไหนเขาบอกจะไปแค่สองวัน วันแรกที่เขาไปคือวันที่เฮียการ์เซียมาส่งฉันกับยีนส์ และหลังจากวันนั้นก็ผ่านมาอีกแล้วสองวัน ซึ่งซาดีนส์ควรจะกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแต่นี่ฉันยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของ
“นั่นสิเพลย์ เฮียซาดีนส์เขาอาจจะติดธุระจริงๆ จนรอเพลย์ตื่นไม่ไหวมั้ง”ฉันกำลังจะอ้าปากเถียงตาหวาน แต่ยีนส์ก็ดันพูดแทรกมาก่อน“ว่าแต่…” ยีนส์เงียบ เหล่ตามองคล้ายกับจับผิดอะไรฉัน“อะไรของแก” ฉันหลบสายตาคาดคั้นของเพื่อนรัก“ปกติแกไม่น่าจะนอนขี้เซาขนาดนั้นนะ แกบอกว่าตื่นมาเกือบแปดโมง นั่นมันเลยเวลาปกติที่แกจะต้องตื่นมาเตรียมตัวเรียนเช้าแล้วไม่ใช่เหรอ”ไม่ได้มาแค่คำถามนะ แต่สายตาอยากรู้อยากเห็นพร้อมกับจ้องจับผิดของยีนส์ที่ส่งมาทำเอาฉันเสียวสันหลังวาบ“กะ... ก็เมื่อวานไปทำธุระมา เมื่อยไปหน่อยเลยเผลอหลับยาว” นิ้วกลางไขว่นิ้วชี้ไว้เพลย์เยอร์ แค่โกหกเพื่อนเองไม่บาปหรอกเนอะ“เหรอ~” เสียงลากยาวแบบไม่เชื่อสุดๆ ของเพื่อนรักทำเอาฉันหน้าแดงฉ่าแค่มองตายีนส์ฉันก็รู้แล้วว่าเธอไม่เชื่อที่ฉันพูด แถมฉันยังคิดว่าเธอต้องคิดไปถึงเรื่อง... เอ่อ ช่างมันเถอะ อย่าไปคิดแทนคนอื่นเลยเนอะ!“เฮ้อ! หิวข้าวจัง” แกล้งยกมือลูบท้องเปลี่ยนเรื่อง“เปลี่ยนเรื่องแบบนี้...” ยังไม่เลิกล้อฉันอีกนะ ยัยยีนส์บ้า!“ยีนส์เลิกแกล้งเพลย์เถอะ ดูสิ จะร้องไห้อยู่แล้ว” น่ารักมากตาหวานที่ช่วยพูด“รักหวานที่สุดเลย งั้นเราไปกินข้าวกัน ปล่อยใ
ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว รู้แค่ว่าพอรู้สึกตัวมาเหมือนร่างกายผ่านสงครามรบที่ไหนมาไม่รู้ เรี่ยวแรงที่ควรจะมีหลังจากได้หลับพักผ่อนมันน่าจะกลับมาแล้ว แต่เปล่าเลย ตอนนี้ฉันยังรู้สึกปวดเมื่อยไปทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะตรงนั้น!“ไอ้บ้าซาดีนส์” ฉันพึมพำกับตัวเองหลังจากตื่นเต็มตาแล้วคิดแล้วก็น่าโมโห! เมื่อวาน ไม่สิ ไม่น่าพลาดท่ายอมรับข้อแลกเปลี่ยนของหมอนั่นตั้งแต่ก่อนไปถ่ายแบบให้เฮียทีมเลย น่าจะรู้นะว่านิสัยแฟนตัวเองเป็นคนเจ้าเล่ห์แค่ไหน ยอมรับเลยว่าครั้งนี้ฉันพลาดมาก พลาดเองเต็มๆ“อ๊ะ ชิ!” แค่ลุกขึ้นนั่งยังรู้สึกปวดแปรบตรงส่วนอ่อนไหว ไม่ต้องคิดถึงตอนเดินเลยว่ามันจะทรมานขนาดไหน“ไอ้บ้าซา...” เสียงฉันหยุดลงเมื่อคิดว่าหันกลับมาจะเจอกับคนที่ทำให้ร่างกายฉันเป็นแบบนี้แต่เปล่าเลย... ซาดีนส์ไม่ได้อยู่บนเตียงกับฉันไปไหนของหมอนี่? เมื่อคืนเขาก็น่าจะหมดแรงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ แล้วนี่เพิ่งจะแปดโมงเช้าเอง เขาไม่น่าจะตื่นเช้าแล้วหายตัวไปแบบนี้ แถมตอนนี้ฉันยังกลับมานอนห้องตัวเองแล้ว คงจะเป็นฝีมือซาดีนส์นั่นแหละที่อุ้มฉันมาส่ง“อูย!” ฉันสูดปากระบายความระบมอีกรอบเมื่อกวาดขาจะลงจากเตียงนั่งทำใจอยู่นาน
“อื้อ” จบคำพูดเอาแต่ใจ คนตัวโตด้านหลังก็คว้าปลายคางฉันให้หันไปรับรสจูบที่แสนดูดดื่มและเร่าร้อน เรียวลิ้นหนาสอดแทรกเข้ามาได้อย่างง่ายดายเมื่อฉันไม่ทันตั้งตัวเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาตักตวงความหวานหอมด้านในจากแค่จูบ ตอนนี้มือไม้ซาดีนส์ที่ว่างอยู่ค่อยๆ ไต่แตะไปตามเรือนร่างของฉัน จวบจนมือหนาใหญ่ข้างหนึ่งตะปบเข้ากับหน้าอกคู่งามที่มีเตียงรองรับน้ำหนักของมัน“อืม” เสียงครางแหบพร่าหลุดออกมาจากคนที่กำลังพันธนาการฉันด้วยสัมผัส เขาคงกำลังควบคุมอารมณ์บางอย่างที่ตอนนี้มันตื่นตัวจนฉันแทบเป็นบ้า“ขอสด... นะ!” ฉันเบิกตาโพลง ไม่ได้โง่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของฉันทำไมแค่ประโยคนี้ฉันจะแปลความหมายมันไม่ออก“มะ ไม่ได้นะซาดีนส์ มัน อ๊ะ!”ฉันห้ามไม่ทันเมื่อคนเขาแต่ใจค่อยๆ ดุนดันส่วนแข็งขืนนั้นกับสะโพกฉันจากทางด้านหลัง “นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในข้อแลกเปลี่ยน”ชิ! ฉันได้แต่จิ๊ปากให้กับความพลาดครั้งใหญ่หลวงของตัวเองตอนแรกก็คิดไว้ไม่ผิดเพี้ยน ว่าซาดีนส์ต้องขออะไรพิเรนทร์ๆ แบบนี้ แต่ฉันไม่ได้คิดว่ามันจะเลยเถิดถึงขั้นไม่สวมเครื่องป้องกัน!หมับ! ตุ้บ!“อ๊ะ” ตัวฉันลอยกลางอากาศ เมื่อคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังยกสะโพกฉันลอยขึ้นเหนือพื