เมื่อคนแปลกหน้า นัยว่าเป็นเศรษฐีใหม่เข้ามาในเชียงราช เขากว้านซื้อบ้าน ที่ดินและทรัพย์สินที่ตกทอดมาตั้งแต่ต้นตระกูลของ ณิชา ไป ทายาทที่เหลือเพียงคนเดียว แถมยังสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างเธอจะทำอย่างไรได้ นอกจากทำใจยอมรับ คิดจะหลีกทางให้อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวที่สุด แต่นั่นไม่นับรวมถึงการถูกทำร้ายจิตใจ ดูหมิ่นเกียรติไม่เว้นวัน มันทำให้ณิชาสุดจะทน...จากที่คิดจะถอยอย่างสงบ จึงฮึดสู้ขึ้นมาบ้าง คอยดูนะ เผลอเมื่อไหร่ ณิชาคนนี้จะตลบหลัง เอาทุกอย่างคืนมาให้หมด! ส่วน ไรวินทร์ คนอย่างเขาคงไม่เหมาะกับการปิดทองหลังพระจริงๆ สำหรับแม่คุณหนูตกอับอย่างณิชาคงเข้ากับสำนวนไทยที่ว่าทำคุณบูชาโทษแท้เชียว เมื่อเสียเงินไปก็มาก แต่เจ้าตัวยังทำตัวร้ายกาจไม่เลิก เขาก็หมดความอดทนได้เหมือนกัน แม่จอมวายร้าย งั้นมาลองดูกันสักตั้งไหม ว่างานนี้ใครจะอยู่หรือใครจะไป!
view moreเสียงรถดังฝ่าความเงียบสงัดของราตรีกาล กระทั่งมาเบรกเอี๊ยดตรงหน้าบ้านหลังใหญ่ ทำให้คนที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงพร้อมกับถือหนังสือในมือต้องวางมันลงข้างตัว หล่อนนิ่งฟังความเคลื่อนไหวด้านนอก จนมั่นใจว่าคนมาใหม่ได้เข้ามาในบ้านแน่นอนแล้ว จึงหย่อนเท้าลงกับพื้นเย็นเฉียบ แล้วตรงไปกดปิดสวิตช์ไฟข้างประตู
ความมืดปกคลุมทั่วห้องขนาดกว้างขวางหากจะคิดว่ามีเพียงหล่อนที่อาศัยอยู่คนเดียว ณิชาใช้แสงสว่างจากด้านนอกที่ยังลอดผ่านขอบล่างของบานประตูเข้ามา นำทางกลับไปยังเตียงนอนที่เข้ามายึดไว้เป็นเวลากว่าปีแล้ว ดวงตาหวานเพ่งมองหนังสือนิยายโรมานซ์เล่มหนา หน้าปกสวยงามดูคลาสสิกที่ยังเห็นในความสลัว หยิบมันมาถือไว้แล้วถอนใจยาว บ่นพึมพำตามลำพัง “คืนนี้ไม่ได้ทำงานอีกแล้ว ใกล้จะถึงเดดไลน์ แต่ยังแปลงานส่ง บก.ครึ่งแรกไม่ได้เลย ตายแน่ๆ ยายนิดเอ๊ย! ถ้าจับงานสำนักพิมพ์นี้ไว้ไม่ได้ อนาคตเธอมืดมนแน่” เจ้าของเสียงบ่นหย่อนกายนั่งแกว่งเท้าอยู่ขอบเตียง แล้วนิ่วหน้าเมื่อได้ยินเสียงห้าวเคล้ากับเสียงของหญิงสาวที่เธอไม่คุ้นเคย จะให้คุ้นได้อย่างไร ในเมื่อผู้หญิงที่เข้ามาในบ้านแต่ละคืนไม่เคยซ้ำหน้ากันเลย และจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งยามที่แพทริเซีย แพทย์หญิงคนเก่งที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงเธอไม่อยู่ ณิชากัดริมฝีปากแน่น นึกชิงชังเจ้าของเสียงห้าวนั้นเหลือเกิน ครั้งแรกหล่อนเจ็บปวดหัวใจเหลือจะกล่าวเมื่อรู้ว่าบ้านที่เป็นสมบัติตกทอดมาตั้งแต่ต้นตระกูลของมารดาต้องตกอยู่ในมือของคนอื่น แต่ก็ยอมรับความจริง หญิงสาวพอจะทำใจได้ ถึงแม้ต้องกล้ำกลืนฝืนทนก็ไม่ดึงดันละว่าบ้านที่อาศัยมาตั้งแต่จำความได้ ตอนนี้กลายเป็นสิทธิ์เด็ดขาดของคนข้างนอกนั่นไปแล้ว แต่ยังมีสิ่งที่ทำให้เธอปวดร้าวอยู่ทุกคืนวัน ไม่อาจทำใจยอมรับได้สักครั้ง เมื่อเห็นตำตาว่าคนที่เข้ามาครอบครองใหม่ไม่เคยจะให้เกียรติบ้านหลังนี้เลย เขาทำเหมือนบ้านที่เคยเป็นของครอบครัวเธอไม่มีความหมาย บ้านที่พ่อกับแม่รักนักหนาคงกลายเป็นแค่สมบัติชิ้นหนึ่งในจำนวนไม่รู้ตั้งเท่าไรของเขา จึงได้ทำตามใจปรารถนา โดยไม่ใส่ใจอะไรเลย ณิชาเอนกายลงกลางเตียง หลังจากลังเลอยู่เป็นครู่ว่าจะเปิดไฟหัวเตียงแล้วนั่งทำงานเงียบๆ มีความมืดห้อมล้อมเป็นเกราะกำบังดีไหม แต่สุดท้ายเมื่อหูยังแว่วเสียงหัวเราะคิกด้านนอกอยู่ จึงรู้ว่าให้ตายอย่างไร สมาธิทำงานคงไม่เกิดแน่ในคืนนี้ หญิงสาวหลับตา พร่ำถามกับตัวเองเหมือนเช่นทุกคืนวัน เมื่อไหร่เหตุการณ์ซ้ำๆ แบบนี้จะจบลงสักทีนะ เมื่อไหร่สวรรค์จะหาทางออกให้เธอเจอ หรือเมื่อไหร่เขาคนนั้นจะจากที่นี่ไปเอง…สายมากแล้ว หน้าต่างในห้องนอนชั้นล่างที่หันไปทางด้านหลังของบ้านหลังโอ่โถงถึงถูกผลักเปิดรับแสงสว่างให้สาดส่องเข้ามา ณิชาหรี่ตาลงเมื่อม่านตายังไม่สามารถปรับรับแสงจ้าได้ทันที
มือเรียวขาวยกขึ้นปกป้องดวงตา หลายสิบวินาทีถึงค่อยๆ ลดลงพร้อมกับปรือเปิดเปลือกตาขึ้นมาใหม่ จนเมื่อสายตาปรับโฟกัสรับภาพเบื้องหน้าได้ ดวงตาหวานก็เบิกโต ผู้ชายร่างสูงในเสื้อทีเชิ้ตสีเทากับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มอยู่ในซุ้มกล้วยไม้ที่กำลังออกดอกสะพรั่งนั้นทำให้เธอไม่อาจละสายตา มองข้ามไปได้ มันไม่ใช่ภาพชวนมอง ให้ตายอย่างไรณิชาก็ไม่ปรารถนาให้ผู้ชายคนนั้นมาปรากฏอยู่ในคลองจักษุของตัวเองแน่ หากเมื่อเขาเข้าไปอยู่ในสถานที่สุดรักสุดหวง และด้วยท่าทางไม่น่าไว้วางใจก็ทำให้คนในห้องส่วนตัวต้องจับตามองอย่างระแวง ครั้นมือหนาเอื้อมแตะกลีบดอกคัทลียาที่ห้อยย้อยเป็นพวงจากกระถางเหนือศีรษะ คนเฝ้ามองตาไม่กะพริบต้องกลั้นลมหายใจ และแค่ไม่กี่วินาทีต่อมา หัวใจของเธอก็โลดแรงขึ้น ดอกกล้วยไม้สีขาวบอบบางถูกปลิดหลุดจากขั้วมาอยู่ในมือของเขา ณิชาอยากกรีดร้องให้สุดเสียง ถ้ามันทำให้หัวใจที่อัดแน่นด้วยความเกลียดชังบรรเทาลงได้ แล้วดอกไม้ช่อสวยก็ร่วงลงสู่พื้น เขาก้าวข้ามอย่างไม่ไยดี จนคนเฝ้ามองสุดจะทนอีกต่อไป “คุณไม่มีสิทธิ์เข้าไปในซุ้มกล้วยไม้” เจ้าของเสียงหวานใส ที่ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าโผล่พรวดมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกระชากเสียงถาม อย่างที่ไม่ต้องเดาอารมณ์ละว่ากำลังเป็นแบบใด คนร่างสูงใหญ่ที่เมื่อเข้าไปยืนใกล้ ก็ยิ่งรับรู้ว่ายิ่งสูงกว่าที่เธอคิดนักค่อยเบือนหน้ามา ชั่ววินาทีณิชาถึงกับกลั้นลมหายใจเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคมที่ล้อมกรอบด้วยขนตาหนาที่จ้องมาทางเธอ “เธอว่าอะไรนะ ใครไม่มีสิทธิ์” เสียงห้าวทุ้มเปล่งเบาๆ หากกระแสเสียงช่างเขย่าขวัญคนในชุดเสื้อกล้ามกระชับลำตัวกับกางเกงเนื้อผ้านุ่มที่เกาะเกี่ยวเอวกลมกลึงลู่ผ่านสะโพกผายตึงนั้นนัก...และเจ้าของดวงตาคมก็ไม่พลาดที่จะมอง ผิวกายของณิชาร้อนวูบเมื่อถูกสายตาจ้วงจาบโลมไล้ทั่ว แต่เมื่อพาตัวเองมาอยู่ตรงนี้แล้ว สิ่งที่ทำได้คือเร่งเรียกความกล้าออกมา ก่อนจะทำเรื่องน่าอายโดยการหันหลังกลับเสียดื้อๆ “ฉันเคยขอหมอแพทว่าซุ้มกล้วยไม้จะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของฉัน ห้ามพวกคุณยุ่งเกี่ยว หมอแพทก็รับปาก...ดังนั้นคุณไม่ควรเหยียบย่างเข้ามาด้วย” “ทำไมฉันถึงเข้ามาในนี้ไม่ได้ ในเมื่อทุกตารางนิ้วในบ้านเป็นสิทธิ์ของฉัน และการที่เธอบอกว่าขอแพทเอาไว้ มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน ฉันเป็นฉัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใคร” คนตัวโตที่มีรูปลักษณ์เป็นฝรั่งเสียครึ่งค่อนย้ำเสียงเข้มอย่างช้าๆ ชัดๆ มันชัดเสียจนคนฟังนึกโมโหอย่างไร้เหตุผล “แต่...พวกคุณ” หญิงสาวเค้นเสียงได้แค่นั้นก็หยุดลง สมองเชื่องช้าอย่างน่าขัดใจ คงเพราะเรือนกายหนาใหญ่ที่เห็นหลอกตาว่าสูงเพรียวนั้นช่างข่มขวัญ อีกทั้งดวงตาคมกริบที่จ้องมองเธอก็ทอประกายประหลาด ชายหนุ่มก้าวขยับไปหาก้าวหนึ่ง ณิชาก็ถอยกรูดโดยอัตโนมัติ ยกสองมือขึ้นกอดอกเป็นเชิงปกป้องตัวเอง...ทั้งที่เมื่อครู่ยังรู้สึกเหมือนผิวกายถูกไฟสุมหมาดๆ แต่ตอนนี้เธอกลับหนาวคล้ายจะจับไข้ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “พวกคุณ? เธอหมายถึงใคร” ไรวินทร์ยกมือเท้าเอวสอบ ท่อนขากางออกน้อยๆ ท่าทางราวกับราชสีห์ที่พร้อมตะครุบแม่กวางน้อยที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาในกรงเล็บ “ซุ้มกล้วยไม้เป็นของรักของคุณพ่อ ฉันไม่ต้องการให้ใครเข้ามาวุ่นวาย และฉันก็ดูแลกล้วยไม้ทุกกอทุกกระถางอย่างดี แต่คุณมาเด็ดมันทิ้ง คุณทำลายมันทำไม” “แค่นี้นะเหรอที่ทำให้เธอเป็นเดือดเป็นร้อน” เขาอุทานเสียงสูง เรียวคิ้วหนาเลิกขึ้น แลคล้ายประหลาดใจ แต่ณิชารู้หรอกว่าเสแสร้งชัดๆ จนเมื่อคำท้ายหลุดออกมา ดวงหน้าเธอถึงกับร้อนผ่าว “ไร้สาระจริงๆ” แล้วเรือนร่างบอบบางทว่ากลมกลึงได้สัดส่วนที่ยืนนิ่งอยู่นั้นถึงกับผงะเซแทบล้ม เมื่อกายหนาเคลื่อนเฉียดกระแทกออกไป ไม่ต้องให้ใครบอกณิชาก็รู้ว่าเขาตั้งใจทำหยาบคายกับเธอ หล่อนหันมองตามคนที่ย่างเท้าออกไปอย่างมั่นใจ มือบางกำแน่น เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อไม่อาจทำอะไรเขาได้ “คนจิตใจหยาบกระด้าง จอมทำลาย น้ำหน้าอย่างคุณไม่เหมาะที่จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ คุณมันคนหยาบ ไม่คู่ควรจะเข้ามาอาศัยด้วยซ้ำ” ได้ผลชะงัดนัก เมื่อได้ปล่อยคำที่อัดอยู่ในอกออกไป คนร่างใหญ่ถึงกับชะงักเท้า ณิชาเกร็งตัวรับสถานการณ์ ถ้าเลือกได้หล่อนก็ไม่โง่ที่จะต่อกรกับคนคนนี้ซึ่งหน้า แต่ถ้าให้ทนอยู่นิ่งเฉย ทั้งที่เห็นอยู่ตำตาว่าข้าวของของพ่อแม่ที่เหลือไว้ให้ดูต่างหน้า ให้เธอเป็นกำลังใจนั้นถูกเขาย่ำยีอยู่ทุกวี่วัน โดยไม่คิดทำอะไรเลย เธอคงเป็นลูกอกตัญญูเกินไป แต่สิ่งที่ณิชานึกหวั่นก็ไม่ได้เกิดขึ้น ผู้ชายคนนั้นแค่หยุดนิ่ง เขาหยุดหลายวินาที นานพอจะให้เธอต้องกลั้นลมหายใจรอจนปวดแสบในอก ก่อนเดินต่อเข้าบ้านเสียอย่างนั้น ทิ้งให้หญิงสาวยืนมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยหัวใจเต้นระรัวอยู่ลำพัง จนก้อนเนื้อเท่ากำปั้นที่ฝังตัวอยู่ในอกซ้ายสงบลง ณิชาจึงผ่อนลมหายใจยาวเหยียด “ช่างเขา เราพูดความจริงนี่ จะโกรธก็ช่าง”ณิชาวางขวดวิสกี้ไว้ที่เดิมแล้วเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผล ก่อนสืบเท้าไปหาเขาไรวินทร์เมินหนี ไม่อยากเห็นหน้าและแววตาหวั่นระแวงให้หงุดหงิดหัวใจเมื่อณิชาเพ่งมองแผ่นหลังกว้างใกล้ๆ ก็พานให้สยดสยอง แต่พอนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ หล่อนก็เม้มริมฝีปากแน่น...แค่นี้ก็โอดราวจะเป็นจะตาย ทีทำกับเธอกลับให้แค่คำขอโทษแล้วจบกัน“แพทให้ยาแก้อักเสบตัวใหม่ แต่ยาทายังใช้หลอดเดิม” เขาว่า หล่อนก็ทำตาม หยิบยาหลอดสีเหลืองมาป้ายแผ่นหลังให้อย่างระมัดระวัง แม้จะโกรธอยู่มาก แต่ก็ไม่ใจดำพอจะซ้ำให้เป็นหนักกว่าเดิม“คุณนอนลงได้ไหมคะ นอนคว่ำหน้า แบบนี้ฉันทายาให้ไม่ถนัด”ณิชาบอก เมื่อต้องนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลังเขา เห็นความแข็งแกร่งใหญ่โตของเรือนกายอย่างที่ทำให้พานหายใจไม่ออกเอาดื้อๆไรวินทร์ดึงหมอนมาวางแล้วล้มตัวนอนคว่ำหน้าอย่างว่าง่าย ณิชาจึงเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองพร้อมอาการหายใจหายคอคล่องขึ้นหล่อนใช้เวลานานกว่าครั้งแรก เพราะไม่กล้าแตะรอยแผลบางแห่งให้หนักมือ ไม่รู้ว่าเขาเจ็บแค่ไหน แต่จากที่ดูด้วยตาหล่อนก็นึกกลัวขึ้นมาเหมือนกัน“คุณทำเห
“เจ้านายของนายเป็นอะไร ทำไมถึงติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เช้า”“นายอยู่ในบ้านครับ” คำตอบแบบไม่ตรงคำถามลอยมาจากปลายสาย ทำให้คนถามนึกสงสัยหนักเข้าไปอีก“ฉันไม่ได้ถามว่าเขาอยู่ไหน แต่อยากรู้ว่าวันนี้ทำไมถึงไม่มาร่วมงาน ไหนรับปากไว้ว่าจะมา”“ผมจะเรียนให้นายทราบนะครับว่าคุณใหญ่โทร.มา”“เออ อย่าลืมบอกเขาล่ะ”รัชตะเก็บโทรศัพท์มือถือ ดวงตาคมหรี่ลงอย่างสงสัย ไรวินทร์เบี้ยวนัดสำคัญว่าจะเข้าร่วมประชุมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมของเชียงราช ทั้งที่รับปากไว้ดิบดี ปกติถ้าเป็นเรื่องงานไม่เคยเห็นว่าหมอนั่นจะเหลวไหล...แล้วทำไมวันนี้ถึงหายหัวไปดื้อๆ แถมพอถามจากเบน คนสนิทที่ติดตามมานาน ก็แสดงท่าทีบ่ายเบี่ยงอย่างเห็นได้ชัดจนรถจอดเทียบหน้าคฤหาสน์ เจ้าของอาณาจักรจึงก้าวออกมาพร้อมตัดความสงสัยนี้ออกจากหัว อารมณ์เคร่งเครียดที่ตกค้างจากการประชุมก็ปลิดหายเมื่อเห็นหนูน้อยตัวกลมคลานตุ้บตั้บอยู่ที่ระเบียงแล้วตรงมาหา หัวเราะดีใจที่เห็นเขารัชตะช้อนอุ้มร่างจ้ำม่ำของลูกน้อย หยอกล้ออย่างมันเขี้ยว แล้วตรงไปโอบเอวภรรยาที่ยืนกอดอกส่
สิ้นคำเพราะพริ้ง ร่างหญิงสาวก็ล้มผึงบนที่นอนอย่างเหมาะเหม็งเมื่อถูกดันลงอย่างไม่ออมแรง ชายหนุ่มดึงผ้านวมผืนใหญ่มาคลุมไว้เพียงอกอวบ...บังคับตัวเองให้ถอนสายตาไปยังดวงหน้าสวยหวาน ไล้สายตาไปยังเปลือกตาที่บวมแดงกับปลายจมูกโด่งเล็กนั่น ใบหน้าคมสันค่อยๆ โน้มลง อยากจูบประโลมเหลือกำลัง แต่ก็ต้องตัดใจ ผละห่างก่อนเธอจะรู้ตัวและระแวงจนไม่เป็นอันได้พัก“ผมรู้ว่าคุณคงหลับยาก แต่ยังไงก็ต้องพยายามพักผ่อน อย่าเพิ่งคิดไปในทางเลวร้าย...อย่ามองผมในแง่ร้ายนักเลย ณิชา”เสียงฝีเท้าของไรวินทร์เคลื่อนห่าง เธอต้องบ้าแน่ๆ ณิชาเอ็ดตัวเองอยู่ในใจที่เกิดเชื่อว่าตนจะปลอดภัยบนเตียงนอนของเขาตลอดค่ำคืนนี้...ทั้งที่เพิ่งถูกเขาล่วงเกินมาหมาดๆณิชาปรือเปลือกตาอย่างยากลำบาก กระทั่งสายตาปรับรับภาพได้ ความหดหู่เจ็บปวดก็จู่โจมเข้ามา ความทรงจำราวภาพฝันร้ายโถมหายามลืมตาตื่น ต่อเมื่อพลิกกาย ความเจ็บร้าวก็ยังตามมาตอกย้ำว่าสิ่งที่เกิดเมื่อคืนเป็นความจริง แถมเธอยังหลับสนิทบนเตียงนอนนี้ต่อได้อย่างไม่น่าให้อภัยณิชายันกายขึ้นนั่ง มองรอบไม่เห็นเงาของไรวินทร์ก็พอใจ กระทั่งทรงกายยืนข้างเตียง คิ
ณิชาห่อกาย อยากบรรเทาความรู้สึกรุนแรง หลบสายตาคนตัวใหญ่หนาที่กำลังควบขับอยู่เหนือร่างเธอ เขาดูน่ากลัว ดุดันและไร้ความปรานีเปลือกตาบางปรือปิดลงด้วยอยากปิดกั้นภาพน่ากลัวนั้น รับรู้แต่ว่าเรือนกายตนกำลังสั่นคลอนตามแรงกระแทกกระทั้นที่เริ่มดุดันหนักหน่วงขึ้น หล่อนเกาะเกี่ยวไหล่หนาไว้แน่นเมื่อร่างถูกโยกคลอนรุนแรง ความเจ็บระคนเสียวซ่านประดังเข้าหาจนณิชารับมันแทบไม่ไหว ครั้งแล้วครั้งเล่าที่คิดว่าตัวเองต้องขาดใจเสียงหอบคำรามดังขึ้นจากลำคอหนาถี่ขึ้น ขณะที่สัมผัสยิ่งดุดันรุนแรง“พอ...ไม่ไหวแล้ว”หล่อนปรือตามอง ร้องขออย่างไม่กลั้นตัวเอง นอกจากความเจ็บปวดแล้วยังมีความเสียดเสียวที่กระหน่ำทวี ณิชากรีดร้องอย่างลืมตัว ร่างกายบิดเร่าด้วยอยากบรรเทาความทรมานที่กำลังก่ออยู่ในกายเขาจะไม่รับฟัง กลับเคลื่อนไหวดุดัน กระแทกกระทั้นเต็มกำลัง ณิชาคิดว่าร่างกายเธอต้องแหลกสลายแน่แล้ว แต่แทนที่จะถอยห่าง กลับยิ่งหยัดร่างเข้าหาเหมือนอยากได้สัมผัสรุนแรงนั้นยิ่งขึ้น...เธอต้องการมัน มากเท่าไรก็ยังไม่พอเสียงเนื้อกระทบเนื้อและเสียงคำรามในลำคอหนาดังก้องอยู่ในหูของณิชา สลั
เขาผละออกห่างเพียงให้เกิดช่องว่าง มือแข็งแรงรูดเสื้อยืดเนื้อนุ่มของเธอออกง่ายดาย เต้าเต่งอวบงามที่ห่อหุ้มในบราเซียสีหวานเผยสู่สายตาชายหนุ่มมองแล้วรู้สึกเหมือนลำคอกำลังแห้งผาก“อย่ามอง อย่าทำ...ฉัน”ณิชาร้องไห้ตัวสั่น พยายามบิดกายเพื่อจะพรางตัวเองให้พ้นสายตาหื่นกระหายนั่น มันน่ากลัวเหลือเกินเรือนกายกลมกลึงอิ่มสะพรั่งด้วยวัยสาว ทั้งส่วนเว้าส่วนโค้งและผิวขาวผ่องนุ่มลื่นมือ ยิ่งเมื่อบิดเร่าด้วยพยายามหนี แต่เธอคงไม่รู้หรอกว่าภาพนั้นมันยิ่งกระพืออารมณ์ดิบให้เขาเหลือเกินไรวินทร์หายใจหอบ ความพยายามควบคุมตัวเองขาดสะบั้น มือหนาข้างหนึ่งที่ยังตรึงข้อมือหล่อนกดเหนือศีรษะ ปลดปล่อยออกมา เลื่อนมาลากไล้ตามไหล่ลาดกลมกลึง เนินอกอวบขาวผ่องที่เบียดชิดอัดแน่นอย่างอึดอัดพริบตาเดียว มือเรียวแข็งแรงข้างนั้นเลื่อนปัดไปตรงแผ่นหลังบาง สะกิดตะขอบราอย่างชำนิชำนาญจนก้อนเนื้อที่หมายตาถูกปลดปล่อยเป็นอิสระณิชาเม้มริมฝีปาก สะกดอารมณ์หวาดหวั่นและหวิวไหวไม่ให้หลุดออกมา หัวใจเต้นแรงด้วยความกลัวและเหนื่อยจากความพยายามที่ไร้ผล เห็นลางพ่ายแพ้อยู่แค่ตรงหน้า เธ
ทุ่มตรงที่ณิชาขังตัวเองอยู่ในห้องนอนบนชั้นสอง ห้องใหม่แต่เป็นตำแหน่งเดิมของห้องที่เคยเป็นของเธอ เหลือบมองสลัดผักจานใหญ่ที่คนรับใช้นำมาให้ตั้งแต่ชั่วโมงก่อน ตอนนี้มันพร่องไปกว่าครึ่งณิชาไม่อยากอุดอู้อยู่แต่ข้างใน แต่ปัญหาใหญ่ที่ทำให้ต้องกลายเป็นนางห้องเนื่องจากว่าทางออกของห้องนี้ต้องผ่านไปทางห้องนอนใหญ่ของไรวินทร์นั่นเองบ้านหรือเขาวงกตกันก็ไม่รู้ ณิชาสุดแสนจะหน่ายกับสิ่งที่เจออยู่ นายคนนี้คงกะจะเป็นเจ้าอาณาจักรผู้ครอบครองพื้นที่ในทุกตารางนิ้วของบ้านเลยใช่ไหม...เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น คนอะไรช่างแปลกประหลาดแต่อย่างว่า นายไรวินทร์ก็ไม่ใช่คนธรรมดา การจะทำอะไรคงต้องระวังตัวแจ แม้แต่บ้านยังต้องออกแบบใหม่ให้ตัวเองควบคุมได้ทุกส่วน ใครอยู่ด้วยคงได้อึดอัดตาย เท่าที่ณิชาหลวมตัวเข้ามาแค่วันเดียวก็เจียนบ้า แทบหลุดอารมณ์ใส่อยู่หลายรอบแค่นึกก็แทบแลบลิ้นปลิ้นตาผ่านบานประตูไปถึง...ไม่เคยเกลียดและหมั่นไส้ใครเท่านายคนนี้มาก่อนเลยแล้วต้องหยุดความคิดเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู แม้จะเบาๆ แต่เป็นจังหวะสม่ำเสมอสามครั้ง เดาได้ทันทีว่าเป็นใคร และนั่นทำให้ณิชาต้องระวังตัวม
Mga Comments