นี่หากคนที่ถูกเศษแก้วบาดเป็นหล่อน อคิราห์จะแสดงความห่วงใยแบบนี้บ้างหรือเปล่านะ
“เอ่อ... ชมพูไม่เป็นไรค่ะท่านประธาน”
“ไปทำแผลก่อน”
“แต่ว่า... ชมพูอยากจะเก็บกวาดก่อน...”
“ผมต้องการให้คุณไปทำแผลก่อน ส่วนตรงนี้ให้ฟ้าลดาทำไปก็ได้”
แล้วเขาก็ประคองร่างของบัวชมพูให้ลุกขึ้นยืน ในขณะที่หล่อนทำได้แค่ก้มหน้าและกลั้นน้ำตาเอาไว้
“เธอจัดการทำความสะอาดต่อได้ไหมฟ้าลดา”
“ได้... ได้ค่ะ พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ”
“ดี หวังว่าจะรีบทำให้สะอาด และรีบกลับไปให้พ้นๆ สายตาฉันนะ”
หล่อนไม่ได้ตอบอะไรออกไป น้ำตาเม็ดโตๆ ไหลออกมาอาบพวงแก้ม
อคิราห์เดินออกไปแล้วพร้อมกับบัวชมพู ท่าทางห่วงใยที่ชายหนุ่มมีให้กับเลขาฯ สาวของตัวเอง ทำให้หล่อนเจ็บปวดเหลือเกิน
ในขณะที่ฟ้าลดากำลังดำดิ่งลงสู่เหวลึกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด อคิราห์ที่เดินออกมาพร้อมกับบัวชมพูก็เอ่ยขึ้น
“ผมส่งคุณแค่หน้าห้องนะ”
“ขอบคุณมากค่ะท่านประธาน”
ใบหน้าหล่อจัดของเจ้านายหนุ่มเคร่งเครียด แววตาเย็นชาเหลือเกิน
บัวชมพูลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็เอ่ยถามออกไปจนได้
“เอ่อ... ท่านประธานคะ”
“มีอะไร”
ท่าทางของอคิราห์ที่แสดงกับหล่อนตอนนี้กลับมาเหมือนเดิมแบบที่เคยเป็นทุกวัน ไม่ได้มีความห่วงใยเหมือนกับที่เขาแสดงต่อหน้าฟ้าลดาอีก
“ชมพู... เอ่อ... มีเรื่องอยากจะถามท่านประธานน่ะค่ะ”
อคิราห์ไม่ได้เอ่ยอนุญาตเป็นคำพูด แต่แววตาของเขาแสดงออกให้เห็นว่าสามารถซักถามได้
“เรื่องคุณฟ้าลดาน่ะค่ะ”
“มีอะไรที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับฟ้าลดาหรือ”
“ชมพู... แปลกใจการกระทำของท่านประธานน่ะค่ะ”
“ผมทำอะไร”
“ก็... ท่านประธานแสดงท่าทางว่าเป็นห่วงชมพูมาก ทั้งๆ ที่ปกติมันไม่ใช่แบบนี้”
อคิราห์ตวัดตาจ้องหน้าหล่อน ก่อนที่น้ำเสียงกระด้างจะดังออกมา
“ถ้าเป็นเรื่องนี้ผมไม่มีคำตอบให้คุณ ไปทำแผลได้แล้ว วันนี้คุณต้องทำรายงานประชุมส่งผมก่อนกลับบ้านไม่ใช่หรือ”
“เอ่อ... ค่ะ...”
อคิราห์ก้าวยาวๆ เดินจากมา แววตาของเขายังคงเต็มไปด้วยกองเพลิง
กรามแกร่งขบกันแน่น ความหงุดหงิดงุ่นง่านก็ยังคงวิ่งพล่านไปทั้งอก
เขาจะไม่มีวันยอมพ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงที่เห็นเขาเป็นเพียงแค่วัตถุชิ้นหนึ่งอย่างฟ้าลดาเด็ดขาด
หากหล่อนคิดจะเล่นเกม สิ่งที่หล่อนจะได้กลับไปก็มีเพียงแค่หายนะบ้าคลั่งเท่านั้น
ชายหนุ่มกำมือแน่น ภาพของฟ้าลดาที่อยู่ในอ้อมแขนของอิศรายังคงชัดเจนอยู่ในหัว และภาพนี้แหละที่มันทำให้เขาคลั่ง!
“เย็นนี้ไปทานอาหารค่ำที่บ้านของคุณน้ามลกันนะพ่อใหญ่”
เมื่อกลับมาถึงบ้าน อคิราห์ก็ถูกผู้เป็นมารดาเอ่ยชักชวน แกมบังคับ
“ผมเหนื่อยครับคุณแม่”
“ก็แค่ไปนั่งทานอาหารกับหนูฟ้าเอง ไม่เอาน่ะ พ่อใหญ่อย่างอแงเป็นเด็กสิ ไปอาบน้ำแต่งตัวหล่อๆ แม่นั่งรอก็แล้วกันนะ”
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางอิดออดใดๆ ยังไงก็ต้องทำตามที่มารดาต้องการ
“ครับ”
มารดาของเขาระบายยิ้มกว้าง แววตาเต็มไปด้วยความสุข
“แต่อย่านานนะพ่อใหญ่ เดี๋ยวเลยเวลามื้อค่ำบ้านหนูฟ้าน่ะ”
ผู้เป็นลูกชายไม่ได้เอ่ยตอบ เขาเพียงแต่ฝืนยิ้มบางๆ ให้กับมารดา และเดินขึ้นบันไดไปเท่านั้น
อมลวรรณอมยิ้มพึงพอใจ รู้สึกดีใจไม่น้อยที่จะได้ฟ้าลดามาเป็นลูกสะใภ้ใหญ่
“พ่อกลาง กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย แม่ไม่เห็นได้ยินเสียงรถเลย”
อัคเรศ หรือคุณกลาง เดินเข้ามาหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวใกล้ๆ กับมารดา
“ผมมาได้สักพักแล้วครับคุณแม่”
“อ้าว แล้วทำไมเพิ่งเข้าบ้านล่ะพ่อกลาง”
“พอดีผมไปนั่งเล่นที่สวนหลังบ้านมานะครับ อากาศค่อนข้างดีทีเดียว”
ผู้เป็นแม่ผงกศีรษะขึ้นลงช้าๆ ก่อนจะเอ่ยทักคนใช้วัยรุ่นที่เพิ่งเดินผ่านประตูใหญ่ของตัวคฤหาสน์เข้ามาภายในบ้าน
“อ้าว แม่ตาลมาพอดี”
น้ำตาล เด็กรับใช้ที่เกิดและโตอยู่ภายในอาณาจักรรัตนเมธากุลชะงักเท้าเล็กน้อย ใบหน้าขาวสะอาดรูปหัวใจก้มลงมองพื้นคล้ายกับหวาดกลัวอะไรบางอย่างเมื่อต้องเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของผู้เป็นนายจ้าง
“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง”
น้ำตาลยกมือไหว้อมลวรรณ ก่อนจะหันไปยกมือไหว้อัคเรศอีกคน
“สวัสดีค่ะคุณกลาง...”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ออกจากปากหยักสวยของอิศเรศนอกจากแววตาคมที่จ้องมองมายังร่างของหล่อน ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“เพิ่งกลับมาจากมหา’ลัยเหรอแม่ตาล”
“เอ่อ... ค่ะ”
คำตอบอึกอักของสาวใช้ที่มีหน้าตาหวานไม่ต่างจากชื่อทำให้อมลวรรณอดแปลกใจไม่ได้
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูท่าทางตื่นๆ กลัวๆ อะไรแปลกๆ แม่ตาล”
“ปะ... เปล่าไม่มีอะไรค่ะคุณผู้หญิง”
“อืม งั้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ จะได้มาช่วยแม่สายทำงาน”
แม่สาย หรือ สายบัวคือมารดาของน้ำตาลนั่นเอง
“ค่ะ คุณผู้หญิง”
น้ำตาลก้มหน้าตอบรับคำสั่ง และก็หันหลังจะเดินจากไป แต่แล้วเสียงของอมลวรรณก็ดังขึ้น
“เสื้อไปทำอะไรมาน่ะแม่ตาล เปื้อนดำเป็นรอยดินเชียว”
“เอ่อ...”
ใบหน้ารูปหัวใจซีดเผือด ก่อนจะรีบละล่ำละลักตอบออกมา
“ตาล... หกล้มนิดหน่อยน่ะค่ะคุณผู้หญิง... ขอตัวนะคะ”
น้ำตาลเดินหายออกไปแล้ว แต่อมลวรรณยังคงอดที่จะบ่นไม่ได้
“นี่ถ้าไม่รู้จักนิสัยแม่ตาลมาก่อน แม่คงคิดว่าแอบไปทำอะไรไม่ดีมาแน่ๆ”
“ก็อาจจะไปทำมาจริงๆ ก็ได้นะครับคุณแม่”
“พูดไปนั่นพ่อกลาง แม่ตาลเป็นเด็กดี ไม่มีทางประพฤติตัวเหลวไหลหรอก”
ผู้เป็นแม่มองค้อนบุตรชายคนกลาง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย
“ไปกินข้าวบ้านคุณน้ามลด้วยกันไหมพ่อกลาง”
อัคเรศส่ายหน้าไปมา “คุณแม่ไปกับพี่ใหญ่เถอะครับ ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“พูดไปนั่น”
เป็นแม่มองค้อนลูกชายอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่อคิราห์เดินลงมาพอดี
“พี่ใหญ่มาแล้วครับคุณแม่” อัคเรศบอกมารดาก่อนจะเอ่ยแซวพี่ชาย
ตอนที่ 29. ตอนอวสาน“แล้วถ้าฟ้าปฏิเสธล่ะคะ”“ถ้าขนาดพี่ลงทุนขับรถต้นไม้ให้ตัวเองบาดเจ็บแล้ว ยังไม่สามารถทำให้ฟ้ายอมให้อภัยได้ งั้นพี่ก็ควรจะตายๆ ไปซะ” “พี่... ใหญ่ว่าอะไรนะคะ?” ฟ้าลดาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง หล่อนต้องฟังผิดไปแน่ๆ จะมีคนบ้าที่ไหนกล้าทำให้ตัวเองบาดเจ็บขนาดนี้ อคิราห์อมยิ้ม ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง และครั้งนี้ชัดเจนเต็มสองหูเลย “ความจริงมันไม่ใช่อุบัติเหตุหรอก พี่ตั้งใจขับรถชนต้นไม้เองน่ะ” “พี่ใหญ่!”ฟ้าลดาอุทานตกใจอย่างไม่อยากเชื่อ“พี่แค่ตั้งใจจะให้หัวแตกนิดเดียว แต่ผิดพลาดไปหน่อย เลยขาหักด้วย” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาฟ้าลดายกมือตีท่อนแขนกำยำอย่างมันเขี้ยวระคนไม่พอใจ“ทำไมพี่ใหญ่ทำแบบนี้คะ ถ้าหากพลาดท่าเสียชีวิตไป จะทำยังไง”“ก็แค่ตาย”“แล้วฟ้าล่ะ... ฟ้าจะอยู่ยังไง คนบ้า... คราวหน้าคราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะคะ”อคิราห์อมยิ้มยกมือขึ้นลูบใบหน้าของภรรยาเอาไว้แผ่วเบา“พี่ยอมเจ็บกว่านี้ หากมันจะทำให้ฟ้ายอมกลับมาอยู่กับพี่”“ไม่ต้องมาพูดเลย... ห้ามทำแบบนี้อีกนะคะพี่ใหญ่”“ก็ถ้าฟ้าไม่หนีพี่ไปอีก พี่ก็จะไม่ทำอะไรแผลงๆ แบบนี้อีกค
ตอนที่ 28. ฟ้าลดายิ้มออกมาอย่างโล่งอก และหันไปมองมารดาของตัวเอง “คุณแม่คะ ฟ้า... ขออยู่เฝ้าพี่ใหญ่นะคะ” “ได้สิลูก” ตอนนี้ไม่เหลือความแง่งอน ความน้อยใจใดๆ ติดหัวใจอีกแล้ว สิ่งเดียวที่ต้องการในตอนนี้ก็คือขอให้อคิราห์ฟื้นขึ้นมาโดยเร็วที่สุด อคิราห์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ความปวดหนึบอัดแน่นเต็มศีรษะ เขากัดฟันขยับตัวเล็กน้อย และก็ทำให้เห็นว่ามีใครคนหนึ่งฟุบหน้ากับเตียงคนไข้ และกำลังหลับอยู่ ผิวขาวเนียนแบบนี้ เส้นผมสีดำขลับแบบนี้ กลิ่นหอมกรุ่นคุ้นจมูกแบบนี้ ไม่มีทางเป็นใครไปได้หรอก นอกจาก... “ฟ้า...” ชายหนุ่มพึมพำเสียงแหบแห้ง หัวใจที่เคยห่อเหี่ยวตอนนี้แช่มชื้นอิ่มเอม รอยยิ้มพึงพอใจแต่งแต้มใบหน้าหล่อจัด ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กของฟ้าลดาอย่างระมัดระวัง แต่ถึงจะแผ่วเบาแค่ไหนก็ทำให้คนที่เผลอหลับไปสะดุ้งตื่นได้ไม่ยาก ฟ้าลดาผงกศีรษะขึ้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความดีใจ เมื่อเห็นว่าคนที่หล่อนนั่งเฝ้ามาตลอดทั้งคืนลืมตามองอยู่ “พี่ใหญ่...” หล่อนยิ้มอย่างโล่งใจ น้ำตาแห
ตอนที่ 27. “แต่พ่อใหญ่บอกแม่ว่าไม่ต้องการหย่า และก็อยากพบฟ้าเพื่อปรับความเข้าใจด้วย” ฟ้าลดากะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตาแห่งความเสียใจให้กลับเข้าไปข้างใน หล่อนพยายามสร้างกำแพงขึ้นมาปิดกั้นหัวใจตัวเอง โดยใช้ความร้ายกาจของอคิราห์ที่เคยกระทำเอาไว้กับหล่อนมาเป็นฐานราก เพื่อป้องกันการพังทลาย แต่ดูเหมือนว่ามันจะสั่นคลอนเสียทุกครั้งที่เห็นเขามาหา “คงเป็นความต้องการของคุณป้าวรรณก็ได้ล่ะ พี่ใหญ่ก็เลยต้องมาตามง้อฟ้าแบบนี้” “แม่คุยกับคุณป้าวรรณแล้ว ท่านบอกว่าไม่เกี่ยวกับท่านเลย พ่อใหญ่ต้องการปรับความเข้าใจกับฟ้าด้วยตัวเองของเขาเอง และคุณป้าวรรณก็ยังบอกอีกว่า พ่อใหญ่รักฟ้า...” น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ไหลร่วงอาบแก้ม ลำคอตีบตันด้วยความรวดร้าว “คนอย่างพี่ใหญ่... ไม่มีทางรักผู้หญิงที่เขาบอกว่าเกลียดอย่างฟ้าหรอกค่ะ” “แต่ถ้าพ่อใหญ่ไม่มีใจให้กับฟ้า แล้วทำไมพ่อใหญ่ถึงยอมแต่งงานกับฟ้าง่ายๆ ล่ะ ฟ้าลองคิดดูสิ” “ก็เพราะว่าพี่ใหญ่ขัดความต้องการของครอบครัวไม่ได้ไงคะ คุณแม่ไม่รู้อะไร พี่ใหญ่โมโหฟ้ามากที่ฟ้าเลือกพี่ใหญ่..
ตอนที่ 26.คนเป็นแม่ถอนใจออกมา ความวิตกกังวลแน่นอก แต่ก็ต้องทำหน้าที่ปลอบใจลูกชาย“หนูฟ้าคงกำลังงอนน่ะพ่อใหญ่”อคิราห์ผ่อนลมหายใจออกมาทางปาก ใบหน้าเคร่งเครียด“แล้วผมก็รู้มาว่าฟ้าตัดสินใจจะไปเรียนต่อต่างประเทศครับ”“ตายจริง”มารดาของเขาอุทานอย่างตกใจ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับเขาเลยเขาต้องตายแน่ๆ หากฟ้าลดาหนีหายไปไกลขนาดนั้น“แล้วนี่พ่อใหญ่จะทำยังไงล่ะ”“ผมจะพยายามปรับความเข้าใจกับฟ้าให้ได้ครับ”“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่า บทจะใจแข็ง หนูฟ้าก็ใจแข็งเหมือนหินได้แบบนี้”“คงเพราะฟ้าหมดความอดทนกับผู้ชายปากร้ายอย่างผมแล้วน่ะครับ”น้ำเสียงของอคิราห์เศร้าหมองอย่างที่คนเป็นแม่ไม่เคยได้ยินมาก่อน“พ่อใหญ่ต้องสู้ๆ นะ ต้องพาหนูฟ้ากลับมาอยู่บ้านเราให้ได้”“ผมจะพยายามด้วยความสามารถทั้งหมดของผมครับ แต่ก็ไม่รู้ว่า ฟ้าจะให้อภัยผมได้ไหม...”ผู้เป็นแม่ยกมือขึ้นวางบนบ่ากว้างของลูกชาย และพูดให้กำลังใจ“แม่ว่าหนูฟ้าคงแค่งอน พ่อใหญ่ตามง้อหนักๆ สักหน่อยก็น่าจะยอมกลับมา”แต่เขากลับไม่ได้คิดเหมือนมารดาเลย เพราะการหนีจากไปคราวนี้ของฟ้าลดา มันราวกับว่าหญิงสาวหมดความอดทนทุกอย่างแล้ว“ขอบคุณครับคุณแม่”“แล้วนี่กินข้าวกินปลามาห
ตอนที่ 25.“สวัสดีครับคุณแม่” อคิราห์ยกมือไหว้พิมลวรรณผู้เป็นแม่ยายของตัวเอง ในขณะที่สายตามองไปรอบๆ ห้องรับแขกเพื่อหาฟ้าลดา“สวัสดีจ้ะพ่อใหญ่ วันนี้ลมอะไรหอบมาถึงที่นี่ล่ะ”พิมลวรรณทักทายอย่างเป็นกันเอง พยายามจะไม่พูดถึงเรื่องระหองระแหงของลูกเขยกับลูกสาว“ผมมาพบฟ้าครับ”สีหน้าของพิมลวรรณเจื่อนลงเล็กน้อย และถูกแต่งแต้มด้วยความลำบากใจจนเต็มแน่นทุกอณู“น้องฟ้าเพิ่งขึ้นไปบนห้องน่ะพ่อใหญ่ แล้วก็คงไม่อยากพบพ่อใหญ่ตอนนี้หรอก”แววตาของอคิราห์ไหววูบ รู้สึกทรมานใจไม่น้อยเมื่อฟ้าลดาหมางเมินใส่ตนเองแบบนี้เมื่อก่อนฟ้าลดาเป็นฝ่ายที่ตามเขาตลอด แม้เขาจะพูดจาร้ายๆ ทำร้ายหัวใจของหล่อนแค่ไหน แต่หล่อนก็ไม่เคยแสดงทีท่าห่างเหินแบบนี้เลย“ผมมีเรื่องต้องคุยกับฟ้าจริงๆ ครับคุณแม่”“แม่เข้าใจ แต่ฟ้าบอกกับแม่แล้วว่ายังไม่พร้อมจะเจอหน้าพ่อใหญ่ตอนนี้”อคิราห์พูดไม่ออก รับมือกับสถานะมึนตึงของฟ้าลดาได้อยากเหลือเกิน“อ้อ แล้วน้องฟ้าก็ฝากบอกด้วยว่า พ่อใหญ่พร้อมจะหย่าเมื่อไหร่ก็ให้แจ้งมา น้องฟ้ายินดีจะให้ความร่วมมือเต็มที่”“ไม่ครับคุณแม่ ผมไม่ได้มีความคิดจะหย่ากับฟ้าเลยนะครับ”อคิราห์ค้าน ความหวาดกลัวบางอย่างแล่นพล่
ตอนที่ 24.หายไปไหนมาพ่อใหญ่ ถึงกลับบ้านเอาสายโด่งแบบนี้น่ะ” อมลวรรณถามลูกชายคนโตด้วยความร้อนอกร้อนใจ“ผมไปนอนที่บริษัทฯ มาครับ”“ทะเลาะอะไรกันกับหนูฟ้าใช่ไหม”ผู้เป็นลูกชายพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะตอบออกไปตามความจริง“ก็นิดหน่อยครับ แต่ตอนนี้ผมอารมณ์เย็นลงแล้วครับ ว่าจะไปคุยดีๆ กับฟ้าสักหน่อย”คนเป็นแม่ส่ายหน้าไปมา แววตาเต็มไปด้วยความเป็นกังวล“หนูฟ้ากลับบ้านไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วล่ะ”“ฟ้ากลับบ้าน?”“ก็ใช่น่ะสิ พ่อใหญ่ทำอะไรน้องเหรอ ปกติหนูฟ้าไม่ใช่คนงี่เง่า เอะอะอะไรก็หนีแบบนี้เลยนะ”คนที่ยืนอยู่รู้สึกเหมือนกับหมดแรง เขาเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ใบหน้าเคร่งเครียด“ก็เมื่อวาน ผมเห็นเขาออกไปกับเพื่อนผู้ชาย ผมก็เลยโมโห”“หึงหนูฟ้า?”ผู้เป็นลูกชายช้อนตาขึ้นสบประสานกับมารดา ก่อนจะยอมรับออกมา“ครับ”“ถ้าหึง ก็คงต้องรักด้วย ใช่ไหมพ่อใหญ่”“ผม... ผมไม่แน่ใจครับ”“ยังจะมาปากแข็งอีก นี่ถ้าพ่อใหญ่ไม่พูดอะไรออกไปบ้าง พ่อใหญ่อาจจะต้องเสียหนูฟ้าไปนะ”“ผมกับฟ้าแต่งงานกัน จดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ฟ้าจะหนีผมไปไหนได้ล่ะครับ อย่างน้อยก็แค่บ้านพ่อแม่ตัวเอง”อมลวรรณมองลูกชายอย่างหมั่นไส้“อว