เช้าวันจันทร์เมื่อมาถึงออฟฟิศเจิ้งลี่ซาก็เห็นช่อดอกไม้หลากสีสันช่อใหญ่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอ สีชมพูสดใส ส้ม เหลือง เขียว และม่วง ส่องประกายทักทายขณะที่เธอก้มลงมองกลีบดอกไม้ที่แตกต่างกัน หัวใจของเธอเต้นระรัวเมื่อนึกถึงคนที่เธอคิดว่าเป็นเจ้าของดอกไม่เหล่านี้ และยิ่งเต้นแรงขึ้นไปอีกเมื่อฉู่เฮ่าหรานเดินออกจากห้องทำงานของเขา“อรุณสวัสดิ์ เจิ้งลี่ซา” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มสดใส“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เธอตอบกลับแล้วเอียงคอมองเป็นเชิงถาม “ดอกไม้นี่...ของคุณเหรอคะ”“ครับ” เจ้านายหนุ่มพูดแล้วเดินเข้ามาหาเธอ “ผมอยากให้เราเริ่มต้นกันใหม่ ผมอยากจะขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ผมอาจจะเคยพูดหรือทำที่อาจจะทำให้คุณขุ่นเคืองใจ”“อ้อ จริงเหรอคะ” เธอรู้ว่าน้ำเสียงของตัวเองฟังดูประหลาดใจ“ครับ” เขายิ้มกว้าง “ผมโกหกตอนที่บอกว่าผมจะไปต่างประเทศเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมขอโทษ ผมมีเหตุผลของผม แต่ผมรู้ว่านั่นมันก็ไม่ถูกต้อง”“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอยักไหล่ “ฉันไม่แคร์”“มันไม่เป็นไรไม่ได้หรอก แต่ถ้าคุณไม่แคร์...”เสียงทุ้มขาดหายไปแล้วเจิ้งลี่ซาก็เห็นว่าชายหนุ่มที่ปกติหยิ่งผยองบัดนี้ดูไม่มั่นใจในตัวเอง มันทำให้เธอรู้สึกแย่อยู่สองสามวินาที
เจิ้งลี่ซานั่งขดตัวอยู่บนโซฟา พยายามจะจดจ่ออยู่กับรายการทีวีตรงหน้า แต่ในหัวของเธอกลับมีแต่ภาพเหตุการณ์ร้อนแรงที่เกิดขึ้นในห้องทำงานของฉู่เฮ่าหรานเมื่อเช้า สัมผัสจากปลายนิ้วของเขา รสจูบที่แสนเย้ายวน และความพ่ายแพ้ที่หอมหวานอย่างน่าประหลาดใจติ๊ด...ติ๊ด...ติ๊ด...เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้เธอสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ ชื่อที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัว...ฉู่เฮ่าหราน“คุณกำลังทำอะไร”น้ำเสียงทุ้มพร่าของเขาดังขึ้นทันทีที่เธอรับสาย“คุณจะถามฉันอย่างนั้นทุกครั้งที่คุณโทรหาฉันเหรอคะ” เธอพูดพลางเอนหลังพิงพนักโซฟา ขดขาขึ้นมาบนเก้าอี้แล้วเอนศีรษะกลับไป“อาจจะครับ” เขาหัวเราะเบา ๆ “ว่าแต่...ผมเพิ่งจะดูหนังอีโรติกที่คุณพูดถึงน่ะ”“คะ?”“หนังที่คุณแนะนำ”“ฉันไม่ได้แนะนำนะคะ”“คุณชอบ BDSM เหรอครับ”“อะไรนะคะ!” เธอร้องเสียงแหลม“คุณเปรียบเทียบผมกับตัวละครพระเอก ผมก็เลยคิดได้แค่ว่านั่นเป็นเพราะว่าคุณชอบให้ถูกตีดี ๆ แล้วก็คิดว่าผมอยากจะตีคุณ”“ฉันไม่เคยพูดอย่างนั้นสักหน่อย”“นั่นคือสิ่งที่คุณอยากจะให้ผมทำเหรอครับ” เสียงของเขาแหบห้าว “คุณอยากจะให้ผมจับคุณงอตัวลงบนโต๊ะทำงานของผมแล้วก็ตีคุ
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้งก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของฉู่เฮ่าหรานห้าก้าวตามหลังเขา เธอได้ยินเสียงคนอื่นคุยกันในตึกแล้วก็นึกถึงสิ่งที่ใครบางคนจะพูดถ้าพวกเขาเดินเข้ามาเจอเขาบีบหน้าอกของเธอขณะที่มืออีกข้างของเขาอยู่ใต้กระโปรงของเธอ เธอก็คงจะเป็นคนที่ต้องอับอายในตอนนั้น เธอคงจะรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงใจง่ายราคาถูก มันจะดูเป็นอย่างไรนะ วันที่สองที่ทำงานแล้วก็ยอมให้เจ้านายของตัวเองมาลูบคลำแล้วก็สนุกกับมันอย่างเปิดเผย เธอคงจะตายด้วยความอับอาย ถึงแม้ว่านั่นจะไม่ได้หยุดเธอไม่ให้เดินเข้าไปในห้องทำงานของเขา รู้สึกเหมือนเด็กที่เข้าไปในร้านขนมหวานพร้อมกับเงินเต็มกระเป๋า เธอปิดประตูตามหลังแล้วก็ตัวแข็งทื่อไป“ประตูไม่มีล็อกค่ะ”น้ำเสียงหวานแหบพร่า ลำคอแห้งผากขณะที่ยืนอยู่กับที่ ตอนนี้มันชัดเจนเสียยิ่งกว่าชัดว่าเธอกำลังคาดหวังว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้น ถ้าอย่างนั้น ก็แล้วทำไมเธอถึงได้แคร์ล่ะว่าประตูมันจะล็อกหรือไม่“มาที่โต๊ะสิครับ”ฉู่เฮ่าหรานกวักมือเรียกหญิงสาวเข้ามาหา เจิ้งลี่ซามองตามร่างสูงที่หยิบกองแฟ้มเอกสารออกจากปลายโต๊ะแล้วโยนมันลงบนเก้าอี้อย่างไม่ใยดี เธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างยากลำบาก รอค
“ผมจะทำข้อตกลงกับคุณ” ฉู่เฮ่าหรานเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มขณะที่เธอหันไปมองเขา“ข้อตกลงอะไรคะ” เธอถามเขาอย่างสงสัย“ผมจะถามคำถามคุณหนึ่งข้อ” เขาเหลือบมองหน้าอกที่กระเพื่อมของเธอแล้วก็ยิ้มกริ่ม “แล้วมันก็เป็นคำถามที่คุณควรจะรู้คำตอบด้วย”“โอเคค่ะ...แล้ว?”“ถ้าคุณตอบถูก ผมจะเล่นตามกฎของคุณไปตลอดทั้งวัน” ดวงตาของเขาจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเธอ “อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณตอบผิด คุณจะต้องเล่นตามกฎของผม”“แล้วกฎของคุณคืออะไรล่ะคะ” เธอถามเขา ด้วยสายตาที่หรี่ลง“เดี๋ยวคุณก็จะรู้เองถ้าผมชนะ”“อืม” เธอขมวดคิ้ว “ฉันไม่รู้สิคะ ถ้าฉันควรจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงได้คิดว่าตัวเองมีโอกาสล่ะคะ”“เรียกมันว่าสัญชาตญาณก็ได้นะ” เขายิ้มกริ่ม“ก็ได้ค่ะ”เจิ้งลี่ซาเอามือเท้าสะเอว บอกตัวเองว่าเธอจะชนะ แล้วเขาก็จะต้องเล่นตามกฎของเธอ เธอจะแสดงให้เขาได้เห็นถึงแม้ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งในใจของเธอก็อยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรถ้าเธอตอบคำถามผิด เขาจะต้องการอะไร และเขาจะมีอะไรซ่อนไว้ในแขนเสื้อของเขากันนะในท้องของเธอปั่นป่วนแค่เพียงนึกถึงมัน ขาของเธอยังคงซาบซ่านจากสัมผัสที่ใกล้ชิดของเขากับร่างกายของเธอ เธอรู้สึกได้ถึงความร้อนระหว่างขา
“รู้ตัวอะไรคะ” ตอนนี้เธอรู้สึกสับสนวุ่นวายใจไปหมด“ว่าผมอ่านใจได้แล้วผมก็มีตาอยู่ข้างหลังน่ะสิครับ” ในที่สุดเขาก็ปล่อยเธอแล้วก็ก้าวถอยหลัง “ถึงแม้ว่าผมจะไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าจะให้แน่ใจ”“แน่ใจอะไรคะ คุณหมายถึงเช็กอีกครั้งว่าวันนี้คุณใช้น้ำหอมอะไรเหรอคะ”“ไม่ครับ” เขายิ้ม ดวงตาของเขามืดครึ้ม “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากจะเช็ก”“แล้วคุณอยากจะเช็กอะไรล่ะคะ”“ว่าคุณใส่กางเกงในรึเปล่าน่ะสิครับ แน่นอน”“คนทุเรศ” เธอพูดแล้วก็หันกลับไป คิดว่าความคิดที่ว่าไม่ต้องใส่กางเกงในมันควรจะทำให้เขาประหลาดใจเสียอีก เธอคิดว่าเขาจะตกใจที่เธอมาทำงานแบบนั้น“ผมเป็นคนขอคุณเอง ผมไม่คิดว่าคุณจะทำมันจริง ๆ หรอกนะ” เขามาอยู่ข้างหลังเธอแล้วเธอก็รู้สึกได้ถึงมือของเขาที่เลื่อนขึ้นมาเหนือเสื้อเชิ้ตของเธอแล้วก็กอบกุมหน้าอกของเธอ“คุณจะทำอะไรคะ” เธอพูดโดยไม่ขยับ มือของเขาอุ่นร้อนขณะที่นิ้วของเขาไล้วนที่ยอดอกที่แล้วก็กอบกุมหน้าอกของเธออย่างแน่นหนาในฝ่ามือของเขา“ก็ดูสิว่าคุณโนบราด้วยรึเปล่า”“ฉันไม่ได้โนบราค่ะ” เธอพูดแล้วเธอก็รู้สึกได้ว่ายอดอกของตัวเองแข็งขึ้นมากับสัมผัสของเขา“น่าเสียดายจัง” เขาครางออกมา ลมหายใจอุ่นร้อนรินร
หญิงสาวยิ้มกริ่มกับตัวเองขณะที่สีหน้าที่ตกใจของฉู่เฮ่าหรานกลายเป็นสับสนและงุนงง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเปลี่ยนจากการขุ่นเคืองและเขินอายเล็กน้อยไปเป็นมั่นใจและก้าวร้าวในครึ่งวินาที เขาคงจะกำลังสงสัยว่าเธอมีบุคลิกภาพที่แตกแยกอะไรบางอย่างรึเปล่า เธอยังสงสัยด้วยซ้ำไปว่ามันมาจากไหน ที่จริงแล้ว นั่นมันเรื่องโกหก เธอรู้ว่ามันมาจากไหน มันมาจากส่วนลึกข้างในตัวเธอ มันมาจากส่วนของตัวตนที่เธอหวังว่าตัวเองจะกล้าพอที่จะปล่อยออกมาบ่อยขึ้น เธอคือผู้หญิงคนนั้น เธอไม่ยอมให้ใครมาดูถูก แต่บางครั้งเธอก็ไม่กล้าพอที่จะพูดออกมา“ใช่ครับ คุณเป็นอย่างนั้น” ฉู่เฮ่าหรานพยักหน้าหลังจากผ่านไปสองสามวินาที “เซ็กซี่ ผมหมายถึง ไม่ใช่ยัยตัวแสบ” เขาพูดตะกุกตะกักเล็กน้อยแล้วเธออยากจะถามเขาว่าเธอทำให้เขาตกใจรึเปล่า บางทีเขาอาจจะไม่รู้จักผู้หญิงดีเท่าที่เขาคิดว่าตัวเองรู้จักก็ได้ บางทีน้องสาวของเขา ฉู่ลี่เหยียนกับเพื่อนสนิทของหล่อน ซ่งจื่อหาน อาจจะไม่มีด้านนี้ในบุคลิกภาพของพวกหล่อน“ถ้าอย่างนั้นเราก็พร้อมจะทำงานกันแล้วสินะคะ”เจิ้งลี่ซาแกล้งปลดกระดุมเม็ดบนสุดของเสื้อเชิ้ตของตัวเองแล้วก็เสยผมกลับไปอย่างสบาย ๆ เธอรักการ