LOGINแอลลี่ หลิน ผู้หญิงที่เคยต้องเผชิญกับปัญหากับโลกสองใบจากคนรัก ได้เลือกทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังและเริ่มต้นใหม่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เธอเพียงต้องการความสงบ…แต่กลับได้พบกับ เมอร์สัน เชน เพื่อนข้างห้องที่ “ขโมยจูบแรกแบบไม่ทันตั้งตัว” ไปอย่างหน้าด้าน ๆ แถมยามค่ำคืนกิจกรรมพิเศษของเขาก็ดังทะลุกำแพงจนทำให้เธอนอนไม่หลับ ทว่าความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากเสียงรบกวนและความหงุดหงิด กลับค่อย ๆ เติบโตจนกลายเป็นความใกล้ชิดที่อันตรายต่อหัวใจ ความวุ่นวายที่เธอพยายามหลีกหนี กลับเป็นสิ่งที่เยียวยาบาดแผลในใจทีละน้อยโดยที่เธอไม่ทันรู้ตัว ท่ามกลางฤดูใบไม้ผลิที่กำลังผลิบาน ความรักครั้งใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในเมืองแห่งนี้…
View Moreนิยายเรื่องนี้เป็นผลงานที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน เนื้อเรื่อง สถานที่ และตัวละครทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องสมมติ มิได้มีอยู่จริง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หากเนื้อหามีส่วนใดสอดคล้องกับบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่จริง ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
เสียงพูดคุยตลอดระยะทางตั้งแต่เดินออกจากอาคารสนามบิน ดวงตากลมสุกใสฉายแววส่องประกายครั้นมองไปยังเบื้องหน้า รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นขณะที่เท้าหยุดก้าว เธอมีความสุขที่ได้มายังเมือง S ตามความฝันที่เคยวาดไว้
“แอลลี่ หลิน” ก้มหน้ากดโทรศัพท์ก่อนชะเง้อคอมองรถแท็กซี่ผ่านไปหลายคัน ทว่าไม่ใช่ของเธอ รอจนเกือบห้านาทีจึงก้มหน้าดูพิกัดที่จอโทรศัพท์อีกครั้ง เธอรีบลากกระเป๋าใบใหญ่ข้างตัวเดินย้อนขึ้นไปหาแท็กซี่ที่ตนเรียกมาทันที
ระยะทางจากสนามบินมาจนถึงหน้ามหาวิทยาลัยค่อนข้างไกล ระหว่างทางสายตาของเธอจับจ้องอยู่ด้านนอกหน้าต่างแต่ว่าคนขับจะคอยชวนพูดคุยไถ่ถามบ้างก็ตาม กระทั่งรถแท็กซี่จอดอยู่หน้ามหาวิทยาลัยแล้ว หญิงสาวลงจากรถและขนสัมภาระเดินเข้าไปข้างใน
มหา’ลัยแสนกว้างใหญ่ ผู้คนก็เยอะล้นหลามด้วยเช่นกัน หญิงสาวลากกระเป๋าเดินทางทั้งสองใบไปตามทาง ขณะที่สายตากวาดมองหาตึกยังจุดหมาย
แอลลี่ยังไม่คุ้นชินจึงเดินแวะถามผู้คนที่เดินผ่านว่า “หอพักนักศึกษาต่างชาติไปทางไหนคะ ?”
หญิงสาวพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับทิศทางที่อีกฝ่ายกำลังบอก เธอพยักหน้าเข้าใจและพูดว่า “ขอบคุณค่ะ”
สองเท้าสาวเดินไปจนกระทั่งหยุดอยู่หน้าตึกสูงยี่สิบชั้น เธอแหงนหน้ามองพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นึกว่าจะต้องเดินทั่วมหา’ลัยซะแล้ว
แอลลี่เติบโตในต่างประเทศเพราะพ่อของเธอต้องทำงานที่นั่นหลายปี จนได้พบและแต่งงานกับแม่ซึ่งเป็นคนสัญชาติเดียวกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะกลับมาใช้ชีวิตในบ้านเกิดของพ่อช่วงบั้นปลายชีวิต อันที่จริง เธอเกิดในประเทศนี้ แต่ย้ายไปต่างประเทศตั้งแต่ยังเล็กและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเกือบทั้งหมด จนกระทั่งได้ทำงานหลังเรียนจบ ชีวิตของเธอจึงผูกพันกับเมืองต่างแดนมากกว่าบ้านเกิดเสียอีก
ดังนั้นเธอจึงทำงานอยู่ต่างประเทศมาตลอดแต่ก็ตัดสินใจออกจากงานและมาเรียนภาษาที่เมือง S เมืองที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบ้านเกิดของพ่อหรือแม่เลย เพียงเพราะในตอนนี้... เธอแค่อยากหนีออกจากคนที่เคยรู้จักกัน...
หญิงสาวเดินเข้ามาในหอพักรายงานตัวกับผู้ดูแลหอก่อนที่จะขึ้นมาที่ห้อง เสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากชั้นล่างทำให้อดคิดไม่ได้ว่าที่นี่คงจะน่าสนุกมาก ๆ แอลลี่เดินเข้ามาภายในห้องพัก เธอเลือกที่จะอยู่คนเดียวเพราะกลัวว่าจะได้รูมเมทที่ไม่เป็นมิตร
นี่ก็เย็นมากแล้ว หญิงสาวลากกระเป๋ามาวางข้างเตียงพลางส่งเสียถอนหายใจออกมา เธอเอื้อมมือหยิบรีโมตเปิดแอร์ร้อนคลายอากาศเย็นภายในห้อง ก่อนจะถอดเสื้อหนาวตัวนอกออก
แอลลี่จัดเก็บของจากกระเป๋าใส่ตามชั้นวางและตู้เสื้อผ้าจนเสร็จ ก่อนจะนั่งลงที่ปลายเตียง เธอเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงเปิดดูเวลาก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น แน่นอนว่าท้องก็เริ่มประท้วงความหิวออกมา—หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินออกจากห้องมายังใต้หอพักนักศึกษาแล้วเดินกลับขึ้นมา
ของบางส่วนได้ถูกจัดเก็บเข้าตู้ เธอจึงพักเพื่อรับประทานอาหารเย็นก่อนจะนั่งเล่นโทรศัพท์กระทั่งเกือบสามทุ่ม ทันใดนั้นเสียงดังมาจากด้านนอกห้องเธอจึงเอี่ยวหูฟังภาษาต่างชาติที่ไม่คุ้นเคย แม้จะฟังไม่ออกก็ตามแต่เพราะว่าดังมากจนทำให้เกิดความรำคาญขึ้น
แอลลี่ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะจัดเก็บของและหยิบเสื้อผ้าเข้าอาบน้ำ หลังจากนั้นเธอออกมานอนกลิ้งบนเตียงจนกระทั่งข้อความเด้งขึ้นผ่านหน้าจอ ดวงตากลมไหวสั่นระริกเพียงชั่ววูบก็หายไป
...หายโกรธผมเถอะนะ ผมคิดถึงเธอ...
นิ้วเรียวนิ่งค้างไม่กล้ากดพิมพ์ตอบในทันที
ควรจะตอบเขากลับไปหรือว่าทำเป็นมองไม่เห็นข้อความนี้ดี ?
หญิงสาวรู้สึกลังเลและหวั่นไหวที่จะตอบกลับแม้อีกฝ่ายจะทักมาเหมือนกับว่าความสัมพันธ์ยังคงอยู่...แม้ไม่มีการบอกเลิก แต่ทุกการกระทำมันชัดเจนอยู่แล้ว
สำหรับเธอมันยากมากที่จะทำใจคุยกับเขา
ไม่ตอบน่าจะดีกว่า
แอลลี่คิดได้ดังนั้นจึงกดเข้าและปิดการแจ้งเตือนรับข้อความจากอีกฝ่ายทันที — หนึ่งในความคิดที่ตัดสินใจหนีออกมาคือไม่อยากพบหน้าเขา ไม่คิดว่าจะทำใจได้กับแฟนเก่าที่คบมาหลายปีจนเคยเผลอคิดว่าอยากจะแต่งงานด้วยกัน กระทั่งวันหนึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งมาบอกเธอว่า เขาทำหล่อนท้อง
ทุกอย่างบนโลกแทบหยุดหมุน เขาเพียงแค่พูดว่า “มันก็แค่ความผิดพลาดและเด็กในท้องอาจไม่ใช่ลูกผม หลังเธอคลอดเราจะตรวจดีเอ็นเอกัน แอลลี่ผมรักเพียงแค่คุณคนเดียว คุณคือคนที่ผมจะแต่งงานด้วยนะ”
ในตอนแรกที่ยังทำใจไม่ได้เธอตั้งใจจะรอผลตรวจดีเอ็นเอ รวมทั้งภาวนาให้เด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขา แล้วทุกอย่างอาจจะกลับเป็นเหมือนเดิม แต่นั่นก็เป็นการหลอกตัวเอง
สุดท้ายแล้วการนอกใจ ก็คือนอกใจ
หญิงสาวถอนหายใจออกมาพลันคิดถึงความทรงจำที่ลืมไม่ลง...กว่าที่จะทำใจออกจากงาน ออกจากผู้ชายเลวได้ เธอก็ใช้ระยะเวลาหลายเดือนเพื่อถอยออกมา จนตอนนี้ความรัก ความเสียใจ ความผิดหวัง กลายเป็นบาดแผลที่รอวันเยียวยา
ก๊อก ๆ ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น แอลลี่ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงพลางเอี่ยวหูฟังอีกครั้งหนึ่งให้แน่ใจว่าใช่ห้องของเธอหรือไม่
และ...ใช่ มีคนเคาะห้อง
หญิงสาวลงจากเตียงเดินไปเปิดประตู ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยปากถามร่างสูงตรงหน้าก็โผเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว แอลลี่ยืนแข็งถือทำอะไรไม่ถูกเมื่อถูกริมฝีปากของเขาจุมพิตอย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้รู้สึกลุ่มหลงหรือคล้อยตามเพราะ...เขาคือใครกัน ?!
บทที่ 4 รอยยิ้มที่คุ้นเคยกับหัวใจที่เจ็บปวดหลังจากกิจกรรมชมรมจบลง แอลลี่ตัดสินใจกลับหอพักระหว่างทางแทบไม่พูดอะไรเลย ทว่าเมอร์สันยังคงพูดเรื่องพู่กันจีนและครูสอนศิลป์ที่เขาประทับใจ แต่เสียงเหล่านั้นกลับเลือนรางในโสตประสาท เธอเพียงพยักหน้ารับเป็นระยะ เมื่อเดินถึงห้องก็เดินเข้าไปทันทีโดยไม่ได้คุยกับชายหนุ่มทันทีที่ประตูห้องปิดลง ความเงียบก็เข้าครอบงำหญิงสาววางกระเป๋าลงบนโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วทรุดตัวลงบนเตียง สายตาเหม่อมองเพดานสีขาวนิ่งงัน เสียงข้อความสุดท้ายจากปลายสายยังดังก้องอยู่ในหัว“ไม่ว่ามาหรือไม่มา...ฉันก็จะรอ”เธอพลิกตัวกอดหมอนแน่น ดวงตาร้อนผ่าว ความทรงจำที่พยายามผลักไสกลับไหลบ่ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว ภาพของชายหนุ่มคนนั้นในวันที่ยังยิ้มให้เธอ วันที่สัญญาว่าจะไม่ทำให้ร้องไห้อีก, วันที่เธอจับได้ว่าเขาโกหกทั้งน้ำตาแอลลี่หลับตาแน่น แต่ยิ่งพยายามหนี ความรู้สึกก็ยิ่งไล่ตาม เธอไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แสงเย็นลอดผ้าม่านเข้ามาทาบบนผนังห้องครั้นมองเวลาหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอีกครั้งเวลานัดนั้นมาถึงแล้วเธอควรจะไปดีหรือไม่ หากไปครั้งนี้อาจจะไม่ใช่การจบความส
บทที่ 3 ความรักที่ลืมไม่ลงวันถัดมาหลังจากคลาสแรกจบลง เสียงพูดคุยของนักศึกษาในห้องเริ่มหนาตาขึ้น คงเป็นเพราะกำลังพยายามให้ภาษาที่เรียนมาให้คล่องเพื่อติดต่อสื่อสารกับเพื่อนหลายเชื้อชาติ แอลลี่เองที่พอได้ภาษาอยู่แล้วและไม่อยากจะทำความรู้จักคนอื่นจึงได้แค่นั่งเงียบ ๆ ระหว่างรอพักเรียนคลาสถัดไปในอีก 15 นาที“ผู้ชายคนนั้นชื่อเมอร์สันใช่ไหม หน้าตาเขาดูดีมาก”“ฉันอยากลองจัง”แอลลี่ที่กำลังจัดหนังสือในกระเป๋าชะงักมือ เธอไม่อยากเงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำเมื่อได้ยินคำว่า “อยากลอง”หญิงสาวกลอกตาเบา ในใจคิดบ่นไปว่า ผู้ชายเจ้าชู้ ! เธอเกลียดที่สุดเลย !จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นข้อความจาก“แฟนเก่า” อีกแล้วผมเห็นคุณลงรูปในVV คุณอยู่เมือง S ใช่ไหม ?ตอนนี้ผมมาทำงานที่เมือง S เรามาเจอกันแล้วคุยกันได้ไหม แอลลี่...อย่างน้อยขออธิบายสักครั้งก็ยังดีดวงตากลมมองด้วยความสั่นไหว มือที่ถือโทรศัพท์ได้แค่นิ่งค้างจนทำอะไรไม่ถูก“เฮ้ แอลลี่!”เธอสะดุ้ง หันกลับไปเห็นเมอร์สันยืนโบกมือยิ้มกว้าง“บ่ายวันนี้แนะนำกิจกรรมชมรม เราลองไปดูกันไหม”หญิงสาวขมวดคิ้วมอง“นายไม่มีเพื่อนคนอื่นหรือไง”“ก็— ตอนนี้มีแค่เธอนะ”คำพู
บรรยากาศช่วงเย็นคึกคักมากกว่าปกติเพราะนักศึกษาจะออกมาเดินเล่น หรือออกกำลังกายที่สนามกัน แอลลี่ใช้เวลาว่างเดินเล่นซึมซับบรรยากาศช่วงฤดูใบไม้ผลิดอกพลางยกกล้องโทรศัพท์ขึ้นเก็บภาพขณะเดินชมวิวไปเรื่อย ๆ พลางคิดถึงภาพความทรงจำที่ยังทิ้งร่องรอยเจ็บลึกอยู่ในใจ แอลลี่ได้ยินเสียงโทรศัพท์แจ้งเตือนข้อความดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและทันใดนั้นดวงตาก็เบิกกว้าง ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอคือรูปถ่ายงานแต่งงานของเขา...แฟนเก่าที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่าจะร่วมชีวิตด้วย เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบแน่น ความเศร้าและความเสียใจแล่นพล่านไปทั่วกาย หลายเดือนที่เธอพยายามทำใจ พยายามลบเขาออกไปจากความทรงจำ แต่มันกลับเหมือนตอกย้ำว่าเธอไม่สามารถกลับไปเป็นคนเดิมที่ไม่รู้สึกอะไรได้อีกเธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามตั้งสติและก้าวเดินต่อไป แต่ความรู้สึกในใจยังคงวนเวียนขณะนั้นเองแอลลี่เหลือบเห็นใครบางคนตรงสนามออกกำลังกาย เป็นเขา...เมอร์สัน เขาสังเกตเห็นเธอเช่นกัน และทันใดนั้นเขาก็รีบหยุดการออกกำลังกายแล้ววิ่งตรงมาหาเธอ ทิ้งเพื่อน ๆ ไว้ข้างหลัง“เจอกันอีกแล้ว” เมอร์สันทักทายพร้อมรอยยิ้มยียวนเหมือนเคย แอลลี
บทที่ 2 การทักทายของเพื่อนข้างห้องเช้าวันก่อนเปิดภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิแอลลี่ที่นอนไม่เต็มอิ่มจากเสียงที่รบกวนมาหลายวันแม้พยายามเปิดเสียงเข้าสู้แล้วก็ตาม เธอควรจะเดินไปเคาะประตูแล้วบอกพวกเขาดีหรือไม่ว่าทำ...กระแทก...หรืองดใช้เสียงดังในพื้นที่ส่วนรวม ให้ตายสินี่มันแย่มาก แถมกำแพงหอพักก็บางจนรับรู้ทุกอย่างที่ข้างห้องทำกิจกรรมเช้าวันนี้หญิงสาวมีนัดอบรมคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาและรับหนังสือเรียนก่อนที่จะเริ่มเรียนในวันพรุ่งนี้“โชคดีจริง เราอยู่คลาสเดียวกัน” เสียงของชายหนุ่มเอ่ยทักขึ้นขณะเดินเข้ามาหาหญิงสาวแอลลี่มองด้วยความตกใจแต่ก็ทำเป็นว่าไม่เห็น ใช่แล้ว...ไม่อยากจะคุยเลยในเมื่อผู้ชายเจ้าของเสียงคือ เพื่อนข้างห้องที่ทำให้เธอไม่ได้นอนมาหลายคืน“ฉันชื่อ เมอร์สัน เชน ยินดีที่ได้รู้จัก” ชายหนุ่มแนะนำตัวอย่างเป็นมิตรพลางยิ้มหวานให้หญิงสาว ทว่าแอลลี่กลับมองด้วยสายตาเย็นชาและเดินจากไปทันที เขารู้สึกน้อยใจแต่ก็รีบเดินตามหญิงสาวไปในทันที“เออ เธอโกรธผมใช่ไหม”แอลลี่ยังคงทำเมินและไม่สนใจเมอร์สันเดินมาดักหน้าและพูด “โอเค ผมขอโทษ”เธอถอนหายใจ และสบตาตาอีกฝ่าย “เรื่องอะไร?”“ก็เรื่องที่...ทำเสียงด





