เมื่อคนแปลกหน้า นัยว่าเป็นเศรษฐีใหม่เข้ามาในเชียงราช เขากว้านซื้อบ้าน ที่ดินและทรัพย์สินที่ตกทอดมาตั้งแต่ต้นตระกูลของ ณิชา ไป ทายาทที่เหลือเพียงคนเดียว แถมยังสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างเธอจะทำอย่างไรได้ นอกจากทำใจยอมรับ คิดจะหลีกทางให้อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวที่สุด แต่นั่นไม่นับรวมถึงการถูกทำร้ายจิตใจ ดูหมิ่นเกียรติไม่เว้นวัน มันทำให้ณิชาสุดจะทน...จากที่คิดจะถอยอย่างสงบ จึงฮึดสู้ขึ้นมาบ้าง คอยดูนะ เผลอเมื่อไหร่ ณิชาคนนี้จะตลบหลัง เอาทุกอย่างคืนมาให้หมด! ส่วน ไรวินทร์ คนอย่างเขาคงไม่เหมาะกับการปิดทองหลังพระจริงๆ สำหรับแม่คุณหนูตกอับอย่างณิชาคงเข้ากับสำนวนไทยที่ว่าทำคุณบูชาโทษแท้เชียว เมื่อเสียเงินไปก็มาก แต่เจ้าตัวยังทำตัวร้ายกาจไม่เลิก เขาก็หมดความอดทนได้เหมือนกัน แม่จอมวายร้าย งั้นมาลองดูกันสักตั้งไหม ว่างานนี้ใครจะอยู่หรือใครจะไป!
View Moreเสียงรถดังฝ่าความเงียบสงัดของราตรีกาล กระทั่งมาเบรกเอี๊ยดตรงหน้าบ้านหลังใหญ่ ทำให้คนที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงพร้อมกับถือหนังสือในมือต้องวางมันลงข้างตัว หล่อนนิ่งฟังความเคลื่อนไหวด้านนอก จนมั่นใจว่าคนมาใหม่ได้เข้ามาในบ้านแน่นอนแล้ว จึงหย่อนเท้าลงกับพื้นเย็นเฉียบ แล้วตรงไปกดปิดสวิตช์ไฟข้างประตู
ความมืดปกคลุมทั่วห้องขนาดกว้างขวางหากจะคิดว่ามีเพียงหล่อนที่อาศัยอยู่คนเดียว ณิชาใช้แสงสว่างจากด้านนอกที่ยังลอดผ่านขอบล่างของบานประตูเข้ามา นำทางกลับไปยังเตียงนอนที่เข้ามายึดไว้เป็นเวลากว่าปีแล้ว ดวงตาหวานเพ่งมองหนังสือนิยายโรมานซ์เล่มหนา หน้าปกสวยงามดูคลาสสิกที่ยังเห็นในความสลัว หยิบมันมาถือไว้แล้วถอนใจยาว บ่นพึมพำตามลำพัง “คืนนี้ไม่ได้ทำงานอีกแล้ว ใกล้จะถึงเดดไลน์ แต่ยังแปลงานส่ง บก.ครึ่งแรกไม่ได้เลย ตายแน่ๆ ยายนิดเอ๊ย! ถ้าจับงานสำนักพิมพ์นี้ไว้ไม่ได้ อนาคตเธอมืดมนแน่” เจ้าของเสียงบ่นหย่อนกายนั่งแกว่งเท้าอยู่ขอบเตียง แล้วนิ่วหน้าเมื่อได้ยินเสียงห้าวเคล้ากับเสียงของหญิงสาวที่เธอไม่คุ้นเคย จะให้คุ้นได้อย่างไร ในเมื่อผู้หญิงที่เข้ามาในบ้านแต่ละคืนไม่เคยซ้ำหน้ากันเลย และจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งยามที่แพทริเซีย แพทย์หญิงคนเก่งที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงเธอไม่อยู่ ณิชากัดริมฝีปากแน่น นึกชิงชังเจ้าของเสียงห้าวนั้นเหลือเกิน ครั้งแรกหล่อนเจ็บปวดหัวใจเหลือจะกล่าวเมื่อรู้ว่าบ้านที่เป็นสมบัติตกทอดมาตั้งแต่ต้นตระกูลของมารดาต้องตกอยู่ในมือของคนอื่น แต่ก็ยอมรับความจริง หญิงสาวพอจะทำใจได้ ถึงแม้ต้องกล้ำกลืนฝืนทนก็ไม่ดึงดันละว่าบ้านที่อาศัยมาตั้งแต่จำความได้ ตอนนี้กลายเป็นสิทธิ์เด็ดขาดของคนข้างนอกนั่นไปแล้ว แต่ยังมีสิ่งที่ทำให้เธอปวดร้าวอยู่ทุกคืนวัน ไม่อาจทำใจยอมรับได้สักครั้ง เมื่อเห็นตำตาว่าคนที่เข้ามาครอบครองใหม่ไม่เคยจะให้เกียรติบ้านหลังนี้เลย เขาทำเหมือนบ้านที่เคยเป็นของครอบครัวเธอไม่มีความหมาย บ้านที่พ่อกับแม่รักนักหนาคงกลายเป็นแค่สมบัติชิ้นหนึ่งในจำนวนไม่รู้ตั้งเท่าไรของเขา จึงได้ทำตามใจปรารถนา โดยไม่ใส่ใจอะไรเลย ณิชาเอนกายลงกลางเตียง หลังจากลังเลอยู่เป็นครู่ว่าจะเปิดไฟหัวเตียงแล้วนั่งทำงานเงียบๆ มีความมืดห้อมล้อมเป็นเกราะกำบังดีไหม แต่สุดท้ายเมื่อหูยังแว่วเสียงหัวเราะคิกด้านนอกอยู่ จึงรู้ว่าให้ตายอย่างไร สมาธิทำงานคงไม่เกิดแน่ในคืนนี้ หญิงสาวหลับตา พร่ำถามกับตัวเองเหมือนเช่นทุกคืนวัน เมื่อไหร่เหตุการณ์ซ้ำๆ แบบนี้จะจบลงสักทีนะ เมื่อไหร่สวรรค์จะหาทางออกให้เธอเจอ หรือเมื่อไหร่เขาคนนั้นจะจากที่นี่ไปเอง…สายมากแล้ว หน้าต่างในห้องนอนชั้นล่างที่หันไปทางด้านหลังของบ้านหลังโอ่โถงถึงถูกผลักเปิดรับแสงสว่างให้สาดส่องเข้ามา ณิชาหรี่ตาลงเมื่อม่านตายังไม่สามารถปรับรับแสงจ้าได้ทันที
มือเรียวขาวยกขึ้นปกป้องดวงตา หลายสิบวินาทีถึงค่อยๆ ลดลงพร้อมกับปรือเปิดเปลือกตาขึ้นมาใหม่ จนเมื่อสายตาปรับโฟกัสรับภาพเบื้องหน้าได้ ดวงตาหวานก็เบิกโต ผู้ชายร่างสูงในเสื้อทีเชิ้ตสีเทากับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มอยู่ในซุ้มกล้วยไม้ที่กำลังออกดอกสะพรั่งนั้นทำให้เธอไม่อาจละสายตา มองข้ามไปได้ มันไม่ใช่ภาพชวนมอง ให้ตายอย่างไรณิชาก็ไม่ปรารถนาให้ผู้ชายคนนั้นมาปรากฏอยู่ในคลองจักษุของตัวเองแน่ หากเมื่อเขาเข้าไปอยู่ในสถานที่สุดรักสุดหวง และด้วยท่าทางไม่น่าไว้วางใจก็ทำให้คนในห้องส่วนตัวต้องจับตามองอย่างระแวง ครั้นมือหนาเอื้อมแตะกลีบดอกคัทลียาที่ห้อยย้อยเป็นพวงจากกระถางเหนือศีรษะ คนเฝ้ามองตาไม่กะพริบต้องกลั้นลมหายใจ และแค่ไม่กี่วินาทีต่อมา หัวใจของเธอก็โลดแรงขึ้น ดอกกล้วยไม้สีขาวบอบบางถูกปลิดหลุดจากขั้วมาอยู่ในมือของเขา ณิชาอยากกรีดร้องให้สุดเสียง ถ้ามันทำให้หัวใจที่อัดแน่นด้วยความเกลียดชังบรรเทาลงได้ แล้วดอกไม้ช่อสวยก็ร่วงลงสู่พื้น เขาก้าวข้ามอย่างไม่ไยดี จนคนเฝ้ามองสุดจะทนอีกต่อไป “คุณไม่มีสิทธิ์เข้าไปในซุ้มกล้วยไม้” เจ้าของเสียงหวานใส ที่ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าโผล่พรวดมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกระชากเสียงถาม อย่างที่ไม่ต้องเดาอารมณ์ละว่ากำลังเป็นแบบใด คนร่างสูงใหญ่ที่เมื่อเข้าไปยืนใกล้ ก็ยิ่งรับรู้ว่ายิ่งสูงกว่าที่เธอคิดนักค่อยเบือนหน้ามา ชั่ววินาทีณิชาถึงกับกลั้นลมหายใจเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคมที่ล้อมกรอบด้วยขนตาหนาที่จ้องมาทางเธอ “เธอว่าอะไรนะ ใครไม่มีสิทธิ์” เสียงห้าวทุ้มเปล่งเบาๆ หากกระแสเสียงช่างเขย่าขวัญคนในชุดเสื้อกล้ามกระชับลำตัวกับกางเกงเนื้อผ้านุ่มที่เกาะเกี่ยวเอวกลมกลึงลู่ผ่านสะโพกผายตึงนั้นนัก...และเจ้าของดวงตาคมก็ไม่พลาดที่จะมอง ผิวกายของณิชาร้อนวูบเมื่อถูกสายตาจ้วงจาบโลมไล้ทั่ว แต่เมื่อพาตัวเองมาอยู่ตรงนี้แล้ว สิ่งที่ทำได้คือเร่งเรียกความกล้าออกมา ก่อนจะทำเรื่องน่าอายโดยการหันหลังกลับเสียดื้อๆ “ฉันเคยขอหมอแพทว่าซุ้มกล้วยไม้จะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของฉัน ห้ามพวกคุณยุ่งเกี่ยว หมอแพทก็รับปาก...ดังนั้นคุณไม่ควรเหยียบย่างเข้ามาด้วย” “ทำไมฉันถึงเข้ามาในนี้ไม่ได้ ในเมื่อทุกตารางนิ้วในบ้านเป็นสิทธิ์ของฉัน และการที่เธอบอกว่าขอแพทเอาไว้ มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน ฉันเป็นฉัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใคร” คนตัวโตที่มีรูปลักษณ์เป็นฝรั่งเสียครึ่งค่อนย้ำเสียงเข้มอย่างช้าๆ ชัดๆ มันชัดเสียจนคนฟังนึกโมโหอย่างไร้เหตุผล “แต่...พวกคุณ” หญิงสาวเค้นเสียงได้แค่นั้นก็หยุดลง สมองเชื่องช้าอย่างน่าขัดใจ คงเพราะเรือนกายหนาใหญ่ที่เห็นหลอกตาว่าสูงเพรียวนั้นช่างข่มขวัญ อีกทั้งดวงตาคมกริบที่จ้องมองเธอก็ทอประกายประหลาด ชายหนุ่มก้าวขยับไปหาก้าวหนึ่ง ณิชาก็ถอยกรูดโดยอัตโนมัติ ยกสองมือขึ้นกอดอกเป็นเชิงปกป้องตัวเอง...ทั้งที่เมื่อครู่ยังรู้สึกเหมือนผิวกายถูกไฟสุมหมาดๆ แต่ตอนนี้เธอกลับหนาวคล้ายจะจับไข้ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “พวกคุณ? เธอหมายถึงใคร” ไรวินทร์ยกมือเท้าเอวสอบ ท่อนขากางออกน้อยๆ ท่าทางราวกับราชสีห์ที่พร้อมตะครุบแม่กวางน้อยที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาในกรงเล็บ “ซุ้มกล้วยไม้เป็นของรักของคุณพ่อ ฉันไม่ต้องการให้ใครเข้ามาวุ่นวาย และฉันก็ดูแลกล้วยไม้ทุกกอทุกกระถางอย่างดี แต่คุณมาเด็ดมันทิ้ง คุณทำลายมันทำไม” “แค่นี้นะเหรอที่ทำให้เธอเป็นเดือดเป็นร้อน” เขาอุทานเสียงสูง เรียวคิ้วหนาเลิกขึ้น แลคล้ายประหลาดใจ แต่ณิชารู้หรอกว่าเสแสร้งชัดๆ จนเมื่อคำท้ายหลุดออกมา ดวงหน้าเธอถึงกับร้อนผ่าว “ไร้สาระจริงๆ” แล้วเรือนร่างบอบบางทว่ากลมกลึงได้สัดส่วนที่ยืนนิ่งอยู่นั้นถึงกับผงะเซแทบล้ม เมื่อกายหนาเคลื่อนเฉียดกระแทกออกไป ไม่ต้องให้ใครบอกณิชาก็รู้ว่าเขาตั้งใจทำหยาบคายกับเธอ หล่อนหันมองตามคนที่ย่างเท้าออกไปอย่างมั่นใจ มือบางกำแน่น เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อไม่อาจทำอะไรเขาได้ “คนจิตใจหยาบกระด้าง จอมทำลาย น้ำหน้าอย่างคุณไม่เหมาะที่จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ คุณมันคนหยาบ ไม่คู่ควรจะเข้ามาอาศัยด้วยซ้ำ” ได้ผลชะงัดนัก เมื่อได้ปล่อยคำที่อัดอยู่ในอกออกไป คนร่างใหญ่ถึงกับชะงักเท้า ณิชาเกร็งตัวรับสถานการณ์ ถ้าเลือกได้หล่อนก็ไม่โง่ที่จะต่อกรกับคนคนนี้ซึ่งหน้า แต่ถ้าให้ทนอยู่นิ่งเฉย ทั้งที่เห็นอยู่ตำตาว่าข้าวของของพ่อแม่ที่เหลือไว้ให้ดูต่างหน้า ให้เธอเป็นกำลังใจนั้นถูกเขาย่ำยีอยู่ทุกวี่วัน โดยไม่คิดทำอะไรเลย เธอคงเป็นลูกอกตัญญูเกินไป แต่สิ่งที่ณิชานึกหวั่นก็ไม่ได้เกิดขึ้น ผู้ชายคนนั้นแค่หยุดนิ่ง เขาหยุดหลายวินาที นานพอจะให้เธอต้องกลั้นลมหายใจรอจนปวดแสบในอก ก่อนเดินต่อเข้าบ้านเสียอย่างนั้น ทิ้งให้หญิงสาวยืนมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยหัวใจเต้นระรัวอยู่ลำพัง จนก้อนเนื้อเท่ากำปั้นที่ฝังตัวอยู่ในอกซ้ายสงบลง ณิชาจึงผ่อนลมหายใจยาวเหยียด “ช่างเขา เราพูดความจริงนี่ จะโกรธก็ช่าง”ครบรอบแต่งงานปีที่สามของไรวินทร์กับณิชา ครอบครัวเล็กซึ่งประกอบด้วยสามีภรรยาและลูกน้อยสองคนเข้าไปในห้างใหญ่ใกล้บ้าน วันนี้ผู้คนบางตาด้วยเป็นวันธรรมดาณิชายังคงใช้ชีวิตเรียบง่ายแม้ธุรกิจของไรวินทร์จะประสบความสำเร็จเป็นที่กล่าวถึง ปรากฏอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจอยู่บ่อยๆ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีบัตรเชิญจากวงสังคมมาถึงหล่อนอยู่เสมอ หญิงสาวรู้ว่าปฏิเสธเด็ดขาดคงไม่เป็นการดี ดังนั้นจึงเดินในเส้นทางที่พอดี เลือกตอบรับเฉพาะงานที่ดูแล้วว่าเหมาะสมกับตัวเองและครอบครัวเท่านั้นสำหรับงานแปลหนังสือนิยายโรมานซ์ ณิชายังคงมีผลงานออกสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ แถมยังได้กลับไปทำงานในร้านคุณแหววเหมือนเดิมการเริ่มงานใหม่ในครั้งนี้ ณิชาทำในตำแหน่งผู้ช่วยของคุณแหวว ไรวินทร์ยินยอมเมื่อรู้ว่าเธอจะไม่ต้องเข้าร้านทุกวัน เพียงคอยดูแลเป็นหูเป็นตาอยู่เท่านั้นหญิงสาวในเครื่องแต่งกายเรียบหรูด้วยเดรสสีขาว มีผ้าลูกไม้เนื้อดีสีครีมคลุมทับกำลังเดินจูงมือเด็กชายวัยสองขวบ หน้าตาน่ารักน่าชัง เนื้อกายอวบอ้วนสมบูรณ์ ตามด้วยชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ซึ่งอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยวัยไม่ถึงขวบ ใบหน้าคม
ไรวินทร์เอนกายนอนบนเตียงนอน ในมือมีหนังสือนิยายโรมานซ์ภาคภาษาอังกฤษที่เป็นต้นฉบับ เขาเพิ่งรู้ว่าณิชายังมีงานแปลหนังสือเป็นอาชีพสำรองอยู่ และเจ้าตัวดูจะทำได้ดี เขาเห็นหนังสือภาพปกสวยงาม มีชื่อ ‘ณิชา’ ที่เขียนกำกับในฐานะคนแปลชายหนุ่มพลิกเปิดต้นฉบับอ่านแล้วอมยิ้ม นึกอยากเรียนเขียนอ่านภาษาไทยขึ้นมาตงิดๆ“คุณแอบอ่านอีกแล้ว”หญิงสาวมาหยุดยืนปลายเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำหน้ายู่ใส่เขา ดูเหมือนว่าหล่อนไม่ค่อยเต็มใจให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในงานนี้นัก จะด้วยเหตุผลอะไร ไรวินทร์ก็อยากรู้เหมือนกัน“คุณแม่ผมเคยเป็นครูสอนภาษาไทย เสียดายจริงๆ สมัยเด็กผมเกเร โดนจับเข้าห้องเรียนที่บ้านทีไรก็ตั้งท่าหนีอยู่เรื่อย กลายเป็นแพทที่เข้าไปเรียนแทน ไม่อย่างนั้นคงได้อ่านหนังสือแปลฝีมือคุณไปแล้ว”“นึกแล้วเชียว” ณิชาคลานขึ้นเตียงหาเขา แล้วแย่งหนังสือไปจากมือ “ยังไงนิดก็ไม่ให้คุณอ่านหรอก”“อายละสิ แต่ผมว่าหลังจากนี้คุณน่าจะแปลงานได้ลื่นไหลขึ้นนะ ผมเห็นบางตอนมันตรงกับประสบการณ์จริงของคุณ”เขา
ไรวินทร์พาหญิงสาวออกไปทางด้านหลัง ใกล้กับซุ้มกล้วยไม้ ดอกคัทลียาสีขาวกำลังห้อยย้อยเป็นพวง มีเกล็ดน้ำหลงเหลืออยู่เหมือนเพิ่งมีใครมาพ่นให้มันณิชาถอนหายใจจนอีกฝ่ายต้องถาม“เป็นอะไรไป”“นิดไม่ได้ดูแลกล้วยไม้เลยค่ะ ถ้าไม่คนมารดน้ำให้ สงสัยคงแย่ คนในครัวคงช่วยดูแลให้”ไรวินทร์เลิกคิ้ว เขาไม่ใช่พวกชอบทำดีเอาหน้า แต่การจะปล่อยให้ณิชายกความดีความชอบให้คนอื่นอยู่ร่ำไป มันก็ไม่ถูกนัก“ทำไมไม่คิดว่าเป็นคนอื่นล่ะ”“ใครคะ หมายถึงลูกน้องของคุณหรือ”“บ้านหลังนี้มีแค่พวกในครัวกับในศาลาหรือไง”“อย่าบอกนะว่าเป็นคุณ” ณิชาหรี่ตาถาม ทำสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ จนอีกคนหน้าบูด“แล้วทำไมถึงเป็นผมไม่ได้ กว่าผมจะรู้ว่าต้องรดน้ำยังไง ใส่ปุ๋ยสูตรอะไร ช่วงไหน ต้องอ่านตำราตั้งกี่เล่ม แถมยังต้องเปิดหาจากอินเทอร์เน็ตเพิ่มอีก นี่คุณไม่คิดจะชื่นชมผมบ้างหรือไง”“คุณวินทร์” ณิชาโถมเข้ากอดอย่างไม่อายใคร ทำไมผู้ชายที่ดูภาพพจน์ร้ายๆ ถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ “นิดไม่เคย
รัชตะเปลี่ยนเรื่องเสีย คิดว่าทรัพย์สินหลายชิ้นเก็บไว้ที่เดิมก่อนก็ได้ แต่ถ้าเป็นบ้าน...ณิชาอาจยอมรับไว้ เพราะเป็นของแทนใจจากพ่อแม่และสมบัติตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษของเธอ“นิด...บ้านก็ไม่ใช่ของนิดอีกนั่นแหละค่ะ” แม้เสียงเบาลง แต่ก็รู้ว่าเปลี่ยนใจกันยาก“ดื้ออย่างที่คิดไว้จริงๆ”ไรวินทร์บ่น แล้วเดินไปโกยเอกสารตั้งใหญ่มาเก็บไว้เอง รัชตะที่นั่งผ่อนคลายบนเก้าอี้ทำงานเหลือบมองหนุ่มรุ่นน้องด้วยสีหน้ายิ้มๆ“ถ้าจัดการอะไรไม่ได้ ก็อยู่กันอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ งั้นสิ”“ไม่เกินสองเดือนน่า”“แล้วจะคอยดู”พวกเขาพูดอะไรกันก็ไม่รู้ หันมองปิ่นลดาก็เห็นสีหน้าเปื้อนยิ้ม ประกายตามีแววลุ้นอยู่...ณิชารู้สึกเหมือนถูกกันนอกวงแม้ตอนแรกจะอยากได้บ้านและทรัพย์สินอื่นคืน ส่วนหนึ่งก็เพราะอคติที่มีต่อไรวินทร์ ไม่ใช่ความอยากได้อยากมี แต่พอวันนี้หล่อนเข้าใจเขาดีแล้ว ซาบซึ้งกับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ แค่นี้มันดีที่สุดแล้วสำหรับณิชา...แต่ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจเธอเลยนะไรวินทร์มาหยุดตรงหน้าณิชา หญิงสาวแหงน
ณิชามองคนท้วง ปกติไรวินทร์ไม่ใช่คนสนใจเรื่องจุกจิกพวกนี้ แต่นี่ถามอย่างกับเป็นเรื่องใหญ่“บัวเขาเมมเอง นิดก็ขี้เกียจเปลี่ยน แต่ก็ดีออก เวลาเขาโทร.รู้สึกเหมือนมีคนบอกรักทุกวัน”“ต่อไปไม่จำเป็นแล้ว ผมจะบอกรักคุณเอง”“ได้ยังไง ของบัวก็ส่วนบัวสิ เดี๋ยวบัวน้อยใจ...ส่วนของคุณ นิดก็อยากได้เหมือนกัน” ณิชายิ้มประจบ “ว่าแต่ทำไมถึงดูเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้จังเลย”ไรวินทร์ไม่ตอบ แต่สีหน้าและแววตาของเขา ณิชารู้ทันว่าแปลกไป ก่อนจะคลี่แย้มหวาน แววตาล้อเลียน“อย่าบอกนะว่าคุณคิดว่าเป็นคนอื่น” หล่อนยื่นหน้ายิ้มๆ ไปหา รุกเร้าจะให้เขาตอบเสียให้ได้ “ใช่แน่เลย อย่าคิดว่านิดไม่รู้นะว่ามือถือของนิด คุณก็เคยแอบเปิดดู”“แล้วไง ใครจะรู้ล่ะว่านั่นเพื่อนของคุณ เพื่อนประสาอะไรบันทึกชื่อกันแปลกๆ”“คุณสิแปลก เพื่อนรักกันมากก็เป็นกันอย่างนี้แหละ บางทีก็มีกอดให้กำลังใจกัน”“เพื่อนคุณมีแฟนหรือยัง”“ยัง”“แล้วเขาจะมีไหม”“
“คุณณิชาเพ้อเพราะป่วยหรือเปล่าคะ อย่ามาพูดอย่างนี้นะ ใส่ร้ายกันชัดๆ” สิริปกป้องตัวเองเสียงหลง ไม่คิดว่าเรื่องจะถึงตัวไวขนาดนี้ ไม่ทันได้เตรียมตัวหลบหลีกเลยไรวินทร์นั่งนิ่ง สอดมือโอบรอบเอวณิชา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เชื่อในตัวเธอ แต่มันไม่มีหลักฐานจริงๆ นอกจากการยืนยันของเธอแต่แค่พักเดียว เบนที่ยืนฟังอยู่ก็โพล่งออกมา“เนกไทหลายเส้นที่คุณสิริเอาเข้าไปในห้องของนายเมื่อวานซืนใช่หรือเปล่า”สิริเนื้อตัวชาวูบ ลืมไปได้อย่างไรว่าเดินสวนกับเบนตรงบันได และเขาก็เห็นชัดตา แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานตำตา หล่อนไม่ยอมรับเสียอย่าง ใครจะทำอะไรได้“หลายเส้นที่ไหนกันคะ ดิฉันจำได้ตอนเจอคุณเบน เป็นเนกไทของนายที่เอาไปซักรีดนั่นแหละ”“ผมติดตามนายมาหลายปี เสื้อผ้าทุกตัว ของส่วนตัวนายทุกชิ้น คิดว่าผมจำไม่ได้หรือ ผมก็ไม่ได้ฟั่นเฟือนขนาดลืมคำพูดคุณสิริที่บอกว่าคนที่โรงแรมของคุณอรุณวดีเอามาให้เพราะนายต้องการ...จะว่าไปมันก็เป็นไปได้ยาก เพราะมีคนดูแลเรื่องนี้ให้นายอยู่แล้ว แต่ยังคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวอื่นเลยไม่เอะใจตั้งแต่ตอนนั้น ทั้งที่จริงมันก็ไม่
Comments