บทที่ 4 บุรุษชั่วช้ากับสตรีไร้ยางอาย
หลังจากนั้นมาเยว่เผิงสั่งให้คนของนางตามหาร่างของจางหนิงเซียนเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่านางตายไปจากใต้หล้าแห่งนี้แล้วจริง ๆ จนบ่าวรับใช้กลับมาแจ้งว่าไม่พบร่างของหนิงเซียนเลยจึงคิดว่านางคงตายไปแล้วจริง ๆ ตั้งแต่นั้นมาเยว่เผิงใช้ชีวิตทุกวันอย่างสุขสบายใจไร้ความกังวล
เดิมทีเยว่เผิงเป็นพียงบุตรสาวของบ่าวรับใช้ในเรือนของท่านใต้เท้าอีกเรือนหนึ่ง ครั้นนั้นมารดาของนางต้องมาจากไปด้วยการเฆี่ยนตีเพราะเยว่เผิงมักแอบเข้าไปขโมยของมีค่าของฮูหยิน ครั้งแรก ๆ ไม่ถูกจับได้แต่ทว่าบ่อยครั้งของมีค่าเริ่มหายไปฮูหยินแอบสงสัย จึงให้บ่าวคอยจับตาดูยามที่ตนเองไม่อยู่เรือนมีสาวใช้นางใดเข้ามาในห้องเก็บของของนางบ้าง และแล้วก็ถูกจับได้ยามนั้นเยว่เผิงกำลังโตไม่รู้ความ รู้เพียงว่าของมีค่ามักจะขายได้เงินดี นางอยากกินลูกกวาดเหมือนเด็กทั่วไปแต่ทว่านางเป็นเพียงบุตรของสาวใช้เบี้ยติดตัวแทบไม่มี นางเคยไปด้านนอกกับฮูหยินเพราะใช้ให้นางไปช่วยถือของกับมารดาของนาง เห็นฮูหยินนำกำไล ปิ่นปักผมไปขายได้เบี้ยอัฐมากมายแววตาของนางเป็นประกาย เมื่อครั้งแรกนางไม่ถูกจับได้จึงมีครั้งที่สองครั้งที่สามจนกระทั่งครั้งนี้ที่ฮูหยินของเรือนจับได้คาหนังคาเขา มารดาของนางเห็นบุตรสาวกำลังถูกลงโทษหากถูกเฆี่ยนตีร่างบอบบางของเยว่เผิงคงรับไม่ไหวแน่ ๆ และความรักของมารดาที่มีต่อบุตรสาว นางรีบเข้าไปรับผิดแทนและยอมรับผิดเรื่องการขโมยของเป็นแผนของนางทั้งหมดเยว่เผิงเพียงทำตามคำสั่งนางเท่านั้น
เมื่อฮูหยินได้ยินเกิดความโมโหเป็นอย่างมากเพราะนางไว้ใจและเอ็นดูสองแม่ลูกนี้มารดาของเยว่เผิงตามคอยดูแลนางมาตั้งแต่ยังไม่ได้ออกเรือน จึงสั่งลงโทษให้เฆี่ยนตีจนนางทนไม่ไหวตายในที่สุด ส่วนเยว่เผิงถูกไล่ออกจากเรือน นางไม่มีที่ไปกลายเป็นเด็กเร่ร่อนคอยแย่งอาหารที่ถูกทิ้งกับคนเร่ร่อนผู้อื่น จนวันหนึ่งหนิงเซียนเดินทางผ่านมา นางเห็นเยว่เผิงจึงเกิดความสงสารขอให้ท่านพ่อรับนางเข้าไปในเรือนเพื่อคอยรับใช้นางคอยดูแลและเล่นด้วยกัน แต่ทว่าหนิงเซียนมิเคยมองว่าเยว่เผิงเป็นบ่าวรับใช้นางรักเยว่เผิงเสมือนสหายและคนในครอบครัวด้วยซ้ำ
ยามเซิน (15.00)
ฝั่งด้านเจียวเหมยนางเดินทางมาจนถึงหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากกระท่อมที่นางอาศัยรักษาตัว นางมองไปด้านหน้าเห็นเรือนใต้เท้าเฉินอยู่อีกไม่ไกล เมื่อนานมาแล้วนางเคยมาที่นี่กับท่านพ่อจำได้ว่าเรือนของท่านใต้เท้าเฉินอยู่ตรงใดและใต้เท้ายังมีบุตรสาวอายุใกล้เคียงกับนางอีกด้วย นางได้นัดพบเจอเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิเพื่อไปชมการเล่นว่าวของเหล่าบุรุษ ทั้งสองเป็นสหายกัน ยามนี้ท้องฟ้าเริ่มคล้อยต่ำวันนี้นางจะไปอาศัยนอนที่เรือนของใต้เท้าเฉินหวังว่าสหายของนางจะให้นางได้เข้าพบ
สองเท้าเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูไม้แกะสลักอย่างสวยงาม บ่าวรับใช้เห็นใบหน้าที่ไม่เคยเห็นจึงได้เอ่ยถามนางด้วยความสงสัย
"นี่เจ้ามาทำอะไรที่นี่ "
"เอ่อ ...ข้ามาหาคุณหนูลู่เฟย ท่านช่วยไปแจ้งนางได้หรือไม่ว่าข้าเป็นสาวใช้ของคุณหนูจางหนิงเซียนมีเรื่องขอเข้าพบเจ้าค่ะ " เขาจ้องมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าเห็นว่านางเป็นเพียงสตรีร่างเล็กคงไม่มีพิษมีภัยอันใดจึงเปิดประตูให้นางเข้าไปด้านใน
"เดินตามข้ามาข้าจะพาเจ้าไปหาคุณหนู "
"ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ " เจียวเหมยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินตามหลังของบ่าวรับใช้เข้าไปในเรือน
ไม่นานนักนางได้เดินมาถึงศาลารับลมคุณหนูลู่เฟย
สหายของนางกำลังนั่งปักผ้าด้วยใบหน้ามุ่งมั่น นางเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
"คุณหนูขอรับ สตรีผู้นี้ขอเข้าพบคุณหนูนางบอกว่านางเป็นสาวใช้ของคุณหนูจางหนิงเซียนขอรับ " นางวางมือกับผ้าที่ปักยังไม่เสร็จรีบจ้องมองมายังเจียวเหมย คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย เหตุใดสาวใช้ของจางหนิงเซียนถึงได้อยากพบนาง นางจึงโบกมือไล่ให้บ่าวรับใช้ออกไป
"เจ้าเป็นสาวใช้ของหนิงเซียนหรือ? มีเรื่องอันใดถึงมาหาข้าอีกอย่างข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของสหายข้า "
"เรียนคุณหนูลู่เฟย คราวก่อนที่ท่านพบกับคุณหนูหนิงเซียนที่ลานประลองฝีมือใช่หรือไม่เจ้าคะ อีกอย่างทั้งสองยังนัดพบกันเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิเพื่อชมการเล่นว่าว ข้าน้อยเป็นสาวใช้ที่คอยรับใช้ข้างกาย คุณหนูคงไม่ได้สนใจข้าจึงจำใบหน้าของข้าไม่ได้ ที่ข้ามาขอพบท่านวันนี้เพราะมีเรื่องอยากจะรบกวนเจ้าค่ะ "
"สิ่งที่เจ้าเอ่ยมานั่นเป็นความจริง แล้วเจ้ามีเรื่องอะไรรีบบอกข้ามา"
"ข้าจะมาขอนอนที่นี่สักคืนได้มั้ยเจ้าคะ รุ่งสางข้าจะเดินทางไปที่เรือนตระกูลจางหากเดินทางต่อยามนี้คงมืดค่ำพอดี"
"เจ้าจะกลับไปหาหลินเซียนหรือ? เจ้าไม่รู้สินะว่านางเป็นโรคติดต่อและได้จากไปแล้ว กล่าวมาชีวิตของนางก็น่าสงสารไม่น้อย อายุยังน้อยต้องมาตายอีกทั่งตายได้เพียงไม่กี่วัน หยางตงฉวนบุรุษที่นางรักนักรักหนาแต่งตั้งสตรีอื่นขึ้นเป็นฮูหยินทันที เฮอะ! วาจาของบุรุษล้วนเชื่อถือมิได้ ข้าสงสารนางจริง ๆ หากนางรู้ว่าสามีที่รักนางนั้นตัดใจจากนางรวดเร็วถึงเพียงนี้ " เจียวเหมยได้ยินหัวใจเต้นระรัว 'แต่งตั้งฮูหยินใหม่หรือ? คงเป็นเยว่เผิงไม่ผิดแน่ บุรุษชั่วช้ากับสตรีไร้ยางอาย หากข้าตายจริง ๆ คนพวกนั้นคงอยู่อย่างมีความสุขสินะ! ตอนนี้ให้พวกเจ้ามีความสุขเสียให้พอ เพราะต่อจากนี้ข้าจะพรากความสุขของพวกเจ้าทั้งสองเอง' เจียวเหมยคิดในใจก่อนจะแสร้งทำสีหน้าตกใจ ใช้มือทาบอกดวงตาเริ่มแดงก่ำ
"เกิดเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ข้าขอเดินทางกลับบ้านเกิดเพราะท่านแม่ของข้าเจ็บป่วยใกล้สิ้นใจคุณหนูของข้าเป็นคนดีเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูกัน ไม่จริงใช่หรือไม่เจ้าคะ"
"โธ่ ๆ เจ้าไม่รู้เลยหรือไงเวลาล่วงเลยมาหลายฤดู หนิงเซียนนางตายด้วยโรคติดต่อเหมือนใต้เท้าจาง แม้แต่ศพยังไม่สามารถเผยให้ผู้ใดได้เห็น หยางตงฉวนสามีของนางไว้ทุกข์เพียงสามวันเจ็ดวันก็แต่งฮูหยินคนใหม่เข้าเรือน เอ่ยมาแล้วข้าโมโหแทนนางเสียจริง! " ลู่เฟยพูดจาใส่อารมณ์
"ข้าไม่น่าไปจากคุณหนูเลย คุณหนูผู้น่าสงสารของข้า อึก อึก"
"เอาล่ะ เอาล่ะ วันนี้เจ้านอนกับสาวใช้ของข้าก็แล้วกันรุ่งสางข้าจะให้บ่าวไปส่งเจ้าที่เรือนตระกูลจาง "
"ขอบคุณน้ำใจคุณหนูลู่เฟย" เจียวเหมยโค้งคารวะพลางเช็ดน้ำตาตนเอง
บทที่ 30 หวนคืนที่เดิมหลายวันต่อมาร่างกายของทั้งคู่เริ่มอ่อนล้าความเจ็บปวดที่ถาโถมทุกวัน บาดแผลเริ่มเน่าเปื่อยกลิ่นในห้องเหม็นเน่าของเนื้อ แมลงที่บินมาตอมจนแผลเกิดหนอนซอนไซ ทั้งสองเจ็บร้าวไปจนถึงกระดูกจนกระทั่งเยว่เผิงนางไม่สามารถทนความเจ็บปวดในครั้งนี้ได้หมดลมหายใจในที่สุด ส่วนเจียวเหมยนางได้กลับไปพักอยู่ที่ห้องเดิมของนาง เมื่อเข้ามาด้านในเห็นว่าเยว่เผิงหมดลมไปแล้วนางไม่ได้รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย ในที่สุดนางก็ได้แก้แค้นอย่างสาสมเหลือเพียงหยางตงฉวนที่ยังนอนพะงาบ พะงาบเน่าเปื่อยอยู่บนเตียง เจียวเหมยสั่งการให้ยูร์เหยาเรียกบ่าวรับใช้มานำร่างของเยว่เผิงนำออกไปทิ้งใช้ผ้าคุมร่างและบอกให้แพร่งพรายออกด้านนอกว่าฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลจางติดเชื้อโรคตายอย่างฮูหยินคนก่อน ทุกคนไม่แปลกใจเพราะเคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นครั้งเมื่อท่านใต้เท้าจางกับจางหนิงเซียนส่วนหยางตงฉวนที่นอนพะงาบ ๆ เจียวเหมยได้ให้บ่าวรับใช้จัดเตรียมรถม้าเพื่อจะพาเขาออกไปที่หน้าผาตรงจุดที่นางเคยโดนนำร่างเอาไปทิ้ง ยามนี้หิมะเริ่มตกโปรยปรายเมื่อออกเดินไปทางด้านนอกจึงไม่ค่อยมีใครสังเกตบ่าวรับใช้ที่นางสั่งการให้ปิดปากทุกคนหากผู้ใดไม่ทำตามนา
บทที่ 29 สะสางแค้นภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง ร่างของซูหยวนนอนจมกองเลือดอยู่หน้าประตู กายของหยางตงฉวนนอนอยู่บนเตียงกับเยว่เผิงเมื่อนางเห็นใบหน้าของเยว่เผิงยิ่งสยดสยองไม่คิดว่าฮูหยินจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ก่อนที่นางจะตั้งสติรีบเข้ามาถามด้วยเป็นห่วง"ฮูหยินได้รับบาดเจ็บตรงไปไหนหรือไม่เจ้าคะ""นางซูหยวนใช้ไม้ตีหัวของข้าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยส่วนเลือดที่เจ้าเห็นมากมายมิใช่เลือดข้า ไปเรียกบ่าวรับใช้มาลากศพของซูหยวนออกไปห่อเอาไว้ก่อนเมื่อฟ้ามืดเมื่อไหร่ค่อยเอาร่างนางไปทิ้ง เจ้าช่วยเก็บกวาดห้องให้ข้าด้วยอย่าให้สาวใช้เข้ามาในนี้ ส่วนหน้าต่างไม่ต้องปิดข้าจะให้แมลงมาตอมแผลของทั้งสอง แต่ก่อนจะทำอันใดเตรียมน้ำให้ข้าล้างกายเสียก่อน ข้าเหนียวไปทั้งตัวใช้แรงไปมากต้องให้พ่อครัวทำอาหารอร่อย ๆ ให้กินเสียแล้ว อ้อ..จริงสิ เจ้าเห็นเนื้อบนโต๊ะหรือไม่ช่วยเอาไปให้พ่อครัวย่างให้ข้าที ข้าจะนำมาป้อนเป็นอาหารกลางวันให้ทั้งสองได้กิน" นางชี้ไปที่ชิ้นเนื้อใบหน้าของเยว่เผิงที่นำมาวางไว้ เยว่เผิงได้ยินส่งเสียงร้องออกมาจากลำคอเพื่อคัดค้าน"อื้อ อื้อ " เจียวเหมยยิ้มกว้างหันไปหาเยว่เผิงพร้อมเอ่ยบอกแก่นาง
บทที่ 28 ตัวตนที่แท้จริงเจียวเหมยยืนขึ้นหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง"ฮ่า ฮ่า ต่อให้พวกเจ้าตะโกนขอความช่วยเหลือไม่มีผู้ใดสามารถช่วยพวกเจาได้หรอก! เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าเจ้าต้องการฆ่าข้ามิใช่หรือ? ข้าพร้อมรอรับความตายแล้วแต่ถ้าเจ้าฆ่าข้ามิได้ จะเป็นข้าเองที่ฆ่าพวกเจ้า" น้ำเสียงเย็นยะเยือกผู้ที่ได้ยินถึงกับสั่นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ เยว่เผิงหวาดกลัวจนตัวสั่นจะหนีก็หนีมิได้ยิ่งคิดถึงเรื่องชายฉกรรจ์สองคนที่นางส่งมาจัดการยังถูกเจียวเหมยจัดการได้อย่างง่ายดายแล้วนางเป็นเพียงสตรีจะสู้นางได้อย่างไรกัน"ท่านพี่ช่วยข้าด้วยท่านเห็นหรือยังเจ้าคะสตรีที่ท่านรักนางมิได้เป็นอย่างที่ท่านเห็น ท่านเห็นหรือยังว่าผู้ใดกันแน่ที่รักท่านจริง ๆ ช่วยข้าด้วยนางบ้าไปแล้วนางจะฆ่าข้าเจ้าค่ะ ""ฮ่า ฮ่า ต่อให้เจ้าเรียกหยางตงฉวนอย่างไรเขาก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ ขนาดตัวของเขาเองยังช่วยตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำ" เจียวเหมยค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ทั้งสองอย่างช้า ๆส่วนหยางตงฉวนทำได้เพียงนอนฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นเขาอยากจะช่วยเหลือเยว่เผิงแต่ทว่าแค่ขยับแขนเขายังทำไม่ได้ซูหยวนเห็นท่าไม่ดีนางยืนบังหน้าเยว่เผิงเอาไว้หวังปกป้องนายหญิงของตนมิ
บทที่ 27 เจ้าของเรือนผู้ใหม่ยามเหม่า (06.00)เสียงบ่าวรับใช้ในเรือนพากันเอ่ยซุบซิบกันกระฉ่อน เมื่อจู่ ๆ ถูกเรียกให้มารวมตัวกันที่หน้าของนายท่านแต่มิใช่นายท่านเป็นคนเรียกแต่กลับเป็นฮูหยินรอง เมื่อทุกคนมาครบยูร์เหยาได้เข้ามาเรียกเจียวเหมยออกไปพบทุกคน"ฮูหยินยามนี้ทุกคนมาพร้อมหน้าแล้วเจ้าค่ะ ""ดีอย่างนั้นออกไปข้างนอกกันเถอะ" เจียวเหมยเดินออกไปข้างนอกอย่างสง่าผ่าเผยทุกสายตาจ้องมองมาที่นาง"ทุกคนในเรือนจงฟังข้าให้ดีข้ามีเรื่องที่จะต้องแจ้งพวกเจ้าให้ได้รับรู้ ต่อจากนี้ท่านใต้เท้าหยางตงฉวนเจ็บป่วยร่างกายทรุดตัวไม่สามารถดูแลงานในเรือนรวมทั้งงานราชการ ท่านใต้เท้าจึงมอบหมายให้ข้าเจียวเหมยสตรีที่เขารักดูแลทุกอย่างในเรือนแห่งนี้ ต่อจากวันนี้ข้าคือผู้ดูแลเรือนตระกูลจาง ต่อจากนี้พวกเจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า เพราะข้าคือเจ้าของเรือนหากผู้ใดไม่เชื่อและขัดคำสั่งข้าจะลงโทษอย่างไม่ปราณี" เอ่ยจบนางได้ชูหนังสือประจำตระกูลให้ทุกคนได้ดูแม้บางคนจะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่าหนังสือเช่นนี้เป็นหนังสืออะไร เมื่อทุกคนเห็นต่างพากันแปลกใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดเพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษ หลังจากที่ทุกคนรับรู้นาง
บทที่ 26 รักข้ามั้ยเจ้าคะหลายวันต่อมาร่างกายของหยางตงฉวนเริ่มไม่แข็งแรงเหมือนเดิม เขาไอหนักมากกว่าเดิมสติเริ่มฟั่นเฟือนเลอะเลือน แต่เขายังคงรักเจียวเหมยหนักมากกว่าเดิม นางเฝ้าคอยดูแลเขาเอาอกเอาใจ“เจียวเหมยช่วงนี้ข้ารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน ข้าได้เห็นความรักที่เจ้ามีให้ข้า ข้าอยากหายกลับไปเป็นปกติทำไมท่านหมอมาตรวจข้าหลายต่อหลายคนต่างพากันบอกว่าข้ามิได้เป็นอะไรทำไมร่างกายของข้าถึงซูบผอมไร้เรี่ยวแรงอย่างนี้กันนะ”“ท่านพี่คิดมากไปเองเจ้าค่ะ ท่านพี่เป็นกังวลเกินไปเลยทำให้ร่างกายของท่านซูบผอม ข้ารักท่านพี่นะเจ้าคะข้าเคยสัญญาว่าจะอยู่กับท่านจนกว่าจะถึงวันตายข้าไม่มีทางหนีท่านไปไหนเจ้าคะ ดื่มนี่สักหน่อยนะเจ้าคะข้าให้ยูร์เหยาต้มยาสมุนไพรบำรุงร่างกายให้ท่าน อีกไม่กี่วันร่างกายท่านอาจจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ” เจียวเหมยประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของหยางตงฉวนขึ้นมานั่งคว้าหมอนมาหนุนหลังของเขาเอาไว้ ยามนี้ร่างกายของเขาซูบผอมจริง ๆ งานราชการเจียวเหมยได้จัดการให้เขาเมื่อมีสารมาที่เรือนนางได้ตอบกลับพร้อมประทับตราของหยางตงฉวนให้บอกว่าช่วงนี้เขาไม่สบายไม่สามารถทำงานได้นางยกยาสมุนไพรเมื่อครู่ให้เขาดื่มจนหมดก่
บทที่ 25 เจ้ามันน่าเบื่อยามโหย่ว (17.00)ฝั่งด้านเยว่เผิงหลายวันมานี้นางเก็บตัวเงียบเสียใจที่หยางตงฉวนเมินเฉยต่อนางความเย็นชาที่นางไม่เคยพบเจอก็ได้เจอ นางเคยขอพบเขาที่ห้องแต่เขากลับให้บ่าวออกมาบอกว่าเขาไม่ต้องการพบนางทำให้นางเสียใจมากกว่าเดิม"ฮูหยินเจ้าคะถึงเวลากินอาหารเย็นแล้วเจ้าค่ะ ช่วงนี้อาหารไม่ถูกปากฮูหยินอยากกินอะไรหรือไม่เจ้าคะ ข้าน้อยจะให้พ่อครัวทำให้""ไม่ข้าไม่อยากอะไรทั้งนั้น " แววตาเหม่อลอยจ้องมองไปนอกหน้าต่างเอ่ยตอบสาวใช้ด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยไร้ชีวิตชีวา ซูหยวนสงสารนายหยิงจับใจครั้นนั้นนางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามานางรีบหันไปมองเห็นว่าเป็นนายท่านใบหน้าของนางเริ่มปรากฏรอยยิ้มรีบแจ้งนายหญิงทันที"ฮูหยินเจ้าคะนายท่านมาเจ้าค่ะ " เยว่เผิงคิดว่าตนเองหูแว่วจึงคิดจะหันกลับมาต่อว่าสาวใช้แต่เมื่อเห็นชายที่ตนรักและคิดถึงรีบเดินไปหาเขาด้วยความดีใจ"ท่านพี่มาหาข้าหรือเจ้าคะ" น้ำเสียงระรื่นเอ่ยถามเขาทันทีพลางเดินเข้าไปใกล้หวังโอบกอดแต่ก็ต้องถูกเขาผละกายนางออก"ข้ามิได้มาเพราะคิดถึงเจ้า แต่ว่าเจียวเหมยของข้าให้ข้ามาหาเจ้า นางทั้งเห็นใจเจ้าหวังดีต่อเจ้ากลัวเจ้าจะน้อยใจข้าจึงได้มาหา ซู