เมื่อคนแปลกหน้า นัยว่าเป็นเศรษฐีใหม่เข้ามาในเชียงราช เขากว้านซื้อบ้าน ที่ดินและทรัพย์สินที่ตกทอดมาตั้งแต่ต้นตระกูลของ ณิชา ไป ทายาทที่เหลือเพียงคนเดียว แถมยังสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างเธอจะทำอย่างไรได้ นอกจากทำใจยอมรับ คิดจะหลีกทางให้อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวที่สุด แต่นั่นไม่นับรวมถึงการถูกทำร้ายจิตใจ ดูหมิ่นเกียรติไม่เว้นวัน มันทำให้ณิชาสุดจะทน...จากที่คิดจะถอยอย่างสงบ จึงฮึดสู้ขึ้นมาบ้าง คอยดูนะ เผลอเมื่อไหร่ ณิชาคนนี้จะตลบหลัง เอาทุกอย่างคืนมาให้หมด! ส่วน ไรวินทร์ คนอย่างเขาคงไม่เหมาะกับการปิดทองหลังพระจริงๆ สำหรับแม่คุณหนูตกอับอย่างณิชาคงเข้ากับสำนวนไทยที่ว่าทำคุณบูชาโทษแท้เชียว เมื่อเสียเงินไปก็มาก แต่เจ้าตัวยังทำตัวร้ายกาจไม่เลิก เขาก็หมดความอดทนได้เหมือนกัน แม่จอมวายร้าย งั้นมาลองดูกันสักตั้งไหม ว่างานนี้ใครจะอยู่หรือใครจะไป!
View Moreเสียงรถดังฝ่าความเงียบสงัดของราตรีกาล กระทั่งมาเบรกเอี๊ยดตรงหน้าบ้านหลังใหญ่ ทำให้คนที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงพร้อมกับถือหนังสือในมือต้องวางมันลงข้างตัว หล่อนนิ่งฟังความเคลื่อนไหวด้านนอก จนมั่นใจว่าคนมาใหม่ได้เข้ามาในบ้านแน่นอนแล้ว จึงหย่อนเท้าลงกับพื้นเย็นเฉียบ แล้วตรงไปกดปิดสวิตช์ไฟข้างประตู
ความมืดปกคลุมทั่วห้องขนาดกว้างขวางหากจะคิดว่ามีเพียงหล่อนที่อาศัยอยู่คนเดียว ณิชาใช้แสงสว่างจากด้านนอกที่ยังลอดผ่านขอบล่างของบานประตูเข้ามา นำทางกลับไปยังเตียงนอนที่เข้ามายึดไว้เป็นเวลากว่าปีแล้ว ดวงตาหวานเพ่งมองหนังสือนิยายโรมานซ์เล่มหนา หน้าปกสวยงามดูคลาสสิกที่ยังเห็นในความสลัว หยิบมันมาถือไว้แล้วถอนใจยาว บ่นพึมพำตามลำพัง “คืนนี้ไม่ได้ทำงานอีกแล้ว ใกล้จะถึงเดดไลน์ แต่ยังแปลงานส่ง บก.ครึ่งแรกไม่ได้เลย ตายแน่ๆ ยายนิดเอ๊ย! ถ้าจับงานสำนักพิมพ์นี้ไว้ไม่ได้ อนาคตเธอมืดมนแน่” เจ้าของเสียงบ่นหย่อนกายนั่งแกว่งเท้าอยู่ขอบเตียง แล้วนิ่วหน้าเมื่อได้ยินเสียงห้าวเคล้ากับเสียงของหญิงสาวที่เธอไม่คุ้นเคย จะให้คุ้นได้อย่างไร ในเมื่อผู้หญิงที่เข้ามาในบ้านแต่ละคืนไม่เคยซ้ำหน้ากันเลย และจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งยามที่แพทริเซีย แพทย์หญิงคนเก่งที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงเธอไม่อยู่ ณิชากัดริมฝีปากแน่น นึกชิงชังเจ้าของเสียงห้าวนั้นเหลือเกิน ครั้งแรกหล่อนเจ็บปวดหัวใจเหลือจะกล่าวเมื่อรู้ว่าบ้านที่เป็นสมบัติตกทอดมาตั้งแต่ต้นตระกูลของมารดาต้องตกอยู่ในมือของคนอื่น แต่ก็ยอมรับความจริง หญิงสาวพอจะทำใจได้ ถึงแม้ต้องกล้ำกลืนฝืนทนก็ไม่ดึงดันละว่าบ้านที่อาศัยมาตั้งแต่จำความได้ ตอนนี้กลายเป็นสิทธิ์เด็ดขาดของคนข้างนอกนั่นไปแล้ว แต่ยังมีสิ่งที่ทำให้เธอปวดร้าวอยู่ทุกคืนวัน ไม่อาจทำใจยอมรับได้สักครั้ง เมื่อเห็นตำตาว่าคนที่เข้ามาครอบครองใหม่ไม่เคยจะให้เกียรติบ้านหลังนี้เลย เขาทำเหมือนบ้านที่เคยเป็นของครอบครัวเธอไม่มีความหมาย บ้านที่พ่อกับแม่รักนักหนาคงกลายเป็นแค่สมบัติชิ้นหนึ่งในจำนวนไม่รู้ตั้งเท่าไรของเขา จึงได้ทำตามใจปรารถนา โดยไม่ใส่ใจอะไรเลย ณิชาเอนกายลงกลางเตียง หลังจากลังเลอยู่เป็นครู่ว่าจะเปิดไฟหัวเตียงแล้วนั่งทำงานเงียบๆ มีความมืดห้อมล้อมเป็นเกราะกำบังดีไหม แต่สุดท้ายเมื่อหูยังแว่วเสียงหัวเราะคิกด้านนอกอยู่ จึงรู้ว่าให้ตายอย่างไร สมาธิทำงานคงไม่เกิดแน่ในคืนนี้ หญิงสาวหลับตา พร่ำถามกับตัวเองเหมือนเช่นทุกคืนวัน เมื่อไหร่เหตุการณ์ซ้ำๆ แบบนี้จะจบลงสักทีนะ เมื่อไหร่สวรรค์จะหาทางออกให้เธอเจอ หรือเมื่อไหร่เขาคนนั้นจะจากที่นี่ไปเอง…สายมากแล้ว หน้าต่างในห้องนอนชั้นล่างที่หันไปทางด้านหลังของบ้านหลังโอ่โถงถึงถูกผลักเปิดรับแสงสว่างให้สาดส่องเข้ามา ณิชาหรี่ตาลงเมื่อม่านตายังไม่สามารถปรับรับแสงจ้าได้ทันที
มือเรียวขาวยกขึ้นปกป้องดวงตา หลายสิบวินาทีถึงค่อยๆ ลดลงพร้อมกับปรือเปิดเปลือกตาขึ้นมาใหม่ จนเมื่อสายตาปรับโฟกัสรับภาพเบื้องหน้าได้ ดวงตาหวานก็เบิกโต ผู้ชายร่างสูงในเสื้อทีเชิ้ตสีเทากับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มอยู่ในซุ้มกล้วยไม้ที่กำลังออกดอกสะพรั่งนั้นทำให้เธอไม่อาจละสายตา มองข้ามไปได้ มันไม่ใช่ภาพชวนมอง ให้ตายอย่างไรณิชาก็ไม่ปรารถนาให้ผู้ชายคนนั้นมาปรากฏอยู่ในคลองจักษุของตัวเองแน่ หากเมื่อเขาเข้าไปอยู่ในสถานที่สุดรักสุดหวง และด้วยท่าทางไม่น่าไว้วางใจก็ทำให้คนในห้องส่วนตัวต้องจับตามองอย่างระแวง ครั้นมือหนาเอื้อมแตะกลีบดอกคัทลียาที่ห้อยย้อยเป็นพวงจากกระถางเหนือศีรษะ คนเฝ้ามองตาไม่กะพริบต้องกลั้นลมหายใจ และแค่ไม่กี่วินาทีต่อมา หัวใจของเธอก็โลดแรงขึ้น ดอกกล้วยไม้สีขาวบอบบางถูกปลิดหลุดจากขั้วมาอยู่ในมือของเขา ณิชาอยากกรีดร้องให้สุดเสียง ถ้ามันทำให้หัวใจที่อัดแน่นด้วยความเกลียดชังบรรเทาลงได้ แล้วดอกไม้ช่อสวยก็ร่วงลงสู่พื้น เขาก้าวข้ามอย่างไม่ไยดี จนคนเฝ้ามองสุดจะทนอีกต่อไป “คุณไม่มีสิทธิ์เข้าไปในซุ้มกล้วยไม้” เจ้าของเสียงหวานใส ที่ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าโผล่พรวดมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกระชากเสียงถาม อย่างที่ไม่ต้องเดาอารมณ์ละว่ากำลังเป็นแบบใด คนร่างสูงใหญ่ที่เมื่อเข้าไปยืนใกล้ ก็ยิ่งรับรู้ว่ายิ่งสูงกว่าที่เธอคิดนักค่อยเบือนหน้ามา ชั่ววินาทีณิชาถึงกับกลั้นลมหายใจเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคมที่ล้อมกรอบด้วยขนตาหนาที่จ้องมาทางเธอ “เธอว่าอะไรนะ ใครไม่มีสิทธิ์” เสียงห้าวทุ้มเปล่งเบาๆ หากกระแสเสียงช่างเขย่าขวัญคนในชุดเสื้อกล้ามกระชับลำตัวกับกางเกงเนื้อผ้านุ่มที่เกาะเกี่ยวเอวกลมกลึงลู่ผ่านสะโพกผายตึงนั้นนัก...และเจ้าของดวงตาคมก็ไม่พลาดที่จะมอง ผิวกายของณิชาร้อนวูบเมื่อถูกสายตาจ้วงจาบโลมไล้ทั่ว แต่เมื่อพาตัวเองมาอยู่ตรงนี้แล้ว สิ่งที่ทำได้คือเร่งเรียกความกล้าออกมา ก่อนจะทำเรื่องน่าอายโดยการหันหลังกลับเสียดื้อๆ “ฉันเคยขอหมอแพทว่าซุ้มกล้วยไม้จะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของฉัน ห้ามพวกคุณยุ่งเกี่ยว หมอแพทก็รับปาก...ดังนั้นคุณไม่ควรเหยียบย่างเข้ามาด้วย” “ทำไมฉันถึงเข้ามาในนี้ไม่ได้ ในเมื่อทุกตารางนิ้วในบ้านเป็นสิทธิ์ของฉัน และการที่เธอบอกว่าขอแพทเอาไว้ มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน ฉันเป็นฉัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใคร” คนตัวโตที่มีรูปลักษณ์เป็นฝรั่งเสียครึ่งค่อนย้ำเสียงเข้มอย่างช้าๆ ชัดๆ มันชัดเสียจนคนฟังนึกโมโหอย่างไร้เหตุผล “แต่...พวกคุณ” หญิงสาวเค้นเสียงได้แค่นั้นก็หยุดลง สมองเชื่องช้าอย่างน่าขัดใจ คงเพราะเรือนกายหนาใหญ่ที่เห็นหลอกตาว่าสูงเพรียวนั้นช่างข่มขวัญ อีกทั้งดวงตาคมกริบที่จ้องมองเธอก็ทอประกายประหลาด ชายหนุ่มก้าวขยับไปหาก้าวหนึ่ง ณิชาก็ถอยกรูดโดยอัตโนมัติ ยกสองมือขึ้นกอดอกเป็นเชิงปกป้องตัวเอง...ทั้งที่เมื่อครู่ยังรู้สึกเหมือนผิวกายถูกไฟสุมหมาดๆ แต่ตอนนี้เธอกลับหนาวคล้ายจะจับไข้ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “พวกคุณ? เธอหมายถึงใคร” ไรวินทร์ยกมือเท้าเอวสอบ ท่อนขากางออกน้อยๆ ท่าทางราวกับราชสีห์ที่พร้อมตะครุบแม่กวางน้อยที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาในกรงเล็บ “ซุ้มกล้วยไม้เป็นของรักของคุณพ่อ ฉันไม่ต้องการให้ใครเข้ามาวุ่นวาย และฉันก็ดูแลกล้วยไม้ทุกกอทุกกระถางอย่างดี แต่คุณมาเด็ดมันทิ้ง คุณทำลายมันทำไม” “แค่นี้นะเหรอที่ทำให้เธอเป็นเดือดเป็นร้อน” เขาอุทานเสียงสูง เรียวคิ้วหนาเลิกขึ้น แลคล้ายประหลาดใจ แต่ณิชารู้หรอกว่าเสแสร้งชัดๆ จนเมื่อคำท้ายหลุดออกมา ดวงหน้าเธอถึงกับร้อนผ่าว “ไร้สาระจริงๆ” แล้วเรือนร่างบอบบางทว่ากลมกลึงได้สัดส่วนที่ยืนนิ่งอยู่นั้นถึงกับผงะเซแทบล้ม เมื่อกายหนาเคลื่อนเฉียดกระแทกออกไป ไม่ต้องให้ใครบอกณิชาก็รู้ว่าเขาตั้งใจทำหยาบคายกับเธอ หล่อนหันมองตามคนที่ย่างเท้าออกไปอย่างมั่นใจ มือบางกำแน่น เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อไม่อาจทำอะไรเขาได้ “คนจิตใจหยาบกระด้าง จอมทำลาย น้ำหน้าอย่างคุณไม่เหมาะที่จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ คุณมันคนหยาบ ไม่คู่ควรจะเข้ามาอาศัยด้วยซ้ำ” ได้ผลชะงัดนัก เมื่อได้ปล่อยคำที่อัดอยู่ในอกออกไป คนร่างใหญ่ถึงกับชะงักเท้า ณิชาเกร็งตัวรับสถานการณ์ ถ้าเลือกได้หล่อนก็ไม่โง่ที่จะต่อกรกับคนคนนี้ซึ่งหน้า แต่ถ้าให้ทนอยู่นิ่งเฉย ทั้งที่เห็นอยู่ตำตาว่าข้าวของของพ่อแม่ที่เหลือไว้ให้ดูต่างหน้า ให้เธอเป็นกำลังใจนั้นถูกเขาย่ำยีอยู่ทุกวี่วัน โดยไม่คิดทำอะไรเลย เธอคงเป็นลูกอกตัญญูเกินไป แต่สิ่งที่ณิชานึกหวั่นก็ไม่ได้เกิดขึ้น ผู้ชายคนนั้นแค่หยุดนิ่ง เขาหยุดหลายวินาที นานพอจะให้เธอต้องกลั้นลมหายใจรอจนปวดแสบในอก ก่อนเดินต่อเข้าบ้านเสียอย่างนั้น ทิ้งให้หญิงสาวยืนมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยหัวใจเต้นระรัวอยู่ลำพัง จนก้อนเนื้อเท่ากำปั้นที่ฝังตัวอยู่ในอกซ้ายสงบลง ณิชาจึงผ่อนลมหายใจยาวเหยียด “ช่างเขา เราพูดความจริงนี่ จะโกรธก็ช่าง”“ยัง”“แล้วใครซื้อยาพวกนี้มาให้”เขายังนอนคว่ำหน้านิ่ง ณิชามองเสี้ยวหน้าคมที่เบี่ยงไปอีกทาง เห็นว่าเขาหลับตาพริ้มอยู่ จึงไม่อยากกวนอีก...แต่พอมองยาในมือก็ผุดคำถามอย่างลืมตัว“หมอแพทเอามาให้ใช่ไหม”เงียบ ไม่มีเสียงตอบ ณิชาจึงเบนความสนใจมายังสิ่งที่ต้องทำ...ทำเพราะไถ่โทษให้ตัวเองหรอกนะ...พยายามท่องบอกตัวเองไว้ตอนแรกคิดว่าจะทำๆ ไปให้เสร็จ แต่พอเริ่มใช้ไม้พันสำลีชุบยาจากหลอดป้ายลงบนผิวที่มีรอยแดง บางแห่งออกสีช้ำ หญิงสาวกลับทำอย่างแผ่วเบา ระมัดระวังอย่างที่สุด กลัวว่าเขาจะเจ็บแล้วสะดุ้งตื่นณิชาบอกตัวเองไม่ได้ว่าใช้เวลาไปนานเท่าไรกับภารกิจที่เพิ่งเสร็จลง หล่อนตั้งใจทำจนลืมทุกสิ่ง เมื่อสังเกตคนตัวใหญ่จึงเห็นว่าเขายังนอนนิ่งเช่นเดิม ลมหายใจสม่ำเสมอ เอียงคอมองอย่างประหลาดใจ...แปลกใจทั้งตัวเองและเขาหลับง่ายขนาดนี้เชียว ไม่กลัวถูกบีบคอตายคาเตียงหรือไง ทำเราไว้ดีนักณิชาคิดอย่างเขม่น ก้มมองยา เห็นยังมียาเม็ดอยู่ในถุงอีกสองขนานก็คิดต่ออย่างกังขายาทานหลังอาหาร...ตื่นมาเขาคงจัดการเองเมื่อคิดว่าตนหมดหน้
ดวงหน้าคมสันที่มีหนวดเคราสั้นๆ ประดับทั่ว ผนวกกับกายกำยำสูงใหญ่ เมื่อเจ้าตัวชำเลืองมองคล้ายจะค้อนจึงกลายเป็นภาพที่ทำให้ณิชาเบิกตามองนิ่ง ถูกความตะลึงงันเข้าครอบงำหล่อนไม่เข้าใจ...เดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไร...นอกเหนือจากนั้น ณิชาคิดว่าท่าทางเมื่อกี้ไม่เห็นจะเข้ากับเขาเลยเมื่อจู่ๆ คนที่เธอนั่งจับตามองหันขวับมา ณิชาถึงกับสะดุ้งโหยง พอเขาก้าวอาดๆ มาหา หญิงสาวก็กรีดร้องโวยวาย หล่อนตกใจ กลัวแสนกลัว ถ้าเขาจะทำอะไรขึ้นมา ณิชาคงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แน่นอน“อย่านะ อย่าทำนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคุณ ฮือๆ ไม่เอานะ”คนร่างเล็กดิ้นขลุกขลัก ร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะฝืน เมื่อถูกประชิดถึงและโอบไว้ทั้งตัว แต่ไม่กี่วินาทีก็รับรู้ถึงข้อมือสองข้างที่ถูกมัดไพล่หลังนั้นหลุดจากกัน สติถึงค่อยๆ คืนร่าง ดวงตาหวานช้อนมอง เขาถอยไปทางปลายเท้าเธอและแก้มัดด้วยท่าทีกระแทกกระทั้น กระทั่งเสร็จก็ดึงเข็มขัดหนังเนื้อดีออกไป ณิชาสูดปากเมื่อถูกมันครูดผิวจนรู้สึกเจ็บ“เบาๆ ก็ได้ ถลอกหรือเปล่าก็ไม่รู้”“แค่นี้ทำบ่น...มันน้อยไปด้วยซ้ำ”“แสดงว่าคุณตั้งใจ เ
“อย่างนั้นเลยหรือคะ แล้วน้องนิดจะเป็นยังไงบ้าง ลดาเป็นห่วงจังค่ะ” เสียงครางถามจากคนที่มีสีหน้าสุดแสนกังวล มือยังถือเครื่องมือสื่อสารไว้มั่น หลังจากมีสายเรียกเข้ามาและเธอก็สนทนาอยู่เป็นพักแล้วคนร่างใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มและกางเกงสแล็กซ์สีดำอย่างพร้อมออกไปทำงาน หากเวลานี้ยังนั่งเอนบนเก้าอี้สานต้องหยุดหยอกเย้ากับทารกน้อยตัวกลมที่นั่งทับหน้าท้องแกร่งอยู่ เขารอฟัง จนเธอตัดสายแล้วหันมาหาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี“มีอะไรหรือลดา แล้วใครโทร.มา”“คุณสุดา พนักงานร้านคุณแหววค่ะ” ปิ่นลดาตามมานั่งใกล้ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น “คุณใหญ่รู้ไหมคะว่าน้องนิดออกจากบ้าน แล้วไปทำงานเป็นพนักงานในร้านคุณแหวว คุณแหววก็เจอหน้ากันแล้ว แต่คงไม่รู้จักกัน คุณแหววเลยไม่ได้บอกลดา แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ คุณสุดาเล่าว่าเมื่อคืนลูกน้องคุณวินทร์ไปถามหาที่อยู่ใหม่ของน้องนิดกับเธอ เธอตกใจ ก็แต่ละคนยังกับลูกน้องมาเฟียเลยนี่ เลยบอกไปทั้งหมด”“แล้วยังไง”รัชตะเลิกคิ้วถาม สีหน้าบอกชัดว่าไม่รู้อยู่ดีว่าภรรยาสาวอยากให้เขาทำอะไร หรือ
“ไปเอากุญแจรถ” เสียงสั่งเข้มจากเจ้าของสีหน้าถมึงทึง ทำให้ลูกน้องที่อยู่ใกล้ต้องรีบทำตามคำสั่ง ไม่กี่วินาทีของที่ต้องการก็มาส่งถึงมือรถสปอร์ตราคาแพงลิบกระชากตัวออก ตามด้วยรถจิ๊ปสปอร์ตอีกสองคัน จากบ้านหลังใหญ่แล่นผ่านถนนกลางเมือง ผ่านห้างสรรพสินค้าดัง แล้วทะลุเข้าซอยหนึ่งอย่างรู้เป้าหมาย จนมาจอดหน้าหอพักสี่ชั้นในเวลาไม่ถึงสิบนาทีร่างสูงใหญ่ในรถคันแรกที่มาจอดก้าวออกมา ตามด้วยลูกน้องจากรถสองคันหลัง ซึ่งประกบเจ้านายทันที“ที่นี่ใช่ไหม”“ใช่ครับนาย คุณสายสุดาพนักงานของคุณแหววบอกผมเอง ไม่ผิดแน่ครับ ห้องของคุณณิชาอยู่ชั้นสาม ห้องสามศูนย์เจ็ด”แล้วคนกลุ่มนั้นก็เดินฝ่าสายตาสงสัยใคร่รู้ของทั้งเหล่าไทยมุงและไม่ตั้งใจมุงจากเหตุการณ์ก่อนหน้า จนมาถึงประตูกรุกระจก ทำท่าผลักเข้าไปเพื่อขึ้นบันไดไปยังที่ที่ตั้งใจไว้“ดะ...เดี๋ยวค่ะ พวกคุณเป็นใคร เข้าไปไม่ได้นะคะ หยุดก่อนค่ะ”เจ้าหน้าที่ธุรการหอพักเพิ่งจะตั้งสติได้ รีบออกมาขวาง“ผมจะขึ้นไปหาณิชา เมื่อกี้เกิดเรื่องไม่ดีกับเธอใช่ไหม”“ณิ
“แล้วอีกสองเบอร์”“ตอนแรกคิดว่าเป็นป้าสดใส คิดว่าแกเปลี่ยนเบอร์ แต่ตอนนี้อาจไม่ใช่ แต่ฉันยังไม่ได้โทร.กลับใครสักคน”“แล้วที่เธอพูดเหมือนว่ารู้ตัวคนทำล่ะ รู้จริงหรือมั่นใจแค่ไหน”“ฉันเพิ่งมีปัญหากับนายไรวินทร์ เขาต้องการให้ฉันออกจากบ้านนานแล้ว แต่ฉันมันดื้อด้านเอง จนเขาเพิ่งทำสำเร็จเมื่อวาน เขาไล่ฉันออกมา”น้ำเสียงสั่นเครือของณิชา ทำให้บัวบูชาเบิกตาค้าง สงสารเพื่อนจับใจ แต่ด้วยความที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ไม่รู้ว่ายังมีเบื้องลึกเบื้องหลังอื่นอีกหรือเปล่า จึงงดแสดงความเห็นไว้ก่อน“ส่วนหมอแพทก็เคยบอกให้ฉันอยู่บ้านนั้นจนกว่าพร้อมย้ายออก ฉันไม่คิดว่าเธอจะมีส่วนได้เสียกับการอยู่หรือไปของฉัน รายนี้คงตัดออก นอกนั้นฉันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับใครอีก”“แต่เราไม่มีหลักฐานชี้ไปที่คุณไรวินทร์นะนิด เดี๋ยวจะกลายเป็นการปรักปรำเขา”“ฉันจะเริ่มจากเบอร์โทร.สองเบอร์ที่ไม่รู้จักนี้ เมื่อฉันออกจากบ้านมาแล้ว นายไรวินทร์หรือคนของเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะติดต่อฉันอีก นอกจากอยากได้เบาะแสตามรังควาน
ตีห้าของวันใหม่ คนร่างบางพลิกกายไปมา ก่อนจะปรือตาตื่นด้วยอากาศที่เย็นลงจนไม่อาจทนนอนขดตัวบนเตียงได้อีกภาพที่เห็นหลังจากลืมตา ภายในห้องที่ไม่คุ้นเคยทำให้ณิชานิ่งงันหลายวินาที จนตื่นเต็มตา ลุกขึ้นมาเปิดหน้าต่าง ทำความรู้จักกับที่พักพิงของตนข้างนอกหน้าต่าง พระอาทิตย์ทอแสงเคลียเส้นขอบฟ้ารำไร เสียงนกร้องจิ๊บๆ ที่กำลังออกหากิน ทำให้เช้านี้กับสถานที่ใหม่ดูตื่นตาและมีชีวิตชีวาขึ้นทีเดียวระเบียงทอดยาวตลอดความยาวห้องพัก ทำให้นึกถึงซุ้มกล้วยไม้ที่เธอทิ้งมา แรกทีเดียวดวงตาสลดลง แต่เมื่อมองระเบียงอีกรอบ เรียวปากสวยก็แย้มกว้าง“ถ้ากล้วยไม้ในซุ้มมาอยู่ที่ระเบียง แขวนเป็นแนวไว้คงดีไม่น้อย”ณิชาหมายมั่นปั้นมือว่าจะทำสิ่งที่คิดให้เป็นจริงให้ได้ หล่อนมองอยู่เป็นพัก ต่อเมื่อนึกได้ว่าเช้านี้ยังมีหลายอย่างต้องทำก่อนเข้าทำงานจึงรีบเข้าห้องน้ำ จัดการตัวเองโชคดีที่ห้องน้ำยังมีเครื่องทำน้ำอุ่น อากาศเย็นจัดของช่วงหน้าหนาวในเชียงราชจึงไม่ทำให้ณิชาแข็งตายเพราะความเย็นของน้ำเสียก่อนคิดไปคิดมา ณิชาก็เริ่มติดใจห้องพักนี้เสียแล้วเกือบครึ่งชั่วโมง หญิงสาวออกจากห้องน้ำในชุดเสื้อตัวโคร่งและกางเกงขายาวผ้ายืด ชุดเดิ
“บ้า บอกรักกันง่ายๆ ได้ยังไง ฉันเขินหมด” ฟังจากน้ำเสียง เจ้าตัวคงรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ จนณิชาต้องหัวเราะ แล้วบอกชื่อหอกับกับเส้นทางให้บัวบูชารู้ ก่อนจะตัดสายจากกัน พลันก็มีสายไม่รู้จักโทร.เข้ามา เป็นสายเดิมที่เคยโทร.หาตอนเธอปิดเครื่องเมื่อกลางวัน ณิชาตัดสินใจตัดสายและปิดเครื่องอีกครั้ง เธอตั้งใจตัดขาดจากทุกคนสักระยะ รอให้ตัวเองเข้มแข็งพอแล้วค่อยเผชิญหน้าใหม่...แล้วจึงมุ่งตรงไปยังที่พักใหม่ของตนเพราะเจ้าของหอบอกแกมขู่ว่ามีคนมาติดต่อขอดูห้องอยู่ ถ้าตัดสินใจช้า ห้องอาจหลุดเป็นของคนอื่น ณิชาเลยยอมกระโดดลงหลุมพรางด้วยการจ่ายมัดจำพร้อมกับจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าเดือนแรก แลกกับการได้กุญแจห้องพักมาถือไว้ในมืออย่างอุ่นใจ...ตอนนี้แหละที่รู้ว่าตัดสินใจถูกแล้ว“คุณณิชาปิดมือถือไปอีกแล้วครับ แต่เมื่อครู่เธอเปิดเครื่อง ผมดักสัญญาณหาตำแหน่งได้ทัน จุดที่เธอกำลังอยู่เป็นกลางเมือง ไม่ห่างจากบ้านเรานะครับ”เบนยื่นเครื่องมือสื่อสารให้ไรวินทร์ดูหน้าจอ สีหน้าของชายหนุ่มดีขึ้น จากที่เคร่งเครียดมาตั้งแต่หัวค่ำ หลังจากกลับเข้าบ้านแล้วพบว่าเบนยังไม่ได้เบาะแสใดๆ ของณิชา ให้คนไปดักรอที่ร้านของเพื่อนเธอก็ไร้ผล“นี่ม
ไรวินทร์ขับรถสปอร์ตคู่ใจออกทางถนนสายเลี่ยงเมือง เพื่อจะไปในเส้นทางออกนอกเมือง เป้าหมายเพื่อชมวิวและใช้ตัวเองอยู่กับความคิด เมื่อกว่าปีก่อน พอคิดว่าถึงเวลาลงหลักให้กับธุรกิจตัวเอง ไรวินทร์เลือกเมืองเชียงราชตามคำชวนของแพทริเซียอย่างไม่รีรอ เพราะรู้ทำเลและที่ตั้งของเมืองจากแผนที่และข้อมูลข่าวสาร รู้ถึงอนาคตของเมืองว่าจะเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ในแถบภูมิภาค เหมาะอย่างยิ่งที่จะย้ายฐานจากเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลียมายังที่แห่งนี้...ในตอนนั้นไรวินทร์มองเห็นเท่านี้จริงๆ แต่พอมาถึง จึงได้พบว่ามันมีมนต์เสน่ห์มากกว่าที่คาด ซึ่งหากไม่ได้สัมผัสเองก็คงไม่รู้ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ยังสมบูรณ์ อากาศกำลังดี แทบไม่น่าเชื่อว่าเมืองที่สมบูรณ์ในทุกด้านแบบนี้จะอยู่ใกล้แค่เอื้อม ในตอนนั้นไรวินทร์คิดว่าโชคดีที่ค้นพบ...มันดีที่สุดสำหรับธุรกิจเขา หากเมื่อถึงเวลานี้ ความตั้งใจที่จะฟอร์มงานให้อยู่ตัวแล้วจะย้ายตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ตามประสาคนชอบเดินทางกลับต้องลังเล เขาตอบรับการซื้อบ้านกึ่งตึกสองชั้น รูปทรงเทอะทะ หากจะมองในสายตาของสถาปนิกเก่า แค่สิ่งก่อสร้างที่ไร้รสนิยมดีๆ นี่เอง แต่พอรู้เรื่องราวความเป็นไ
“บอสคะ คุณไรวินทร์มาพบค่ะ” เสียงจากอินเตอร์คอมทำให้คนนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานอย่างผ่อนคลาย สายตาไล่ตามเอกสารต้องเลิกคิ้ว ก่อนยื่นมือกดตอบกลับเลขาฯ ทรงประสิทธิภาพแล้วปิดแฟ้มเอกสารนั้น วางคืนบนโต๊ะ “เข้ามาเลย ผมรออยู่” สิ้นคำแทบจะทันที ประตูห้องก็ถูกเคาะอย่างพอเป็นพิธีก่อนถูกเปิดออก ตามด้วยชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงยีนส์เดินเข้ามา เขานั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะอย่างไม่รอคำเชิญ “ผมอยากเร่งสร้างออฟฟิศ ให้เสร็จก่อนหน้าร้อนปีหน้าได้ยิ่งดี” คนที่โทรศัพท์เข้ามาเมื่อสิบนาทีก่อนว่าจะมาพบเพราะมีธุระสำคัญจะคุยด้วยเข้าเรื่องอย่างไม่ให้เสียเวลา “เหลือเวลาอีกแค่แปดเดือน” “อีกตั้งแปดเดือนต่างหาก คุณใหญ่ช่วยผมได้ไหม” “ได้สิ จะมีปัญหาอะไร เรื่องแค่นี้เอง” รัชตะว่าเสียงเนิบ เหลือบมองคนยังตีหน้านิ่งแล้วถาม “ว่าแต่ทำไมถึงเปลี่ยนกำหนดการสร้างเสร็จล่ะ มีเหตุผลอะไร พอจะบอกได้ไหม” “ผมจะย้ายพนักงานมาที่เชียงราช สัญญาเช่าตึกออฟฟิศที่เพิร์ธหมดในกลางปีหน้า จะได้ย้ายมาจัดทีมใหม่ที่นี่ทีเดียว” “หมายความว่าคุณจะย้ายฐานบริษัทมาตั้งที่นี่เลยใช่ไหม” “ใช่” “คุณจะปักหลักที่เชียงราช?” พ
Comments