ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
Lihat lebih banyak“ณิรินคืนนี้ไปเที่ยวผับกันไหม”
“คืนศุกร์สิ้นเดือนแบบนี้ณิรินไปไม่ได้หรอกนะกิ๊ฟ” ณิรินทร์ญาตอบอลิษาเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ชั้นปีที่หนึ่งจนถึงตอนนี้พวกเธอเรียนอยู่ชั้นปีที่สามแล้ว
“อ้าวนี่ศุกร์สิ้นเดือนหรอกเหรอกิ๊ฟลืมไปสนิทเลย แล้วคืนนี้ณิรินจะไปทำงานที่ร้านเดิมใช่ไหม”
“ใช้จ้ะร้านเดิมนั่นแหละ ผู้จัดการร้านเขาโทรมาเตือนตั้งแต่เมื่อวาน เขาบอกว่าคืนนี้ลูกค้าน่าจะเยอะมากๆ ณิรินก็เลยไม่อยากพลาดโอกาสทำเงินน่ะ” เพราะคืนวันศุกร์สิ้นเดือนแบบนี้ลูกค้าที่ผับจะเยอะกว่าวันปกติมากและณิรินทร์ญาก็ไม่อยากจะพลาดเพราะมันหมายถึงว่าเธอจะได้เงินค่าเครื่องดื่มมากตามไปด้วย
“น่าเสียดายจังเอาไว้โอกาสหน้าณิรินต้องไปเที่ยวกับพวกเราบ้างนะ”
“แล้วพวกกิ๊ฟจะไปเที่ยวร้านไหนล่ะ ร้านที่ณิรินทำงานหรือเปล่า”
“ไม่หรอกร้านที่ณิรินทำงานค่าเครื่องดื่มแพงจะตายพวกเราว่าจะไปร้านแถวหน้ามหาลัย”
“กิ๊ฟไปกับใครบ้าง”
“ก็มีกิ๊ฟมีหน่อยแล้วก็ไข่มุกนะพวกเราจะไปกันแค่สามคน”
“เที่ยวให้สนุกนะ ณิรินคงต้องรีบกลับก่อนนี่”
“มันเพิ่งจะบ่ายสามเองนะกว่าผับจะเปิดก็ตั้งสองทุ่มไม่ใช่จะรีบกลับทำไมล่ะ”
“เย็นนี้ณิรินมีออเดอร์น้ำพริกส่งให้กับเจ๊สุนีย์ที่ตลาดน่ะจะรีบกลับไปทำ”
“ถ้ามีโล่รางวัลนักศึกษาที่ขยันทำงานที่สุดกิ๊ฟว่าณิรินต้องได้รางวัลนี้อย่างแน่นอนเลยนะ” อลิษากล่าวชมเพื่อนสนิทที่ขยันทำงานทุกอย่าง
“ไม่ขนาดนั้นหรอกยังมีคนอื่นที่ขยันอีกเยอะ”
“แต่กิ๊ฟว่าณิรินขยันที่สุดแล้วนะตอนเช้าทำแซนด์วิชมาส่งที่ร้านในมหาวิทยาลัย ตอนเย็นยังกลับไปทำน้ำพริกแล้วกลางคืนยังต้องออกไปเป็นเด็กนั่งดริ้งค์อีกจะเอาเงินไปเก็บไว้ที่ไหนเยอะๆ”
“อะไรที่เป็นเงินตอนนี้ณิรินก็ต้องรีบตักตวงไว้ก่อนเพราะถ้าหากขึ้นปีสี่คงไม่ค่อยมีเวลาเราต้องไปฝึกงานกันณิรินอยากเก็บเงินไว้เยอะเยอะ”
“แต่ตอนที่แม่ของณิรินเสียชีวิตณิรินก็ได้เงินค่าประกันชีวิตมาหลายล้านไม่ใช่เหรอทำไมยังทำงานหนักแบบนี้อยู่อีกล่ะ”
“ก็ณิรินไม่รู้นี่ว่าอนาคตข้างหน้ามันเป็นยังไงช่วงนี้ก็ต้องเก็บเงินไว้ก่อน ส่วนเงินที่ได้มาจากแม่ณิรินเอาซื้อสลากไว้แล้วเผื่อจะถูกรางวัลกับเข้าบ้าง”
“รู้จักวางแผนการเงินให้ดีจริงๆ ไม่เหมือนพวกเราเลยยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่”
“ต้นทุนชีวิตของคนเรามันต่างกันนี่กิ๊ฟกับเพื่อนๆ มีพ่อแม่มีครอบครัวคอยซัพพอร์ตแต่ตอนนี้ณิรินเหลือใครก็เลยต้องขยันเข้าไว้น่ะ ไม่รู้ว่าเรียนจบแล้วจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะหางานได้ช่วงนี้อะไรที่มันพอเป็นเงินได้ณิรินก็ต้องเอาไว้ก่อนนั่นแหละ พูดง่ายๆ ก็คือณิรินงกนั่นแหละ” ณิรินทร์ญาพูดกับเพื่อนแล้วหัวเราะ
หญิงสาวเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่สามเธอเรียนในแผนกบัญชีก่อนหน้านี้หญิงสาวเธออาศัยอยู่กับมารดาในบ้านหลังเล็กแต่ เมื่อสองปีก่อนมารดาของเธอก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแม้จะได้เงินประกันชีวิตมาจากกรมธรรม์ประกันชีวิตของมารดามามาก ถึงหน้าร้านแต่ณิรินทร์ญาก็ยังขยันทำงานเหมือนเดิม
มารดาของเธอเป็นพนักงานทำงานในโรงงานตอนเช้าก็จะทำแซนด์วิชไปส่งกับร้านที่อยู่ในโรงงานและร้านในตลาดและหลังจากกลับจากโรงงานแล้วมารดาของเธอก็ทำน้ำพริกส่งขายที่ตลาดซึ่งมีแม่ค้าเจ้าประจำรับไปขาย
หญิงสาวเรียนรู้การทำงานทุกอย่างมาจากจากมารดาเพราะเคยเป็นลูกมือช่วยอยู่ตลอด
แม้ชีวิตจะไม่ได้ลำบากมากแต่เธอก็มองแล้วว่าการทำงานแบบนี้มันไม่ได้เหนื่อยมากเท่าไหร่นอนพักก็หายแต่การตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองไม่มีเงินในกระเป๋ามันคงจะน่ากลัวกว่ามาก
“ทำงานเยอะขนาดนี้หาเวลาพักบ้างนะ”
“ขอบใจจ้ะ ณิรินขอตัวก่อนนะ เที่ยวให้สนุกล่ะอย่าลืมนะถ้าเมาก็อย่าขับรถกันเอง”
“พวกเราคุยกันแล้วว่าจะไม่ขับรถไปน่ะ ขากลับค่อยเรียกแท็กซี่เอาเพราะคิดว่าต้องเมาแน่”
“ดีแล้วขับรถตอนเมาอันตราย” หญิงสาวเตือนเพราะสาเหตุที่มารดาของเธอเสียชีวิตก็เพราะถูกคนเมาขับรถชนเธอ ก็เลยระมัดระวังในเรื่องนี้เป็นพิเศษ
ถึงแม้จะทำงานกลางคืนเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์แต่ณิรินทร์ญาก็ไม่เคยดื่มจนเมาหรือถ้าเมาเธอก็จะให้คนที่ผับขับรถมาส่ง เธอทำงานเป็นเด็กเชียร์แขกหรือที่เรียกว่าเด็กนั่งดริ๊งค์ในผับแห่งหนึ่งแต่ไม่ได้ไปทำงานทุกวันส่วนใหญ่จะไปทำงานแค่คืนวันศุกร์และคืนวันเสาร์
ซึ่งลูกค้าค่อนข้างมากโดยเฉพาะวันศุกร์สิ้นเดือนแบบนี้หญิงสาวก็เลยต้องรีบกลับบ้านเพื่อทำน้ำพริกส่งในตลาดให้เสร็จก่อนจะเข้าไปที่ผับเพื่อเริ่มงานในเวลาสามทุ่ม
เมื่อกลับมาถึงบ้านเธอก็รีบทำน้ำพริกผัดหมูซึ่งแวะซื้อวัตถุดิบทุกอย่างที่ตลาดเมื่อมาถึงก็จัดการหั่นหอมและกระเทียมจากนั้นก็เอาลงไปเจียวจนหอมไปทั่วบ้าน
เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็รอให้เย็นก่อนจะตักใส่กระปุกที่เตรียมไว้จากนั้นติดสติ๊กเกอร์ของร้านบนฝากระปุกเตรียมส่งให้แม่ค้าที่ตลาดในช่วงเช้าของวันเสาร์ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยในเวลาเกือบจะสองทุ่ม
หญิงสาวยังเหลือเวลาอีกนานในการอาบน้ำแต่งตัวเธอหยิบน้ำพริกที่เหลือในชามมานั่งกินกับไข่ต้มจากนั้นก็รีบอาบน้ำแต่งตัวและขับรถเก๋งคันเก่าไปยังผับแห่งหนึ่งซึ่งเข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่เรียนอยู่ปีหนึ่งเนื่องจากมารดารู้จักกับเจ้าของผับจึงค่อนข้างไว้ใจว่าเธอจะไม่ออกไปกับแขกคนไหน
นายหัวปาริธกลับมาถึงบ้านของณิรินทร์ญาในเวลาเกือบจะหก โมงเย็นเมื่อมาถึงเขาก็ทานราดหน้าด้วยความหิวเพราะเมื่อตอนกลางวันทานข้าวไปนิดเดียวเนื่องจากจัดต้องรีบทำงานต่อให้เสร็จ เมื่อทานราดหน้าอิ่มแล้วเขาก็มานั่งในห้องรับแขกโดยมีณิรินทร์ญาเดินตามมาด้วย“เหนื่อยมากไหม ณิรินนวดให้มั้ย”“นวดคอให้ฉันนิดหน่อยได้ไหมล่ะ”“ได้ค่ะ”“ไม่น่าเชื่อนะว่ามือเล็กๆ แบบนี้จะนวดดีกับเขาเหมือนกัน”“แต่ก่อนณิรินเคยนวดให้แม่บ่อยค่ะ ถ้าวันไหนนายหัวเมื่อยอยากให้ณิรินนวดก็บอกได้เลย”“ขอบใจนะ”“ยินดีค่ะ”“แล้ววันนี้เป็นยังไงบ้างปวดหัวหายแล้วใช่ไหม”“หายแล้วค่ะ”“ฉันไม่อยากให้เธอทำน้ำพริกเยอะแบบนั้นเลย”“ณิรินใครก็คิดว่าจะไม่ทำแล้ว”“จริงเหรอ”“จริงค่ะ ครั้งสุดท้ายที่ณิรินไปส่งน้ำพริกให้กับแม่ค้าณิรินก็บอกพวกเขาแล้วว่าจะหยุดทำน้ำพริกไปก่อน”“แล้วแม่ค้าเขาว่ายังไงบ้าง”“เขาก็บ่นนิดหน่อย เขายังบอกอีกว่าถ้าหากจะกลับมาทำก็ให้บอกพวกเขาด้วย นายหัวคงไม่คิดว่าณิรินเป็นคนขี้เกียจหรอกใช่ไหมคะ ทั้งที่ปิดเทอมแต่ไม่ยอมทำงาน” ณิรินทร์ญากลัวเขาจะเข้าใจผิดว่าที่ผ่านมาเธอทำเพื่อสร้างภาพว่าเป็นคนขยัน“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย ฉันรู้ว่าที่ผ
“วันนี้ฉันจะไปดูโรงงานที่สมุทรสาครเธอจะไม่ไปกับฉันจริงเหรอณิริน” นายหัวปาริธถามคนรักในเช้าวันหนึ่ง“วันนี้ณิรินปวดหัวนิดหน่อยค่ะ ขอนอนพักอยู่ที่บ้านได้ไหมคะ”“แล้วจะอยู่คนเดียวได้เหรอ ไปหาหมอไหมเดี๋ยวฉันพาไป” เขาถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะณิรินอยู่คนเดียวได้ นอนพักสักนิดก็น่าจะดีขึ้น ช่วงนี้ณิรินทำน้ำพริกเยอะไปหน่อยน่าจะมึนกลิ่นน้ำพริก”“ฉันเป็นห่วงเธอจัง ฉันเลื่อนนัดที่สมุทรสาครออกไปดีไหมวันนี้จะได้อยู่กับเธอ”“อย่าเลยค่ะนายหัวณิรินไม่อยากทำให้ตารางงานของนายหัวรวนค่ะ”“ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็โทรบอกนะ ฉันจะรีบกลับมา”“ค่ะนายหัว”“แล้วตอนเย็นอยากจะกินอะไรเดี๋ยวฉันจะซื้อมา”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เย็นนี้ณิรินว่าจะทำราดหน้าทะเลนายหัวอยากกินไหมคะ”“อยากกินสิ จะให้ฉันซื้ออาหารทะเลมาไหม”“ในตู้ยังมีเหลืออยู่เลยที่เราซื้อมาเมื่ออาทิตย์ก่อน นายหัวไม่ต้องซื้อมาเพิ่มนะคะ”“ทำไมล่ะ”“ณิรินเบื่อค่ะ”“เบื่อหรือเกรงใจ”“เบื่อจริงๆ ค่ะทุกครั้งที่นายหัวไปสมุทรสาครก็ซื้ออาหารทะเลมาฝากตลอด”“ในตู้เหลือเยอะไหม”“ไม่เยอะวันนี้ก็เลยจะเคลียร์ทุกอย่างในตู้ออก”“งั้นฉันไปก่อนนะ ถ้าทำงานเสร็จแล้วจะรีบกลับมา”“
นายหัวปาริธพาณิรินท์ญามายังผับที่หญิงสาวเคยทำงานอยู่ เขาพาเธอขึ้นไปนั่งรอบนชั้นสอง เจ้าของผับก็เดินตามขึ้นไปบนนั้นด้วยเจ้าของผับคุยอยู่ทั้งสองคนพักใหญ่ก่อนจะขอตัวลงไปดูแลแค่ทางด้านล่างตอนนี้บริเวณชั้นสองจึงเหลือแค่ณิรินท์ญากับนายหัวปาริธนั่งคุยกันตามลำพัง“อยากดื่มอะไรไหมณิริน”“ไม่ดีกว่าค่ะ”“ดื่มหน่อยเถอะถือว่าเป็นการฉลองที่เราคบกันดีไหม”“ก็ได้ค่ะ ถ้าณิรินเมานายหัวต้องรีบพากลับนะคะ”เมื่อดื่มไปหลายแก้วณิรินทร์ญาก็เริ่มจะเมาหญิงสาวจึงขอให้เขาพากลับเพราะไม่อยากจะเมาจนคอพับอยู่ที่นี่“เดินไหวไหมหรือจะให้ฉันอุ้ม”“คงไม่ต้องซื้ออุ้มหรอกค่ะ แค่ประคองก็พอ”นายหัวหนุ่มประคองหญิงสาว มาที่รถจากนั้นก็ขับออกมาจากผับเขาเลี้ยวเข้าไปที่คอนโดมิเนียมเพราะคุยกับณิรินท์ญาไว้แล้วว่าคืนนี้หลังจากออกจากผับจะพากินหญิงสาวมาค้างที่นี่เมื่อมาถึงคอนโดก็พาหญิงสาวมานั่งบนโซฟาก่อนจะเดินไปเอาน้ำในตู้เย็นมาให้เธอดื่มเพราะดูแล้วณินิทร์ญาน่าจะเมามาก“ดื่มน้ำหน่อยนะ”“ขอบคุณค่ะนายหัว นายหัวของณิรินน่ารักที่สุดเลย” หญิงสาวหยิบน้ำไปดื่มเพียงนิดจากนั้นก็นั่งพิงไปบนโซฟาดวงตาเธอฉ่ำปรือเพราะความเมา“ไปอาบน้ำหน่อยดีไหมหร
วันนี้เป็นเวลาเป็นวันที่ณิรินทร์ญาจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพ แม้จะยังไม่ถึงเวลาเปิดเทอม แต่หญิงสาวก็รู้สึกเป็นห่วงบ้านและเจ๊สุนีย์กับแม่ค้าคนอื่นก็โทรศัพท์ตามให้เธอมาทำน้ำพริกส่งณิรินทร์ญาบอกกับทุกคนแล้วว่าเธอจะทำน้ำพริกอีกแค่ประมาณสองเดือนพอเริ่มเรียนชั้นปีที่สี่ซึ่งจะต้องไปฝึกงานหญิงสาวก็จะเลิกทำเพราะกลัวว่าไม่มีเวลาแล้วอยากจะตั้งใจฝึกงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มที่นายหัวปาริธเดินทางขึ้นมาส่งหญิงสาวที่บ้านด้วยเขาเคลียร์งานทุกอย่างเรียบร้อยแล้วและคิดว่าจะมาใช้เวลากับเธอที่นี่อีกซักหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะเดินทางกลับณิรินทร์ญาทำความสะอาดด้านในบริเวณบ้านส่วนนายหัวปาริธก็อาสาเป็นคนตัดหญ้าและรดน้ำต้นไม้ต้นอื่นๆ บริเวณรอบๆ บ้านที่ไม่ได้ติดตั้งระบบรดน้ำอัตโนมัติไว้เพราะเป็นต้นไม้ใหญ่กว่างานทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยก็เกือบจะห้าโมงเย็น“เหนื่อยไหมณิริน”“เหนื่อยมากๆ เลยค่ะ ไม่คิดเลยว่าแค่สองสัปดาห์ฝุ่นมันจะเยอะขนาดนี้แล้วนายหัวล่ะเหนื่อยไหม”“ไม่หรอกงานพวกนั้นฉันทำจนชินแล้ว ว่าแต่เย็นนี้เราออกไปหาข้าวกินข้างนอกดีกว่านะฉันคิดว่าเธอคงไม่มีแรงทำอาหารหรอกส่วนอาหารที่ป้าแดงทำมาก็ใส่ตู้เย็นไว้ก่อนด
ตอนนี้ทั้งห้องตกอยู่ในบรรยากาศเงียบนายหัวปาริธกอดเอวคนรักไว้ หญิงสาวยังคงพิงศีรษะอยู่บนไหล่เขาฟังเสียงลมหายใจและเสียงหัวใจของเขาที่มันเต้นเป็นจังหวะประสานกับเสียงหัวใจของเธอณิรินทร์ญาไม่รู้หรอกว่าอนาคตเธอกับเขาจากนี้จะเป็นยังไง ในระยะเวลาหนึ่งปีนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างเธอกับนายหัวปาริธแต่เธอก็จะซื่อสัตย์กับเขาและจะมีเขาเพียงคนเดียวหญิงสาวเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าหากเธอกับเขารักกันจริงๆ ระยะเวลาและระยะห่างระหว่างอายุมันจะไม่เป็นอุปสรรคอะไรเลยแต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังกวนใจณิรินทร์ญาอยู่ก็คือเรื่องอดีตภรรยาของเขาหญิงสาวลังเลว่าจะถามเรื่องนี้ต่อหรือจะปล่อยให้มันเป็นเรื่องในอดีต แต่เมื่อคิดทบทวนอยู่หลายรอบก็ตัดสินใจพูดเรื่องที่ตัวเองสงสัยออกไปเพราะไม่อยากจะให้มันค้างคาใจอยู่แบบนี้“นายหัวคะ”“มีอะไร” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวดูเหมือนกำลังใช้ความคิดและกำลังเครียดอะไรสักอย่าง“ณิรินอยากจะถามนายหัวเพิ่มได้ไหมคะ”“จะถามเรื่องอะไรก็ถามมาได้เลย ฉันไม่มีความลับอะไรจะปิดบังเธออีกแล้ว”“เรื่องที่ณิรินทร์ญายากถามถ้านายหัวไม่สะดวกตอบหรือคิดว่าณิรินล้ำเส้นจนเกินไปนายหัวจะ
“เธอพร้อมที่จะฟังแล้วใช่ไหม”“ค่ะ นายหัวกำลังจะบอกอะไรณิรินคะ”“ฉันอยากจะเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมา และอยากให้เธอรู้จากปากของฉันมากกว่าจะไปรู้จากปากของคนอื่น”“มันคือเรื่องอะไรกันแน่ นายหัวรีบบอกมาเถอะค่ะอย่าอ้อมค้อมอยู่เลย”“ก็เธอยังไม่สัญญานี้ว่าจะไม่โกรธ”“ก็ณิรินไม่รู้ว่าเรื่องอะไรแล้วณิรินจะสัญญาได้ยังไง”“เอาน่าสัญญามาก่อนแล้วฉันจะเล่าให้ฟัง”“ถ้าณิรินไม่สัญญาล่ะ”“ถ้าเธอไม่สัญญาฉันก็ไม่เล่า”“นายหัวกำลังขี้โกงอยู่นะคะ มาบอกให้อยากรู้แล้วก็ไม่เล่าให้ฟัง ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” ณิรินทร์ญามองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ“ก็ฉันกลัวเธอโกรธ ณิรินสัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธ”“ณิรินสัญญาก็ได้ว่าจะไม่โกรธหรือถ้าจะโกรธก็จะโกรธนายหัวไม่นานตกลงไหมคะ”“คำว่าไม่นานของเธอคือเท่าไหร่แค่ห้านาทีได้ไหม”“นายหัวค่ะถ้ามันเป็นเรื่องใหญ่มากๆ เวลาแค่ห้านาทีณิรินคงจะปรับอารมณ์ไม่ทันแน่ๆ”“ถ้างั้นเท่าไหร่ล่ะ สิบนาทีดีไหม”“ก็ต้องแล้วแต่เรื่องว่ามันเรื่องร้ายแรงแค่ไหนแต่ ถ้าหากนายหัวยังลีลาไม่ยอมเล่าณิรินก็กำลังจะโกรธนายหัวแล้วนะคะ แล้วคนอย่างณิรินถ้าโกรธใครแล้วโกรธจริงด้วยไม่นะ”“ห้ามโกรธฉันนะ”“มันห้ามกัน
Komen