หลังจากนั้นงานเลี้ยงวันเกิดก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการมีการจัดที่นั่งให้กับชาร์ลีเป็นพิเศษในฐานะที่เขาเป็นแขกผู้มีเกียรติสูงสุด โดยเขาได้นั่งอยู่ข้างนายท่านโธมัสกับลอรีนและริกลีย์หลังจากนั้นสมาชิกของตระกูลโธมัสก็ผลัดกันดื่มอวยพรให้เขา โดยทั้งการแสดงออกทางสีหน้า น้ำเสียง และการกระทำล้วนเต็มไปด้วยการสรรเสริญเยินยอ ชาร์ลีไม่มีอะไรจะพูดมากนัก เมื่อมีคนมาดื่มอวยพรให้เขา เขาก็แค่ดื่มอวยพรกลับไป ซึ่งถึงแม้ดีแลนจะเป็นคนมาดื่มอวยพรให้เขา เขาก็ดื่มอวยพรกลับไปอย่างง่ายดายในเวลานี้ริกลีย์ก็ยังมาดื่มอวยพรให้กับชาร์ลีอย่างระมัดระวังด้วย โดยเขาได้เยินยอแล้วพูดว่า “คุณเวดครับ ผมมีเรื่องจะถามคุณหน่อยครับ…”ชาร์ลีรู้อยู่แล้วว่าเขาจะถามอะไรก่อนที่เขาจะเริ่มพูดออกมาด้วยซ้ำไป เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ชาร์ลีช่วยฟื้นคืนสมรรถภาพ เพื่อให้เขากลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้งแต่เมื่อพิจารณาถึงเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่ครอบครัวของพวกเขาได้ทำกับครอบครัวของยูลแล้ว ชาร์ลีก็ยังแน่ใจว่าเขาจะไม่ยอมฟื้นคืนสมรรถภาพให้พวกเขาในตอนนี้ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจะต้องชดใช้และรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขา ไม่อย่างนั้นแล้วพวกเขาจะได้บทเ
"หา? เร็วไปไหม? คุณจะไม่อยู่ที่อีสต์คลิฟฟ์ต่ออีกสักสองสามวันเหรอ?”“ผมทำธุระของผมเสร็จหมดแล้วน่ะ ไม่มีธุระอะไรให้ผมต้องอยู่ที่นี่อีก ผมจะออกเดินทางพรุ่งนี้เลย”เมื่อลอรีนได้ยินดังนี้ เธอก็พูดขึ้นอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะออกจากอีสต์คลิฟฟ์พรุ่งนี้ด้วย เราเดินทางกลับโอลรัสฮิลล์พร้อมกันดีไหมคะ? เราจะได้นั่งเครื่องบินลำเดียวกันชาร์ลีอยากจะปฏิเสธเธอ แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่แสดงความวิงวอนของเธอแล้ว เขาก็ปฏิเสธเธอไม่ลงเพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม… นับเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนเป็นเพื่อนกัน ที่ต้องนั่งเครื่องบินลำเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงการนั่งเครื่องบินเที่ยวบินเดียวกับเธอได้ชาร์ลีจึงพูดว่า “ได้สิ เรากลับด้วยกันก็ได้”ลอรีนรีบพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวคุณให้รายละเอียดบัตรประจำตัวกับฉันมานะ ฉันจะได้ซื้อตั๋วเครื่องบินของเราพร้อมกัน!”“โอเค”***ในขณะที่งานเลี้ยงวันเกิดยังคงดำเนินอยู่นั้น ลุงและอารองของดีแลนก็ได้ตระเตรียมการเดินทางด้วยการปั่นจักรยานไปยังโอลรัสฮิลล์ให้ดีแลนเรียบร้อยแล้วพวกเขาได้ให้คนไปซื้อจักรยาน Phoenix 28 รุ่นเก่ามา แล้วติดตั้งชั้นวางสัมภา
เมื่องานเลี้ยงวันเกิดสิ้นสุดลง และแขกคนอื่น ๆ ได้กลับไปแล้ว ดีแลนก็เข็นรถจักรยาน Phoenix 28 คันใหม่ออกมาในเวลานี้จู่ ๆ ดีแลนก็นึกถึงเพลงฮิตที่เขาเคยเห็นในคลิปวิดีโอสั้น ๆ…เพลงนี้ก็คือเพลง ‘ขี่มอเตอร์ไซต์แสนรักของฉัน’...ในขณะที่เขานึกถึงเพลงนี้ เขาก็มองไปที่จักรยาน Phoenix 28 ในสภาพเก่าที่ดูน่าเกลียดนั้น แล้วอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ในขณะที่คิดกับตัวเองว่า ‘ถ้าฉันขี่มอเตอร์ไซค์ไปโอลรัสฮิลล์ได้ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะจะทำให้ฉันสามารถเดินทางได้ประมาณสามถึงสี่ร้อยกิโลเมตรต่อวัน ซึ่งจะช่วยให้ฉันเดินทางไปถึงโอลรัสฮิลล์ได้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องทนทุกข์กับความคับข้องใจและความอยุติธรรมมากมายในระหว่างทาง…’แต่ช่างน่าสงสารเหลือเกินที่เขารู้ว่าชาร์จะไม่มีทางเปิดโอกาสให้เขาได้ต่อรองอะไรเลย เขาจึงทำได้แค่เข็นจักรยานออกมาเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางเจริล… ลุงของเขาถือหมวกกันน็อกสีเขียวอยู่ในมือ ในขณะที่พยายามจะสวมให้กับดีแลน ดีแลนหลบเลี่ยงหมวกใบนั้นในขณะที่ถามอย่างอึดอัดใจว่า “ทำไมถึงซื้อหมวกกันน็อกสีเขียวมาให้ผมล่ะลุง? หมวกสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชายที่โดนสวมเขานะ…”“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลยน่า” เจร
“โอเค” ชาร์ลีพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ถึงเวลาที่นายต้องออกเดินทางแล้ว”ในเวลานี้จาเวียร์ก็วิ่งเข้าไปหาพวกเขาพร้อมกับแบตเตอรี่สำรองในมือ หลังจากนั้นเขาก็ยื่นแบตเตอรี่สำรองกับสายชาร์จให้กับดีแลนในขณะที่พูดว่า “ดีแลน นี่แบตเตอรี่สำรอง!”ดีแลนหยิบแบตเตอรี่สำรองใส่ไว้ในเป้ หลังจากปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแล้ว เขาก็พูดกับทุกคนว่า “คุณยาย คุณตา พ่อ แม่ ลุง อา ผมจะไปแล้วนะคับ…”ทุกคนโบกมือให้เขา “ไปเถอะ อย่าลืมใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนนะ!”ดีแลนมองไปที่ชาร์ลีอีกครั้งก่อนจะโค้งคำนับแล้วพูดว่า “ผมจะไปแล้วนะครับคุณเวด…”ชาร์ลีส่งเสียงพึมพำในขณะที่พูดว่า “รีบไปเถอะ ไม่งั้นนายจะถูกทำโทษที่ไปถึงช้านะ”ดีแลนรีบพยักหน้าในขณะที่พูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ! ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ!”ชาร์ลีโบกมือแล้วพูดว่า “อืม ไปได้แล้ว!”ดีแลนพยักหน้าก่อนจะหันกลับไปมองเหล่าญาติ ๆ อย่างไม่เต็มใจ จากนั้นเขาก็เริ่มปั่นจักรยาน Phoenix 28 คันใหญ่อย่างหนักหน่วง หลังจากถีบจักรยานไปได้สองสามครั้ง ในที่สุดดีแลนก็ถีบจักรยานจากไปในลักษณะโคลงเคลงซิลเวียเริ่มร้องไห้อย่างขมขื่น ลีโอนาร์ดจึงรีบคว้าเธอมาปลอบโยนอยู่ในอ้อ
ไฟประดับและแสงไฟได้ส่องสว่างในคฤหาสน์สุดหรูของครอบครัววิลสัน คืนนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดปีที่ 70 ของคุณท่านวิลสันผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าแห่งตระกูลวิลสันเหล่าหลาน ๆ ของเธอพร้อมคู่สมรสต่างก็เตรียมพร้อมมอบของขวัญราคาแพงให้กับเธอ“คุณย่าคะ หนูได้ยินมาว่าคุณย่าชอบชาจีน หนูได้ไปเสาะหาชาผู่เอ๋ออายุมากกว่าศตวรรษนี้ที่มีมูลค่าห้าล้านบาทมามอบเป็นของขวัญให้กับคุณย่าค่ะ”“คุณย่าครับ ผมเห็นว่าคุณย่าได้อุทิศตนเข้าทางธรรม ผมได้เตรียมพระพุทธรูปนี้ซึ่งแกะสลักจากหยกเหอเถียนแท้ที่มีมูลค่าถึงเจ็ดล้านบาท...” เมื่อมองดูของขวัญที่ถูกบรรจงห่อหุ้มอย่างสวยงามตรงหน้าเธอแล้วนั้น คุณท่านวิลสันก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข บรรยากาศในงานวันเกิดจึงมีความสนุกสนานและผ่อนคลายทันใดนั้นชาร์ลี เวดผู้ซึ่งเป็นหลานเขยคนโตของคุณท่านวิลสันก็พูดขึ้นมาว่า “คุณย่าครับ ผมขอยืมเงินสิบล้านบาทได้ไหมครับ ขอร้องล่ะครับ คุณนายเลวิสจากสถานสงเคราะห์ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นไตวาย และผมต้องการเงินไปรักษาเขา…””ตระกูลวิลสันทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจสุดขีดทุกคนต่างก็จ้องไปที่ชาร์ลีด้วยความงงงวยและประหลาดใจหลานเขยคนนี้ช่างใจกล้าหน้าด้าน
หนึ่งแสนล้านบาท?!ชาร์ลีตกใจมาก ดวงตาของเขาเบิกกว้างพร้อมกับอ้าปากค้างเขารู้ว่าคุณปู่ของเขาร่ำรวยมากแต่ในตอนนั้นเขายังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจแนวคิดเรื่องเงิน เขารู้เพียงว่าตระกูลเวดเป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในอีสต์คลิฟฟ์และในประเทศด้วยเช่นกัน แต่เขาไม่แน่ใจว่าทรัพย์สินของคุณปู่คือเท่าไรตอนนี้ในที่สุดเขาก็รู้แล้วหากเงินแสนล้านบาทเป็นเพียงแค่เงินค่าขนม นั่นหมายความว่าทั้งตระกูลเวดมีทรัพย์สินมากกว่าร้อยล้านล้านบาท! พูดตามตรงในตอนนี้เขารู้สึกลังเล อย่างไรก็ตามเมื่อเขาคิดถึงพ่อแม่ที่จากไปและคุณปู่ของเขาเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเสียชีวิต เขาก็รู้ว่าเขาเองไม่มีทางให้อภัยคุณปู่ได้ง่าย ๆเมื่อรู้สึกได้ถึงความขุ่นมัวของเขา สตีเฟนจึงรีบพูดว่า “นายน้อย คุณเป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลเวด ดังนั้นเงินจึงเป็นของคุณ หรือจะคิดว่ามันเป็นของพ่อคุณก็ได้นะครับ”“คุณท่านบอกว่า เมื่อไหร่ที่นายน้อยเต็มใจที่จะกลับบ้าน เขาจะแต่งตั้งให้คุณสืบทอดอาณาจักรธุรกิจมูลค่าร้อยล้านล้านบาทของตระกูล แต่ถ้าหากคุณยังไม่อยากกลับบ้านคุณก็ใช้เงินนี่ไปก่อนก็ได้ครับ”“โอ้ ใช่สิ ยังมีอีกเรื่องที่ผมอยากจะต้องบอ
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากการเตรียมอาหารเช้า ชาร์ลีก็ขี่สกู๊ตเตอร์ไปที่สำนักงานของเอ็มแกรนด์กรุ๊ปเขาจอดสกู๊ตเตอร์ไว้ข้างลานจอดรถของบริษัทเอ็มแกรนด์กรุ๊ปทันทีที่เขาล็อกสกู๊ตเตอร์ รถเบนท์ลีย์สีดำก็ค่อย ๆ จอดในที่จอดตรงข้ามกับเขาเขาเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่ได้ตั้งใจและเห็นคู่หนุ่มสาวกำลังลงจากรถชายคนนี้สวมชุดสูทแต่งตัวดูมีรสนิยมอีกทั้งยังดูหล่อและฉลาด ในขณะเดียวกันหญิงสาวคนนั้นก็แต่งตัวมีสไตล์ไม่แพ้กัน แม้ว่าสีอาจจะดูฉูดฉาด แต่เธอก็ยังดูสวยปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นคือเวนดี้ วิลสันลูกพี่ลูกน้องของแคลร์และชายคนนั้นคือเจอรัลด์ ไวท์คู่หมั้นของเธอชาร์ลีไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่ แต่เขารู้ว่าวิธีหลีกเลี่ยงปัญหาคือ ตอนนี้อยู่ให้ห่างจากสองคนนี้จะดีที่สุดอย่างไรก็ตามยิ่งเขาอยากหลบหน้าจากสองคนนั้นมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้พบกันมากขึ้นเท่านั้นเวนดี้เห็นเขาจากหางตาเธอจึงตะโกนออกมา “เฮ้ ชาร์ลี!”เวนดี้ขานเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงสดใสอย่างเป็นมิตร แต่ชาร์ลีกลับรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วร่างด้วยมารยาทเขาทำได้เพียงแค่ยืนอยู่กับที่และรอให้พวกเขาเดินเข้ามาหา เขายิ้มทักทายและถามว่า“ เวนดี้ ว่า
นี่เป็นครั้งแรกที่ชาร์ลีได้พบกับดอริสเขาต้องยอมรับว่าดอริสเป็นหญิงสาวที่น่าทึ่งและมีเสน่ห์มาก!เธออายุประมาณยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปี รูปร่างของเธออวบอิ่มมีเสน่ห์และท่าทางที่ดูมีวุฒิภาวะและน่าเคารพชาร์ลีเดินมานั่งที่หน้าโต๊ะทำงานของดอริส “ผมจะไม่เข้ามาในออฟฟิศบ่อย ๆ ดังนั้นผมอยากให้คุณช่วยดูแลบริษัทในนามของผมแล้วกัน อีกอย่างอย่าเปิดเผยตัวตนของผมเด็ดขาด”ดอริสรู้ว่าคุณเวดซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้มาจากตระกูลเวดที่ไม่ธรรมดา สำหรับตระกูลที่มีชื่อเสียงเช่นพวกเขา เอ็มแกรนด์กรุ๊ปนั้นเป็นเพียงแค่ธุรกิจธรรมดาเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่จัดการด้วยตนเอง เธอจึงรีบพูดว่า "รับทราบค่ะคุณเวด หากคุณต้องการอะไรดิฉันพร้อมจะดูแลจัดการให้คุณเสมอค่ะ”ขณะเดียวกัน เลขาคนหนึ่งมาเคาะประตูและพูดว่า “คุณยังคะ มีผู้ชายคนหนึ่งชื่อคุณเจอรัลด์ ไวท์และคู่หมั้นของเขามาที่นี่เพื่อขอพบคุณค่ะ”ดอริสพูดทันทีว่า “ตอนนี้ฉันมีแขกคนสำคัญอยู่ รบกวนบอกให้พวกเขารอก่อนนะคะ”ชาร์ลีถามว่า“คุณรู้จักเจอรัลด์ ไวท์ไหมครับ”"อ๋อค่ะ ตระกูลไวท์เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของเราและโครงการสำคัญหลายโครงการได้เชื่อมโยงกับบร