“แล้วอีกสองเบอร์”“ตอนแรกคิดว่าเป็นป้าสดใส คิดว่าแกเปลี่ยนเบอร์ แต่ตอนนี้อาจไม่ใช่ แต่ฉันยังไม่ได้โทร.กลับใครสักคน”“แล้วที่เธอพูดเหมือนว่ารู้ตัวคนทำล่ะ รู้จริงหรือมั่นใจแค่ไหน”“ฉันเพิ่งมีปัญหากับนายไรวินทร์ เขาต้องการให้ฉันออกจากบ้านนานแล้ว แต่ฉันมันดื้อด้านเอง จนเขาเพิ่งทำสำเร็จเมื่อวาน เขาไล่ฉันออกมา”น้ำเสียงสั่นเครือของณิชา ทำให้บัวบูชาเบิกตาค้าง สงสารเพื่อนจับใจ แต่ด้วยความที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ไม่รู้ว่ายังมีเบื้องลึกเบื้องหลังอื่นอีกหรือเปล่า จึงงดแสดงความเห็นไว้ก่อน“ส่วนหมอแพทก็เคยบอกให้ฉันอยู่บ้านนั้นจนกว่าพร้อมย้ายออก ฉันไม่คิดว่าเธอจะมีส่วนได้เสียกับการอยู่หรือไปของฉัน รายนี้คงตัดออก นอกนั้นฉันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใครอีก”“แต่เราไม่มีหลักฐานชี้ไปที่คุณไรวินทร์นะนิด เดี๋ยวจะกลายเป็นการปรักปรำเขา”“ฉันจะเริ่มจากเบอร์โทร.สองเบอร์ที่ไม่รู้จักนี้ เมื่อฉันออกจากบ้านมาแล้ว นายไรวินทร์หรือคนของเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะติดต่อฉันอีก นอกจากอยากได้เบาะแสตามรังควาน
“ไปเอากุญแจรถ” เสียงสั่งเข้มจากเจ้าของสีหน้าถมึงทึง ทำให้ลูกน้องที่อยู่ใกล้ต้องรีบทำตามคำสั่ง ไม่กี่วินาทีของที่ต้องการก็มาส่งถึงมือรถสปอร์ตราคาแพงลิบกระชากตัวออก ตามด้วยรถจิ๊ปสปอร์ตอีกสองคัน จากบ้านหลังใหญ่แล่นผ่านถนนกลางเมือง ผ่านห้างสรรพสินค้าดัง แล้วทะลุเข้าซอยหนึ่งอย่างรู้เป้าหมาย จนมาจอดหน้าหอพักสี่ชั้นในเวลาไม่ถึงสิบนาทีร่างสูงใหญ่ในรถคันแรกที่มาจอดก้าวออกมา ตามด้วยลูกน้องจากรถสองคันหลัง ซึ่งประกบเจ้านายทันที“ที่นี่ใช่ไหม”“ใช่ครับนาย คุณสายสุดาพนักงานของคุณแหววบอกผมเอง ไม่ผิดแน่ครับ ห้องของคุณณิชาอยู่ชั้นสาม ห้องสามศูนย์เจ็ด”แล้วคนกลุ่มนั้นก็เดินฝ่าสายตาสงสัยใคร่รู้ของทั้งเหล่าไทยมุงและไม่ตั้งใจมุงจากเหตุการณ์ก่อนหน้า จนมาถึงประตูกรุกระจก ทำท่าผลักเข้าไปเพื่อขึ้นบันไดไปยังที่ที่ตั้งใจไว้“ดะ...เดี๋ยวค่ะ พวกคุณเป็นใคร เข้าไปไม่ได้นะคะ หยุดก่อนค่ะ”เจ้าหน้าที่ธุรการหอพักเพิ่งจะตั้งสติได้ รีบออกมาขวาง“ผมจะขึ้นไปหาณิชา เมื่อกี้เกิดเรื่องไม่ดีกับเธอใช่ไหม”“ณิ
“อย่างนั้นเลยหรือคะ แล้วน้องนิดจะเป็นยังไงบ้าง ลดาเป็นห่วงจังค่ะ” เสียงครางถามจากคนที่มีสีหน้าสุดแสนกังวล มือยังถือเครื่องมือสื่อสารไว้มั่น หลังจากมีสายเรียกเข้ามาและเธอก็สนทนาอยู่เป็นพักแล้วคนร่างใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มและกางเกงสแล็กซ์สีดำอย่างพร้อมออกไปทำงาน หากเวลานี้ยังนั่งเอนบนเก้าอี้สานต้องหยุดหยอกเย้ากับทารกน้อยตัวกลมที่นั่งทับหน้าท้องแกร่งอยู่ เขารอฟัง จนเธอตัดสายแล้วหันมาหาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี“มีอะไรหรือลดา แล้วใครโทร.มา”“คุณสุดา พนักงานร้านคุณแหววค่ะ” ปิ่นลดาตามมานั่งใกล้ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น “คุณใหญ่รู้ไหมคะว่าน้องนิดออกจากบ้าน แล้วไปทำงานเป็นพนักงานในร้านคุณแหวว คุณแหววก็เจอหน้ากันแล้ว แต่คงไม่รู้จักกัน คุณแหววเลยไม่ได้บอกลดา แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ คุณสุดาเล่าว่าเมื่อคืนลูกน้องคุณวินทร์ไปถามหาที่อยู่ใหม่ของน้องนิดกับเธอ เธอตกใจ ก็แต่ละคนยังกับลูกน้องมาเฟียเลยนี่ เลยบอกไปทั้งหมด”“แล้วยังไง”รัชตะเลิกคิ้วถาม สีหน้าบอกชัดว่าไม่รู้อยู่ดีว่าภรรยาสาวอยากให้เขาทำอะไร หรือ
ดวงหน้าคมสันที่มีหนวดเคราสั้นๆ ประดับทั่ว ผนวกกับกายกำยำสูงใหญ่ เมื่อเจ้าตัวชำเลืองมองคล้ายจะค้อนจึงกลายเป็นภาพที่ทำให้ณิชาเบิกตามองนิ่ง ถูกความตะลึงงันเข้าครอบงำหล่อนไม่เข้าใจ...เดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไร...นอกเหนือจากนั้น ณิชาคิดว่าท่าทางเมื่อกี้ไม่เห็นจะเข้ากับเขาเลยเมื่อจู่ๆ คนที่เธอนั่งจับตามองหันขวับมา ณิชาถึงกับสะดุ้งโหยง พอเขาก้าวอาดๆ มาหา หญิงสาวก็กรีดร้องโวยวาย หล่อนตกใจ กลัวแสนกลัว ถ้าเขาจะทำอะไรขึ้นมา ณิชาคงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แน่นอน“อย่านะ อย่าทำนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคุณ ฮือๆ ไม่เอานะ”คนร่างเล็กดิ้นขลุกขลัก ร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะฝืน เมื่อถูกประชิดถึงและโอบไว้ทั้งตัว แต่ไม่กี่วินาทีก็รับรู้ถึงข้อมือสองข้างที่ถูกมัดไพล่หลังนั้นหลุดจากกัน สติถึงค่อยๆ คืนร่าง ดวงตาหวานช้อนมอง เขาถอยไปทางปลายเท้าเธอและแก้มัดด้วยท่าทีกระแทกกระทั้น กระทั่งเสร็จก็ดึงเข็มขัดหนังเนื้อดีออกไป ณิชาสูดปากเมื่อถูกมันครูดผิวจนรู้สึกเจ็บ“เบาๆ ก็ได้ ถลอกหรือเปล่าก็ไม่รู้”“แค่นี้ทำบ่น...มันน้อยไปด้วยซ้ำ”“แสดงว่าคุณตั้งใจ เ
“ยัง”“แล้วใครซื้อยาพวกนี้มาให้”เขายังนอนคว่ำหน้านิ่ง ณิชามองเสี้ยวหน้าคมที่เบี่ยงไปอีกทาง เห็นว่าเขาหลับตาพริ้มอยู่ จึงไม่อยากกวนอีก...แต่พอมองยาในมือก็ผุดคำถามอย่างลืมตัว“หมอแพทเอามาให้ใช่ไหม”เงียบ ไม่มีเสียงตอบ ณิชาจึงเบนความสนใจมายังสิ่งที่ต้องทำ...ทำเพราะไถ่โทษให้ตัวเองหรอกนะ...พยายามท่องบอกตัวเองไว้ตอนแรกคิดว่าจะทำๆ ไปให้เสร็จ แต่พอเริ่มใช้ไม้พันสำลีชุบยาจากหลอดป้ายลงบนผิวที่มีรอยแดง บางแห่งออกสีช้ำ หญิงสาวกลับทำอย่างแผ่วเบา ระมัดระวังอย่างที่สุด กลัวว่าเขาจะเจ็บแล้วสะดุ้งตื่นณิชาบอกตัวเองไม่ได้ว่าใช้เวลาไปนานเท่าไรกับภารกิจที่เพิ่งเสร็จลง หล่อนตั้งใจทำจนลืมทุกสิ่ง เมื่อสังเกตคนตัวใหญ่จึงเห็นว่าเขายังนอนนิ่งเช่นเดิม ลมหายใจสม่ำเสมอ เอียงคอมองอย่างประหลาดใจ...แปลกใจทั้งตัวเองและเขาหลับง่ายขนาดนี้เชียว ไม่กลัวถูกบีบคอตายคาเตียงหรือไง ทำเราไว้ดีนักณิชาคิดอย่างเขม่น ก้มมองยา เห็นยังมียาเม็ดอยู่ในถุงอีกสองขนานก็คิดต่ออย่างกังขายาทานหลังอาหาร...ตื่นมาเขาคงจัดการเองเมื่อคิดว่าตนหมดหน้
เสียงรถดังฝ่าความเงียบสงัดของราตรีกาล กระทั่งมาเบรกเอี๊ยดตรงหน้าบ้านหลังใหญ่ ทำให้คนที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงพร้อมกับถือหนังสือในมือต้องวางมันลงข้างตัว หล่อนนิ่งฟังความเคลื่อนไหวด้านนอก จนมั่นใจว่าคนมาใหม่ได้เข้ามาในบ้านแน่นอนแล้ว จึงหย่อนเท้าลงกับพื้นเย็นเฉียบ แล้วตรงไปกดปิดสวิตช์ไฟข้างประตูความมืดปกคลุมทั่วห้องขนาดกว้างขวางหากจะคิดว่ามีเพียงหล่อนที่อาศัยอยู่คนเดียว ณิชาใช้แสงสว่างจากด้านนอกที่ยังลอดผ่านขอบล่างของบานประตูเข้ามา นำทางกลับไปยังเตียงนอนที่เข้ามายึดไว้เป็นเวลากว่าปีแล้วดวงตาหวานเพ่งมองหนังสือนิยายโรมานซ์เล่มหนา หน้าปกสวยงามดูคลาสสิกที่ยังเห็นในความสลัว หยิบมันมาถือไว้แล้วถอนใจยาว บ่นพึมพำตามลำพัง“คืนนี้ไม่ได้ทำงานอีกแล้ว ใกล้จะถึงเดดไลน์ แต่ยังแปลงานส่ง บก.ครึ่งแรกไม่ได้เลย ตายแน่ๆ ยายนิดเอ๊ย! ถ้าจับงานสำนักพิมพ์นี้ไว้ไม่ได้ อนาคตเธอมืดมนแน่”เจ้าของเสียงบ่นหย่อนกายนั่งแกว่งเท้าอยู่ขอบเตียง แล้วนิ่วหน้าเมื่อได้ยินเสียงห้าวเคล้ากับเสียงของหญิงสาวที่เธอไม่คุ้นเคยจะให้คุ้นได้อย่างไร ในเมื่อผู้หญิงที่เข้ามาในบ้านแต่ละคืนไม่เคยซ้ำหน้ากันเลย และจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งยามที่แ
ณิชากลับเข้าห้องนอน หรือจะเรียกให้ถูกคงเป็นห้องส่วนตัวที่เธอใช้ทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะหมกตัวทำงาน เธอสามารถขังตัวเองให้อยู่ในนี้ได้เป็นวันๆ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ออกไปพบใคร เว้นแต่คนรับใช้เก่าแก่ที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่สมัยพ่อแม่ยังอยู่ในแต่ละวันถ้าจะออกไปก็เพื่อรดน้ำดูแลซุ้มกล้วยไม้ ซึ่งเป็นงานที่เธอไม่ยอมปล่อยให้อยู่ในมือของใครอื่น นับจากพ่อได้จากไป ณิชาก็เฝ้ามอง ดูแลมันด้วยตัวเองตลอดมา เพราะเป็นสิ่งเดียวที่หล่อเลี้ยงหัวใจของเธอให้คงอยู่แม้กระทั่งห้องรับประทานอาหารที่จัดไว้อย่างหรูหราสมเกียรติที่ครอบครัวเคยใช้ประจำ ณิชาก็ไม่เฉียดใกล้มานานแล้ว เพราะมันได้กลายเป็นห้องหนึ่งที่เจ้าของคนใหม่กับแขกไม่ซ้ำหน้าของเขาใช้ประจำแทบทุกวัน ใช้จนเกินคุ้มทีเดียวโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับณิชาจึงเปลี่ยนเป็นโต๊ะม้าหินอ่อนในห้องครัวเก่า...สถานที่ที่มีคนรับใช้เก่าแก่ห้อมล้อมเธออยู่ ที่แห่งเดียวที่ไม่ทำให้เธอรู้สึกว่าเหลือตัวคนเดียวโดดเดี่ยวหญิงสาวหยิบผ้าขนหนูในตู้เสื้อผ้าแล้วเข้าห้องน้ำ ชำระร่างกายอย่างไม่อ้อยอิ่ง ตลอดเวลาที่ทำธุระส่วนตัว หัวใจยังไม่อาจกลับเข้าสู่ปกติ เหตุปะทะคารมกับผู้ชายคนนั้นยังตรึงอยู่ในหัว ไม
ดวงตาหวานของเจ้าของความคิดเหลือบขึ้นมองชั้นบนของบ้าน มั่นใจว่าเขาคงอยู่ในอาณาจักรส่วนตัว ชั้นบนของบ้านกึ่งตึกที่สมัยพ่อกับแม่ยังอยู่จะแบ่งพื้นที่เป็นปีกซ้ายและขวา ทั้งอาณาเขตของปีกซ้ายจะเป็นของหล่อน ส่วนพ่อกับแม่จะยึดครองอีกฝั่ง ณิชายังจำบรรยากาศกรุ่นกลิ่นไอความรัก บางคืนเธอหอบหมอนกับผ้าห่มไปเคาะประตูห้องนอนของพ่อแม่ ความอบอุ่นและปลอดภัยที่มีท่านสองคนคอยปกป้องคุ้มครอง ทำให้ณิชาไม่เคยหวั่นถึงอนาคตว่าหากมันเปลี่ยนไปแล้วเธอจะเดินต่ออย่างไรจนเมื่อแม่เสียชีวิตลงโดยโรคมะเร็งเต้านมตอนเธออายุสิบสามปี เด็กหญิงที่ย่างเข้าสู่วัยรุ่นอย่างเธอถึงกับเสียหลัก ณิชายึดพ่อเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียว กระนั้นพ่อที่เธอเห็นว่าเป็นคนเก่งและมั่นคงพร้อมจะเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับทุกคนนั้นกลับเปลี่ยนไป พ่อกลายเป็นคนไม่สนใจอะไรอีกเลย พ่อเมาเหล้ากลับมาบ้านทุกวัน ไม่ไยดีกับเธอเหมือนก่อน วันทั้งวันพร่ำหาแต่แม่ที่จากไปอย่างไม่หวนคืนแต่ไม่นาน...แม่ของเธอขึ้นสวรรค์ไม่ทันครบขวบปี พ่อกลับมีผู้หญิงคนใหม่ นัยว่ารู้จักเพราะติดต่องาน สุดท้ายผานิตม่ายสาวที่มีลูกติดหนึ่งคนก็เข้ามาแทนที่แม่ของเธอโดยสมบูรณ์ เข้ามาอยู่ในบ้านพร้อมกับ
“ยัง”“แล้วใครซื้อยาพวกนี้มาให้”เขายังนอนคว่ำหน้านิ่ง ณิชามองเสี้ยวหน้าคมที่เบี่ยงไปอีกทาง เห็นว่าเขาหลับตาพริ้มอยู่ จึงไม่อยากกวนอีก...แต่พอมองยาในมือก็ผุดคำถามอย่างลืมตัว“หมอแพทเอามาให้ใช่ไหม”เงียบ ไม่มีเสียงตอบ ณิชาจึงเบนความสนใจมายังสิ่งที่ต้องทำ...ทำเพราะไถ่โทษให้ตัวเองหรอกนะ...พยายามท่องบอกตัวเองไว้ตอนแรกคิดว่าจะทำๆ ไปให้เสร็จ แต่พอเริ่มใช้ไม้พันสำลีชุบยาจากหลอดป้ายลงบนผิวที่มีรอยแดง บางแห่งออกสีช้ำ หญิงสาวกลับทำอย่างแผ่วเบา ระมัดระวังอย่างที่สุด กลัวว่าเขาจะเจ็บแล้วสะดุ้งตื่นณิชาบอกตัวเองไม่ได้ว่าใช้เวลาไปนานเท่าไรกับภารกิจที่เพิ่งเสร็จลง หล่อนตั้งใจทำจนลืมทุกสิ่ง เมื่อสังเกตคนตัวใหญ่จึงเห็นว่าเขายังนอนนิ่งเช่นเดิม ลมหายใจสม่ำเสมอ เอียงคอมองอย่างประหลาดใจ...แปลกใจทั้งตัวเองและเขาหลับง่ายขนาดนี้เชียว ไม่กลัวถูกบีบคอตายคาเตียงหรือไง ทำเราไว้ดีนักณิชาคิดอย่างเขม่น ก้มมองยา เห็นยังมียาเม็ดอยู่ในถุงอีกสองขนานก็คิดต่ออย่างกังขายาทานหลังอาหาร...ตื่นมาเขาคงจัดการเองเมื่อคิดว่าตนหมดหน้
ดวงหน้าคมสันที่มีหนวดเคราสั้นๆ ประดับทั่ว ผนวกกับกายกำยำสูงใหญ่ เมื่อเจ้าตัวชำเลืองมองคล้ายจะค้อนจึงกลายเป็นภาพที่ทำให้ณิชาเบิกตามองนิ่ง ถูกความตะลึงงันเข้าครอบงำหล่อนไม่เข้าใจ...เดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไร...นอกเหนือจากนั้น ณิชาคิดว่าท่าทางเมื่อกี้ไม่เห็นจะเข้ากับเขาเลยเมื่อจู่ๆ คนที่เธอนั่งจับตามองหันขวับมา ณิชาถึงกับสะดุ้งโหยง พอเขาก้าวอาดๆ มาหา หญิงสาวก็กรีดร้องโวยวาย หล่อนตกใจ กลัวแสนกลัว ถ้าเขาจะทำอะไรขึ้นมา ณิชาคงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แน่นอน“อย่านะ อย่าทำนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคุณ ฮือๆ ไม่เอานะ”คนร่างเล็กดิ้นขลุกขลัก ร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะฝืน เมื่อถูกประชิดถึงและโอบไว้ทั้งตัว แต่ไม่กี่วินาทีก็รับรู้ถึงข้อมือสองข้างที่ถูกมัดไพล่หลังนั้นหลุดจากกัน สติถึงค่อยๆ คืนร่าง ดวงตาหวานช้อนมอง เขาถอยไปทางปลายเท้าเธอและแก้มัดด้วยท่าทีกระแทกกระทั้น กระทั่งเสร็จก็ดึงเข็มขัดหนังเนื้อดีออกไป ณิชาสูดปากเมื่อถูกมันครูดผิวจนรู้สึกเจ็บ“เบาๆ ก็ได้ ถลอกหรือเปล่าก็ไม่รู้”“แค่นี้ทำบ่น...มันน้อยไปด้วยซ้ำ”“แสดงว่าคุณตั้งใจ เ
“อย่างนั้นเลยหรือคะ แล้วน้องนิดจะเป็นยังไงบ้าง ลดาเป็นห่วงจังค่ะ” เสียงครางถามจากคนที่มีสีหน้าสุดแสนกังวล มือยังถือเครื่องมือสื่อสารไว้มั่น หลังจากมีสายเรียกเข้ามาและเธอก็สนทนาอยู่เป็นพักแล้วคนร่างใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มและกางเกงสแล็กซ์สีดำอย่างพร้อมออกไปทำงาน หากเวลานี้ยังนั่งเอนบนเก้าอี้สานต้องหยุดหยอกเย้ากับทารกน้อยตัวกลมที่นั่งทับหน้าท้องแกร่งอยู่ เขารอฟัง จนเธอตัดสายแล้วหันมาหาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี“มีอะไรหรือลดา แล้วใครโทร.มา”“คุณสุดา พนักงานร้านคุณแหววค่ะ” ปิ่นลดาตามมานั่งใกล้ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น “คุณใหญ่รู้ไหมคะว่าน้องนิดออกจากบ้าน แล้วไปทำงานเป็นพนักงานในร้านคุณแหวว คุณแหววก็เจอหน้ากันแล้ว แต่คงไม่รู้จักกัน คุณแหววเลยไม่ได้บอกลดา แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ คุณสุดาเล่าว่าเมื่อคืนลูกน้องคุณวินทร์ไปถามหาที่อยู่ใหม่ของน้องนิดกับเธอ เธอตกใจ ก็แต่ละคนยังกับลูกน้องมาเฟียเลยนี่ เลยบอกไปทั้งหมด”“แล้วยังไง”รัชตะเลิกคิ้วถาม สีหน้าบอกชัดว่าไม่รู้อยู่ดีว่าภรรยาสาวอยากให้เขาทำอะไร หรือ
“ไปเอากุญแจรถ” เสียงสั่งเข้มจากเจ้าของสีหน้าถมึงทึง ทำให้ลูกน้องที่อยู่ใกล้ต้องรีบทำตามคำสั่ง ไม่กี่วินาทีของที่ต้องการก็มาส่งถึงมือรถสปอร์ตราคาแพงลิบกระชากตัวออก ตามด้วยรถจิ๊ปสปอร์ตอีกสองคัน จากบ้านหลังใหญ่แล่นผ่านถนนกลางเมือง ผ่านห้างสรรพสินค้าดัง แล้วทะลุเข้าซอยหนึ่งอย่างรู้เป้าหมาย จนมาจอดหน้าหอพักสี่ชั้นในเวลาไม่ถึงสิบนาทีร่างสูงใหญ่ในรถคันแรกที่มาจอดก้าวออกมา ตามด้วยลูกน้องจากรถสองคันหลัง ซึ่งประกบเจ้านายทันที“ที่นี่ใช่ไหม”“ใช่ครับนาย คุณสายสุดาพนักงานของคุณแหววบอกผมเอง ไม่ผิดแน่ครับ ห้องของคุณณิชาอยู่ชั้นสาม ห้องสามศูนย์เจ็ด”แล้วคนกลุ่มนั้นก็เดินฝ่าสายตาสงสัยใคร่รู้ของทั้งเหล่าไทยมุงและไม่ตั้งใจมุงจากเหตุการณ์ก่อนหน้า จนมาถึงประตูกรุกระจก ทำท่าผลักเข้าไปเพื่อขึ้นบันไดไปยังที่ที่ตั้งใจไว้“ดะ...เดี๋ยวค่ะ พวกคุณเป็นใคร เข้าไปไม่ได้นะคะ หยุดก่อนค่ะ”เจ้าหน้าที่ธุรการหอพักเพิ่งจะตั้งสติได้ รีบออกมาขวาง“ผมจะขึ้นไปหาณิชา เมื่อกี้เกิดเรื่องไม่ดีกับเธอใช่ไหม”“ณิ
“แล้วอีกสองเบอร์”“ตอนแรกคิดว่าเป็นป้าสดใส คิดว่าแกเปลี่ยนเบอร์ แต่ตอนนี้อาจไม่ใช่ แต่ฉันยังไม่ได้โทร.กลับใครสักคน”“แล้วที่เธอพูดเหมือนว่ารู้ตัวคนทำล่ะ รู้จริงหรือมั่นใจแค่ไหน”“ฉันเพิ่งมีปัญหากับนายไรวินทร์ เขาต้องการให้ฉันออกจากบ้านนานแล้ว แต่ฉันมันดื้อด้านเอง จนเขาเพิ่งทำสำเร็จเมื่อวาน เขาไล่ฉันออกมา”น้ำเสียงสั่นเครือของณิชา ทำให้บัวบูชาเบิกตาค้าง สงสารเพื่อนจับใจ แต่ด้วยความที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ไม่รู้ว่ายังมีเบื้องลึกเบื้องหลังอื่นอีกหรือเปล่า จึงงดแสดงความเห็นไว้ก่อน“ส่วนหมอแพทก็เคยบอกให้ฉันอยู่บ้านนั้นจนกว่าพร้อมย้ายออก ฉันไม่คิดว่าเธอจะมีส่วนได้เสียกับการอยู่หรือไปของฉัน รายนี้คงตัดออก นอกนั้นฉันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใครอีก”“แต่เราไม่มีหลักฐานชี้ไปที่คุณไรวินทร์นะนิด เดี๋ยวจะกลายเป็นการปรักปรำเขา”“ฉันจะเริ่มจากเบอร์โทร.สองเบอร์ที่ไม่รู้จักนี้ เมื่อฉันออกจากบ้านมาแล้ว นายไรวินทร์หรือคนของเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะติดต่อฉันอีก นอกจากอยากได้เบาะแสตามรังควาน
ตีห้าของวันใหม่ คนร่างบางพลิกกายไปมา ก่อนจะปรือตาตื่นด้วยอากาศที่เย็นลงจนไม่อาจทนนอนขดตัวบนเตียงได้อีกภาพที่เห็นหลังจากลืมตา ภายในห้องที่ไม่คุ้นเคยทำให้ณิชานิ่งงันหลายวินาที จนตื่นเต็มตา ลุกขึ้นมาเปิดหน้าต่าง ทำความรู้จักกับที่พักพิงของตนข้างนอกหน้าต่าง พระอาทิตย์ทอแสงเคลียเส้นขอบฟ้ารำไร เสียงนกร้องจิ๊บๆ ที่กำลังออกหากิน ทำให้เช้านี้กับสถานที่ใหม่ดูตื่นตาและมีชีวิตชีวาขึ้นทีเดียวระเบียงทอดยาวตลอดความยาวห้องพัก ทำให้นึกถึงซุ้มกล้วยไม้ที่เธอทิ้งมา แรกทีเดียวดวงตาสลดลง แต่เมื่อมองระเบียงอีกรอบ เรียวปากสวยก็แย้มกว้าง“ถ้ากล้วยไม้ในซุ้มมาอยู่ที่ระเบียง แขวนเป็นแนวไว้คงดีไม่น้อย”ณิชาหมายมั่นปั้นมือว่าจะทำสิ่งที่คิดให้เป็นจริงให้ได้ หล่อนมองอยู่เป็นพัก ต่อเมื่อนึกได้ว่าเช้านี้ยังมีหลายอย่างต้องทำก่อนเข้าทำงานจึงรีบเข้าห้องน้ำ จัดการตัวเองโชคดีที่ห้องน้ำยังมีเครื่องทำน้ำอุ่น อากาศเย็นจัดของช่วงหน้าหนาวในเชียงราชจึงไม่ทำให้ณิชาแข็งตายเพราะความเย็นของน้ำเสียก่อนคิดไปคิดมา ณิชาก็เริ่มติดใจห้องพักนี้เสียแล้วเกือบครึ่งชั่วโมง หญิงสาวออกจากห้องน้ำในชุดเสื้อตัวโคร่งและกางเกงขายาวผ้ายืด ชุดเดิ
“บ้า บอกรักกันง่ายๆ ได้ยังไง ฉันเขินหมด” ฟังจากน้ำเสียง เจ้าตัวคงรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ จนณิชาต้องหัวเราะ แล้วบอกชื่อหอกับกับเส้นทางให้บัวบูชารู้ ก่อนจะตัดสายจากกัน พลันก็มีสายไม่รู้จักโทร.เข้ามา เป็นสายเดิมที่เคยโทร.หาตอนเธอปิดเครื่องเมื่อกลางวัน ณิชาตัดสินใจตัดสายและปิดเครื่องอีกครั้ง เธอตั้งใจตัดขาดจากทุกคนสักระยะ รอให้ตัวเองเข้มแข็งพอแล้วค่อยเผชิญหน้าใหม่...แล้วจึงมุ่งตรงไปยังที่พักใหม่ของตนเพราะเจ้าของหอบอกแกมขู่ว่ามีคนมาติดต่อขอดูห้องอยู่ ถ้าตัดสินใจช้า ห้องอาจหลุดเป็นของคนอื่น ณิชาเลยยอมกระโดดลงหลุมพรางด้วยการจ่ายมัดจำพร้อมกับจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าเดือนแรก แลกกับการได้กุญแจห้องพักมาถือไว้ในมืออย่างอุ่นใจ...ตอนนี้แหละที่รู้ว่าตัดสินใจถูกแล้ว“คุณณิชาปิดมือถือไปอีกแล้วครับ แต่เมื่อครู่เธอเปิดเครื่อง ผมดักสัญญาณหาตำแหน่งได้ทัน จุดที่เธอกำลังอยู่เป็นกลางเมือง ไม่ห่างจากบ้านเรานะครับ”เบนยื่นเครื่องมือสื่อสารให้ไรวินทร์ดูหน้าจอ สีหน้าของชายหนุ่มดีขึ้น จากที่เคร่งเครียดมาตั้งแต่หัวค่ำ หลังจากกลับเข้าบ้านแล้วพบว่าเบนยังไม่ได้เบาะแสใดๆ ของณิชา ให้คนไปดักรอที่ร้านของเพื่อนเธอก็ไร้ผล“นี่ม
ไรวินทร์ขับรถสปอร์ตคู่ใจออกทางถนนสายเลี่ยงเมือง เพื่อจะไปในเส้นทางออกนอกเมือง เป้าหมายเพื่อชมวิวและใช้ตัวเองอยู่กับความคิด เมื่อกว่าปีก่อน พอคิดว่าถึงเวลาลงหลักให้กับธุรกิจตัวเอง ไรวินทร์เลือกเมืองเชียงราชตามคำชวนของแพทริเซียอย่างไม่รีรอ เพราะรู้ทำเลและที่ตั้งของเมืองจากแผนที่และข้อมูลข่าวสาร รู้ถึงอนาคตของเมืองว่าจะเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ในแถบภูมิภาค เหมาะอย่างยิ่งที่จะย้ายฐานจากเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลียมายังที่แห่งนี้...ในตอนนั้นไรวินทร์มองเห็นเท่านี้จริงๆ แต่พอมาถึง จึงได้พบว่ามันมีมนต์เสน่ห์มากกว่าที่คาด ซึ่งหากไม่ได้สัมผัสเองก็คงไม่รู้ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ยังสมบูรณ์ อากาศกำลังดี แทบไม่น่าเชื่อว่าเมืองที่สมบูรณ์ในทุกด้านแบบนี้จะอยู่ใกล้แค่เอื้อม ในตอนนั้นไรวินทร์คิดว่าโชคดีที่ค้นพบ...มันดีที่สุดสำหรับธุรกิจเขา หากเมื่อถึงเวลานี้ ความตั้งใจที่จะฟอร์มงานให้อยู่ตัวแล้วจะย้ายตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ตามประสาคนชอบเดินทางกลับต้องลังเล เขาตอบรับการซื้อบ้านกึ่งตึกสองชั้น รูปทรงเทอะทะ หากจะมองในสายตาของสถาปนิกเก่า แค่สิ่งก่อสร้างที่ไร้รสนิยมดีๆ นี่เอง แต่พอรู้เรื่องราวความเป็นไ
“บอสคะ คุณไรวินทร์มาพบค่ะ” เสียงจากอินเตอร์คอมทำให้คนนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานอย่างผ่อนคลาย สายตาไล่ตามเอกสารต้องเลิกคิ้ว ก่อนยื่นมือกดตอบกลับเลขาฯ ทรงประสิทธิภาพแล้วปิดแฟ้มเอกสารนั้น วางคืนบนโต๊ะ “เข้ามาเลย ผมรออยู่” สิ้นคำแทบจะทันที ประตูห้องก็ถูกเคาะอย่างพอเป็นพิธีก่อนถูกเปิดออก ตามด้วยชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงยีนส์เดินเข้ามา เขานั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะอย่างไม่รอคำเชิญ “ผมอยากเร่งสร้างออฟฟิศ ให้เสร็จก่อนหน้าร้อนปีหน้าได้ยิ่งดี” คนที่โทรศัพท์เข้ามาเมื่อสิบนาทีก่อนว่าจะมาพบเพราะมีธุระสำคัญจะคุยด้วยเข้าเรื่องอย่างไม่ให้เสียเวลา “เหลือเวลาอีกแค่แปดเดือน” “อีกตั้งแปดเดือนต่างหาก คุณใหญ่ช่วยผมได้ไหม” “ได้สิ จะมีปัญหาอะไร เรื่องแค่นี้เอง” รัชตะว่าเสียงเนิบ เหลือบมองคนยังตีหน้านิ่งแล้วถาม “ว่าแต่ทำไมถึงเปลี่ยนกำหนดการสร้างเสร็จล่ะ มีเหตุผลอะไร พอจะบอกได้ไหม” “ผมจะย้ายพนักงานมาที่เชียงราช สัญญาเช่าตึกออฟฟิศที่เพิร์ธหมดในกลางปีหน้า จะได้ย้ายมาจัดทีมใหม่ที่นี่ทีเดียว” “หมายความว่าคุณจะย้ายฐานบริษัทมาตั้งที่นี่เลยใช่ไหม” “ใช่” “คุณจะปักหลักที่เชียงราช?” พ