เมื่อคนแปลกหน้า นัยว่าเป็นเศรษฐีใหม่เข้ามาในเชียงราช เขากว้านซื้อบ้าน ที่ดินและทรัพย์สินที่ตกทอดมาตั้งแต่ต้นตระกูลของ ณิชา ไป ทายาทที่เหลือเพียงคนเดียว แถมยังสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างเธอจะทำอย่างไรได้ นอกจากทำใจยอมรับ คิดจะหลีกทางให้อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวที่สุด แต่นั่นไม่นับรวมถึงการถูกทำร้ายจิตใจ ดูหมิ่นเกียรติไม่เว้นวัน มันทำให้ณิชาสุดจะทน...จากที่คิดจะถอยอย่างสงบ จึงฮึดสู้ขึ้นมาบ้าง คอยดูนะ เผลอเมื่อไหร่ ณิชาคนนี้จะตลบหลัง เอาทุกอย่างคืนมาให้หมด! ส่วน ไรวินทร์ คนอย่างเขาคงไม่เหมาะกับการปิดทองหลังพระจริงๆ สำหรับแม่คุณหนูตกอับอย่างณิชาคงเข้ากับสำนวนไทยที่ว่าทำคุณบูชาโทษแท้เชียว เมื่อเสียเงินไปก็มาก แต่เจ้าตัวยังทำตัวร้ายกาจไม่เลิก เขาก็หมดความอดทนได้เหมือนกัน แม่จอมวายร้าย งั้นมาลองดูกันสักตั้งไหม ว่างานนี้ใครจะอยู่หรือใครจะไป!
view moreเสียงรถดังฝ่าความเงียบสงัดของราตรีกาล กระทั่งมาเบรกเอี๊ยดตรงหน้าบ้านหลังใหญ่ ทำให้คนที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงพร้อมกับถือหนังสือในมือต้องวางมันลงข้างตัว หล่อนนิ่งฟังความเคลื่อนไหวด้านนอก จนมั่นใจว่าคนมาใหม่ได้เข้ามาในบ้านแน่นอนแล้ว จึงหย่อนเท้าลงกับพื้นเย็นเฉียบ แล้วตรงไปกดปิดสวิตช์ไฟข้างประตู
ความมืดปกคลุมทั่วห้องขนาดกว้างขวางหากจะคิดว่ามีเพียงหล่อนที่อาศัยอยู่คนเดียว ณิชาใช้แสงสว่างจากด้านนอกที่ยังลอดผ่านขอบล่างของบานประตูเข้ามา นำทางกลับไปยังเตียงนอนที่เข้ามายึดไว้เป็นเวลากว่าปีแล้ว ดวงตาหวานเพ่งมองหนังสือนิยายโรมานซ์เล่มหนา หน้าปกสวยงามดูคลาสสิกที่ยังเห็นในความสลัว หยิบมันมาถือไว้แล้วถอนใจยาว บ่นพึมพำตามลำพัง “คืนนี้ไม่ได้ทำงานอีกแล้ว ใกล้จะถึงเดดไลน์ แต่ยังแปลงานส่ง บก.ครึ่งแรกไม่ได้เลย ตายแน่ๆ ยายนิดเอ๊ย! ถ้าจับงานสำนักพิมพ์นี้ไว้ไม่ได้ อนาคตเธอมืดมนแน่” เจ้าของเสียงบ่นหย่อนกายนั่งแกว่งเท้าอยู่ขอบเตียง แล้วนิ่วหน้าเมื่อได้ยินเสียงห้าวเคล้ากับเสียงของหญิงสาวที่เธอไม่คุ้นเคย จะให้คุ้นได้อย่างไร ในเมื่อผู้หญิงที่เข้ามาในบ้านแต่ละคืนไม่เคยซ้ำหน้ากันเลย และจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งยามที่แพทริเซีย แพทย์หญิงคนเก่งที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงเธอไม่อยู่ ณิชากัดริมฝีปากแน่น นึกชิงชังเจ้าของเสียงห้าวนั้นเหลือเกิน ครั้งแรกหล่อนเจ็บปวดหัวใจเหลือจะกล่าวเมื่อรู้ว่าบ้านที่เป็นสมบัติตกทอดมาตั้งแต่ต้นตระกูลของมารดาต้องตกอยู่ในมือของคนอื่น แต่ก็ยอมรับความจริง หญิงสาวพอจะทำใจได้ ถึงแม้ต้องกล้ำกลืนฝืนทนก็ไม่ดึงดันละว่าบ้านที่อาศัยมาตั้งแต่จำความได้ ตอนนี้กลายเป็นสิทธิ์เด็ดขาดของคนข้างนอกนั่นไปแล้ว แต่ยังมีสิ่งที่ทำให้เธอปวดร้าวอยู่ทุกคืนวัน ไม่อาจทำใจยอมรับได้สักครั้ง เมื่อเห็นตำตาว่าคนที่เข้ามาครอบครองใหม่ไม่เคยจะให้เกียรติบ้านหลังนี้เลย เขาทำเหมือนบ้านที่เคยเป็นของครอบครัวเธอไม่มีความหมาย บ้านที่พ่อกับแม่รักนักหนาคงกลายเป็นแค่สมบัติชิ้นหนึ่งในจำนวนไม่รู้ตั้งเท่าไรของเขา จึงได้ทำตามใจปรารถนา โดยไม่ใส่ใจอะไรเลย ณิชาเอนกายลงกลางเตียง หลังจากลังเลอยู่เป็นครู่ว่าจะเปิดไฟหัวเตียงแล้วนั่งทำงานเงียบๆ มีความมืดห้อมล้อมเป็นเกราะกำบังดีไหม แต่สุดท้ายเมื่อหูยังแว่วเสียงหัวเราะคิกด้านนอกอยู่ จึงรู้ว่าให้ตายอย่างไร สมาธิทำงานคงไม่เกิดแน่ในคืนนี้ หญิงสาวหลับตา พร่ำถามกับตัวเองเหมือนเช่นทุกคืนวัน เมื่อไหร่เหตุการณ์ซ้ำๆ แบบนี้จะจบลงสักทีนะ เมื่อไหร่สวรรค์จะหาทางออกให้เธอเจอ หรือเมื่อไหร่เขาคนนั้นจะจากที่นี่ไปเอง…สายมากแล้ว หน้าต่างในห้องนอนชั้นล่างที่หันไปทางด้านหลังของบ้านหลังโอ่โถงถึงถูกผลักเปิดรับแสงสว่างให้สาดส่องเข้ามา ณิชาหรี่ตาลงเมื่อม่านตายังไม่สามารถปรับรับแสงจ้าได้ทันที
มือเรียวขาวยกขึ้นปกป้องดวงตา หลายสิบวินาทีถึงค่อยๆ ลดลงพร้อมกับปรือเปิดเปลือกตาขึ้นมาใหม่ จนเมื่อสายตาปรับโฟกัสรับภาพเบื้องหน้าได้ ดวงตาหวานก็เบิกโต ผู้ชายร่างสูงในเสื้อทีเชิ้ตสีเทากับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มอยู่ในซุ้มกล้วยไม้ที่กำลังออกดอกสะพรั่งนั้นทำให้เธอไม่อาจละสายตา มองข้ามไปได้ มันไม่ใช่ภาพชวนมอง ให้ตายอย่างไรณิชาก็ไม่ปรารถนาให้ผู้ชายคนนั้นมาปรากฏอยู่ในคลองจักษุของตัวเองแน่ หากเมื่อเขาเข้าไปอยู่ในสถานที่สุดรักสุดหวง และด้วยท่าทางไม่น่าไว้วางใจก็ทำให้คนในห้องส่วนตัวต้องจับตามองอย่างระแวง ครั้นมือหนาเอื้อมแตะกลีบดอกคัทลียาที่ห้อยย้อยเป็นพวงจากกระถางเหนือศีรษะ คนเฝ้ามองตาไม่กะพริบต้องกลั้นลมหายใจ และแค่ไม่กี่วินาทีต่อมา หัวใจของเธอก็โลดแรงขึ้น ดอกกล้วยไม้สีขาวบอบบางถูกปลิดหลุดจากขั้วมาอยู่ในมือของเขา ณิชาอยากกรีดร้องให้สุดเสียง ถ้ามันทำให้หัวใจที่อัดแน่นด้วยความเกลียดชังบรรเทาลงได้ แล้วดอกไม้ช่อสวยก็ร่วงลงสู่พื้น เขาก้าวข้ามอย่างไม่ไยดี จนคนเฝ้ามองสุดจะทนอีกต่อไป “คุณไม่มีสิทธิ์เข้าไปในซุ้มกล้วยไม้” เจ้าของเสียงหวานใส ที่ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าโผล่พรวดมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกระชากเสียงถาม อย่างที่ไม่ต้องเดาอารมณ์ละว่ากำลังเป็นแบบใด คนร่างสูงใหญ่ที่เมื่อเข้าไปยืนใกล้ ก็ยิ่งรับรู้ว่ายิ่งสูงกว่าที่เธอคิดนักค่อยเบือนหน้ามา ชั่ววินาทีณิชาถึงกับกลั้นลมหายใจเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคมที่ล้อมกรอบด้วยขนตาหนาที่จ้องมาทางเธอ “เธอว่าอะไรนะ ใครไม่มีสิทธิ์” เสียงห้าวทุ้มเปล่งเบาๆ หากกระแสเสียงช่างเขย่าขวัญคนในชุดเสื้อกล้ามกระชับลำตัวกับกางเกงเนื้อผ้านุ่มที่เกาะเกี่ยวเอวกลมกลึงลู่ผ่านสะโพกผายตึงนั้นนัก...และเจ้าของดวงตาคมก็ไม่พลาดที่จะมอง ผิวกายของณิชาร้อนวูบเมื่อถูกสายตาจ้วงจาบโลมไล้ทั่ว แต่เมื่อพาตัวเองมาอยู่ตรงนี้แล้ว สิ่งที่ทำได้คือเร่งเรียกความกล้าออกมา ก่อนจะทำเรื่องน่าอายโดยการหันหลังกลับเสียดื้อๆ “ฉันเคยขอหมอแพทว่าซุ้มกล้วยไม้จะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของฉัน ห้ามพวกคุณยุ่งเกี่ยว หมอแพทก็รับปาก...ดังนั้นคุณไม่ควรเหยียบย่างเข้ามาด้วย” “ทำไมฉันถึงเข้ามาในนี้ไม่ได้ ในเมื่อทุกตารางนิ้วในบ้านเป็นสิทธิ์ของฉัน และการที่เธอบอกว่าขอแพทเอาไว้ มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน ฉันเป็นฉัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใคร” คนตัวโตที่มีรูปลักษณ์เป็นฝรั่งเสียครึ่งค่อนย้ำเสียงเข้มอย่างช้าๆ ชัดๆ มันชัดเสียจนคนฟังนึกโมโหอย่างไร้เหตุผล “แต่...พวกคุณ” หญิงสาวเค้นเสียงได้แค่นั้นก็หยุดลง สมองเชื่องช้าอย่างน่าขัดใจ คงเพราะเรือนกายหนาใหญ่ที่เห็นหลอกตาว่าสูงเพรียวนั้นช่างข่มขวัญ อีกทั้งดวงตาคมกริบที่จ้องมองเธอก็ทอประกายประหลาด ชายหนุ่มก้าวขยับไปหาก้าวหนึ่ง ณิชาก็ถอยกรูดโดยอัตโนมัติ ยกสองมือขึ้นกอดอกเป็นเชิงปกป้องตัวเอง...ทั้งที่เมื่อครู่ยังรู้สึกเหมือนผิวกายถูกไฟสุมหมาดๆ แต่ตอนนี้เธอกลับหนาวคล้ายจะจับไข้ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “พวกคุณ? เธอหมายถึงใคร” ไรวินทร์ยกมือเท้าเอวสอบ ท่อนขากางออกน้อยๆ ท่าทางราวกับราชสีห์ที่พร้อมตะครุบแม่กวางน้อยที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาในกรงเล็บ “ซุ้มกล้วยไม้เป็นของรักของคุณพ่อ ฉันไม่ต้องการให้ใครเข้ามาวุ่นวาย และฉันก็ดูแลกล้วยไม้ทุกกอทุกกระถางอย่างดี แต่คุณมาเด็ดมันทิ้ง คุณทำลายมันทำไม” “แค่นี้นะเหรอที่ทำให้เธอเป็นเดือดเป็นร้อน” เขาอุทานเสียงสูง เรียวคิ้วหนาเลิกขึ้น แลคล้ายประหลาดใจ แต่ณิชารู้หรอกว่าเสแสร้งชัดๆ จนเมื่อคำท้ายหลุดออกมา ดวงหน้าเธอถึงกับร้อนผ่าว “ไร้สาระจริงๆ” แล้วเรือนร่างบอบบางทว่ากลมกลึงได้สัดส่วนที่ยืนนิ่งอยู่นั้นถึงกับผงะเซแทบล้ม เมื่อกายหนาเคลื่อนเฉียดกระแทกออกไป ไม่ต้องให้ใครบอกณิชาก็รู้ว่าเขาตั้งใจทำหยาบคายกับเธอ หล่อนหันมองตามคนที่ย่างเท้าออกไปอย่างมั่นใจ มือบางกำแน่น เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อไม่อาจทำอะไรเขาได้ “คนจิตใจหยาบกระด้าง จอมทำลาย น้ำหน้าอย่างคุณไม่เหมาะที่จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ คุณมันคนหยาบ ไม่คู่ควรจะเข้ามาอาศัยด้วยซ้ำ” ได้ผลชะงัดนัก เมื่อได้ปล่อยคำที่อัดอยู่ในอกออกไป คนร่างใหญ่ถึงกับชะงักเท้า ณิชาเกร็งตัวรับสถานการณ์ ถ้าเลือกได้หล่อนก็ไม่โง่ที่จะต่อกรกับคนคนนี้ซึ่งหน้า แต่ถ้าให้ทนอยู่นิ่งเฉย ทั้งที่เห็นอยู่ตำตาว่าข้าวของของพ่อแม่ที่เหลือไว้ให้ดูต่างหน้า ให้เธอเป็นกำลังใจนั้นถูกเขาย่ำยีอยู่ทุกวี่วัน โดยไม่คิดทำอะไรเลย เธอคงเป็นลูกอกตัญญูเกินไป แต่สิ่งที่ณิชานึกหวั่นก็ไม่ได้เกิดขึ้น ผู้ชายคนนั้นแค่หยุดนิ่ง เขาหยุดหลายวินาที นานพอจะให้เธอต้องกลั้นลมหายใจรอจนปวดแสบในอก ก่อนเดินต่อเข้าบ้านเสียอย่างนั้น ทิ้งให้หญิงสาวยืนมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยหัวใจเต้นระรัวอยู่ลำพัง จนก้อนเนื้อเท่ากำปั้นที่ฝังตัวอยู่ในอกซ้ายสงบลง ณิชาจึงผ่อนลมหายใจยาวเหยียด “ช่างเขา เราพูดความจริงนี่ จะโกรธก็ช่าง”ณิชาคิดจะลงมานั่งอ่านหนังสือข้างล่าง ความก้าวหน้าของงานแปลดูท่าจะช้ากว่าแผน ถ้ายังไม่เดินหน้าทำจริงจัง ปล่อยให้อนาคตถูกโยงด้วยเส้นด้ายเปราะบางอย่างนี้คงไม่ดีแน่ไม่ว่าจะมีเรื่องราวสักกี่ร้อยพันเข้ามา แต่หน้าที่ของเธอหลังจากสิ้นพ่อและแม่แล้ว นั่นคือการดูแลตัวเองให้ดีที่สุด แม้จะพลั้งพลาดในบางเรื่อง ถลำลึกเกินกว่าจะหันหลังกลับ แต่คงไม่มีใครอยากให้ชีวิตพลาดซ้ำอยู่เรื่อยไปหญิงสาวเดินเข้าโถงบ้าน คิดจะครองโซฟามุมสงบนั่งทำงานตลอดวัน ก็เห็นพ้อหวานยิ้มแป้นมาแต่ไกล“ตอนเที่ยงกินอะไรดีคะ หนูทำให้”“กินอะไรดีล่ะ พ้อหวานทำอะไรได้บ้าง นอกจากต้ม ทอดและผัด”“แหม คุณนิด หนูกำลังพยายามอยู่นะคะ ตอนนี้ฝึกทำเครื่องแกงอยู่ ป้าสดใสบอกว่าเราทำเองมันจะหอมอร่อยกว่าซื้อที่เขาปั่นขายสำเร็จในตลาด”“อ๋อ เลยจะให้ฉันเป็นหนูทดลอง”ณิชายิ้มกริ่ม ต่อล้อต่อเถียงกับเด็กรับใช้อย่างอารมณ์ดี เมื่อสำเหนียกว่าอีกฝ่ายมีความปรารถนาดีและจริงใจให้อยู่“ไม่ใช่สักหน่อย หนูจะทำสุดฝีมือแล้วให้คุณนิดช่วยบอกต่างหากล่ะคะว่าเป็นยั
สงครามดุเดือดผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มพลิกกายห่างจากร่างนุ่มนิ่ม หล่อนนอนหลับตา ผ้าห่มผืนนุ่มคลุมถึงเนินอก เผยให้เห็นผิวผ่องตรงลาดไหล่งามและซอกคอขาวเนียนที่มีรอยแดงเป็นจ้ำด้วยฝีมือเขาไรวินทร์มองหญิงสาว ความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเต็มเปี่ยมอยู่ในหัวใจ แม้บางขณะความน้อยใจและขัดใจจะแทรกเข้ามาเพราะยังเรื่องที่คาใจอยู่ แต่เขาก็ไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่เขายอมให้เธอพักผ่อน จนเลยมาหลายสิบนาที นึกหมั่นไส้คนยังนอนนิ่งทั้งที่รู้ว่าไม่ได้หลับชายหนุ่มเคลื่อนกายหาอีกรอบ ยกมือโอบรอบร่างน้อยกระชับแน่น หล่อนตัวแข็งจนเขารู้สึกได้ นึกอยากแกล้งนัก จึงโฉบใบหน้าสากระคายลงไซ้ตรงซอกคอ สูดกลิ่นหอมกรุ่นเข้าเต็มปอด แถมก่อนจะผละยังไม่ลืมขบเม้มซ้ำรอยเดิม จนณิชาต้องห่อกายหนี“หายสงสัยหรือยังว่าผมไปมั่วกับใครมาทั้งคืน หืม...ณิชา”เสียงหัวเราะในลำคอหนาทำให้ณิชาอยากทุบเขาให้ตาย“ฉันเกลียดคุณ”“แต่ผม...อยากรักคุณ รักคุณทั้งวันทั้งคืน”ถ้อยคำกำกวมและสื่อความนัยทำให้คนนอนตัวแข็งนึกหวั่นผวา พอเขาขยับหาอีก หล่อนก็รีบร้อง
จนท้องฟ้าด้านนอกสว่างเรืองรอง ณิชาปรือตาเปิดเมื่อแสงส่องเข้ามา กะพริบตามองเพดานห้อง สัมผัสความคุ้นเคย กระทั่งไออุ่นที่โอบรัด วินาทีนั้นเธอยังไม่อยากจากความอบอุ่นนี้ไป เรียวปากอิ่มแย้ม เปลือกตาบางปรือปิด ตั้งท่าจะหลับต่อหากแค่เสี้ยววินาทีดวงตาหวานกลับเบิกโพลง หันมองเจ้าของอ้อมกอด เขากำลังหลับสนิท ใบหน้าคมสันซุกนิ่งอยู่ข้างแก้มเธอ ณิชาเม้มริมฝีปากแน่น สูดหายใจลึก...เช้ามาอย่างนี้ไม่อยากเริ่มต้นด้วยอารมณ์บูดเลยแต่เขาก็ทำกับเธอเกินไป ออกไปหาความสุขนอกบ้าน พอคิดจะกลับก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่หล่อนคงกลายเป็นคู่นอนหมอนข้างของเขาอย่างสมบูรณ์แล้วสินะ มีประโยชน์ก็แค่บนเตียงนอนร่างน้อยดิ้นขลุกขลัก ออกแรงผลักร่างใหญ่โต หนักอึ้งปานหินผา ทั้งผลักทั้งดันอย่างไรก็ไม่เป็นผล ซ้ำร้ายยังขยับเข้ามาแนบชิด ท่อนแขนกำยำปานเหล็กกล้ายังออกแรงรัดจนหล่อนแทบจมหายเข้าไปในอ้อมกอดนั้น...ทุกอย่างเป็นไปโดยอัตโนมัติ โดยที่เจ้าของร่างใหญ่นั้นยังหลับอยู่ณิชาหยุดตัวเอง หายใจหอบ เหลือบมองชายหนุ่มอย่างเคืองๆหญิงสาวปล่อยให้ตัวเองนอนอยู่นิ่งๆ เพื่อรอให้หายเหนื่อย แต่แค่นาทีผ่านไป ร่างหนาให
เกือบเที่ยงคืนไรวินทร์ยังไม่กลับมา ณิชานอนพลิกกายอยู่บนเตียง พยายามคิดว่าเขาจะออกไปไหนและพบกับใคร ยิ่งคิดความระแวงก็ยิ่งถามหา พานผุดเป็นใบหน้าของคนที่เธอไม่อยากนึกถึง...อรุณวดี“ไม่หรอก เขาไม่มีทางทำกับเราอย่างนั้น”เมื่อนอนไม่หลับจึงลุกขึ้นเปิดไฟจนสว่างโร่ เดินวนเวียนอยู่ในห้องนอน ทะลุไปถึงห้องเสื้อผ้า สายตาเจ้ากรรมชำเลืองไปทางมุมหนึ่งแล้วใบหน้าก็ร้อนวาบ ภาพยามเช้าตรู่วันนั้นที่เธอหลบมาซุกนั่งด้วยไม่อาจทำใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างกัน จนเขาตามเข้ามา จากนั้นณิชาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาถึงกระโจนหาหล่อนรวดเร็วตั้งตัวไม่ทัน แล้วทุกอย่างก็เกิดตามครรลองอีกรอบบ่อยครั้งเมื่ออยู่ใกล้ไรวินทร์ หล่อนรู้สึกเหมือนว่าตัวเขามีแรงลึกลับที่จะดึงดูดให้เอนเข้าหา ณิชาเคยต่อต้านแต่ก็ไม่เคยสำเร็จหล่อนหันกายจะกลับ แต่แล้วก็เห็นถุงกระดาษแปะโลโก้โรงแรมคุ้นตาวางกองสุมอยู่ เหมือนไม่มีใครใส่ใจจัดเก็บมันให้เข้าที่เข้าทางหญิงสาวตรงไปหยิบ ตั้งใจจัดให้เรียบร้อยด้วยไม่อาจปล่อยให้รกหูรกตา เสื้อเชิ้ตสไตล์ที่ไรวินทร์ใช้หลายตัว ณิชาหยิบมาจะเข้าตู้ของเขา แต่กระดาษชิ้น
ณิชามองหน้าจอมือถืออย่างตัดสินใจหลังจบการติดต่อผ่านโปรแกรมสนทนา เธอยังไม่ยอมรับสาย ไม่พูดคุยกับคนที่เพียรติดต่อหาโดยตรงนัดหมายของพีระ...ทำให้ณิชาลังเล สองจิตสองใจ ทั้งที่ก่อนนี้ตั้งใจจะตัดขาด ไม่ยอมพบหน้าเขาอีก“นิดไม่อยากได้บ้านคืนแล้วเหรอ ทางพีชช่วยได้นะ คุณพ่อจัดการให้ได้ นายไรวินทร์มันมีจุดอ่อนให้เราเล่นงานตั้งหลายจุด คุณพ่อรู้ดี คุณพ่อเล็งจะเล่นงานมันนานแล้ว’พ่อของพีระเป็นนายตำรวจใหญ่ในเชียงราช มีอิทธิพลและคนรู้จักอย่างกว้างขวาง การจะหาจุดอ่อนเพื่อเล่นงานนักธุรกิจหน้าใหม่ที่เข้ามาในเชียงราชสักคน ไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถ“จะทำยังไง บอกได้ไหม”“ออกมาคุยกันสิ คุยอย่างนี้ไม่สะดวก ไม่ปลอดภัยทั้งพีชและนิด”“นิดขอคิดดูก่อนนะ”“ทำไม รักมันแล้วใช่ไหมถึงลังเล เปลี่ยนใจยกบ้านให้มันแล้วสิ”“นิดอยู่ในบ้าน มีคนของเขาจับตามองอยู่ การออกไปพบพีชไม่ใช่เรื่องง่าย”“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง พีชเข้าใจนิดแล้ว พีชจะรอนะ”การพูดคุยผ่านโปรแกรมจบลงเท่านั้น ณิชาก้มหน้าก้มตาอ
น้ำเสียงจริงจังแต่ไม่อาจทำให้คนฟังเชื่อ!“ผมไม่อยากขวางคุณทำงานหรอกนะ คุณทำงานกับคุณแหวว ผมชอบและยินดีกับคุณ คุณแหววก็ดูเชื่อมั่นคุณไม่น้อย”คนที่ล่วงรู้ความคิดเธอบอก แต่ณิชากลับรู้สึกแย่“พูดอะไรตอนนี้ คุณทำลายมันหมดแล้วนี่”“ให้ผมหาคนที่แกล้งคุณได้ก่อนแล้วจะพาสมัครงานใหม่ รับรองคุณแหววไม่มีทางกล้าปฏิเสธผม”“ไม่ต้องมาอวดตัว คุณแหววรับฉันเข้าทำงานเพราะตัวฉันเอง ถ้าจะรับกลับอีกก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”แค่รู้ว่าจะได้กลับไปทำงาน มีลู่ทางสร้างความหวังเป็นของตัวเองอีก ณิชาก็อารมณ์ดีพอจะโต้เขาด้วยการจิกกัดพอให้เจ็บๆ คันๆ เล่น...แต่พอได้ยินคำพูดเนิบช้าคล้ายกำลังเล่าเรื่องดินฟ้าอากาศ ณิชาก็ถึงกับอึ้ง มึนงง ไม่รู้ว่าควรไปอย่างไรต่อดี“บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามองผมในแง่ร้ายเกินไป เผื่อใจไว้บ้าง รู้จักตัวจริงของผมเมื่อไหร่คุณจะหลงรักผมหัวปักหัวปำ”ไรวินทร์มองคนนั่งข้าง เรียวปากอิ่มขยับเหมือนจะพูดบางอย่างแต่กลับไม่มีเสียงหลุดออกมา เขานึกอยากหัวเราะคนเก่งเสียจริง...แต่ก็สงสาร กลัวว่าจะยิ่งทำตัวไ
Mga Comments