ณิรินทร์ญาตื่นนอนตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมทำแซนด์วิชไปส่งให้กับเจ๊สุนีย์ที่ตลาด เธอใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยหญิงสาวเอาแซนด์วิชไปให้กับเจ๊สุนีย์ที่ตลาดจากนั้นก็แวะซื้อเต้าหู้และหมูสับมาติดไว้ในตู้เพราะเมื่อวานเธอใช้ทำผัดกะเพราให้กับนายหัวปาริธไปหมดแล้ว
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็หุงข้าวทิ้งไว้จากนั้นก็เข้าไปนอนต่อก่อนจะลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าในเวลาสิบโมง อาหารเช้าง่ายๆ ต้มจืดเต้าหู้หมูสับใส่ไข่ที่ตอกลงไปนะรอให้สุกก็วางตรงหน้า หญิงสาวรู้สึกเจ็บตรงมุมปากจากแผลที่โดนตบจึงต้องทานช้าๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งก่อนหน้านั้นตันหยงเพื่อนของเธอก็เคยถูกผู้หญิงคนอื่นมาทำร้ายแบบนี้แต่เธอไม่คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะมาเกิดขึ้นกับตนเอง อันที่จริงแล้วหญิงสาวก็อยากจะแจ้งความเอาผิดกับผู้หญิงคนนั้นแต่เพราะกลัวทางร้านจะเสียชื่อเสียง
และถ้าหากต้องไปสถานีตำรวจก็น่าจะเสียเวลาและเธอยังจะต้องทำแซนด์วิชให้กับเจ๊สุนีย์ สุดท้ายก็เลยเลือกรับเงินค่าทำขวัญจำนวนห้าพันบาท ซึ่งพี่ช้างโอนให้เธอตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
หญิงสาวคิดว่าจำนวนเงินมันมากไปหน่อยแต่ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นยอมจ่ายเพื่ออยากจะจบเรื่องราวทุกอย่างเธอก็รับไว้ เงินจำนวนนี้มันอาจจะไม่มากสำหรับคนมีฐานะดีแต่สำหรับเธอแล้วถือว่าเป็นเงินที่ค่อนข้างมาก บางคนอาจจะคิดว่าเงินห้าพันแลกกับการเจ็บตัวแค่นี้มันคุ้มค่า แต่สำหรับณิรินทร์ญาเธอคิดว่าวันนี้เธออาจจะโดนแค่เข้าใจผิดและมีผู้หญิงเข้ามาตบแต่ถ้าหากครั้งต่อไปอีกฝ่ายทำร้ายเธอมากกว่านี้ก็คงจะแย่
เมื่อคิดถึงอันตรายณิรินทร์ญาก็ถอนหายใจบางทีเธออาจจะต้องเลิกไปทำงานกลางคืนจากนั้นก็รับออเดอร์น้ำพริกและทำแซนด์วิชส่งตามร้านในตลาดมากขึ้น
อีกเหตุผลหนึ่งที่อยากเลิกทำงานก็เพราะอีกแค่ปีเดียวก็จะเรียนจบแล้ว เธออยากมีเวลาให้กับการเรียนอย่างเต็มที่และเทอมหน้าก็ต้องไปฝึกงานอีกด้วย
หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้วหญิงสาวก็มานั่งอยู่ในห้องรับแขก เธอกำลังหาข้อมูลว่ายังมีอะไรอีกบ้างที่สามารถทำขายได้
แล้วเธอก็มาเลื่อนมาเจอเพจสอนทำอาหารเพจหนึ่งที่อธิบายถึงวิธีการทำคุกกี้อยู่หลายสูตร หญิงสาวคิดว่ามันเป็นอะไรที่พอจะทำได้เธอจึงแคปหน้าไว้เพื่อดูว่าต้องใช้อุปกรณ์และวัตถุดิบอะไรบ้าง
สิ่งแรกที่ณิรินทร์ญาทำก็คือตรวจดูว่าตอนนี้เตาอบที่บ้านของเธอยังใช้ได้หรือเปล่าเพราะจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ใช้ก็ตอนอบเค้กให้เพื่อนในวันเกิดเมื่อครึ่งปีที่แล้ว
เมื่อดูแล้วว่าเตาอบใช้งานได้ตามปกติเธอก็รีบขับรถออกไปยังร้านขายอุปกรณ์ทำเบเกอรี่เพื่อซื้ออุปกรณ์และวัตถุดิบมาทำคุกกี้
หญิงสาวง่วนอยู่กับการทำคุกกี้อยู่พักใหญ่อบออกมาครั้งแรกคุกกี้แข็งกระด้าง พอครั้งที่สองก็นิ่มจนเละและเมื่ออบครั้งที่สามก็ได้คุกกี้รสชาติและเนื้อสัมผัสตามที่ต้องการหญิงสาวเริ่มคำนวณถึงกำไรและต้นทุนจากนั้นก็คิดว่าจะลองเอาจะปรับสูตรอีกนิดแล้วค่อยจะเอาไปเสนอขายตามร้านกาแฟที่อยู่ละแวกบ้าน
เธอทำงานเพลินจนกระทั่งถึงเวลาสี่โมงเย็นก็เริ่มหิวจริงเอาข้าวสวยที่เหลืออยู่เตรียมจะทำข้าวผัดเป็นอาหารมื้อเย็น
ยังไม่ทันได้ลงมือทำเสียงออดที่หน้าบ้านก็ดังขึ้นก่อน เธอชะเง้อออกไปดูก็เห็นว่าคนที่มายืนกดออกคือนายหัวปาริธ หญิงสาวเดินมาเปิดประตูรั้วด้วยสีหน้างงๆ เพราะไม่คิดว่าวันนี้เขาจะมาหาเธอถึงบ้าน
“สวัสดีค่ะนายหัวมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ฉันจะแวะมาดูเธอหน่อยนะว่าเป็นยังไงบ้างยังเจ็บอยู่ไหม”
“เจ็บนิดหน่อยค่ะตรงมุมปาก”
“จะไม่เชิญฉันเข้าไปในบ้านหน่อยเหรอ”
“ได้ค่ะ” ณิรินทร์ญาเริ่มคุยกับเขาอย่างสนิทใจมากขึ้น
นายหัวหนุ่มเดินเข้ามาในบ้านก็ได้กลิ่นขนมหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน
“เธอทำขนมเหรอณิริน”
“ค่ะ ณิรินกำลังฝึกทำคุกกี้”
“ฝึกทำแสดงว่าไม่เคยทำมาก่อนเหรอ”
“ไม่เคยทำมาก่อน นายหัวอยากลองชิมไหมถ้าชิมแล้วช่วยวิจารณ์ด้วยนะคะว่ารสชาติมันเป็นยังไง” หญิงสาวเอาคุกกี้ที่อบครั้งสุดท้ายมาให้ชายหนุ่มชิมแล้วก็รอลุ้นคำตอบ
“รสชาติใช้ได้นะ ไม่ค่อยหวานมากเท่าไหร่ที่ฝึกทำแบบนี้เธอคิดจะทำขายใช่ไหมล่ะ”
“นายหัวเดาถูกแล้วค่ะ ณิรินคิดว่าบางทีอาจจะเลิกไปทำงานกลางคืนแล้วเปลี่ยนมาทำคุกกี้ขายดีกว่า”
“เพราะเรื่องเมื่อคืนใช่ไหมล่ะที่ทำให้เธอคิดจะเปลี่ยนใจ”
“ใช่ค่ะเมื่อคืนณิรินอาจจะโดนแค่ตบแต่ครั้งต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้าง อันที่จริงตอนนี้ก็ไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินเท่าไหร่ก็เลยคิดว่าจะเลิกไปทำงานแบบนั้น”
“ฉันเห็นด้วยนะ เธอจะได้ไม่ต้องเอาตัวไปอยู่ในอันตรายแบบนั้น ที่ผ่านมาเธอเคยโดนแบบนั้นบ้างหรือเปล่า”
“ไม่เคยค่ะ เมื่อคืนเป็นครั้งแรกและณิรินก็ไม่อยากจะให้มันมีครั้งต่อไป”
“แล้วเธอคิดว่าจะเอาคุกกี้นี้ไปขายที่ไหนล่ะ”
“ก็คงฝากตามร้านกาแฟแล้วก็ร้านที่มหาวิทยาลัยค่ะ ก่อนอื่นก็คงจะต้องเอาไปให้เจ้าของร้านชิมก่อน”
“เธอทำใส่ถุงเล็กๆ ไว้สิ แล้วเอาไปฝากนายชินไว้”
“ทำไมต้องเอาไปฝากคุณชินล่ะคะ”
“ก็เจ้านายของเธอมีเพื่อนเปิดร้านกาแฟเยอะอยู่น่ะ ฉันจะช่วยพูดให้”
“อย่าเลยค่ะณิรินไม่อยากรบกวนคุณชิน”
“ไม่รบกวนหรอกน่า ตอนนี้เขาติดหนี้บุญคุณเธออยู่นะ”
“ติดหนี้ยังไงคะ”
“ก็เรื่องที่เธอไม่ไปแจ้งความ จนเรื่องราวมันใหญ่โตและถ้าหากเรื่องถึงตำรวจร้านก็จะต้องโดนตรวจสอบ เธอก็รู้นี่ว่าเด็กนั่งดริ๊งค์ในร้านบางคนอายุยังไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ”
ณิรินทร์ญาพยักหน้าเห็นด้วยเพราะเธอเองก็เข้าไปทำงานที่นั่นตั้งแต่อายุยังไม่ถึงยี่สิบและถ้าตำรวจรู้มาตรวจเจอเจ้าของผับก็จะมีความผิดรับเด็กอายุยังไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์เข้ามาทำงาน
“แต่ณิรินว่ามันจะเป็นการรบกวนคุณชินมากเกินไปนะคะนายหัว”
“ไม่ได้รบกวนอะไรเลยในชินก็แค่ให้ลูกน้องเอาไปฝากที่ร้านเพื่อนของเขา ส่วนเพื่อนของเขาจะสั่งคุกกี้ของเธอหรือเปล่ามันก็อยู่ที่ฝีมือเธอแล้วล่ะ”
“ถ้ายังงั้นณิรินขอฝึกทำอีกสักนิดเอาให้ชัวร์แล้วค่อยเอาไปเสนอดีกว่านะคะ”
“แล้ววันนี้ทำเยอะหรือเปล่า”
“ก็เยอะพอสมควรค่ะ นายหัวจะเอาไปกินด้วยไหม”
“ได้สิฉันชอบคุกกี้ที่รสชาติไม่หวานมากแบบนี้”
“ถ้างั้นเดี๋ยวแพ็กใส่กล่องให้นายหัวนะคะ”
“ก่อนที่ฉันจะมาเธอกำลังจะทำอะไรอยู่”
“ณิรินกำลังจะทำข้าวผัดค่ะนายหัวกินข้าวมาหรือยัง”
“ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยว่าจะชวนเธอออกไปกินข้าวข้างนอก ตอนนี้ฉันหิวมากๆ จะขอข้าวผัดเธอกินคิดว่าคงไม่อิ่มแน่”
“ก็ได้ค่ะ รอแป๊บนะคะขอณิรินไปเปลี่ยนชุดก่อน” ณิรินทร์ญาตกลงเพราะเห็นว่าเขาเป็นผู้มีบุญคุณและช่วยเหลือเธออยู่หลายครั้งหญิงสาวคิดว่าการออกไปทานอาหารกับเขาครั้งนี้ตนเองจะเป็นคนจ่ายเพื่อตอบแทนที่เขาช่วยเหลือหลายๆ อย่าง
นายหัวปาริธกลับมาถึงบ้านของณิรินทร์ญาในเวลาเกือบจะหก โมงเย็นเมื่อมาถึงเขาก็ทานราดหน้าด้วยความหิวเพราะเมื่อตอนกลางวันทานข้าวไปนิดเดียวเนื่องจากจัดต้องรีบทำงานต่อให้เสร็จ เมื่อทานราดหน้าอิ่มแล้วเขาก็มานั่งในห้องรับแขกโดยมีณิรินทร์ญาเดินตามมาด้วย“เหนื่อยมากไหม ณิรินนวดให้มั้ย”“นวดคอให้ฉันนิดหน่อยได้ไหมล่ะ”“ได้ค่ะ”“ไม่น่าเชื่อนะว่ามือเล็กๆ แบบนี้จะนวดดีกับเขาเหมือนกัน”“แต่ก่อนณิรินเคยนวดให้แม่บ่อยค่ะ ถ้าวันไหนนายหัวเมื่อยอยากให้ณิรินนวดก็บอกได้เลย”“ขอบใจนะ”“ยินดีค่ะ”“แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างปวดหัวหายแล้วใช่ไหม”“หายแล้วค่ะ”“ฉันไม่อยากให้เธอทำน้ำพริกเยอะแบบนั้นเลย”“ณิรินใครก็คิดว่าจะไม่ทำแล้ว”“จริงเหรอ”“จริงค่ะ ครั้งสุดท้ายที่ณิรินไปส่งน้ำพริกให้กับแม่ค้าณิรินก็บอกพวกเขาแล้วว่าจะหยุดทำน้ำพริกไปก่อน”“แล้วแม่ค้าเขาว่ายังไงบ้าง”“เขาก็บ่นนิดหน่อย เขายังบอกอีกว่าถ้าหากจะกลับมาทำก็ให้บอกพวกเขาด้วย นายหัวคงไม่คิดว่าณิรินเป็นคนขี้เกียจหรอกใช่ไหมคะ ทั้งที่ปิดเทอมแต่ไม่ยอมทำงาน” ณิรินทร์ญากลัวเขาจะเข้าใจผิดว่าที่ผ่านมาเธอทำเพื่อสร้างภาพว่าเป็นคนขยัน“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย ฉันรู้ว่าที่ผ
“วันนี้ฉันจะไปดูโรงงานที่สมุทรสาครเธอจะไม่ไปกับฉันจริงเหรอณิริน” นายหัวปาริธถามคนรักในเช้าวันหนึ่ง“วันนี้ณิรินปวดหัวนิดหน่อยค่ะ ขอนอนพักอยู่ที่บ้านได้ไหมคะ”“แล้วจะอยู่คนเดียวได้เหรอ ไปหาหมอไหมเดี๋ยวฉันพาไป” เขาถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะณิรินอยู่คนเดียวได้ นอนพักสักนิดก็น่าจะดีขึ้น ช่วงนี้ณิรินทำน้ำพริกเยอะไปหน่อยน่าจะมึนกลิ่นน้ำพริก”“ฉันเป็นห่วงเธอจัง ฉันเลื่อนนัดที่สมุทรสาครออกไปดีไหมวันนี้จะได้อยู่กับเธอ”“อย่าเลยค่ะนายหัวณิรินไม่อยากทำให้ตารางงานของนายหัวรวนค่ะ”“ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็โทรบอกนะ ฉันจะรีบกลับมา”“ค่ะนายหัว”“แล้วตอนเย็นอยากจะกินอะไรเดี๋ยวฉันจะซื้อมา”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เย็นนี้ณิรินว่าจะทำราดหน้าทะเลนายหัวอยากกินไหมคะ”“อยากกินสิ จะให้ฉันซื้ออาหารทะเลมาไหม”“ในตู้ยังมีเหลืออยู่เลยที่เราซื้อมาเมื่ออาทิตย์ก่อน นายหัวไม่ต้องซื้อมาเพิ่มนะคะ”“ทำไมล่ะ”“ณิรินเบื่อค่ะ”“เบื่อหรือเกรงใจ”“เบื่อจริงๆ ค่ะทุกครั้งที่นายหัวไปสมุทรสาครก็ซื้ออาหารทะเลมาฝากตลอด”“ในตู้เหลือเยอะไหม”“ไม่เยอะวันนี้ก็เลยจะเคลียร์ทุกอย่างในตู้ออก”“งั้นฉันไปก่อนนะ ถ้าทำงานเสร็จแล้วจะรีบกลับมา”“
นายหัวปาริธพาณิรินท์ญามายังผับที่หญิงสาวเคยทำงานอยู่ เขาพาเธอขึ้นไปนั่งรอบนชั้นสอง เจ้าของผับก็เดินตามขึ้นไปบนนั้นด้วยเจ้าของผับคุยอยู่ทั้งสองคนพักใหญ่ก่อนจะขอตัวลงไปดูแลแค่ทางด้านล่างตอนนี้บริเวณชั้นสองจึงเหลือแค่ณิรินท์ญากับนายหัวปาริธนั่งคุยกันตามลำพัง“อยากดื่มอะไรไหมณิริน”“ไม่ดีกว่าค่ะ”“ดื่มหน่อยเถอะถือว่าเป็นการฉลองที่เราคบกันดีไหม”“ก็ได้ค่ะ ถ้าณิรินเมานายหัวต้องรีบพากลับนะคะ”เมื่อดื่มไปหลายแก้วณิรินทร์ญาก็เริ่มจะเมาหญิงสาวจึงขอให้เขาพากลับเพราะไม่อยากจะเมาจนคอพับอยู่ที่นี่“เดินไหวไหมหรือจะให้ฉันอุ้ม”“คงไม่ต้องซื้ออุ้มหรอกค่ะ แค่ประคองก็พอ”นายหัวหนุ่มประคองหญิงสาว มาที่รถจากนั้นก็ขับออกมาจากผับเขาเลี้ยวเข้าไปที่คอนโดมิเนียมเพราะคุยกับณิรินท์ญาไว้แล้วว่าคืนนี้หลังจากออกจากผับจะพากินหญิงสาวมาค้างที่นี่เมื่อมาถึงคอนโดก็พาหญิงสาวมานั่งบนโซฟาก่อนจะเดินไปเอาน้ำในตู้เย็นมาให้เธอดื่มเพราะดูแล้วณินิทร์ญาน่าจะเมามาก“ดื่มน้ำหน่อยนะ”“ขอบคุณค่ะนายหัว นายหัวของณิรินน่ารักที่สุดเลย” หญิงสาวหยิบน้ำไปดื่มเพียงนิดจากนั้นก็นั่งพิงไปบนโซฟาดวงตาเธอฉ่ำปรือเพราะความเมา“ไปอาบน้ำหน่อยดีไหมหร
วันนี้เป็นเวลาเป็นวันที่ณิรินทร์ญาจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพ แม้จะยังไม่ถึงเวลาเปิดเทอม แต่หญิงสาวก็รู้สึกเป็นห่วงบ้านและเจ๊สุนีย์กับแม่ค้าคนอื่นก็โทรศัพท์ตามให้เธอมาทำน้ำพริกส่งณิรินทร์ญาบอกกับทุกคนแล้วว่าเธอจะทำน้ำพริกอีกแค่ประมาณสองเดือนพอเริ่มเรียนชั้นปีที่สี่ซึ่งจะต้องไปฝึกงานหญิงสาวก็จะเลิกทำเพราะกลัวว่าไม่มีเวลาแล้วอยากจะตั้งใจฝึกงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มที่นายหัวปาริธเดินทางขึ้นมาส่งหญิงสาวที่บ้านด้วยเขาเคลียร์งานทุกอย่างเรียบร้อยแล้วและคิดว่าจะมาใช้เวลากับเธอที่นี่อีกซักหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะเดินทางกลับณิรินทร์ญาทำความสะอาดด้านในบริเวณบ้านส่วนนายหัวปาริธก็อาสาเป็นคนตัดหญ้าและรดน้ำต้นไม้ต้นอื่นๆ บริเวณรอบๆ บ้านที่ไม่ได้ติดตั้งระบบรดน้ำอัตโนมัติไว้เพราะเป็นต้นไม้ใหญ่กว่างานทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยก็เกือบจะห้าโมงเย็น“เหนื่อยไหมณิริน”“เหนื่อยมากๆ เลยค่ะ ไม่คิดเลยว่าแค่สองสัปดาห์ฝุ่นมันจะเยอะขนาดนี้แล้วนายหัวล่ะเหนื่อยไหม”“ไม่หรอกงานพวกนั้นฉันทำจนชินแล้ว ว่าแต่เย็นนี้เราออกไปหาข้าวกินข้างนอกดีกว่านะฉันคิดว่าเธอคงไม่มีแรงทำอาหารหรอกส่วนอาหารที่ป้าแดงทำมาก็ใส่ตู้เย็นไว้ก่อนด
ตอนนี้ทั้งห้องตกอยู่ในบรรยากาศเงียบนายหัวปาริธกอดเอวคนรักไว้ หญิงสาวยังคงพิงศีรษะอยู่บนไหล่เขาฟังเสียงลมหายใจและเสียงหัวใจของเขาที่มันเต้นเป็นจังหวะประสานกับเสียงหัวใจของเธอณิรินทร์ญาไม่รู้หรอกว่าอนาคตเธอกับเขาจากนี้จะเป็นยังไง ในระยะเวลาหนึ่งปีนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างเธอกับนายหัวปาริธแต่เธอก็จะซื่อสัตย์กับเขาและจะมีเขาเพียงคนเดียวหญิงสาวเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าหากเธอกับเขารักกันจริงๆ ระยะเวลาและระยะห่างระหว่างอายุมันจะไม่เป็นอุปสรรคอะไรเลยแต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังกวนใจณิรินทร์ญาอยู่ก็คือเรื่องอดีตภรรยาของเขาหญิงสาวลังเลว่าจะถามเรื่องนี้ต่อหรือจะปล่อยให้มันเป็นเรื่องในอดีต แต่เมื่อคิดทบทวนอยู่หลายรอบก็ตัดสินใจพูดเรื่องที่ตัวเองสงสัยออกไปเพราะไม่อยากจะให้มันค้างคาใจอยู่แบบนี้“นายหัวคะ”“มีอะไร” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวดูเหมือนกำลังใช้ความคิดและกำลังเครียดอะไรสักอย่าง“ณิรินอยากจะถามนายหัวเพิ่มได้ไหมคะ”“จะถามเรื่องอะไรก็ถามมาได้เลย ฉันไม่มีความลับอะไรจะปิดบังเธออีกแล้ว”“เรื่องที่ณิรินทร์ญายากถามถ้านายหัวไม่สะดวกตอบหรือคิดว่าณิรินล้ำเส้นจนเกินไปนายหัวจะ
“เธอพร้อมที่จะฟังแล้วใช่ไหม”“ค่ะ นายหัวกำลังจะบอกอะไรณิรินคะ”“ฉันอยากจะเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมา และอยากให้เธอรู้จากปากของฉันมากกว่าจะไปรู้จากปากของคนอื่น”“มันคือเรื่องอะไรกันแน่ นายหัวรีบบอกมาเถอะค่ะอย่าอ้อมค้อมอยู่เลย”“ก็เธอยังไม่สัญญานี้ว่าจะไม่โกรธ”“ก็ณิรินไม่รู้ว่าเรื่องอะไรแล้วณิรินจะสัญญาได้ยังไง”“เอาน่าสัญญามาก่อนแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง”“ถ้าณิรินไม่สัญญาล่ะ”“ถ้าเธอไม่สัญญาฉันก็ไม่เล่า”“นายหัวกำลังขี้โกงอยู่นะคะ มาบอกให้อยากรู้แล้วก็ไม่เล่าให้ฟัง ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” ณิรินทร์ญามองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ“ก็ฉันกลัวเธอโกรธ ณิรินสัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธ”“ณิรินสัญญาก็ได้ว่าจะไม่โกรธหรือถ้าจะโกรธก็จะโกรธนายหัวไม่นานตกลงไหมคะ”“คำว่าไม่นานของเธอคือเท่าไหร่แค่ห้านาทีได้ไหม”“นายหัวค่ะถ้ามันเป็นเรื่องใหญ่มากๆ เวลาแค่ห้านาทีณิรินคงจะปรับอารมณ์ไม่ทันแน่ๆ”“ถ้างั้นเท่าไหร่ล่ะ สิบนาทีดีไหม”“ก็ต้องแล้วแต่เรื่องว่ามันเรื่องร้ายแรงแค่ไหนแต่ ถ้าหากนายหัวยังลีลาไม่ยอมเล่าณิรินก็กำลังจะโกรธนายหัวแล้วนะคะ แล้วคนอย่างณิรินถ้าโกรธใครแล้วโกรธจริงด้วยไม่นะ”“ห้ามโกรธฉันนะ”“มันห้ามกัน