ไม่จริง! ข้อเสนอบ้าบอ เธอไม่ได้ทำแบบนั้น อย่าว่าแต่ทำเลยเถอะ เธอไม่ได้รู้จักเขาด้วยซ้ำ!
ปึก~ ฝ่ามือบางกระแทกเข้ากับแผงอกเปลือยเปล่า ทุ่มสุดแรงที่จะผลักเขาออกห่าง ทว่าแรงต้านทานกลับส่งผลให้มาเฟียหนุ่มอยากปราบพยศยัยตัวดี หมับ~ "อื้ออ!" ฮันนี่ตัวสั่นเมื่อฝ่ามือร้อนเลื่อนเข้ามาตะปบท้ายทอยของเธอให้อยู่หมับ อาชาที่มองการกระทำเหล่านั้นอยู่ห่างๆ เลือกที่จะเบือนหน้าออกไปอีกทาง "เป็นบ้าอะไรมากปะ ฉะ ฉันไม่ได้รู้จักคุณนะเว้ย ทำกับฉันแบบนี้ทำไมอะ" น้ำเสียงที่สั่นเทาส่งผลให้ออสตินยกยิ้มที่มุมปาก คนอย่างเขาไม่ควรต้องมีใครมาชี้หน้าด่าหรือตราหน้าว่ายุ่งกับผู้หญิงของเพื่อน ผู้หญิงที่สกปรกและแปดเปื้อนผู้ชายคนอื่นมาก่อนหน้า เขาไม่มีวันแยแสหรือให้ความสนใจ แม้แต่ชายตาแลเขาก็ไม่ทำ "ฉันเสียเวลากับเธอมามากพอแล้ว ถ้าไม่เปิดปาก งั้นเปิดอย่างอื่นแทนปากก็แล้วกัน" ดวงตากลมสวยเบิกโพลง ขณะเดียวกันก็สั่นระริกด้วยความตกใจ มาเฟียหนุ่มผละจากการล็อกที่ท้ายทอยมากระชากข้อมือเล็ก ลงแรงเล็กน้อย ร่างบอบบางในชุดเซ็ทเกาะอกสีดำก็ปลิวไหวตามแรงดึง "ปล่อยฉัน ไม่นะเว้ย" อาชาตวัดสายตากลัยมามองที่เบื้องหน้าตามเดิม หากให้นึกย้อนกลับไปถึง ตอนที่มีโอกาสได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสวยเพียงเปลือกใช้มารยาเข้าหาเจ้านายของเขา มันก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเธอกำลังเล่นตัวเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่หากจะให้อาชามองตามความรู้สึก เขากลับมีความคิดที่ว่า ผู้หญิงคนนี้กับผู้หญิงคนนั้น อาจจะเป็นคนละคนกัน "...โอ๊ย!" ฮันนี่ร้องเสียงหลงขณะที่ถูกเหวี่ยงเข้ากับผนังเย็นเฉียบภายในห้องนอน ก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะย่างสามขุมเข้ามาหา ในสมองของฮันนี่ คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว เขากำลังต้องการให้เธอยอมรับว่าเธอเคยเป็นใครที่เขารู้จัก แต่ความจริงแล้วเธอไม่ได้รู้จักเขา เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าระหว่างเขาและเธอเคยมีเรื่องบาดหมางอะไรต่อกัน "อย่าแตะฉันนะ ฉันสู้แน่" "รู้จักวิธีเรียกร้องความสนใจดีนี่ แต่โทษที มันลบล้างภาพที่เธอพยายามอ้าขาให้ฉันเอาไม่ได้จริงๆ" "ใครอ้าขาให้คุณวะ ฉันไม่เคยทำอะไรน่าเกลียดแบบนั้นแน่ คุณอาจจะจำคนผิด คุณจับคนมาผิดตัวแน่ๆ ปล่อยฉันไปซะ เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันทั้งนั้น" "ซานย์เคยเป็นเพื่อนรักของฉัน ส่วนเธอเป็นเมียรักของมัน แต่เธอดันสาระเลวไม่รู้จักพอ พยายามให้ท่าฉัน ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าฉันไม่เอา" "ห๊ะ!" ฮันนี่งงหนัก แอลกอฮอล์แรงๆ ที่กระดกผ่านลำคอลงไปมันไม่ได้ช่วยทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายเลยสักนิด กลับกัน หัวเธอมันปวดคล้ายจะระเบิด หน้าของเธอมันโหลมากจนไปเหมือนกับใครคนนั้น และมันกำลังทำให้เธอเดือดร้อน! "คุณ..." "ออสติน!" "..." "ฉันมั่นใจว่าเธอจำชื่อฉันได้ ฉันมั่นใจว่าเธอรู้อยู่แก่ใจว่าเธอ...ทำให้ฉันถูกตราหน้าว่าเป็นอะไร" "คะ คุณ อย่า..." ฮันนี่ดิ้นขลุกขลัก ข้อมือทั้งสองถูกตรึงไว้เหนือศีรษะชิดกับผนังเย็นเฉียบ กลางหว่างขาถูกอีกฝ่ายดันเข่าแทรกเข้ามาประชิด ในขณะที่ฮันนี่กำลังคิดหาวิธีเอาตัวรอด มือปีศาจกลับกระชากเกาะอกลงต่ำ ส่งผลให้ก้อนเนื้อขาวผ่องที่ไม่เคยมีชายใดมีสิทธิ์ได้แตะต้องมันปรากฏแก่สายตา ไม่พอแค่นั้น ฝ่ามือหนาดันชายกระโปรงขึ้นสูง เศษผ้ากองรวมกัน ตอนนี้ไม่ต่างจากเธอกำลังแก้ผ้าต่อหน้าปีศาจที่ไร้หัวใจ "ปล่อยฉันนะไอ้บ้า แกไม่มีสิทธิ์มาทำอะไรแบบนี้กับฉันนะ" "ปากเธอดีขึ้นนะ" มุมปากหนาผุดรอยยิ้มจางๆ มาเฟียหนุ่มมองคนตรงหน้าไม่วางตา "แก..." "ไม่เคยมีใครใช้คำพูดแบบนี้กับฉัน ฉันควรทำยังไงกับคนที่มันทำให้ฉันไม่พอใจดี..." "...อยากให้ฉันสั่งลูกน้องของฉันเข้ามาสนองบทรักอันร้อนแรงให้เธอในนี้รึเปล่า?" คนฟังน้ำตาคลอเบ้า ได้แต่สั่นศีรษะไปมา เป็นการปฏิเสธว่าสิ่งที่เขาพูดเขาไม่ควรริอ่านยัดเยียดให้มันเกิดกับเธอ "หรืออยากให้ฉันสนองให้เธอเอง?" "ไม่นะคุณ แบบนี้มันบังคับกันชัดๆ" "ตัวสั่นเทิ่มเชียว กลัวอดใจไม่ไหวเวลาที่ได้อยู่ใกล้ฉันเหรอ?" มาเฟียหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น นัยน์ตาคมทอแสงอ่อนอย่างมีชั้นเชิง บุรุษเพศที่มากล้นแพรวพราวไปด้วยเสน่ห์ เพศตรงข้ามที่ได้เข้าใกล้ ก็ไม่ต่างจากน้ำมันราดลงมาบนกองไฟ ออสตินแตะริมฝีปากสัมผัสเบาๆ ที่เนินอกอวบอิ่ม ปลายลิ้นสากตวัดโลมเลียหยอกเย้าที่ปลายถัน เส้นของคำว่ารังเกียจขาดผึ่ง น่าแปลกที่การกลับมาพบกันอีกครั้ง อดีตผู้หญิงของเพื่อนกลับสะดุดตาและตรึงใจจนน่าใจหาย ขณะที่เธอแก้ผ้าต่อหน้าเขา เขาควรมองเห็นความน่าขยะแขยงและความสกปรกบนเรือนกาย ไม่ใช่ความปรารถนาที่หลอกล่อให้เขาลงมือขย้ำเหยื่อที่แปดเปื้อนไปด้วยราคีคาว "อ๊ายยย! ปล่อยฉัน" ฮันนี่ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นที่ประทุมถันอย่างแรงสลับกับกลายตวัดปลายลิ้นดูดดุน กลิ่นสาบสาวกระตุ้นความกระสัน กลิ่นหอมของร่างกายที่สะอาดสะอ้าน แม้แต่แฟนหนุ่มที่คบกันมาปีกว่าก็ไม่เคยได้แตะต้องตัวเธอกระตุ้นความดิบเถื่อนที่ไม่ได้ปลดปล่อยให้ลุกโชน เรียวลิ้นแข็งแรงดุนดันปลายถันสีชมพูระเรื่อจนกระทั่งมันแข็งเป็นไต ความคัดตึงและล้นมือที่ฝ่ามือหนากำลังสัมผัสด้วยการขย้ำกระตุ้นความใหญ่โตภายใต้กางเกงยีนส์ราคาแพงให้ลำพองตนจนน่าใจหาย น้ำลายใสเปรอะเปื้อนไปทั่วฐานสวย เส้นเลือดโปดโปนโอบล้อมฝ่ามือใหญ่และเห็นชัดตามลำคอแกร่ง มาเฟียหนุ่มผลักร่างบางลงบนเตียงอย่างแรง มือหนาสางเส้นผมดกสั้นลวกๆ ดวงตาคมกริบจ้องมองเจ้าของเรือนร่างเย้ายวนตาเป็นประกาย ตามด้วยการลดมือลงไปปลดเข็มขัดหนังราคาแพง ใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ความหวาดกลัวส่งผลให้น้ำตาเปื้อนแก้มสวยอัตโนมัติ มาเฟียหนุ่มถอดกางเกงยีนส์ตามด้วยการก้าวขาขึ้นมาบนเตียง "อะ ออสติน คุณ เราไม่ได้รู้จักกันจริงๆ นะคะ ถ้าคุณทำแบบนี้กับฉันคุณจะเสียใจในภายหลังนะ อื้ออ!" เรี่ยวแรงเพียงน้อยนิด ไม่สามารถต้านทานมือหนาที่เลื่อนเข้ามากระชากกางเกงในลายลูกไม้สีดำจนขาดวิ่น "เธอควรพอใจนะ ที่ฉันจะเป็นคนสนองสิ่งที่เธอต้องการให้เธอด้วยตัวเอง" ออสตินดันขาสวยให้อ้ากว้าง ไม่แม้แต่วินาทีเดียวที่สายตาของเขาจะไม่สำรวจร่างกายเธอ "แต่ฉันไม่ได้ต้องการ คุณควรฟังฉันอธิบายก่อน ให้ฉันได้ยืนยันตัวเองว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงคะ..." กึก! ปึก! "กรี้ดดดดดดด!" ช่องทางสะอาดสะอ้านที่ถูกรุกล้ำอย่างป่าเถื่อนและรุนแรงส่งผลให้ฮันนี่กรีดร้อง ร่างกายสั่นเทิ้มคล้ายจะแตกออกจากกันเป็นเสี่ยงๆ ช่างทางรักฉีกขาด ขณะที่เจ้าของแกนกายใหญ่เชิดหน้าขึ้น พร้อมกับเปล่งเสียงคำรามออกมาด้วยความพอใจ "อ๊าส์! แม่ง ยังซิงเหรอวะ" "ฮึก...ไอ้บ้า ฮื่อ! ไอ้ผู้ชายสารเลว!" ฝ่ามือเล็กตวัดตบเข้ากับใบหน้าหล่อเหลา ช่วงล่างที่ถูกทำลาย สร้างความโกรธ กระทั่งฮันนี่สามารถรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีดันหน้าท้องแกร่งออกห่าง แกนกายใหญ่ที่รุกล้ำเข้ามาในช่องทางคับแคบได้เพียงครึ่งทางกลับต้องถูกถอดถอนออกไปอย่างเก่า มาเฟียหนุ่มบดกรามแน่น มือหนารูดเครื่องป้องกันออกจากความใหญ่โต หมายจะตอกตรึงความยิ่งใหญ่เข้าหาร่องคับแคบอีกครั้งด้วยตัวตนที่ปราศจากสิ่งห่อหุ้ม ไม่ทันตั้งตัวว่าเท้าเล็กเปลือยจะถีบเข้ากับอกแกร่งอย่างแรง ปึก~ การเสียหลักตกลงไปจากเตียง ไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่เท่ากับการถูกหยามเพราะสตรีเพศถีบอกแบบซึ่งๆ หน้า "เธอ!" ฮันนี่รวบรวมแรงกายทั้งหมดที่มีไปคว้าแจกันใบใหญ่ มือเล็กยึดมั่นที่ขอบแจกัน แววตาที่เด็ดเดี่ยวจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้ ตายเป็นตาย อย่าแม้แต่จะสบประมาทคนอย่างเธอ! "อย่าเข้ามานะ ถ้าแกกล้าขยับเข้ามาใกล้ฉันแม้แต่นิดเดียว ฉันฟาดแน่ ฉันจะฟาดไม่ยั้งที่ตรงนั้นของแก!" ------ เอาสิ! รู้ว่ารังเกียจอยู่หรอกนะ แต่ฉันเห็นนะ ใครมันถอดถุงยางทิ้งและเตรียมขย้ำเหยื่อแบบสดๆ อ่ะ ขึ้นอย่างหงส์ ลงอย่างเอ๋ง อิอิ 😼@หนึ่งเดือนต่อมา “ยัยดี!” ทับทิมโบกไม้โบกมือทักทายเพื่อนสาวที่โดดเด่นตั้งแต่ตอนก้าวขาเข้ามาในร้านนั่งชิลที่ทับทิมเป็นคนนัดหมาย สายตาหลายต่อหลายคู่หันมามองที่ซีดีด้วยความสนใจ แม้สถานที่จะไม่ใช่ผับที่คนจะเยอะมาก แต่ด้วยความที่ร้านมีดีเรื่องอาหารอร่อย บรรยากาศได้ แม้จะเป็นแค่ร้านนั่งชิลคนก็เยอะไม่ต่างกัน “ไม่ได้เจอกันในรอบเดือน เพื่อนฉันสวยขึ้นมากจ้า” ทับทิมจีบปากจีบคอชมเพื่อน ถึงจะไม่ได้เจอกันแต่เธอกับซีดีพูดคุยกันตลอด รู้ข่าวคราวของเพื่อนรักตลอด รู้ว่าตอนนี้ซีดีมีรักที่ดี เป็นรักที่สวยงามที่ควรค่าแก่การรักษาเป็นที่สุดเลย “แกก็ว่าเกินไป ฉันก็เหมือนเดิมไหม” นิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมไปทัดที่ใบหูเล็กก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนที่นั่งตรงข้ามกัน “ดื่มอะไรดี วันนี้ผัวแกมีงานนี่?” “อือ เห็นว่าสองสามวันนี้งานจะยุ่งหน่อย ทำงานให้เจ้านายน่ะ” “แล้วมาเที่ยวกับฉันนี่คือบอกผัวปะ?” “บอกว่ามากินข้าวกัน แล้วฉันก็จะสั่งข้าวจริงๆ” ซีดีหันไปโบกมือเรียกพนักงานให้เข้ามารับออเดอร์ สั่งเมนูอาหารจานเดียวง่ายๆ ทำคนที่ชวนเพื่อนเพราะความเหงามองตามตาเป็นประกาย“มาร้านนั่งชิลคือแกจะมาทานข้าว?”“อือ แกเอาด้วยไหมล่ะ”“
“เวลาแบบนี้คือมันต้องมืดมากแล้วนะคะ แต่ทำไมในความมืดมันถึงมีความสว่างอยู่ล่ะ” ซีดีกวาดสายตามองออกไปรอบๆ ตัวเองที่ถูกปกคลุมด้วยเสียงธรรมชาติ มีลมพัดเบาๆ ในขณะที่แสงจันทร์บนฟ้าทำหน้าที่ให้ความสว่างแม้จะเป็นเวลากลางคืนก็ตาม “นานเหมือนกันที่ฉันไม่ได้อยู่กับบรรยากาศแบบนี้ อยู่ที่กรุงเทพนานเกินไป” “สรุปอยากกลับมาอยู่ที่นี่แบบจริงจังแล้วใช่ไหมคะ” “ก็อยากนะ อยากใช้เวลาชีวิตบ้าง อยากมีความรักมีความสุขแบบที่คนอื่นเขามี” “ไม่นึกเลยค่ะว่าจะเห็นคุณในมุมแบบนี้” แว๊บหนึ่งที่ซีดีลอบมองเสี้ยวใบหน้าคม แม้จะเห็นไม่ชัดมากแต่ตลอดเวลาที่คุยกันก็สัมผัสได้ถึงความสุขผ่านน้ำเสียงจริงๆ “ขอโทษนะ…” ตากลมสวยที่กวาดมองออกไปรอบๆ และจมูกเชิดรั้นที่สูดรับอากาศบริสุทธิ์หยุดชะงักก่อนจะตวัดสายตาไปหาอาชาทันที “ขอโทษเรื่องอะไรคะ” “ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยคิดหักห้ามใจตัวเอง พยายามที่จะไม่รู้สึกอะไรกับเธอ ไหนจะใช้คำพูดแบบไม่แคร์เธออีก ทุกอย่างมันก็เป็นเพราะฉันหากฉันไม่คิดและทำแบบนั้นเรื่องระหว่างเรามันอาจจะเดินเร็วกว่านี้ก็ได้” “แต่สุดท้ายมันก็ทำให้เรายอมรับหัวใจตัวเองไม่ใช่เหรอคะ อย่างน้อยการที่คุณทำแบบนั้น มันก็ทำ
“ให้ฉันได้ดูแลเธอนะ ซีดี” คนถูกขอน้ำตาคลอเบ้า ข้าวปลายังไม่ตกถึงท้องด้วยซ้ำแต่กลับรู้สึกอิ่มเอมขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “เธอเข้าใจที่ฉันพูด รับรู้ในสิ่งที่ฉันต้องการอธิบายใช่ไหม” คนที่เม้มริมฝีปากกดใบหน้ารับ ไม่กลัวแล้วไม่ว่าจะอุปสรรคหรือใครหน้าไหนที่เคยคิดร้ายกับเธอ ความรู้สึกเหล่านั้นไม่มีเหลือ แค่มีเขาเธอก็รู้สึกปลอดภัย “พ่อกับแม่ไม่มีปัญหาและไม่ติดขัดอะไรอยู่แล้ว ลูกชายมีความรับผิดชอบชาวบ้านเขาก็จะว่าพ่อแม่สอนมาดี แต่อย่าลืมสิ ว่าบ้านเรามันยังมีประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานนะ” “ประเพณีเหรอครับ?” อาชาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ผู้เป็นแม่เองก็ชักสงสัยไม่ต่างกัน“ประเพณีอะไรเหรอพ่อ” “ก็ประเพณีที่ลูกสะใภ้ต้องบอกความรู้สึกและความในใจที่มีต่อลูกชายเราไง จำไม่ได้เหรอว่าตอนที่แม่เข้ามาเป็นสะใภ้บ้านพ่อ แม่ก็เคยผ่านประเพณีนี้มาเหมือนกัน” หางคิ้วของอาชากระตุกตอบรับ ประเพนงประเพณีอะไรไม่เคยได้ยินทั้งนั้น แต่สถานการณ์มันกำลังบ่งบอกว่าพ่อกำลังช่วยลูกชัดๆ พ่อคงเห็นว่าลูกชายรักเขามาก รักจนพร้อมยกทุกอย่างให้เขานั่นแหละ ถึงยอมออกแรงช่วยขึ้นมา “แม่ ยังไม่แก่เท่าไหร่เลยมาทำเป็นหลงเป็นลืมดูทำเข้
“ครับ เมีย!” เสียงตอบรับที่ชัดถ้อยชัดคำส่งผลให้คนเป็นพ่อแม่หันมองหน้ากันแทบจะทันที เรื่องนี้มันอาจจะเป็นไปได้ เกิดขึ้นได้ แต่มันแปลกตรงที่เด็กคนนี้พิเศษแบบไหนถึงทำให้ลูกชายของพวกเขาหลงรักได้ “อึ้งกันเลยเหรอครับ ลูกสะใภ้ของพ่อน่ารักไหมครับ” “เรื่องน่ารักมันก็น่ารัก แต่ไปรักกันตอนไหนก่อน”“ตอนไหนไม่สำคัญ แต่ตอนนี้รักกันแล้วโอเคไหมครับ” ไม่ว่าเปล่า อาชาตวัดแขนขึ้นโอบบ่าของคนตัวเล็กประกอบคำพูด ใบหน้าคมคายผุดรอยยิ้มจางๆ ถึงจะเป็นภาพที่ค่อนข้างแปลกตาแต่ว่าคนเป็นพ่อแม่ค่อนข้างถูกใจ “หน้าบ้านยุงเยอะ พ่อว่าเราเข้าบ้านกันดีไหม” “ไปๆ เข้าบ้านกันลูก” ผู้เป็นแม่ยิ้มหวานให้คนรักของบุตรชาย จากนั้นก็ปล่อยให้พวกผู้ชายลากกระเป๋าเข้าบ้าน คนเป็นแม่ทำหน้าที่จูงมือสะใภ้สาวเข้าบ้านพร้อมกัน “บ้านพ่อกับแม่เก่าหน่อยนะ เราอยู่กันแบบบ้านๆ ไม่ค่อยจะเหมือนคนกรุงเทพหรอก หนูอยู่ที่กรุงเทพใช่ไหมลูก” “ใช่ค่ะ” ซีดียิ้มรับก่อนจะกวาดสายตามองออกไปรอบๆ บ้าน ยอมรับว่าทุกมุมภายในบ้านแตกต่างจากคอนโดมิเนียมของอาชามาก แต่ทุกมุมบ้านกลับสะอาดสะอ้านเช่นกัน “นั่งก่อนลูก มุมนี้พ่อกับแม่ชอบใช้นั่งๆ นอนๆ ดูทีวีจ้ะ” คนเป็นแม่ดึง
“ไม่มีวันเลิกอยู่แล้ว” “ตอนนี้คุณก็พูดได้สิ คำตอบของเขามันไม่ใช่อุปสรรคนี่คะ” “เราไม่ควรมานั่งโกรธกันนะ ที่ฉันไปดูเพราะอยากรู้เผื่อมีสิ่งที่ต้องแก้ไข ทำขนาดนี้แล้วคงรู้ใช่ไหมว่าฉันรักมากแค่ไหน” มือหนาเลื่อนเข้ามาประคองแก้มนิ่ม ส่วนคนที่กำลังหงุดหงิดอยู่ได้แต่ปัดมือนั้นออกห่างทันที “หนูอยากกลับแล้วค่ะ” “แต่ฉันยังมีอีกที่ที่อยากพาเธอไป” “จะพาหนูไปดูดวงที่สำนักไหนอีกหนูไม่อยากไปแล้ว หนูเหนื่อยมาก อยากนอน อยาก…” “ฉันจะพาเธอไปที่บ้านของฉัน” คำตอบที่ดังแทรกขึ้นทั้งที่ซีดียังไม่ทันจบประโยคส่งผลให้เธอชะงัก ตากลมสวยกระพริบถี่ๆ ถึงมันจะตรงต่อใจแต่เธอก็ผิดหวังไปแล้วเช่นกัน“อะไรนะคะ” “ฉันจะพาเธอไปที่บ้านของฉัน ไปรู้จักกับพ่อแม่ของฉันให้เป็นเรื่องเป็นราว” เสียงยืนยันกระตุ้นให้ซีดีลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยความยากลำบาก มือเรียวยกขึ้นมาลูบใบหน้าของตัวเองเบาๆ ถึงกับไปไม่เป็นเลย“พ่อแม่ของฉันมีลูกแค่คนเดียว เดี๋ยวพาเธอไปฝากเป็นลูกสาวอีกคนดีไหม” “ไม่ได้จะพาไปเพราะหนูกำลังโกรธคุณใช่ไหม”“ตั้งใจจะพาไปอยู่แล้ว ถือโอกาสไปเยี่ยมบ้านด้วยเลย” “แล้วบ้านคุณอยู่ที่ไหนคะ ต้องนั่งรถไกลไหม ต้องเตรียมตั
“นี่มันวิสัยของคนแก่มีเมียเด็กค่ะ” “แก่แล้วไง มีหัวใจเหมือนกัน” ซีดีคลี่ยิ้มตอบรับคนที่หาเรื่องเถียงแบบข้างๆ คูๆ “เอาเป็นว่าหนูตามใจคุณก็ได้ค่ะ ท้องตอนไหนก็ตอนนั้นโอเคนะคะ” อาชาเคาะปลายนิ้วกับหน้าขาของตัวเองอย่างคนที่กำลังใช้ความคิด แว๊บหนึ่งที่อยู่ดีๆ หนึ่งเหตุการณ์ที่มันเคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ประเดประดังเข้ามาในหัว เอาวะ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยคาถา ไอ้อาชาสู้ตาย! “อิ่มมาก หนูบอกแล้วว่าขนมจีนร้านนี้อร่อยและได้เยอะมาก ไว้วันหลังเรามาทานกันอีกนะคะ” “สั่งห่อกลับบ้านขนาดนี้ฉันคิดว่าเธอจะอิ่มอีกหลายวันเลยนะ เพิ่งกินมาหมาดๆ ความอยากไม่หายเลย?” “แฮ่ๆ ของชอบนี่คะ” ซีดียิ้มกว้างอวดลักยิ้มเล็กๆ บนแก้ม ตาเป็นประกายเมื่อเห็นขนมจีนน้ำยาอีกชุดที่อยู่ในมือ “เธออยากไปที่ไหนต่อหรือเปล่า” “หนูไม่มีธุระที่ไหนต่อแล้วค่ะ คุณมีงานเหรอคะ” “ไม่เชิงกับว่ามีงาน เอาเป็นว่าถ้าไม่ได้ไปที่ไหนต่อฉันมีที่ที่หนึ่งที่อยากพาเธอไป” “ที่ไหนคะ” ตากลมสวยตวัดมองคนรักด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนหน้านี้คุยกันเรื่องทายาทสืบสกุล อย่าบอกนะว่าเขาจะพาเธอไปเจอคนที่บ้าน พ่อเขาแม่เขา ญาติพ