1
เขาเป็นรักแรก
เหนือนที รพีสุวิวัฒน์ก็แค่ผู้ชายธรรมดาที่โชคดีเกิดมาหน้าตาดี รูปร่างเพอร์เฟคเหมือนเป็นลูกรักเทพเจ้า แถมยังมีพ่อเป็นเจ้าของธุรกิจเฟรนไชส์ไก่ทอดที่ขายไปทั่วประเทศ น้อยคนที่จะส่ายหน้าบอกว่าไม่เคยได้ลองชิมรพีไก่ทอดที่วางขายอยู่ทุกหนทุกแห่งมานับสิบปี ขายดิบขายดีจนเจ้าของนั้นเหลือกินเหลือใช้ ก็ใช่เขารวยแต่ก็ไม่ได้รวยอะไรมากมาย ก็ใช่เขาหล่อ…แต่หล่อมันกินไม่ได้ เพราะนิสัยของเขามันเหลือจะทน เขาทั้งหยิ่งยโส ปากหมาไม่รับประทานแถมยังมั่นหน้ามั่นโหนกเสียเหลือเกิน ที่สำคัญคือได้ยินว่าเขาเป็นพวกเจ้าชู้ ถึงจะหยิ่งแต่ก็กินไม่ค่อยเลือก เหมือนไม่ง่ายแต่ก็ได้ไม่ยาก
บรรดาเหล่าสาวน้อยสาวใหญ่พากันออกมารีวิวว่าของเขาดียังไง เดี๋ยวว่าแซ่บ เดี๋ยวเด็ดสะระตี่ บ้างก็ว่าเวลาถูกเขาลากขึ้นเตียงล่ะแหม…ฟินจนต้องครางเสียงแหบเสียงแห้ง แต่พอเขามีแฟนข่าวความคาวก็หายเงียบ ได้ยินว่าถึงจะเป็นพวกบ้าเซ็กส์มั่วผู้หญิงแต่เหนือนทีเป็นคนรักใครรักจริง พอมีตัวจริงเป็นตัวเป็นตนก็หยุดนิสัยเจ้าชู้ในทันที เห็นว่าผู้หญิงที่สามารถมัดใจเสือผู้หญิงอย่างเหนือนทีได้ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลแต่เป็นมิรินทร์ อำพลคุณากร ไฮโซสาวที่เป็นเพื่อนสมัยเรียนเมืองนอกของเขา ก็อย่างว่า…คนหล่อมักคู่กับคนสวย คนรวยก็ดองกับคนรวย สมน้ำสมเนื้อกันดี…นักธุรกิจแต่งงานกับไฮโซ เกื้อหนุนกันทุกอย่าง
อินทิรา อินทรเกียรติคิดแบบนั้นในตอนที่ได้เห็นการ์ดเชิญงานแต่งงานของเหนือนทีกับมิรินทร์ ตอนอยู่หน้าคนอื่นเธอไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ ออกมา แต่พอลับหลังกลับแอบขึ้นห้องมาร้องไห้ อย่างที่บอก…เหนือนทีเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาไม่ได้พิเศษไปกว่าใคร แต่เขาเป็นรักแรกของเธอ รักแรกที่เธอเฝ้ารอ รักวัยเด็กที่เหมือนจะดับสลายเมื่อได้รับการ์ดเชิญ พอได้ยินว่าเขากำลังจะแต่งงานน้ำตาก็ดันไหล
ไอ้พี่เหนือกับยัยอิงค์อ้วนขี้มูกเปียกเป็นคู่กัดกันมาตั้งแต่เด็ก คนพี่นั้นก็เป็นแค่คนขี้แกล้งที่เห็นเด็กอ้วนแล้วชอบแกล้งให้ร้องไห้ พอน้องร้องไห้ก็ล้อเลียนเรียกน้องว่ายัยขี้มูกเปียกบ้าง ยัยอิงค์อ้วนบ้าง แต่พอน้องร้องไห้ไม่ยอมหยุดก็จะรีบเข้ามาโอ๋ เข้ามากอดแล้วเอาไอติมยัดปาก อีน้องมันก็ใสซื่อพอเขากอดก็หยุดร้อง พอได้กินไอติมก็ดีใจ เด็กสองทั้งสองเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงอยู่ที่จันทบุรี พ่อแม่สนิทสนมกันดีมีอะไรก็แบ่งปันกันมาตลอด แต่พอธุรกิจรพีไก่ทอด เติบโตจนต้องขยายกิจการ ต้นคิดกับทิพย์นารีก็พาลูกชายย้ายจากบ้านหลังขนาดกลางที่จันท์ไปอยู่บ้านหลังใหญ่ที่กรุงเทพ นับแต่นั้นยัยขี้มูกเปียกก็ไม่ได้เจอหน้าไอ้พี่เหนืออีก ได้แต่แอบส่องเขาตามโซเชียล ได้รับรู้เรื่องราวในชีวิตของเขาผ่านคำบอกเล่าของคนอื่น
แม้ไม่ได้อยากแต่ก็ต้องมาเพราะต้องขับรถจากจันท์พาแม่กับย่ามาร่วมงานแต่งงานสุดหรูหราอลังการงานสร้างที่กรุงเทพ งานแต่งงานจัดที่โรงแรมในเมือง คนที่มาร่วมงานก็มีมากหน้าหลายตา จากในวงสังคมไฮโซ พวกนักธุรกิจ แถมยังมีดารากับนักการเมือง มองไปมองมาอินทิราเริ่มคิดว่านี่มันงานสภากาชาดหรืองานแต่งงานกันแน่
“ได้ยินว่าแฟนของเหนือเขาเป็นลูกหลานคนมีเงิน เป็นพวกไฮโซในกรุงเทพ ตอนแรกก็คิดว่ารวย…แต่ดูจากงานแต่งแล้วนี่มันเศรษฐีชัดๆ” นวลจันทร์พูดกับแม่สามีที่นั่งอยู่ข้างๆ ในงานแต่งงานแสนหรูหรา สายตากวาดมองผู้คนที่เดินเข้ามาในงานแม้จะไม่รู้จักแต่ดูจากเครื่องเพชรที่ประโคมใส่กันมาก็เชื่อแล้วว่าบ้านรพีสุวิวัฒน์เติบโตเป็นอย่างมาก จากที่เมื่อก่อนเป็นแค่สองผัวเมียที่กระเตงลูกชายตัวน้อยขับมอเตอร์ไซค์ขายไก่ทอดอยู่ในเมืองจันท์ ตอนนี้กลายเป็นคนสำคัญไปแล้ว
“ถ้าตอนนั้นแม่รู้ว่าต้นคิดจะพาลูกพาเมียมาได้ไกลถึงจุดนี้ แม่คงคิดดอกเบี้ยสักหน่อย” พิสมัยเจ้าของสวนอินทร สวนผลไม้ใหญ่ของเมืองจันท์ ที่เขาล่ำลือกันว่าเป็นเศรษฐีตัวจริงไม่อิงนิยาย หากแต่ไม่เคยใส่เพชรใส่ทองมาอวดความมากมีของตัวเอง เอ่ยถามกับลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงติดตลก ยังจำได้แม่นว่าพ่อของเหนือนทีเคยสัญญาอะไรเอาไว้ในตอนที่เข้ามาขอยืมเงินสิบห้าล้านไปขยายธุรกิจไก่ทอดเมื่อสิบห้าปีก่อน “ขอดอกเบี้ยตอนนี้ยังทันไหมนะ?”
“แม่ก็พูดไปนั่น…” ลูกสะใภ้ยกยิ้มให้แม่ผัว ก่อนจะหันมองอินทิราที่นั่งก้มหน้าสไลด์หน้าจอโทรศัพท์มือถือ “ขับรถมาตั้งแต่เช้า เหนื่อยจนไม่พูดไม่จาเลยเหรออิงค์”
“ไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นหรอกจ่ะแม่ อิงค์ก็แค่เบื่อๆ นี่มันเลยเวลาเริ่มงานมาพักใหญ่แล้วไม่ใช่เหรอทำไมเจ้าบ่าวเจ้าสาวเขายังไม่มากันอีก?” จะว่าไปก็แปลก ตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในงานอินทิรายังไม่เห็นแม้แต่เงาของคู่บ่าวสาวเลย
“นั่นสิ…สงสัยพิธีคนกรุงเทพจะไม่เหมือนกับพิธีบ้านเราล่ะมั้ง”
“จะคนกรุงเทพหรือคนจันทร์ พิธีก็เหมือนกันหมดนั่นล่ะ คงมีเรื่องขัดข้องอะไรสักอย่าง บ่าวสาวถึงไม่ออกมารับแขก ว่าแต่เหนือเขาอายุเท่าไหร่แล้วนะ แม่ไม่ได้เจอนานก็ลืมๆ”
“เหนือแก่กว่าอิงค์สามปี ปีนี้ก็น่าจะสามสิบได้แล้วล่ะแม่”
“แบบนี้ก็แสดงว่าอิงค์ยี่สิบเจ็ดแล้วล่ะสิ” พิสมัยแกล้งพูด ส่งสายตาชำเลืองมองหลานสาวคนเดียวที่ยังคงเล่นโทรศัพท์มือถือไม่ยอมวาง “ยี่สิบเจ็ดแล้วแต่ก็ยังหาแฟนไม่ได้ แล้วแบบนี้จะได้แต่งเมื่อไหร่?”
“อิงค์ได้ยินนะย่า” อินทิราพูดกับย่าทั้งๆ ที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง เธอคนนี้ก็แปลกคน ถึงเมื่อก่อนจะอ้วนตุ๊ต๊ะแต่พอโตเป็นสาวขึ้นมากลับสวยสะพรั่ง ตาโตกลมประดับด้วยขนตางอน ปากอวบอิ่มทว่าเล็กนิดเดียว จมูกก็น่ารักน่าจูบ ไม่รู้ไขมันตอนเด็กหายไปอยู่ที่ไหนหมด ยิ่งโตก็ยิ่งเพรียว ยิ่งขาวทั้งๆ ที่เดินตากแดดอยู่กลางสวน เธอสวย…พูดได้เต็มปากว่าสวยแบบที่เลื่องชื่อไปทั้งเมืองจันท์ แต่กลับไม่คิดอยากจะหาแฟน ไม่รู้เป็นเพราะยังไม่เจอคนที่ถูกใจหรือเพราะยังจ้องจะรักแค่พี่เหนือคนนั้น
อุตส่าห์ไปเรียนปริญญากราฟิก ดีไซน์ไกลถึงญี่ปุ่น แต่สุดท้ายก็กลับมานั่งนับมังคุด นับทุเรียนอยู่ที่สวน กลับมาเที่ยวเล่นกับเพื่อนตอนเด็ก ทั้งแม่ทั้งย่าไล่ให้ไปหางานทำอยู่กรุงเทพก็ไม่ยอมไป หลอกล่อด้วยรถกับคอนโดมิเนียมแล้วก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจ นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่าเด็กติดบ้าน
“ได้ยินแล้วก็หัดคิดตามบ้างสิ ย่าน่ะแก่ลงทุกวันแล้วนะ ย่าอยากใส่ชุดผ้าไหมไปงานแต่งงานอิงค์” ได้ทีพิสมัยก็หาเรื่องบ่นหลานสาวคนเดียว
“ก็นี่ไง ย่าจะได้ใส่ชุดผ้าไหมมางานแต่งงานไอ้พี่เหนือแล้ว”
“อิงค์ ทำไมเรียกพี่เขาแบบนั้นล่ะลูก?” นวลจันทร์ทำเสียงต่ำ หันมองลูกสาวเป็นเชิงว่าเธอทำตัวไม่น่ารัก
“ก็แล้วจะให้อิงค์เรียกว่าอะไร…คุณพี่เหนืองี้เหรอ? ก็ใช่สิ…เขาเป็นพวกไฮโซไปแล้วนี่ เดี๋ยวนี้หันไปทางไหนก็เห็นแต่รพีไก่ทอด รายได้ตกเดือนละหลายสิบล้าน ได้ไปออกรายการโน้นรายการนี้ แถมยังมีเมียเป็นไฮโซอีกต่างหาก” อินทิราประชดประชันอย่างออกรสออกชาติ ก็เธอตามส่องความเคลื่อนไหวเขาอยู่ตลอด ไม่แปลกเลยที่รู้เรื่องเขาเป็นอย่างดี ก็แอบรักแอบชอบเขามาตั้งแต่เด็ก ถึงเขาจะชอบแกล้งชอบว่าก็เถอะ แล้วไหนใครว่าผู้ชายแกล้งแปลว่าผู้ชายชอบไง ไอ้พี่เหนือแกล้งเธออยู่ทุกวัน แกล้งมาตั้งแต่เด็กจนเข้ามัธยมต้น ไหงอยู่ดีๆ ไปแต่งงานซะได้ล่ะ? ทฤษฎีนี้มันห่วยแตกฉิบเป๋ง!
“พอเลย ทำไมชอบกระแนะกระแหนพี่เขานัก ลับหลังเขาก็ยังไม่เว้น นี่ขนาดไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายปีก็ยังไม่วายจะแขวะเขา”
“อึก!” ไม่ทันที่อินทิราจะได้ตอบอะไรคนเป็นแม่ อยู่ๆ ทิพย์นารีแม่เจ้าบ่าวก็รีบร้องเดินมาหยุดหอบที่โต๊ะของบ้านอินทรเกียรติ “คุณป้าพิส นวล หนูอิงค์ลูก…”
“มีอะไรกันทิพย์ หน้าตาตื่นมาแบบนี้…มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” พิสมัยเริ่มสังหรณ์ใจพิกล ก่อนออกจากบ้านก็บอกตาอ้น ลูกชายคนเดียว พ่อของอินทิราที่จากไปเมื่อเจ็ดปีก่อนว่าขอให้มีแต่เรื่องดีๆ สงสัยว่าสารจะส่งไปไม่ถึงลูกชาย
“ไปคุยกันที่ห้องแต่งตัวเจ้าสาวนะคะ ทั้งสามคน…ช่วยเดินตามกันออกไปเงียบๆ นะ” พูดจบทิพย์นารีก็หันหลังเดินออกไป ทำเอาสามสาวจากสวนอินทรต้องหันมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจถึงสถานการณ์
ช่างหน้าช่างผมยืนหน้าเสียอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ชุดเจ้าสาวสีขาวแขวนอยู่ตรงนั้น ทุกอย่างอยู่ครบขาดอย่างเดียวที่หันมองทางไหนก็หาไม่เจอนั่นคือเจ้าสาว อินทิราลอบสังเกตสถานการณ์ตั้งแต่ที่เดินตามแม่กับย่าเข้ามาในห้องแต่งตัวเจ้าสาว พล็อตนิยายเรื่องหนึ่งชัดๆ ไม่ได้อยากจะคิดไม่ดี แต่นี่มันเลยเวลางานมาสิบนาทีแล้ว เจ้าสาวยังมาไม่ถึงงานหรือหนีไปกันแน่
“ตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่แม่ทิพย์?” พิสมัยรบเร้าถาม
“รบกวนพวกคุณออกไปก่อนได้ไหม?” ทิพย์นารีไล่เหล่าช่างหน้าช่างผมอย่างคนมีมารยา พอสี่สาวเดินออกไปเหลือเพียงคนกันเองทิพย์นารีก็ทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ ยกมือขึ้นกุมขมับ “เจ้าสาวของเหนือเขาหนีไปแล้ว ทิพย์เพิ่งรู้เมื่อกี้นี้เอง”
“หมายความว่ายังไงคะป้าทิพย์ ที่บอกว่าเจ้าสาวหนีไปแล้ว?” อินทิราถามด้วยความตกใจ
“มิรินทร์แฟนเจ้าเหนือไม่อยากแต่งงาน บินไปต่างประเทศตั้งแต่เมื่อคืน…เจ้าเหนือมันก็เพิ่งรู้เมื่อเช้านี้เอง ตอนนี้มันเมาหัวทิ่มหัวตำอยู่ที่ห้องแต่งตัวเจ้าบ่าว งานมันเริ่มขึ้นแล้ว…แต่เจ้าสาวหายไปส่วนเจ้าบ่าวก็ไม่เหลือสติแล้ว ป้าไม่มีทางออกอื่นเลยหนูอิงค์ แขกในงานมีแต่คนใหญ่คนโตทั้งนั้น พวกเขาเตรียมตัวมางานนี้กันไม่น้อย ป้าไม่มีหน้าไปบอกพวกเขาว่างานแต่งงานนี้ถูกล้มเลิก” ทิพย์นารีตาแดงก่ำย้ายมือที่กุมขมับมาปิดปากตัวเอง พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ร้องไห้ออกมา
“ไม่มีทางออกอื่นที่ว่านั้นคืออะไรแม่ทิพย์?” พิสมัยกำสร้อยพระเหลี่ยมทองที่อกแน่น ตาอ้นลูกชายกำลังจะส่งหลานเขยมาให้เธออย่างนั้นหรือ หลังจากที่ขอเรื่องนี้อยู่ห้าปีเต็ม ในที่สุดเธอจะได้มีหลานเขยแล้วใช่หรือไม่?
“คุณป้าพิส นวล…จะเป็นอะไรไหม มันคงจะน่าเกลียดและมองเหมือนเป็นการดูถูกดูแคลน แต่ขอให้เชื่อว่าทิพย์ไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นเลย คือว่า…ทิพย์อยากจะสู่ขอหนูอิงค์ให้มาเป็นเจ้าสาวเจ้าเหนือมันตอนนี้เลย”
“คะ?!” สามสาวจากสวนอินทรทำตาโตอ้าปากหวอ ไม่ช็อกสิแปลก…อยู่ๆ จะมาสู่ขอกันดื้อๆ แบบนี้ก็ได้หรือ?
49รัก! เมีย! ที่! สุด! เลย!ท่าทีของภรรยาออกจะเคอะเขินอยู่สักนิด เพราะคุณสามเอาแต่นอนนิ่งปลดปล่อยออกมาเพียงเสียงลมหายใจที่ถี่แรงพร้อมกับกระตุกเล็กน้อยในตอนที่โดนเรียวลิ้นเล็กแตะสัมผัสไปทั่วตัว ตอนที่บอกเขาว่าเธอนั้นจะเป็นเสือสาวที่พร้อมจะขย้ำเขาทั้งตัว เขาก็รีบถอดทั้งเสื้อทั้งกางเกงร้องขอให้เธอโกยกินกิน ยิ้มชอบใจเมื่อคนที่คอยเป็นฝ่ายรับมาตลอดตอนนี้กำลังตั้งหน้าตั้งตารุกใส่เขา เธอละเมียดละไมเลียที่หัวนม ค่อย ๆ ดูดเบา ๆ พอให้เขาได้เสียว ช้อนสายตาขึ้นมองแล้วส่งรอยยิ้ม“เวลาอิงค์เลียแบบนี้พี่เหนือชอบไหม?” เอ่ยถามพร้อมน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงเอาไว้ด้วยความกระเส่าสั่น “เวลาโดนดูดที่หัวนม…ผู้ชายเสียวเหมือนกันไหมคะ?”“อื้อ! เสียวสิ…ก็คงจะเหมือนของผู้หญิงนั่นแหละ ดูสิว่ามันแข็งไปหมดแล้ว แค่เธอเลียนิดเดียวพี่ก็แข็งไปทั้งตัว” เหมือนว่าเมียจงใจใช้ความไร้เดียงสา อยากรู้อยากเห็นมายั่วให้เขายิ่งมีอารมณ์ เวลาที่เธอเคลื่อนไหวช้า ๆ อยู่บนตัวเขา เขาสั่นไหวมีอารมณ์ความต้องการ ที่จริงอยากจะจับเธอกดให้จมกับเตียง แล้วกระหน่ำบรรเลงเพลงรักให้รู้แล้วรู้รอด แต่จำต้องทน ต้องอดกลั้นมันไว้เพราะเขาอยากลองเป็นฝ่ายรับดูบ้
48คนติดเมีย“เราไปฮันนิมูนกันจริง ๆ ดีไหม?”เหนือนทีเอ่ยขึ้นมาในตอนที่เขากำลังนอนโอบกอดให้อินทิราหนุนแขนอยู่บนเตียง ทั้งสองกลับมาคืนดีกันอย่างเป็นทางการ เคลียร์หมดทุกปัญหาที่เคยเกิดขึ้น ต่างคนต่างรู้ว่ารัก ต่างคนก็ต่างเป็นทั้งผู้ให้และผู้ได้รับ เป็นสิ่งที่ภรรยาสาวต้องการตลอด“เราก็ไปฮันนิมูนกันมาแล้วไม่ใช่เหรอ?” หญิงสาวถามกลับ เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่นอนอยู่สูงกว่าเธอ“เอาฮันนิมูนจริง ๆ สิ ครั้งก่อนที่ไปเกาหลีพี่ไปทำงาน ไม่มีเวลาได้พาเธอไปเที่ยวเลย ครั้งนี้พี่อยากให้เราได้ไปเที่ยวกันจริง ๆ ตั้งแต่ที่แต่งงานกันมา พี่ทำแต่งานจนไม่มีเวลาได้สนใจเธอเลย”“เพิ่งรู้ตัวเหรอ?” แกล้งถามพร้อมรอยยิ้ม ได้แต่สงสัยว่าจุดไหนกันที่ทำให้เหนือนทีมองทุกอย่างรอบด้านแล้วก็เป็นช่องโหว่ขึ้นมา“รู้ตัวช้าก็ดีกว่าไม่รู้ตัวเลยไม่ใช่เหรอ? พี่อยากใช้เวลากับเธอ…อยากไปเที่ยวด้วย พี่อยากให้เรามีเวลาคุยกันเยอะ ๆ”“แต่งานพี่เหนือก็เยอะไม่ใช่หรือไง? เรื่องไปเที่ยวน่ะจะไปตอนไหนก็ได้ แต่มันหลายวันแล้วนะที่อิงค์ไม่เห็นพี่เหนือออกไปทำงาน”“ก็พี่อยากอยู่กับเธอ พี่ไม่รู้สึกอยากออกจากบ้านเลย…แค่เธอไปเข้าห้องน้ำพี่ก็คิดถึงแล้ว
47เผชิญหน้าและแล้วเวลาที่อินทิรากลัวมากที่สุดก็มาถึง มันคือวันที่มิรินทร์คนรักเก่าของเหนือนทีกลับมา และมาแสดงตัวอยู่ตรงหน้าเธอ ที่บอกสามีว่ามีนัด…นั่นก็คือนัดของมิรินทร์ ทั้งสองคนมาเจอกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง พอมาถึงต่างคนก็ต่างเงียบเอาแต่จ้องมองกันและกันด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ อินทิรานั้นเคยเห็นมิรินทร์แต่เพียงในรูปถ่าย พอได้เจอตัวจริงก็ยอมรับเลยว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นคนสวย รูปลักษณ์ภายนอกดูไฮโซอย่างที่ใครเขาว่ากัน ทั้งเครื่องประดับ เสื้อผ้าและรองเท้า เป็นของแบรนด์เนมด้วยกันทั้งนั้น“เริ่มกันเลยดีไหมคะ? คุณมิรินทร์นัดฉันออกมาทำไมคะ?” สุดท้ายก็เป็นอินทิราที่เริ่มเปิดบทสนทนา กาแฟพร่องจนเหลือแค่ก้นแก้วแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมมิรินทร์ถึงต้องการจะเจอเธอ“ขอแบบไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกันนะ แล้วก็ขอแทนตัวเองว่าพี่…เพราะพี่น่าจะอายุเยอะกว่าอิงค์”“ค่ะ”“อิงค์เองก็คงรู้จักพราวฟ้า แล้วก็คงรู้แล้วด้วยว่าที่พี่ต้องหนีไปในคืนวันก่อนงานแต่งงานมันเป็นเพราะอะไร พี่แค่อยากจะบอกว่า…พี่อยากได้โอกาสน่ะ พี่กลับมาเพื่อขอโอกาสจากเหนือ พี่ผิดเอง…พี่ยอมรับความผิดทั้งหมด ที่หนีไปตอนนั้นเป็นเพราะพี่เชื่อใจเหนือไ
46ขอโทษและขอบคุณเสร็จจากมื้อเย็นอินทิราก็ขึ้นมานั่งพักบนห้องนอน รอให้อาหารย่อยอย่างเต็มที่แล้วค่อยอาบน้ำ ระหว่างที่รอก็เปิดโซเชียลดูความเคลื่อนไหวของผู้คนไปเรื่อย กระทั่งอยู่ ๆ ก็มีสายเรียกเข้าจากเบอร์แปลกโทรเข้ามา เธอรับสายนั้นโดยไม่คิดอะไร ทว่าพอได้ยินชื่อของอีกฝ่ายตัวก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที[นี่มิรินทร์นะ]“ค่ะ มีธุระอะไรเหรอคะ?”[รู้จักอยู่แล้วสินะคะ เพราะงั้นเข้าเรื่องแบบไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกัน…ฉันอยากเจอคุณเป็นการส่วนตัวค่ะ ขอเป็นพรุ่งนี้…]“เจอเพื่ออะไรคะ? ถึงฉันจะรู้จักคุณ…ถึงจะรู้ว่าคุณเป็นใครแต่เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันจนต้องมาเจอกันเป็นการส่วนตัวนี่คะ”[ทำไมเราจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันล่ะ? ก็ตอนนี้คุณอินทิรากำลังแต่งงานกับแฟนของฉันอยู่นะคะ ฉันกับเหนือ…เราสองคนยังไม่ได้เลิกกันเลย]“…”[ขอโทษที่ต้องพูดตรง ๆ แล้วฉันก็ไม่อยากให้คุณคิดว่าฉันจะมาหาเรื่องทะเลาะด้วย ฉันแค่…อยากเจอคุณสักครั้ง มาเจอกันนะคะ แล้วฉันจะส่งสถานที่นัดเจอไปให้]มิรินทร์ทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะวางสายไป ซึ่งมันเป็นเวลาเดียวกับที่เหนือนทีเข้ามาในห้องนอนพอดี แน่นอนว่าเขาได้ยิน…และต่อให้ไม่ได้ยินที่ปลายสายพูด
45พี่มีเวลาทั้งชีวิตความรักคือการกระทำไม่ใช่คำพูดเหนือนทีท่องประโยคนั้นอยู่ในใจมาตั้งแต่เช้า ไม่แน่ใจว่าเวลานี้ภรรยาเชื่อบ้างไหมว่าเขารู้ตัวแล้วว่ารักเธอจริง ๆ เขาหันหลังใส่งานที่ออฟฟิศ ไม่สนใจการประชุมใด ๆ ทั้งสิ้น ที่ทำอยู่ตอนนี้คือเก็บกวาดบ้านทั้งหลัง เริ่มตั้งแต่ปัดฝุ่น กวาดบ้าน ตามด้วยการถูพื้น จบท้ายด้วยเช็ดกระจกบานใหญ่ในบ้านทั้งหลัง นี่ไม่ใช่ตัวเขาเลย ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าจะมีวันที่คนอย่างเขามาตั้งหน้าตั้งตาทำงานบ้านเพื่อง้อเมียแบบนี้โทรศัพท์ของเขามีสายเรียกเข้าดังอยู่ไม่หยุดหย่อน แต่เขาไม่สนใจจะรับสายคนที่โทรเข้ามาเพื่อเรียกตัวให้เขาออกไปทำงาน ที่ออฟฟิศยังดำเนินงานต่อไปได้โดยไม่มีเขา แต่อินทิราอาจไม่รอเขาอีกต่อไปแล้ว เขาจะไม่เสียเธอ จะไม่ทำเธอหลุดมือไปกับแค่เพราะออกไปเซ็นเอกสารไม่กี่ใบแน่ พอเช็ดกระจกเสร็จก็ถึงเวลาที่ต้องเอาผ้าไปซัก เดินเข้ามาในห้องนอนพร้อมสภาพชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งตัว เห็นภรรยากำลังนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง เขาก็แอบยิ้ม…แปลกใจที่วันนี้เธอไม่ออกไปไหน ปกติไอ้พิชญ์จะต้องหาเรื่องชวนเธอออกไปข้างนอกไม่ใช่หรือยังไง?“วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ?” เอ่ยถามขณะที่เอาต
44แค่เธอเท่านั้นอินทิรากลับบ้านมาในตอนเที่ยงคืน ภาพที่เห็นเป็นภาพแรกในตอนเดินเข้ามาในบ้านคือสามีที่นอนกอดขวดเหล้าอยู่ที่พื้น เป็นภาพเดียวกับที่เธอเคยเห็นเมื่อสองปีก่อน สภาพเขาสะบักสะบอม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เนื้อตัวเปียกปอนแถมยังมีรอยเลือด“พี่เหนือ?!” เห็นสภาพเขาแล้วก็ตกใจไม่น้อย รีบเข้าไปพยุงให้ลุกขึ้นนั่ง “ทำไมสภาพเป็นแบบนี้?!”“อึก! อิงค์เหรอ?” เหนือนทีถูกการ์ดซ้อมมาอย่างหนัก ก็เพราะเขาต้องการจะเข้าไปหาอินทิราในร้านไวน์ มันเป็นการกระทำโง่ ๆ ของคนไร้สติ “อิงค์กลับมาหาพี่แล้วเหรอ?”“ไปมีเรื่องกับใครมา? ทำไมเมาแบบนี้? แล้วทำไม…เลือดเต็มไปหมดแบบนี้?! ตากฝนมาด้วยเหรอ?! พี่เหนือเป็นบ้าไปแล้วหรือไง?!” เห็นสภาพเขาแบบนี้แล้วเธอจะทำใจแข็งเย็นชาใส่ได้ยังไงกัน?“อิงค์…” น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่หมองเศร้าของคนเมา สายตาที่มองเธอมันชัดเจนแล้วว่าเขากำลังทรมาน “เธอมีความสุขไหมเวลาที่อยู่กับไอ้พิชญ์?”“มาถามอะไรตอนนี้? ลุกขึ้นมา…อิงค์จะพาไปทำแผล!”“ตอบพี่สิ…เธอมีความสุขหรือเปล่าที่เราต้องกลายเป็นแบบนี้? ผู้ชายคนอื่นให้ความสุขกับเธอได้มากกว่าพี่ใช่ไหม?” เหนือนทีไม่ยอมทำตามที่อินทิราบอก ทำตัวแข็