เข้าสู่ระบบกิจกรรมที่รบกวนการนอน
“ขอต้อนรับนักเรียนทุกคนสู่มหาวิทยาลัย S….”
ดวงตากลมโตของหญิงสาวจับจ้องไปยังเบื้องหน้าบนเวทีกับการกล่าวเปิดปฐมนิเทศของมหาวิทยาลัยในกลุ่มนักศึกษาต่างชาติที่มาศึกษาภาษาที่นี่ ผู้คนที่นั่งอยู่ก็ต่างจับจ้องมองกระทั่งมีกิจกรรมที่บางคนถูกเรียกขึ้นไปเข้าร่วม—เสียงหัวเราะและเสียงกรี๊ดก็ดังลั่นไปทั่ว
แอลลี่หัวเราะและยิ้มออกมา คนที่นี่หลายเชื้อชาติมากมายแต่พวกเขาก็ดูเป็นมิตร หลังจากการปฐมนิเทศเสร็จสิ้นทุกคนก็ต่างทยอยกันออกจากห้องโถง แอลลี่มองไปรอบ ๆ เพราะว่าเธอไม่กล้าจะเดินเข้าไปทักทายสักเท่าไหร่จึงตัดสินใจเดินออกมาเพียงลำพัง วันนี้ก็ว่างอีกเช่นเคยหลังจากปฐมนิเทศแล้ว กว่าจะเริ่มเรียนก็อีกสามวันข้างหน้า เธอยังมีเวลาที่จะปรับตัวและทำความรู้จักกับที่นี่บ้าง
“เออ...ขอโทษนะ เธอเป็นนักศึกษาใช่ไหม”
เสียงหวานเล็ก ๆ เอ่ยถามแอลลี่ขึ้นจากทางด้านหลัง
เธอหันไปมองพินิจหญิงตรงหน้า โดยตอบปัดไป “ไม่ใช่ ฉันเป็นนักเรียนต่างชาติเหมือนกัน”
“ว้าว !” หล่อนร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “แต่เธอเหมือน...”
“ทุกคนก็บอกแบบนั้น” แอลลี่กล่าวพลางยิ้มตอบ
“ขอโทษนะ ฉันคิดว่าเธอเป็นนักศึกษาที่มางานมีสติ้งวันนี้” หญิงสาวผมทองพูดด้วยความรู้สึกเสียดาย ก่อนจะบ่นต่อไปว่า “โอ้ว...ให้ตายสิ ฉันอยากจะมีเพื่อนฝึกภาษาเยอะ ๆ ฉันอยากคุยกับเขา”
“ฉันก็เหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลับไปหมดแล้ว”
“ใช่” สาวผมทองพยักหน้าตอบและถามต่อไปว่า “เออ...หวัดดี ฉันคือคริสเซีย แล้วเธอ...”
“แอลลี่ เรียกฉันว่าแอลลี่” หญิงสาวตอบรับมิตรของอีกฝ่าย
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
“เช่นกัน”
หลังจากที่หญิงสาวทั้งสองทำความรู้จักกันแล้วคริสเซียก็ได้ชวนแอลลี่เดินผ่านออกไปทางประตูหลังมหา’ลัยเพื่อแนะนำร้านอาหารอร่อยของที่นี่ให้ ระหว่างรอรับประทานอาหารคริสเซียก็เป็นฝ่ายเอ่ยบทสนทนาขึ้นอีกครั้ง
“เธอเพิ่งย้ายมาใหม่ใช่ไหม” คริสเซียเอ่ยถาม
“ใช่ เพิ่งมา” แอลลี่ตอบ “แล้วเธอล่ะ”
“ฉันมาเรียนเมื่อเทอมที่แล้วน่ะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับรู้แทนคำตอบ ก่อนมองออกไปนอนร้านอาหารเพื่อสำรวจโดยรอบ ดวงตากลมกะพริบจ้องมองอยู่นานอย่างไม่เชื่อสายตาก่อนจะเบี่ยงหลบในทันที
เป็นเขา...ผู้ชายที่ขโมยจูบของเธอ
ให้ตายสิ รู้สึกว่าชีวิตที่นี่จะไม่แฮปปี้แบบที่คิดซะแล้ว !!
หลังจากรับประทานอาหารมื้อกลางวันเสร็จแอลลี่แยกตัวจากคริสเซียเพื่อกลับมาที่หอพัก ระหว่างรอลิฟต์อยู่ที่ชั้นล่างก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไปพลางกระทั่งประตูลิฟต์เปิดจึงก้าวเข้าไป ครั้นประตูใกล้จะปิดลงเสียงจากด้านนอกก็ตะโกนดังเข้ามา เธอจึงกดเปิดประตูลิฟต์ให้เขา
“ขอบคุณ” แอลลี่เงยหน้าขึ้นมองเสียงเข้มของชายหนุ่ม ดวงตากลมเบิกกว้างตกใจก่อนจะรีบหันหน้าไปทางอื่น
เธอลืมไปว่าเขาก็อยู่ตึกนี้เหมือนกัน ! แน่นอนใจหวังว่าจะจำไม่ได้ เพราะหลังจากที่ถูกจูบแล้วเธอต่อยเข้าที่ตาเข้าทั้งสองข้าง จนตอนนี้มันยังช้ำเป็นรอยอยู่เลย !
เขาเมาคงจำไม่ได้หรอก...
“เมื่อวานก่อนขอโทษนะ” เขาพูดตอบมาเป็นภาษาจีนฟังค่อนข้างชัด แต่หญิงสาวก็ยังทำเป็นไม่ได้ยินว่ากำลังพูดกับเธอทั้งที่ในลิฟต์มีแค่สองคน
“คะ ?” แอลลี่พยายามกลบเกลื่อน
ชายหนุ่มหันมองหญิงสาว แม้เธอจะไม่ได้สวยเซ็กซี่แต่ว่าก็มีเสน่ห์มากพอที่จะดึงดูดเขาเข้าหา ถึงครั้งแรกจะเป็นความผิดพลาดที่เมาไม่เป็นท่า
“เออ...คุณคงไม่เกลียดผมใช่ไหม ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงแผ่วหวั่นใจกลัวจะได้คำตอบที่คาดไว้
“ไม่ค่ะ แค่...” ขยะแขยง เธอพูดเสียงแผ่วแล้วไม่ได้พูดต่อกระทั่ง ติ้ง...เสียงประตูลิฟต์เปิดแอลลี่ไม่ได้พูดต่อก้าวเดินออกไปโดยไม่สนใจอีกฝ่าย เดินมาถึงหน้าห้องถึงรู้ว่าเขาก็เดินตามมาด้วย
“คุณตามฉันมา ?” แอลลี่หันไปถามเขา
ชายหนุ่มยกมือขึ้นทั้งสองข้างแล้วหัวเราะ “ไม่ ๆ ผมไม่ได้ตามคุณ”
เห็นชัดว่าตาม...แอลลี่กำลังพูดตอบแต่ชายหนุ่มก็หยิบคีย์การ์ดเปิดประตูห้องที่อยู่ข้าง ๆ
“ผมแค่จะเข้าห้อง”
แอลลี่มองประตูห้องชายหนุ่มที่ปิดลง พลางหัวเราะสมเพชตัวเองออกมา
เยี่ยมไปเลย !
เวลา 01.09 น.
กึก...กึก ปัง ปัง
แอลลี่เด้งตัวขึ้นนั่งใช้สติเอี่ยวหูฟังว่าเสียงที่ได้ยินมาจากชั้นบนหรือว่าข้างห้อง เมื่อฟังสักพักเธอจึงรู้ว่ามาจากผู้ชายที่อยู่ข้างห้องของเธอ ! ทั้งเสียงเหมือนโต๊ะกระแทกกำแพง ไม่สิ...เตียงต่างหาก และจังหวะที่ฟังแล้วรู้ว่ามีกิจกรรมบางอย่างรุนแรงดุเดือดเกิดขึ้นในห้อง
ทำไมไม่ออกไปหาโรงแรมทำกันล่ะ ! เธอไม่ได้อยากมามีส่วนร่วมด้วยนะ !
แน่นอนว่าทีแรกที่ได้ยินแอลลี่ไม่ได้ปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ทว่าการที่นั่งฟังและจังหวะไปนาน ๆ จึงคิดว่านั่นไม่ใช่การลากเตียง เลื้อยไม้ในห้องนอนธรรมดาแน่น
เธออยากนอน อยากพัก
จนแล้ว 30 นาทีผ่านไปกิจกรรมเข้าจังหวะแสนรุนแรงนี้ก็ยังไม่หยุดลง ซ้ำยังรุนแรงมากกว่าเดิม ราวกับผนังห้องของเธอจะแตกก็ว่าได้
หญิงสาวผ่อนลมหายใจขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงเปิดเพลงกลบเสียงดังในห้อง คราวแรกใส่หูฟังก่อนทว่า แรงกระแทกจากผนังห้องที่ชนกันทำให้เธอนอนไม่ได้
“ไม่ไหวแล้ว !” แอลลี่สบถออกมาด้วยความหงุดหงิด
เธอไม่ได้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับกิจกรรมนี้เลย ซ้ำยังอยากจะเดินไปเคาะห้องเขาแล้วปาหนังสือเล่มใหญ่ใส่ด้วยซ้ำไป
หญิงสาวลุกขึ้นมาหยิบลำโพงเชื่อมต่อบลูทูธ (Bluetooth) กับ iPad ทันที ไหน ๆ ก็นอนไม่ได้อยู่แล้ว โชคดีที่พรุ่งนี้ยังไม่ใช่วันเรียน เธอเลือกเปิดภาพยนตร์สยองขวัญที่ส่งเสียงกรีดร้องของชีวิต และนอนดูใต้ผ้าห่ม
10 นาที ผ่านไป...
เสียงที่ดังข้างกำแพงก็ยังคงถี่มาเรื่อย ๆ จนกระทั่งอีก 5 นาทีต่อมา
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด’
เสียงกรีดร้องจากภาพยนตร์ดังขึ้นติดกันหลายครั้ง ทำให้เสียงที่ดัง กึก...กึก ปัง ปัง นั้นหยุดลง
อ่า...ในที่สุดก็จบลงสักที — โชคดีที่ข้างห้องเธออีกฝั่งไม่มีคนอยู่ ไม่อยากงั้นเธออาจจะโดนด่าได้
กิจกรรมที่เตียงจะหักคาห้องแบบนั้นคนนอกไม่อยากจะรับรู้ด้วยหรอกนะ
แอลลี่ถอนหายใจขยับตัวปิด iPad และขยับตัวลงนอนทันที
บทที่ 4 รอยยิ้มที่คุ้นเคยกับหัวใจที่เจ็บปวดหลังจากกิจกรรมชมรมจบลง แอลลี่ตัดสินใจกลับหอพักระหว่างทางแทบไม่พูดอะไรเลย ทว่าเมอร์สันยังคงพูดเรื่องพู่กันจีนและครูสอนศิลป์ที่เขาประทับใจ แต่เสียงเหล่านั้นกลับเลือนรางในโสตประสาท เธอเพียงพยักหน้ารับเป็นระยะ เมื่อเดินถึงห้องก็เดินเข้าไปทันทีโดยไม่ได้คุยกับชายหนุ่มทันทีที่ประตูห้องปิดลง ความเงียบก็เข้าครอบงำหญิงสาววางกระเป๋าลงบนโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วทรุดตัวลงบนเตียง สายตาเหม่อมองเพดานสีขาวนิ่งงัน เสียงข้อความสุดท้ายจากปลายสายยังดังก้องอยู่ในหัว“ไม่ว่ามาหรือไม่มา...ฉันก็จะรอ”เธอพลิกตัวกอดหมอนแน่น ดวงตาร้อนผ่าว ความทรงจำที่พยายามผลักไสกลับไหลบ่ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว ภาพของชายหนุ่มคนนั้นในวันที่ยังยิ้มให้เธอ วันที่สัญญาว่าจะไม่ทำให้ร้องไห้อีก, วันที่เธอจับได้ว่าเขาโกหกทั้งน้ำตาแอลลี่หลับตาแน่น แต่ยิ่งพยายามหนี ความรู้สึกก็ยิ่งไล่ตาม เธอไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แสงเย็นลอดผ้าม่านเข้ามาทาบบนผนังห้องครั้นมองเวลาหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอีกครั้งเวลานัดนั้นมาถึงแล้วเธอควรจะไปดีหรือไม่ หากไปครั้งนี้อาจจะไม่ใช่การจบความส
บทที่ 3 ความรักที่ลืมไม่ลงวันถัดมาหลังจากคลาสแรกจบลง เสียงพูดคุยของนักศึกษาในห้องเริ่มหนาตาขึ้น คงเป็นเพราะกำลังพยายามให้ภาษาที่เรียนมาให้คล่องเพื่อติดต่อสื่อสารกับเพื่อนหลายเชื้อชาติ แอลลี่เองที่พอได้ภาษาอยู่แล้วและไม่อยากจะทำความรู้จักคนอื่นจึงได้แค่นั่งเงียบ ๆ ระหว่างรอพักเรียนคลาสถัดไปในอีก 15 นาที“ผู้ชายคนนั้นชื่อเมอร์สันใช่ไหม หน้าตาเขาดูดีมาก”“ฉันอยากลองจัง”แอลลี่ที่กำลังจัดหนังสือในกระเป๋าชะงักมือ เธอไม่อยากเงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำเมื่อได้ยินคำว่า “อยากลอง”หญิงสาวกลอกตาเบา ในใจคิดบ่นไปว่า ผู้ชายเจ้าชู้ ! เธอเกลียดที่สุดเลย !จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นข้อความจาก“แฟนเก่า” อีกแล้วผมเห็นคุณลงรูปในVV คุณอยู่เมือง S ใช่ไหม ?ตอนนี้ผมมาทำงานที่เมือง S เรามาเจอกันแล้วคุยกันได้ไหม แอลลี่...อย่างน้อยขออธิบายสักครั้งก็ยังดีดวงตากลมมองด้วยความสั่นไหว มือที่ถือโทรศัพท์ได้แค่นิ่งค้างจนทำอะไรไม่ถูก“เฮ้ แอลลี่!”เธอสะดุ้ง หันกลับไปเห็นเมอร์สันยืนโบกมือยิ้มกว้าง“บ่ายวันนี้แนะนำกิจกรรมชมรม เราลองไปดูกันไหม”หญิงสาวขมวดคิ้วมอง“นายไม่มีเพื่อนคนอื่นหรือไง”“ก็— ตอนนี้มีแค่เธอนะ”คำพู
บรรยากาศช่วงเย็นคึกคักมากกว่าปกติเพราะนักศึกษาจะออกมาเดินเล่น หรือออกกำลังกายที่สนามกัน แอลลี่ใช้เวลาว่างเดินเล่นซึมซับบรรยากาศช่วงฤดูใบไม้ผลิดอกพลางยกกล้องโทรศัพท์ขึ้นเก็บภาพขณะเดินชมวิวไปเรื่อย ๆ พลางคิดถึงภาพความทรงจำที่ยังทิ้งร่องรอยเจ็บลึกอยู่ในใจ แอลลี่ได้ยินเสียงโทรศัพท์แจ้งเตือนข้อความดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและทันใดนั้นดวงตาก็เบิกกว้าง ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอคือรูปถ่ายงานแต่งงานของเขา...แฟนเก่าที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่าจะร่วมชีวิตด้วย เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบแน่น ความเศร้าและความเสียใจแล่นพล่านไปทั่วกาย หลายเดือนที่เธอพยายามทำใจ พยายามลบเขาออกไปจากความทรงจำ แต่มันกลับเหมือนตอกย้ำว่าเธอไม่สามารถกลับไปเป็นคนเดิมที่ไม่รู้สึกอะไรได้อีกเธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามตั้งสติและก้าวเดินต่อไป แต่ความรู้สึกในใจยังคงวนเวียนขณะนั้นเองแอลลี่เหลือบเห็นใครบางคนตรงสนามออกกำลังกาย เป็นเขา...เมอร์สัน เขาสังเกตเห็นเธอเช่นกัน และทันใดนั้นเขาก็รีบหยุดการออกกำลังกายแล้ววิ่งตรงมาหาเธอ ทิ้งเพื่อน ๆ ไว้ข้างหลัง“เจอกันอีกแล้ว” เมอร์สันทักทายพร้อมรอยยิ้มยียวนเหมือนเคย แอลลี
บทที่ 2 การทักทายของเพื่อนข้างห้องเช้าวันก่อนเปิดภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิแอลลี่ที่นอนไม่เต็มอิ่มจากเสียงที่รบกวนมาหลายวันแม้พยายามเปิดเสียงเข้าสู้แล้วก็ตาม เธอควรจะเดินไปเคาะประตูแล้วบอกพวกเขาดีหรือไม่ว่าทำ...กระแทก...หรืองดใช้เสียงดังในพื้นที่ส่วนรวม ให้ตายสินี่มันแย่มาก แถมกำแพงหอพักก็บางจนรับรู้ทุกอย่างที่ข้างห้องทำกิจกรรมเช้าวันนี้หญิงสาวมีนัดอบรมคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาและรับหนังสือเรียนก่อนที่จะเริ่มเรียนในวันพรุ่งนี้“โชคดีจริง เราอยู่คลาสเดียวกัน” เสียงของชายหนุ่มเอ่ยทักขึ้นขณะเดินเข้ามาหาหญิงสาวแอลลี่มองด้วยความตกใจแต่ก็ทำเป็นว่าไม่เห็น ใช่แล้ว...ไม่อยากจะคุยเลยในเมื่อผู้ชายเจ้าของเสียงคือ เพื่อนข้างห้องที่ทำให้เธอไม่ได้นอนมาหลายคืน“ฉันชื่อ เมอร์สัน เชน ยินดีที่ได้รู้จัก” ชายหนุ่มแนะนำตัวอย่างเป็นมิตรพลางยิ้มหวานให้หญิงสาว ทว่าแอลลี่กลับมองด้วยสายตาเย็นชาและเดินจากไปทันที เขารู้สึกน้อยใจแต่ก็รีบเดินตามหญิงสาวไปในทันที“เออ เธอโกรธผมใช่ไหม”แอลลี่ยังคงทำเมินและไม่สนใจเมอร์สันเดินมาดักหน้าและพูด “โอเค ผมขอโทษ”เธอถอนหายใจ และสบตาตาอีกฝ่าย “เรื่องอะไร?”“ก็เรื่องที่...ทำเสียงด
บทที่ 1 กิจกรรมที่รบกวนการนอน“ขอต้อนรับนักเรียนทุกคนสู่มหาวิทยาลัย S….”ดวงตากลมโตของหญิงสาวจับจ้องไปยังเบื้องหน้าบนเวทีกับการกล่าวเปิดปฐมนิเทศของมหาวิทยาลัยในกลุ่มนักศึกษาต่างชาติที่มาศึกษาภาษาที่นี่ ผู้คนที่นั่งอยู่ก็ต่างจับจ้องมองกระทั่งมีกิจกรรมที่บางคนถูกเรียกขึ้นไปเข้าร่วม—เสียงหัวเราะและเสียงกรี๊ดก็ดังลั่นไปทั่วแอลลี่หัวเราะและยิ้มออกมา คนที่นี่หลายเชื้อชาติมากมายแต่พวกเขาก็ดูเป็นมิตร หลังจากการปฐมนิเทศเสร็จสิ้นทุกคนก็ต่างทยอยกันออกจากห้องโถง แอลลี่มองไปรอบ ๆ เพราะว่าเธอไม่กล้าจะเดินเข้าไปทักทายสักเท่าไหร่จึงตัดสินใจเดินออกมาเพียงลำพัง วันนี้ก็ว่างอีกเช่นเคยหลังจากปฐมนิเทศแล้ว กว่าจะเริ่มเรียนก็อีกสามวันข้างหน้า เธอยังมีเวลาที่จะปรับตัวและทำความรู้จักกับที่นี่บ้าง“เออ...ขอโทษนะ เธอเป็นนักศึกษาใช่ไหม”เสียงหวานเล็ก ๆ เอ่ยถามแอลลี่ขึ้นจากทางด้านหลังเธอหันไปมองพินิจหญิงตรงหน้า โดยตอบปัดไป “ไม่ใช่ ฉันเป็นนักเรียนต่างชาติเหมือนกัน”“ว้าว !” หล่อนร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “แต่เธอเหมือน...”“ทุกคนก็บอกแบบนั้น” แอลลี่กล่าวพลางยิ้มตอบ“ขอโทษนะ ฉันคิดว่าเธอเป็นนักศึกษาที่มางาน
นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน เนื้อเรื่อง สถานที่ และตัวละครทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องสมมติ มิได้มีอยู่จริง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หากเนื้อหามีส่วนใดสอดคล้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริง ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะบทนำเสียงพูดคุยตลอดระยะทางตั้งแต่เดินออกจากอาคารสนามบิน ดวงตากลมสุกใสฉายแววส่องประกายครั้นมองไปยังเบื้องหน้า รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นขณะที่เท้าหยุดก้าว เธอมีความสุขที่ได้มายังเมือง S ตามความฝันที่เคยวาดไว้“แอลลี่ หลิน” ก้มหน้ากดโทรศัพท์ก่อนชะเง้อคอมองรถแท็กซี่ผ่านไปหลายคัน ทว่าไม่ใช่ของเธอ รอจนเกือบห้านาทีจึงก้มหน้าดูพิกัดที่จอโทรศัพท์อีกครั้ง เธอรีบลากกระเป๋าใบใหญ่ข้างตัวเดินย้อนขึ้นไปหาแท็กซี่ที่ตนเรียกมาทันที ระยะทางจากสนามบินมาจนถึงหน้ามหาวิทยาลัยค่อนข้างไกล ระหว่างทางสายตาของเธอจับจ้องอยู่ด้านนอกหน้าต่างแต่ว่าคนขับจะคอยชวนพูดคุยไถ่ถามบ้างก็ตาม กระทั่งรถแท็กซี่จอดอยู่หน้ามหาวิทยาลัยแล้ว หญิงสาวลงจากรถและขนสัมภาระเดินเข้าไปข้างในมหา’ลัยแสนกว้างใหญ่ ผู้คนก็เยอะล้นหลามด้วยเช่นกัน หญิงสาวลากกระเป๋าเดินทางทั้งสองใบไปตามทาง ขณะที่สายตากวาดมอง







