เมื่อเจ้านายหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์เริ่มต้น ‘เกม’ ที่แสนอันตราย เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ยอมเป็นแค่ ‘ผู้ถูกล่า’ อีกต่อไป ด้วยคำแนะนำจากเพื่อนสนิท เธอจึงสวนกลับด้วยเกมที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน สงครามประสาทที่ต่างฝ่ายต่างวางกับดักเสน่หาเพื่อล่อให้อีกฝ่ายติดกับจึงเริ่มต้นขึ้น ทว่าเมื่อเกมนี้เลยเถิดเกินกว่าที่ใครจะควบคุม และ ‘ความลับ’ ที่เป็นเหตุผลแท้จริงของการเข้ามาทำงานของเธอถูกเปิดเผย ทุกสิ่งทุกอย่างก็ระเบิดออกและพังทลายลงในพริบตา โชคชะตาดูเหมือนจะพรากพวกเขาจากกันไปตลอดกาล...แต่แล้วมันก็เล่นตลกอีกครั้ง เมื่อเส้นทางของทั้งคู่กลับมาบรรจบกันในวันที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อแมวกับหนูต้องกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง เกมเก่าจะถูกรื้อฟื้น หรือไฟปรารถนาที่เคยดับมอดจะลุกโชนขึ้นมาใหม่จนแผดเผาทั้งคู่ให้มอดไหม้?
View Moreหนึ่งเดือนหลังจากงานแสดงทั้งสองชิ้นของเธอจบลง...
“อยากรู้ไหมว่าผมจะทำอะไรกับคุณบ้าง”
เสียงทุ้มพร่ากระซิบชิดริมหูจนเจิ้งลี่ซาขนลุกซู่ ขาของหญิงสาวสั่นระริก ผิวเนื้อซาบซ่านไปกับลมหายใจอุ่นร้อนของชายหนุ่ม เขาไม่รอให้เธอได้เอ่ยปากตอบ กลับชิงเอื้อนเอ่ยถ้อยคำชวนฝันด้วยน้ำเสียงยั่วยวนอย่างเชื่องช้า
“ผมจะมัดคุณไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้ จากนั้นก็จะพ่นวิปครีมลงบนยอดอกของคุณ แล้วก็จะ...”
“คุณเฮ่าหราน!”
เจิ้งลี่ซาร้องขัดขึ้นมาทันที ใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อเห็นฉู่ลี่เหยียนกับซ่งจื่อหานที่กำลังนั่งดูอัลบั้มรูปสมัยมัธยมอยู่มุมห้องหันมามองอย่างฉงนระคนสนใจ
“ครับ?” ฉู่เฮ่าหรานถอยห่างออกมาหนึ่งก้าว ก่อนจะส่งยิ้มใสซื่อมาให้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“หยุดเลยนะ” หญิงสาวกระซิบเสียงลอดไรฟันเมื่อเห็นว่าน้องสาวของเขากับเพื่อนสนิทหันกลับไปสนใจอัลบั้มรูปตามเดิม
“หยุดอะไร?” ฉู่เฮ่าหรานถามพร้อมรอยยิ้มมุมปาก ก่อนจะใช้นิ้วไล้ผ่านริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา
“คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
เจิ้งลี่ซาดวงตาวาวโรจน์ขึ้นอย่างขุ่นเคือง พลางชำเลืองมองสองสาวอีกครั้ง ฉู่เฮ่าหรานกำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่ จะแฉความลับที่ว่าเขากับเธอเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้แล้วอย่างนั้นหรือ ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าและสร้างความปั่นป่วนในช่องท้องขณะที่เธอยืนเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม เธอภาวนาในใจว่าเขาคงไม่คิดจะเล่าเรื่องในอดีตของพวกเธอให้ใครฟังใช่ไหม
“ผมว่าคุณก็น่าจะรู้นะ ว่าผมอยากจะทำอะไรก็ย่อมได้” ฉู่เฮ่าหรานพูดอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูเธออีกครั้ง “และผมก็คิดว่า...หลังจากที่ผมพ่นวิปครีมลงบนอกของคุณ ไล่เรื่อยลงมาจนถึงหน้าท้องแล้วล่ะก็...คุณจะต้องอ้อนวอนขอให้ผมทำในสิ่งที่ผมกำลังคิดจะทำต่อไปแน่ ๆ”
“คะ…คุณคิดจะทำอะไร”
เจิ้งลี่ซาเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างยากลำบาก ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะหลวมตัวถามคำถามนี้ออกไป ราวกับว่าเธอสนใจในสิ่งที่เขาจะพูด ราวกับว่าเธอโหยหาริมฝีปากของเขาอีกครั้ง เธอรีบส่ายหน้าเพื่อเตือนสติตัวเองว่าเธอไม่ได้ต้องการให้ริมฝีปากของเขามาสัมผัสเธออีก ไม่เลย ไม่เด็ดขาด เธอไม่ต้องการจะรู้สึกถึงร่างสูงใหญ่ที่แข็งแกร่งและแสนจะเย้ายวนของฉู่เฮ่าหรานที่กำลังสอดประสาน...
“ฟังผมอยู่รึเปล่า...เจิ้งลี่ซา” ลมร้อนที่ริรรดข้างหูทำให้เธอตกใจสะดุ้งถอยหลัง “หรือผมควรจะเรียกคุณว่า...นางเอกของผมดี” ฉู่เฮ่าหรานหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์
“จะให้ฉันตอบว่าอะไรคะ คุณเฮ่าหราน” เธอตอบกลับ น้ำเสียงสูงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เป็นปฏิกิริยาที่เธอรู้ดีว่าเขากำลังรอคอย
“ผมอยากให้คุณบอกว่า...ครั้งหน้าที่เราจะสนุกกัน คุณจะไม่เล่นเกมบ้า ๆ อีก”
“ครั้งหน้าเหรอคะ” หญิงสาวอ้าปากค้าง ทั้งกับถ้อยคำหยาบคายของเขา และความจริงที่ว่าเขาคิดว่ามันจะมี ‘ครั้งหน้า’ เกิดขึ้นอีก
“ใช่” เขายิ้ม ดวงตาสีนิลจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเธอด้วยแววตาขบขัน “เพียงแต่คราวนี้...จะเป็นตาคุณเองที่ต้องช็อกจนตาตั้ง”
หัวใจของเธอเจ็บแปลบเมื่อจ้องมองเขา เธออยากอยู่กับเขาเหลือเกิน เธอรู้สึกว่าระหว่างเรามันมีสายใยบางอย่างที่มองไม่เห็น มีความรู้สึกพิเศษที่เธออยากจะลองเดินหน้าไปกับมัน แต่ตอนนี้สมองของเธอมันสับสนเกินไปแล้วแค่ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้เธอยังพร้อมที่จะให้อภัยและลืมทุกอย่าง พร้อมที่จะก้าวต่อไปกับเขาอย่างเต็มใจ แต่ตอนนี้การปรากฏตัวของเฉินและพ่อได้โยนเธอลงสู่ห้วงเหวแห่งความสับสนและความสิ้นหวังอีกครั้ง“คงจะดีที่สุดถ้าคุณจะกลับไปก่อนค่ะ” เธอพยักหน้าช้า ๆ “ถ้าคุณไม่ว่าอะไรนะคะ” น้ำเสียงของเธออ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด นี่ไม่ใช่ความผิดของเขา และมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาจริง ๆ ที่ความสัมพันธ์ของพวกเรามันวุ่นวาย ก็ตัวเธอเองไม่ใช่หรือที่รับงานพวกนั้นมาเพื่อ ‘หลอก’ เขาตั้งแต่แรก“โอเค...งั้นผมไปนะ” ฉู่เฮ่าหรานพูด แต่กลับยังไม่ขยับไปไหนเธอรู้สึกได้ถึงสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาที่เธอ กดดันจนแทบหายใจไม่ออก“ทุกคนช่วยกรุณากลับไปก่อนได้ไหม” หลินซีพูดแทรกขึ้นมาเสียงดังฟังชัด “เพื่อนฉันบอกแล้วว่าอยากอยู่คนเดียว อย่าทำให้เรื่องมันยากไปกว่านี้เลย” พูดจบเพื่อนก็ทำหน้าที่เจ้าบ้านที
“ฉันทำผิดไปเมื่อหลายปีก่อน ฉันแค่อยากจะแก้ไขมัน”“ไม่มีอะไรต้องแก้ไขทั้งนั้น” เธอจ้องหน้าเขานิ่ง “สำหรับฉัน เรื่องระหว่างเรามันไม่มีอะไรเหลือแล้ว มันจบไปนานแล้ว ฉันไม่รู้ว่านายมาที่นี่ทำไม หรือต้องการอะไรกันแน่”“ฉันทำพลาดไปจริง ๆ ลี่ซา” เขาก้าวเข้ามาหา ดวงตาเต็มไปด้วยความอ้อนวอน “ฉันทำพลาดครั้งใหญ่ และฉันอยากจะขอโอกาสอีกครั้ง”“อะไรนะ” เธอทวนคำอย่างตกตะลึงนี่คือคำพูดที่เธอเคยเฝ้ารอจะได้ยินจากปากเขามาตลอดหลายเดือน หลังจากที่เขาหักอกเธออย่างไม่ไยดี แต่ทำไมพอมาได้ยินในตอนนี้ มันกลับรู้สึกเหมือนจริงเกินไป จริงจนเธอไม่ต้องการมันอีกแล้ว“เธอได้ยินไม่ผิดหรอก” เขาคว้ามือเธอขึ้นไปหมายจะจรดริมฝีปากลงบนหลังมือ แต่เธอรีบชักมือกลับทันควัน“นายทำบ้าอะไร!” เธอตวาดใส่เธอรู้สึกได้ถึงสายตาของฉู่เฮ่าหรานและหลินซีที่จับจ้องมา และทันใดนั้นความรู้สึกท่วมท้นก็ถาโถมเข้ามาอีกระลอก นี่เธอฝันไปหรือเปล่า“ฉันก็นึกว่าเธอจะดีใจซะอีก” หลี่เฉินพูด สีหน้าดูเศร้าและจริงใจอย่างน่าประหลาด ทำให้เธอต้องหรี่ตามองเขาอย่างไม่เชื่อสายตาเขาคงไม่ได้พูดจริงใช่ไ
“ลี่ซา พูดอะไรหน่อยสิ” หลี่เฉินเอ่ยขึ้นสายตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังราวกับคิดว่าเธอจะซาบซึ้งจนต้องวิ่งเข้าไปซบอกเขากระมัง ราวกับว่าการปรากฏตัวของคนคนนี้จะลบล้างความผิดทั้งหมดที่เขาเคยทำได้ ราวกับว่าความเกลียดชังที่เธอมีต่อความเห็นแก่ตัวของเขามานานหลายปีไม่เคยมีอยู่จริงเธอรู้ดี เขายังคงมองว่าเธอเป็นเด็กสาวหลงทางคนเดิม คนที่หัวใจแหลกสลายและเต็มไปด้วยคำถาม แต่เธอโตเกินกว่าจะกลับไปอยู่จุดนั้นแล้ว...อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่เธอพยายามบอกตัวเองซ้ำ ๆ เธอพยายามบอกตัวเองว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว พยายามปิดกั้นความรู้สึกที่บั่นทอนคุณค่าในตัวเอง ซึ่งบางวันมันก็ได้ผล แต่ไม่ใช่วันนี้“นายจะให้ฉันพูดอะไร!” เธอตวาดกลับไปเสียงดัง ก้มหน้าลงมองพื้นเพราะไม่อาจทนรับสายตาของใครได้อีก คลื่นอารมณ์ถาโถมเข้าใส่จนเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะรู้สึกอะไรก่อนดีความคลื่นไส้ตีรวนขึ้นมาในช่องท้อง นี่มันคือฝันร้ายชัด ๆ แต่ในขณะเดียวกัน เรื่องนี้มันควรจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ การได้เจอเขาควรจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น ควรจะทำให้เธอได้คำตอบสำหรับทุกคำถามที่ค้างคาใจมาทั้งชีวิตแต่เปล่าเลย
เจิ้งลี่ซายืนนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง สายตาจับจ้องไปยังคนทั้งสาม หลี่เฉิน หลินซี และชายแปลกหน้าที่เธอรู้จักดีที่สุดในโลก สมองของเธอก้องไปด้วยคำพูดของตัวเอง‘ขอโทษ’ ทำไม...ทำไมคำนั้นถึงได้หลุดออกจากปากของเธอกันความรู้สึกผิดและอับอายแล่นพล่านขึ้นมาในช่องท้องจนเธอแทบยืนไม่ไหว เธอเหลือบไปมองฉู่เฮ่าหราน และได้เห็นความสับสนฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเขา ไม่ต่างอะไรจากเธอเลยสายตาของเขาร้อนแรงดั่งเปลวไฟที่แผดเผาเข้ามาในดวงตาของเธอ และในชั่ววินาทีที่สบตากัน เธอก็สัมผัสได้ถึงคำถามนับล้านและความรู้สึกมากมายที่ถาโถมเข้ามา ความสับสน ความโกรธ และความเจ็บปวดเธออยากจะกรีดร้องออกมาให้สุดเสียง อยากจะทรุดลงไปกับพื้นแล้วร้องไห้โฮ ทำไมชีวิตของเธอต้องเป็นแบบนี้ด้วย ทำไมมันไม่เคยมีอะไรง่ายเลยสักครั้ง ทำไมทุกครั้งที่เธอกำลังจะมีความสุข กำลังจะก้าวไปข้างหน้ากับฉู่เฮ่าหราน เฉินจะต้องปรากฏตัวขึ้นมาแล้วทำลายทุกอย่างลงไม่เหลือชิ้นดีแล้วเธอก็หันไปมองหลี่เฉิน และแทบอยากจะหลับตาหนี ทำไมเขายังต้องดูดีขนาดนี้เสมอด้วยนะ เขามาที่นี่ทำไม เขาคือคนที่ไม่ควรจะอยู่ในสมการชีวิตของเธออีก
จู่ ๆ ความมั่นใจที่เคยมีก็หดหายไปวูบหนึ่ง ปกติถ้าเทียบกับผู้ชายทั่ว ๆ ไป เขาก็รู้ดีว่าตัวเองไม่ได้เป็นรองใคร แต่เมื่อต้องมาเทียบกับนักบาสเกตบอลระดับซูเปอร์สตาร์ ที่ทั้งหล่อ รวย และมีเสน่ห์อย่างไม่ต้องสงสัย นั่นมันก็ทำให้สถานการณ์ของเขายากขึ้นมาหลายเท่าตัว“ลี่ซา เธอดูดีมากนะ” หลี่เฉินพูด ดวงตาสีเข้มของเขาเป็นประกายขณะจ้องมองเธอ ผมของเขาสั้นเกรียน ผิวสีทองแดงได้รูปจากการฝึกซ้อมมาอย่างหนัก รูปร่างสูงใหญ่สมกับเป็นนักกีฬาอาชีพฉู่เฮ่าหรานขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ หลี่เฉินเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากจริง ๆ เป็นผู้ชายในแบบที่เขารู้ดีว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องคลั่งไคล้“ขอบคุณ” เธอตอบกลับ ก่อนจะเหลือบมองกลับเข้ามาในห้อง สบตาเข้ากับเขาพอดี แววตาของเธอดูเป็นกังวลอย่างยิ่ง“ลี่ซา...แกต้องมาดูนี่เดี๋ยวนี้” หลินซีพูดเสียงสั่น ดวงตาเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะคว้าแขนเพื่อนรักแล้วลากออกไปจากหน้าห้องนอนฉู่เฮ่าหรานยืนนิ่งอยู่ในห้อง รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นส่วนเกิน เป็นคนนอกที่ไม่ได้รับรู้อะไรเลย กระทั่งชื่อของเธอเขาก็ยังเรียกไม่เหมือนคนอื่น เขาเรียกเธอว่า ‘เจิ้
ฉู่เฮ่าหรานยืนนิ่งเป็นหิน ร่างกายท่อนล่างยังคงแข็งขืนจากอารมณ์ที่ค้างเติ่ง ในหัวของเขามีแต่คำว่า ‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ!’ ดังก้องซ้ำไปซ้ำมาให้ตายสิ ทำไมทุกครั้งที่เขาเจอผู้หญิงที่เริ่มจะถูกใจเข้าจริง ๆ จะต้องมีเรื่องวุ่นวายตามมาเป็นพรวนด้วยวะ แถมยังเป็นเรื่องใหญ่บิ๊กเบิ้มทั้งนั้น ปกติเขาไม่เคยคิดจะเอาตัวเองไปยุ่งกับเรื่องน่าปวดหัวพวกนี้เลยสักนิดแต่กับเจิ้งลี่ซา...มันไม่เหมือนกันเธอคือผู้หญิงที่เขารู้สึกว่าอยากจะทำความรู้จักให้ลึกซึ้ง อยากจะครอบครองทั้งร่างกายและหัวใจ ถ้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองเกินไปนัก เขาก็อยากจะคิดว่านี่คือบททดสอบที่สวรรค์ส่งมาให้ บททดสอบความสัมพันธ์ของเขากับเธอ เพราะทุกครั้งที่เรื่องระหว่างพวกเขากำลังจะไปได้ด้วยดี ก็ต้องมีอะไรมาขัดจังหวะทุกครั้งไป“ลี่ซา ออกมาเดี๋ยวนี้!” เสียงของหลินซีดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงทุบประตูรัว ๆ “เฉินรออยู่นะ!”น้ำเสียงของเพื่อนสนิทเจิ้งลี่ซาร้อนรนจนผิดสังเกต เขาตวัดสายตาไปมองหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างเตียง ใบหน้าของเธอกลับแดงก่ำและพยายามหลบสายตาเขาเป็นพัลวันความรู้สึกปั่นป่วนแล่นพล่านขึ้นมาในช่องท้อง ไอ้เฉินมันโผล่มาที่นี่ทำไม
Comments