“ข่าวที่ประธานแอร์โรว์ไวรอนต์หย่ากับภรรยาน่ะหรือ?” เดเรกเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น ร่างแน่งน้อยเงียบไป เธอเพิ่งไปเซ็นต์ใบหย่ากับเดเรกเมื่อวานนี้และมันก็กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งอีกระลอกถัดจากข่าวความเสียหายที่เกิดกับบริษัท
“อีฟ...คุณคงไม่โกรธผมนะ ที่จู่ ๆ ผมก็ทิ้งคุณไปในช่วงเวลาแบบนี้”
เดเรกดึงมือเรียวบางนั้นมาไว้บนตักและบีบมันเบา ๆ ก่อนจะกล่าวต่อ
“มันน่าจะถึงเวลาที่ผมต้องยุติการทำหน้าที่การเป็นประธานแอร์โรว์ไวรอนต์ซึ่งมันเป็นความหวังของพ่อกับแม่เสียที หลังจากท่านทั้งสองเสียชีวิตผมก็คิดมาตลอดว่าอยากถอดหัวโขนนี้ออกไปในสักวัน ที่ผ่านมาผมมอบหน้าที่ให้แอนดรูว์หัวหน้าฝ่ายวิจัยดูแลการผลิตมาตลอด เพราะที่จริงผมไม่ได้อยากสานต่อเจตนารมณ์ของพ่อมากสักเท่าไหร่ ผมอยากไปอยู่ในที่สงบและใช้ชีวิตในแบบที่ผมเป็น”
“แต่ตอนนี้คุณก็กำลังจะได้ไปตามทางที่คุณมุ่งหวัง เราต่างเป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอมาไม่ใช่หรือคะ”
“อีฟ...หลังจากที่ผมเดินทางไปปารีสแล้ว ผมอยากให้คุณได้รับรู้เจตนารมณ์ของผมอีกอย่าง นั่นคือการขายหุ้นทั้งหมดของแอร์โรว์ไวรอนต์ คอร์ป”
“ฉันจะจัดการทุกอย่างได้อย่างไรล่ะคะ ถึงตอนนี้หุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทจะเปลี่ยนจากคุณมาเป็นฉันก็จริง แต่ฉันก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของคุณเลยนะคะ” อิสลินแสดงความกังวลออกมาทางสีหน้าและแววตา แอร์โรว์ไวรอนต์มีปัญหาประจวบกับเวลาที่เดเรกอยากวางมือ เขาหย่ากับเธอก็จริงแต่กลับให้เธอเป็นผู้กุมบังเหียนบริษัทประดิษฐ์ยูเอวีระดับโลก
“อีฟ...ผมจะไม่ทำให้คุณกับลูกต้องลำบาก หลังจากที่กระทรวงเพิกถอนสัญญากับเราก็มีบริษัทผลิตโดรนรายใหญ่ติดต่อมาหาผม บริษัทนี้ผ่านขั้นตอนการพิจารณาเป็นคู่สัญญากับกระทรวงกลาโหมแล้ว พอผมบอกว่ากำลังจะขายหุ้นในบริษัทและขายโรงงานผลิตยูเอวีที่เมืองเดย์ตัน อู่อุตสาหกรรมการบินของสหรัฐ เขาก็รีบเสนอตัวที่จะซื้อในทันที”
“บริษัทอะไรหรือคะ?”
“ดี ฮันเตอร์ คอร์ป เป็นบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อไม่กี่ปีมานี้ แต่เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมากและเขาก็ผงาดขึ้นมาแทนที่แอร์โรว์ไวรอนต์ได้ในที่สุด”
“ใครเป็นเจ้าของกันคะ?” / ชายหนุ่มนิ่งนึกก่อนที่สุดท้ายก็ส่ายศีรษะ
“ผมยังไม่เคยรู้จักเขาเลย คนที่รับผิดชอบงานให้เขาเป็นคนติดต่อมา ดูเหมือนประธานบริษัทเป็นคนชอบเก็บตัวและไม่ค่อยสนใจออกสังคมสักเท่าไหร่ ก็คงเป็นธรรมดาของพวกนักประดิษฐ์ที่ชอบอยู่กับผลงานของตัวเองมากกว่าจะสุงสิงกับชาวบ้าน”
“ฉันทำให้คุณต้องยุ่งยากอีกแล้วนะคะ เดเรก...นับตั้งแต่เรื่องของอีวี่”
“ผมรักอีวี่...เธอทำให้การแต่งงานของเราสมบูรณ์แบบ และทำให้พ่อแม่ของผมเชื่อสนิทใจว่าลูกชายคนเดียวของท่านน่ะ มีครอบครัวที่อบอุ่นจริง ๆ “
บทที่ 4
“ค่ะ...มันดูเหมือนว่าพวกเราเป็นครอบครัวที่มีความสุขจริง ๆ “ อิสลินน้ำตาซึมเมื่อนึกถึงเวลาเมื่อห้าปีที่ผ่านมา เธอตกลงใจที่จะแต่งงานกับเดเรก เจ้าของแอร์โรไวรอนต์ คอร์ป บริษัทด้านวิศวกรรมการบินผู้ผลิตยูเอวีอันดับหนึ่งของสหรัฐ เขาเป็นนักธุรกิจไฟแรงและดูดีด้วยรูปร่างสูงโปร่งพร้อมบุคลิกสุภาพบุรุษที่มีความมุ่งมั่นอันเป็นภาพลักษณ์ที่สามารถปิดบังฉากหลังซึ่งไม่เคยมีใครล่วงรู้มาก่อนนอกเสียจากเจ้าสาวที่เขายอมเปิดใจหลังเข้าพิธีแต่งงานซึ่งเขาไม่ต้องการให้จัดหรูหราเอิกเกริก เดเรกบอกในสิ่งที่อิสลินคาดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่า เขาเป็นชายที่มีใจรักชายเหมือนกัน ซึ่งการแต่งงานครั้งนั้นก็เพื่อต้องการปิดบังสถานภาพอันแท้จริง
“เราอยู่ด้วยกันก็นานเหมือนกันนะ ผมรู้สึกใจหายอย่างไรไม่รู้ที่ต้องไปจากคุณและลูกกระทันหันแบบนี้”
“อย่างน้อยคุณก็จะได้มีเวลาอยู่กับตัวเองและทำในสิ่งที่ใจอยากทำได้อย่างอิสระ...อืม แบรด รู้เรื่องนี้หรือยังคะ?” เจ้าของดวงหน้างามกำลังถามถึง แบรด ธาลตัน คนรักที่แท้จริงของเดเรกซึ่งเป็นผู้ชายที่มีวัยไล่เลี่ยกันและเขาก็มาร่วมอวยพรในพิธีแต่งงานด้วย นับจากวันที่เธอได้เป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของเดเรก ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวรู้ว่าเธอใช้ชีวิตอยู่กับสามีที่ไม่เคยล่วงเกินหรือแสดงความรักอย่างชายหนุ่มหญิงสาวกับเธอเลยแม้สักครั้ง ทว่าอิสลินกลับมีความสุขกับชีวิตเล็ก ๆ ซึ่งมีเพียงเดเรกเท่านั้นที่รู้ว่าเธอตั้งครรภ์ได้สามเดือนก่อนจะเข้าพิธีแต่งงานกับเขา
“แบรดจะไปปารีสพร้อมกับผมในวันพรุ่งนี้ ส่วนเรื่องการติดต่อกับ ดี ฮันเตอร์ คอร์ป ผมจะให้แอนดรูว์ หัวหน้าฝ่ายงานวิจัยกับทนายของบริษัทช่วยเป็นธุระให้คุณ”
“ถ้าอย่างนั้นหลังจากขายหุ้นของแอร์โรไวรอนต์ ฉันก็จะพาอีวี่กลับไปอยู่เมืองไทย ฉันคิดถึงที่นั่นมากค่ะ”
“อีฟ...” เดเรกยกมือเรียวบางขึ้นมาแนบบนแก้มและยิ้มนุ่มนวล
“คุณเองก็เหมือนกันนะ นับแต่นี้คุณก็จะได้ทำในสิ่งที่คุณอยากทำอย่างอิสระเสียที”
“ค่ะ...เดเรก” อิสลินซบหน้าลงกับบ่ากว้างและทอดสายตาเลยแมกไม้ในสวยสวยไกลออกไปยังแสงดาวระยิบระยับที่ถักทอประกายบนท้องฟ้าเสมือนเข็มทิศนำทางแห่งความหวัง
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“ขอบคุณครับ คุณอีฟ...นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วครับ เหลือก็แต่การไปพบและทำความรู้จักกับประธานบริษัท ดี ฮันเตอร์ คอร์ป”
แอนดรูว์กล่าวขึ้นขณะรับเอกสารปึกใหญ่จากมือของอิสลินที่นั่งมาบนเบาะหลังของรถเก๋งคันหรูด้วยกันหลังจากเธอจรดปลายปากกาลงไปในเอกสารทางกฎหมายมากมายเพื่อรับทราบและยินยอมต่อข้อตกลงเกี่ยวกับการทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นของแอร์โรไวรอนต์ คอร์ปอเรชั่นให้กับดี ฮันเตอร์ คอร์ป บริษัทผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ที่เต็มใจกว้านซื้อทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นหุ้นมูลค่ามหาศาลและโรงงานใหญ่อีกสองแห่งในเมืองเดย์ตันซึ่งเดเรกตั้งใจโอนให้เป็นกรรมสิทธิ์ของอิสลินหลังการหย่า
“ขอบคุณมากนะคะ แอนดรูว์ ที่คอยจัดการทุกอย่างให้เดเรกกับฉัน” ร่างบอบบางภายใต้ชุดแสกผ้าไหมสีชมพูอ่อนหันไปกล่าวกับแอนดรูว์ ชายชาวอเมริกันรูปร่างสูงใหญ่อายุราวสี่สิบกว่าที่วันนี้สวมชุดสูทสีดำซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาการประดิษฐ์ยูเอวีให้กับแอร์โรไวรอนต์มานานหลายปี เขายิ้มบาง ๆ ดวงตาคู่นั้นมองไปนอกกระจกขณะที่รถค่อย ๆ เคลื่อนไปตามถนนสายใจกลางตัวเมืองเศรษฐกิจอย่างกรุงนิวยอร์ค ซิตี้ ซึ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย
“มามี้ขา...มามี้ขา” อีวี่ร้องเรียกขณะวิ่งกลับมาหาแม่ อิสลินที่นั่งใจลอยราวกับภวังค์กระตุกวูบ เธออ้าแขนรับแม่หนูน้อยที่โผเข้าซบอกและจูบเรือนผมสีน้ำตาลทองที่อวลไอด้วยกลิ่นหอมแบบเด็ก ๆ“อะไรจ๊ะลูก...ไม่อยู่คุยกับแด๊ดดี้แล้วหรือจ๊ะ” / “อีวี่อยากนอนค่ะ มามี้”“หืม...” อิสลินเงยหน้ามองท้องฟ้า อาจถึงเวลาที่อีวี่จะนอนแล้วจริง ๆ / “มามี้ร้องเพลงให้อีวี่ฟังหน่อยซีคะ”อีวี่ออดอ้อนและอิสลินก็ไม่คิดปฏิเสธ หญิงสาวจับร่างเล็กขึ้นนั่งบนตักและโอบกอดด้วยอ้อมแขนอุ่นราวอุ้มเด็กทารก แสงนวลของจันทราสาดส่องลงมากระทบนัยน์ตาสีฟาสดใส สำหรับเธอแล้วอีวี่เป็นของขวัญจากสรวงสวรรค์ที่งดงามมากกว่าสิ่งใดในโลก เจ้าของร่างแน่งน้อยเริ่มขยับเรียวปากขับลำนำเสียงเพลงเห่กล่อมคลอเสียงคลื่นและสายลมอ่อนShule, shule, shule-a-roo, Shule-a-rak-shak, shule-a-ba-ba-coo. When I saw my sally babby beal, Come bibble in the boo shy lorey. บทเพลงนุ่มนวลอ่อนหวานถูกขับกล่อมเบา ๆ อยู่เช่นนั้นกระทั่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด“อีวี่จ๊ะ...อีวี่จ๋า” อิสลินหยุดร้องและก้มลงมองนางฟ้าในอ้อมแขนที่หลับตาพริ้ม“อะไรกัน...หลับไปเสียแล้ว” อิสลิน
“บอกมาเถอะที่รักว่าจะให้ผมทำอะไร ผมยอมคุณหมดแล้วนะทูนหัว”หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนหันไปมองร่างเล็กที่กำลังก่อปราสาททรายอย่างขะมักเขม้น“คุณไม่ต้องทำอะไรให้ฉันหรอกค่ะ ขอแค่ทำให้ลูกของเรามีความสุขที่สุดในวันเกิดของแก...เป็นพอ”เซอร์เรนัล์ฟยิ้มพลางเกลี่ยปอยผมบนขมับของอิสลินทว่าก็สังเกตเห็นความผิดปกติบนวงหน้างามของผู้อยู่ในอ้อมแขน“อีฟ...ผมว่าหน้าคุณดูซีดไปนะ คุณไม่สบายหรือเปล่า”“ไม่นี่คะ ฉันสบายดีค่ะ ฉันคงตื่นเต้นมากไปที่ได้เห็นหน้าลูก”หญิงสาวหรุบสายตาลงต่ำเพื่อเก็บซ่อนอะไรบางอย่างที่ยังติดค้างในใจก่อนเปลี่ยนเรื่องพูด“นี่ก็เย็นมากแล้วนะคะ ฉันยังไม่ได้บอกป้าซิลวี่เลยว่าจะกลับบ้านผิดเวลาแบบนี้ ท่านคงเป็นห่วงฉันแย่แล้ว””ป้าซิลวี่รู้แล้วว่าคืนนี้คุณจะไม่กลับบ้าน”“คะ...คุณว่ายังไงนะคะ?” อิสลินขมวดคิ้วมุ่น เธอช้อนสายตาขึ้นมองเขาอีกครั้งก็เห็นประกายวิบวับในดวงตาสีฟ้าคมเข้ม เซอร์เรนัล์ฟดันแผ่นหลังให้ร่างบอบบางแนบชิดอกกว้างอีกครั้ง“นับจากวันนี้ป้าซิลวี่คงต้องหาลูกมือคนใหม่ช่วยงานที่ร้านแล้วล่ะ เพราะผมบอกเรื่องของเรากับท่านหมดแล้วตอนเดินทางมาถึงโมนาโก”“ไคลน์...นี่คุณ” อิสลินเริ่มหน้าง
“คุณจะแน่ใจได้อย่างไรคะว่าอีวี่เป็นสายเลือดของคุณ แกอาจเป็นลูกของใครก็ได้ที่ผู้หญิงร่านอย่างฉันเคยมีความสัมพันธ์ด้วย!”“คุณไม่เคยมีใคร” เซอร์เรนัล์ฟแย้งเบา ๆ ก่อนจับไหล่บางทั้งสองและรั้งเข้าหาตัว“ผมเชื่อว่าอีวี่เป็นลูกของผมโดยไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอด้วยซ้ำ! ทำไมน่ะหรือ...มองตาผมสิ อีฟ ผมรู้ว่าคุณเห็นผมตลอดเวลาที่อยู่กับอีวี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นลูกก็คือผม ในตัวของแกมีหัวใจของผู้ชายที่คุณรักมากที่สุดซึ่งคุณเคยคิดว่าเขาตายไปแล้ว”อิสลินเม้มเรียวปากบางไว้แน่นเมื่อรู้สึกว่าไม่อาจเก็บกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไปเฉกเดียวกับร่างสูงใหญ่ที่เลื่อนมือหนาขึ้นมาสัมผัสแก้มเนียนเพื่อเกลี่ยหยดน้ำใสที่ร่วงหล่นลงมา“ไคลน์คะ...ฉัน...” หญิงสาวตีบตันทบเท่าทวีคูณเมื่อเห็นหยดน้ำถั่งออกมาจากดวงตาที่เคยแข็งกร้าวของจอมซาตาน เธอได้แต่นิ่งงันและรอบตัวได้ยินเพียงเสียงคลื่นซัดผสานสายลมอ่อนไหวและเสียงเล็ก ๆ ของลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัวเราะหัวใคร่กับลูกสุนัขแสนซน“หยุดร้องไห้เถอะนะ ที่รัก...ผมขอโทษที่ทำให้คุณทุกข์ใจในเวลาที่ผ่านมา ตอนคุณหนีไปจากผมกับลูก อีวี่บอกว่ามักจะเห็นคุณร้องไห้เสมอ”“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้ลูกเห
อิสลินส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตาก็ไหลไม่หยุด เธอกอดลูกสาวไว้อีกครั้งก่อนจะได้ยินเสียงลูกสุนัขตัวเดิมมายืนเห่าข้าง ๆ“โยกี้...นี่มามี้ของฉันนะ มามี้กลับมาหาฉันแล้ว” อีวี่ยิ้มออกมาซึ่งมันทำให้อิสลินแปลกใจ“โยกี้หรือคะ?”“ช่ายค่ะ มันชื่อโยกี้ แด๊ดดี้ซื้อมาให้อีวี่ แด๊ดดี้กลัวอีวี่จะเหงา”ร่างเล็กหันไปยกมือส่งสัญญาณกับหมาตัวน้อยในขณะที่คนเป็นแม่นิ่งไป อิสลินรู้สึกเหมือนเกิดใหม่เมื่อเห็นหน้าอีวี่ แต่แล้วหญิงสาวกลับนึกขึ้นมาได้ว่าเธอพบหน้าลูกแล้ว เธอได้อีวี่กลับคืนมาและยังไม่ลืมแผนการที่คิดไว้ในใจ ร่างบางหันไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นเงาของใคร เซอร์เรนัล์ฟคงดีได้ประเดี๋ยวประด๋าวเพราะหลังจากนี้ไปเขาจะเป็นอย่างไรก็สุดจะคาดเดา“อีวี่จ๊ะ เราไปกันเถอะ” อิสลินยืดตัวขึ้นยืนและจับมือเล็กให้เดินตามแต่หนูน้อยกลับเป็นฝ่ายยื้อเธอไว้“มามี้ขา มามี้จะไปไหนคะ?”“ไปจากที่นี่อย่างไรล่ะคะ ตามมามี้มาเถอะค่ะ”“อย่าเพิ่งไปค่ะ มามี้” หนูน้อยเข้าไปเกาะขามารดาไว้แน่นและเงยหน้ามองคล้ายจะอ้อนวอนอะไรสักอย่าง“ทำไมล่ะคะ อีวี่...เราต้องรีบไปนะคะ เราอยู่ที่นี่ไม่ได้”“แต่อีวี่ไม่อยากไป มามี้อยู่ก่อนนะคะ แด๊ดดี้บอกว่าจะจัดงานวันเกิดให้
“ไคลน์คะ อ๊ะ” “พระเจ้า...อีฟ”ต่างฝ่ายต่างครวญครางดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อความสุขสมสอดประสานไปกับสายลมแสนหวานและเสียงคลื่นขับกล่อม ระยับแดดสาดส่องเข้ามาภายในห้องกว้างทาบทาลงบนร่างทั้งสองที่กอดก่ายและดื่มด่ำกับเรือนร่างของกันและกันด้วยเพลิงปรารถนาอันน่ากระหายใคร่เป็นเวลาเนิ่นนาน บางครั้งร่างอรชรเป็นฝ่ายควบคุมเขาและหลายคราวกลับเป็นฝ่ายปลดปล่อยให้เซอร์เรนัล์ฟเป็นผู้ควบขับและดูเหมือนร่างงามยินดีเป็นฝ่ายตั้งรับพลังอันล้นเหลือจากชายหนุ่มซึ่งไม่มีทีท่าเหนื่อยอ่อนแม้แต่นิดเดียว“ที่รัก...”“ไคลน์คะ” อิสลินจิกปลายเล็บลงบนผ้าคลุมเตียงที่ยับยู่ยี่และขมวดมันไว้ในมือแน่นขณะบิดร่างชื้นเหงื่อใต้ร่างสูงใหญ่ เซอร์เรนัล์ฟยังคงแข็งแกร่งและขยับสะโพกโดยไม่หยุดพักซึ่งหญิงสาวก็ปราศจากทีท่าจะหยุดตัวเองด้วยเช่นกัน ใบหน้าคร้ามเข้มก้มลงจูบหนักเมื่อรับรู้เวลาว่าใกล้ถึงฝั่งฝัน“บอกผมหน่อยได้ไหมที่รัก...ว่าคุณมีความสุขหรือเปล่า?” คนถามหอบหายใจหนักเมื่อรู้สึกถึงหยาดหยดแห่งรักเริ่มซึมซาบออกมา อิสลินแก้มแดงซ่านแม้คำถามนั้นก่อเกิดความประหลาดใจหากก็ตอบออกไปหาใช่ด้วยอารมณ์ที่กำลังทะยานใกล้ถึงขีดสุด“ค่ะ...ไคลน์ วันนี้ฉัน
“อา...อีฟ” เซอร์เรนัล์ฟคำรามเสียงหนักอยู่ในลำคอก่อนพลิกตัวให้ร่างเล็กขึ้นมาทาบทับอยู่เบื้องบน เขามีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อพวงเนื้ออิ่มงามทั้งสองข้างที่กำลังไหวกระเพื่อมเลื่อนมาอยู่ตรงกับริมฝีปากหนาได้รูป“ไคลน์...บอกฉันสิคะว่าเมื่อไหร่คุณจะให้ฉันพบอีวี่” ร่างเปลือยเย้ายวนบิดไปมาอยู่เหนือร่างกำยำกระซิบถามพลางไล้ปลายนิ้วไปบนกรามแกร่งสากระคายคล้ายจะเอาใจ“คุณจะได้พบลูกแน่ ผมรับประกัน” / “แล้วหลังจากนี้คุณจะปล่อยพวกเราไปใช่ไหมคะ”พอหญิงสาวถามต่อชายหนุ่มก็ขยับลูกขึ้นนั่งโดยใช้แขนแข็งแรงดันแผ่นหลังให้ร่างบอบบางที่ยังคร่อมบนตัวแนบกับอกกว้าง เซอร์เรนัล์ฟซุกใบหน้าเพื่อสูดดมกลิ่นหอมอวลจากหลือบร่องของสองเต้าที่ถูกเบียดชิดเข้าหากัน“ผมยังไม่มีแผนอะไรตอนนี้ แต่คิดว่าจะพาคุณกับลูกกลับอเมริกา”“เพื่อเป็นสักขีพยานในงานแต่งของคุณกับเรเน่ต์อย่างนั้นหรือคะ...ฉันขอปฏิเสธค่ะ ไคลน์” / “คุณหึงผมหรือ อีฟ”“ไม่ค่ะ...อ๊ะ! ไคลน์” อิสลินสะดุ้งเมื่อกายแกร่งเริ่มแทรกความเป็นเขาเข้าไปในกลีบอ่อนนุ่มโดยหญิงสาวไม่ทันตั้งตัว ใจหนึ่งเธอก็อยากขยับหนีแต่ท่าที่นั่งอยู่บนหน้าตักของเขาไม่อำนวยให้ทำอย่างที่คิด“อุ๊ย! ไคลน์