“ท่านครับ ผมขอโทษที่ต้องทำอย่างนี้ แต่ผมได้รับหน้าที่ให้ดูแลและปกป้องเธอในระหว่างที่คุณทิมรักษาตัว หากท่านต้องการชีวิตเธอ...ได้โปรดเอาชีวิตของผมไปแทนเถอะครับ”
“พี่เอก!”
เอกรัฐก้าวขึ้นมายืนขวางหน้าต้องรักไว้ เขารับปากเจ้านายไว้แล้วว่าจะดูแลต้องรักให้ดีระหว่างที่เจ้านายไม่อยู่ เขาก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด หากเขาดูแลไม่ได้ ทำให้ต้องรักเป็นอะไรไป เขาก็ไม่สมควรจะเป็นลูกน้องของชนาธิปอีก
นิโคลัสอัดเอานิโคตินเข้าปอดอึกใหญ่ ก่อนปล่อยควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากปากและจมูก ส่งผลให้บรรยากาศภายในห้องดูอึดอัดยิ่งขึ้นไปอีก รังสีของความมีอำนาจกำลังกดทับคนทั้งคู่ให้หายใจลำบาก
“ฉันดีใจแทนทิมจริงๆ ที่มีคู่หูอย่างนายอยู่ข้างๆ” นิโคลัสหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ร่างสูงลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าแล้วเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่หลังเก้าอี้ สายตามองตรงไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย
“เมื่อก่อนฉันก็เคยมีอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นลูกน้อง เป็นคู่หูที่รู้ใจฉันที่สุด เป็นเพื่อนดื่ม เป็นเพื่อนตาย แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว ได้แต่ทิ้งตัวแทนไว้ให้ฉันเ
ต้องรักมาเยี่ยมชนาธิปในตอนเช้าพร้อมเอกรัฐและชนิดาเช่นเคย คืนที่ผ่านมาเธอนอนหลับๆ ตื่นๆ อาจเป็นเพราะเวลาที่ต่างกัน และเรื่องราวต่างๆ ที่ได้เจอมาเมื่อวาน จึงส่งผลให้สมองของเธอตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเอกรัฐกับชนิดาเลี่ยงไปดูโทรทัศน์อีกห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องสำหรับแขกผู้มาเยี่ยม เปิดโอกาสให้ต้องรักได้อยู่กับชนาธิปเพียงลำพังตามประสาคนรัก เพราะรู้ว่าเธอคงมีเรื่องจะคุยกับเจ้านายหลายเรื่อง ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ได้สติก็ตามหญิงสาวทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงผู้ป่วย เอามือของเขามาแนบแก้มไว้อย่างระมัดระวัง เพราะมีเข็มน้ำเกลือเจาะไว้อยู่“คุณธิปขา ตอนนี้สบายใจได้แล้วนะคะ คุณคนนั้นเขาบอกว่าจะปล่อยคุณธิปแล้ว ตอนนี้คุณเป็นอิสระแล้วค่ะ คุณต้องรีบตื่นนะคะ รักมีเรื่องจะเล่าให้คุณฟังตั้งหลายเรื่อง”เขายังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง มีเพียงหน้าอกเท่านั้นที่สะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอตามลมหายใจเข้าออก หญิงสาวรู้สึกว่าสีหน้าของเขาดีขึ้นกว่าเมื่อวานเล็กน้อย วันนี้จึงเหมือนเขานอนหลับไปมากกว่าต้องรักประสานมือของตัวเองกับของเขาไว้จนแหวนแต่งงานทั้งสองวงสัมผัส
“ท่านครับ ผมขอโทษที่ต้องทำอย่างนี้ แต่ผมได้รับหน้าที่ให้ดูแลและปกป้องเธอในระหว่างที่คุณทิมรักษาตัว หากท่านต้องการชีวิตเธอ...ได้โปรดเอาชีวิตของผมไปแทนเถอะครับ”“พี่เอก!”เอกรัฐก้าวขึ้นมายืนขวางหน้าต้องรักไว้ เขารับปากเจ้านายไว้แล้วว่าจะดูแลต้องรักให้ดีระหว่างที่เจ้านายไม่อยู่ เขาก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด หากเขาดูแลไม่ได้ ทำให้ต้องรักเป็นอะไรไป เขาก็ไม่สมควรจะเป็นลูกน้องของชนาธิปอีกนิโคลัสอัดเอานิโคตินเข้าปอดอึกใหญ่ ก่อนปล่อยควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากปากและจมูก ส่งผลให้บรรยากาศภายในห้องดูอึดอัดยิ่งขึ้นไปอีก รังสีของความมีอำนาจกำลังกดทับคนทั้งคู่ให้หายใจลำบาก“ฉันดีใจแทนทิมจริงๆ ที่มีคู่หูอย่างนายอยู่ข้างๆ” นิโคลัสหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ร่างสูงลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าแล้วเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่หลังเก้าอี้ สายตามองตรงไปเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย“เมื่อก่อนฉันก็เคยมีอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นลูกน้อง เป็นคู่หูที่รู้ใจฉันที่สุด เป็นเพื่อนดื่ม เป็นเพื่อนตาย แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว ได้แต่ทิ้งตัวแทนไว้ให้ฉันเ
“เขาบอกว่าเพราะคุณธิปยังไม่ตาย ก็เลย...ตามมาเก็บงานน่ะ”“เก็บงาน? เก็บงานอะไรคะพี่เอก หมายความว่าอะไร”ต้องรักเขย่าแขนเอกรัฐอย่างลืมตัว เอกรัฐมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเห็นสายตาเร่งรัดจากหญิงสาว เขาก็ยิ่งไม่พูดไม่ได้“หมายถึงว่าต้องมาซ้ำจนกว่าคุณธิปจะ...จะตายน่ะ”ทันทีที่ฟังจบ ต้องรักก็เบิกตากว้างพร้อมกับหันไปหานิโคลัสทันที ดวงตารื้นไปด้วยน้ำ ได้แต่ส่ายหน้าไปมา ปากก็พร่ำบอกกับคนตรงหน้าอย่างอ้อนวอน“ไม่! ไม่นะคะ ฉันขอร้อง อย่าทำอะไรเขา เขาเจ็บมากแล้ว” เธอพูดได้แค่นั้นน้ำตาก็ไหลอาบแก้มลงมาทันทีจนต้องเม้มปากไว้แน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น จากนั้นจึงหันไปหาเอกรัฐอย่างขอความช่วยเหลือ“พี่เอกช่วยพูดกับเขาหน่อยได้ไหม อย่าให้เขาทำอะไรคุณธิป”เอกรัฐลอบถอนหายใจ เท่าที่เขารู้มาก็คือการลงโทษของรูคส์จะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งครั้งเดียวที่ว่าก็คือความตายสถานเดียว แต่สำหรับคนที่รอดพ้นความตายมาได้ ยังไม่เคยมีปรากฏ เขาจึงพูดอะไรไม่ได้“เธออยากแลกชีวิตกับเขาไหมล่ะ...ชี
ห้าวันต่อมา ต้องรักจึงได้เดินทางมาอเมริกาพร้อมชนิดาและเอกรัฐ หากเป็นในเวลาปกติ เธอคงรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับการมาเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ เธอจึงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะสนใจสภาพแวดล้อมรอบตัวเท่าไรนักเมื่อลงจากเครื่อง รับกระเป๋าสัมภาระเสร็จเรียบร้อย เอกรัฐก็แจ้งว่ามีรถตู้มาจอดรอรับอยู่แล้ว ผู้ที่ขับมาคือวิล ซึ่งเป็นคำสั่งจากเคธี่ให้มารับทั้งหมดที่สนามบินเพื่อพาไปส่งยังโรงพยาบาลต้องรักจิตใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพียงแค่คิดว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะได้พบกับชนาธิปแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง จะฟื้นหรือยัง จะผอมลงไหม สารพัดคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว“เขาเป็นอย่างไรบ้าง” เธอไม่เก็บความสงสัยไว้นาน จึงโพล่งถามชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่ด้านหน้า“พ้นขีดอันตราย แต่ยังไม่ฟื้น” วิลตอบมาสั้นๆ แต่พูดให้ช้าลงเพราะรู้ว่าหญิงสาวไม่คล่องเรื่องภาษาอังกฤษเท่าไรนักต้องรักเอ่ยขอบคุณเบาๆ แล้วนั่งรอเวลาที่จะได้เจอกับเขา เธอหมุนแหวนเล่นไปมา ซึ่งกิริยานี้กลายเป็นความเคยชินที่ทำ
“รักเป็นอะไร!” ชนิดาหันมองไปรอบห้องเพื่อความปลอดภัย ก่อนสายตาจะมาหยุดอยู่ที่หญิงสาวเจ้าของห้อง ซึ่งขณะนี้นั่งกอดเข่าร้องไห้พร่ำพูดอะไรบางอย่างอยู่คนเดียวจนฟังไม่ได้ศัพท์“รัก!” ชนิดาปรี่เข้ามาหาพร้อมกับจับไหล่ของต้องรักเขย่าแรงๆ หลายครั้ง แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะสติไม่อยู่กับตัวเสียแล้ว“รัก! มีสติหน่อย”“คุณธิปกลับมาหารักนะ รักรออยู่ ได้ยินไหมว่ารักรอคุณอยู่ ฮือ...” ต้องรักเหมือนไม่ได้ยินเสียงของชนิดา ยังคงเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายอยู่อย่างนั้นจนชนิดาต้องตัดสินใจกระทำการบางอย่างเพียะ!ชนิดาตบไปที่แก้มของต้องรักไม่เบานักเพื่อเรียกสติของอีกฝ่ายให้กลับมา ซึ่งได้ผล เพราะต้องรักเงยหน้านองน้ำตาขึ้นมองเธอทันทีพร้อมกับปรี่เข้ามากอด“พี่โอ๋...คุณธิป...คุณธิปตายแล้ว ฮือ...คุณธิปไม่กลับมาหารักแล้ว”“รัก!” ชนิดาตกใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ เมื่อวานเธอเพิ่งพาต้องรักไปทำพาสปอร์ต และวันนี้ก็เพิ่งไปรับมา ระหว่างนี้ก็รอเรื่องการจัดเตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อมแล้วค่อยพาไปยื่นขอวีซ่าเข้าอเมริกา
ชนาธิปหยุดยืนอยู่หน้าห้องทำงานของนิโคลัส เขายกมือขึ้นเคาะประตูสามครั้งก่อนเปิดเข้าไป นิโคลัสไม่ได้นั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม แต่กำลังยืนกอดอกหันหลังให้อยู่ตรงกระจกบานใหญ่ สายตาทอดมองไปเบื้องหน้าด้วยแววตาที่ยากคาดเดา“รู้ไหมว่าตอนนี้ฉันมองเห็นอะไรที่สนามหญ้า”เสียงทุ้มพูดขึ้นโดยไม่ได้หันมามอง ร่างใหญ่เปลี่ยนอิริยาบถจากกอดอกมาเป็นเอามือไพล่หลังไว้ก่อนพูดต่อ“ฉันเห็นเด็กผู้ชายอายุประมาณเก้าขวบกำลังหัดต่อยมวยอยู่กับฉัน”นิโคลัสหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ“แล้วรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันเห็นอะไรอีก”“ฉันเห็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งวิ่งไปขึ้นปอร์เช่เปิดประทุนด้วยท่าทางดีใจ เพราะมันเป็นรถคันแรกในชีวิตของเขา”ชนาธิปทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นทันที มือทั้งสองข้างกำแน่น ศีรษะก้มต่ำลง นัยน์ตาแดงก่ำจากการสะกดกลั้นน้ำตาที่เริ่มรื้นขึ้นมาคลอหน่วย“ผมขอโทษครับนายท่าน ผมขอโทษ” เขาจำไม่ได้แล้วว่าเขาร้องไห้ครั้งสุดท้ายเมื่อไร แต่ไหนแต่ไรมาเขาถูกฝึกฝนให้อดทน และเก็บอารมณ์ของตัวเอง