"...คนของเราส่งข่าวมา ผู้ชายคนนั้นตามพรรคพวกมาที่คลับของไมเคิลครับ" อาชารายงานผู้เป็นนายทันทีที่ได้รับข่าวสาร
ฮันนี่กลืนน้ำลายเหนียวลงคอหนักๆ แน่นอนว่านักธุรกิจอย่างอาร์ตเขามีพรรคพวกของเขาเหมือนกัน ยอมรับว่าเธอลืมข้อนี้ไปเสียสนิท เธอเลือกที่จะปล่อยให้คนของผู้ชายแปลกหน้าลงไม้ลงมือกับเขา ลืมคิดเสียสนิทว่าคนอย่างเขาจะต้องกลับมาเอาคืน และอาร์ตก็กลับมาเอาคืนเร็วเหลือเกิน! "ไปที่เพนต์เฮาส์" มาเฟียหนุ่มออกคำสั่ง ใบหน้าหล่อเหลาไม่ได้หลุดความรู้สึกใดๆ ออกมาทั้งนั้น ปราศจากความกังวล ออกจะไร้ความรู้สึกด้วยซ้ำไป หากจะบอกว่าออนตินไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ลูกน้องคนสนิทรายงานก็คงได้เช่นกัน "คุณ แล้วเรื่องเขาคนนั้นล่ะ" ฮันนี่เอ่ยถามขึ้นมาอย่างชั่งใจ ยอมรับตรงๆ ว่าเธอเริ่มนั่งไม่ติดที่ "หลังจากที่เธอสร้างวีรกรรมเอาไว้ เป้าหมายของเธอมันก็กลายเป็นไอ้เวรนั่นถูกรึเปล่า?" "ห๊ะ! วีรกรรมอะไร? เอาไว้ก่อนเถอะ อาร์ตมีพวกพ้องอยู่พอสมควร ฉันลืมไปเลยว่าการทำแบบนั้นมันจะทำให้เขาโกรธมาก" "มันจะทำอะไรคนอย่างฉันได้" ฮันนี่รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่มันกลับเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพราะคำพูดประโยคถัดมาก็ส่งผลให้ตัวของเธอหดเกร็ง ลดลงเล็กมากเพราะความรู้สึกห่อเหี่ยวใจ "มันทำอะไรฉันไม่ได้...แต่กับเธอก็อาจจะไม่แน่" "คุณ ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ล่ะ" "เธอเป็นคนอนุญาตให้คนของฉันกระทืบมันนี่นา" ฮันนี่กลืนน้ำลายเหนียวลงคออึกใหญ่ ถูกแหละ เธอเป็นคนอนุญาตให้คนของเขากระทืบแฟนเก่าเธอเอง! ลำพังตัวเธอคนเดียวคงไม่เท่าไหร่ แม่เธอล่ะ แม่เธอจะเดือดร้อนเพราะเขาไหม? "คุณ ความโกรธมันทำให้ฉันไตร่ตรองน้อยเกินไป คุณกล้าทำเขา คุณดูไม่กลัวเขา คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ" คำขอร้องส่งผลให้มาเฟียหนุ่มเปล่งเสียงให้เล็ดลอดผ่านลำคอ กรามหนาบดเข้าหากันแน่น ผู้ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เป็นสาเหตุของฝันร้าย เขาควรปล่อยให้ตายไปซะ "...ฉันจะรับข้อเสนอของเธอมาพิจารณา ถ้าเธอทำให้ฉันพอใจ" ฮันนี่ห่อไหล่เข้าหากันพลางเบือนสายตามองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างคิดไม่ตก การบอกเลิกและตัดขาดจากผู้ชายเฮงซวย คือสิ่งที่เธออยากทำและเธอมั่นใจว่าเธอสามารถทำได้ แต่เธอดันพลาด โทสะที่มีมันทำให้เธอพลั้งปาก สั่งคนให้กระทืบเขา ลืมไปว่าเขาสามารถทำให้ความซวยมันบังเกิดกับชีวิตของเธอได้ตลอดเวลาเช่นกัน ฮันนี่นะฮันนี่! ไม่น่าเลยจริงๆ เพนต์เฮาส์ของออสติน ความหรูหราในโทนสีดำสนิทส่งผลให้ขนอ่อนลุกซู่ไปทั้งกาย ภายในห้องชุดเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหรา คงไม่สามารถประเมินราคาเป็นตัวเลขกลมๆ ได้ว่าที่แห่งนี้มันมีราคามากสักเท่าไหร่ เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นกระเบื้องหยุดลง เป็นจังหวะที่คำถามถูกตั้งขึ้นมา "เธอจำที่นี่ได้รึเปล่า" ขนตางอนยาวที่โอบล้อมหน่วยตาสวยตวัดมองออกไปรอบๆ เพนต์เฮาส์หรู เอาตรงๆ แม้ไม่ต้องมองเธอก็ต้องตอบได้อย่างเต็มปากว่าเธอไม่รู้จักที่นี่ "ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันจะมาจำที่นี่ได้ยังไงในเมื่อฉันมาที่นี่เป็นครั้งแรก" "หึ..." มาเฟียหนุ่มแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน นิ้วยาวเลื่อนขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำสนิท ออสตินมีวิธีเปิดปากผู้หญิงปากแข็งที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที "คะ คุณ คุณถอดเสื้อทำไมอ่ะ" "ผู้หญิงที่ขาดผู้ชายไม่ได้ เจอกลิ่นดีๆ แล้ววิ่งเข้าใส่ บางทีร่างกายของฉันมันอาจจะเงื้อมปากเธอให้เปิดได้เป็นอย่างดี" "ขาดผู้ชายไม่ได้? เดี๋ยวนะ เราเพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นคุณมีสิทธิ์มากล่าวหาฉันแบบนี้ด้วยเหรอ" มาเฟียหนุ่มแสยะยิ้มบนมุมปาก หนุ่มหล่อกระชากเสื้อเชิ้ตจากลำตัวหนา พร้อมกับการปามันทิ้งไปอีกทาง อวดร่างกายสมส่วนกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามให้ปรากฏแก่สายตา "บ้าเอ๊ย!" ฮันนี่ถอยหลังกรูด ตอนแรกเธอต้านทานเขาไม่ไหว ทางออกแรกคือคิดที่จะเจรจาอีกครั้งในตอนที่อยู่บนรถ สุดท้ายเรื่องราวของแฟนเก่าที่กำลังตามล่าเธอและคนที่ทำร้ายเขา ทำให้เธอต้องมาที่นี่อย่างไม่มีทางเลือก และตอนนี้เธอก็ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองเลย "คะ คุณต้องการอะไรอ่ะ ตัวฉันงั้นเหรอ" "ฉันไม่เคยต้องการผู้หญิงอย่างเธอ มีแต่ผู้หญิงอย่างเธอนั่นแหละที่ต้องการฉัน" "ห๊ะ! บ้าบออะไรเนี่ย ฉันไม่ได้กระหายผู้ชายขนาดนั้นนะ ฉันมีแฟน และฉันก็พึ่งเลิกกับแฟนเพราะมันเฮงซวย คุณก็เห็นแล้วคุณใช้อะไรมาตัดสินฉันว่าฉันจะต้องการคุณ" หมับ~ ปึก~ "โอ๊ย!" ฮันนี่ร้องลั่น เมื่อข้อมือถูกกระชากอย่างแรงจนกระทั่งร่างบอบบางกระแทกเข้ากับร่างสมส่วนกำยำ ปลายจมูกเชิดรั้นฝังเข้ากับอกเปลือยขาว ผิวของเขามันช่างละเอียด โพรงจมูกสัมผัสกับกลิ่นตัวที่หอมสะอาดสะอ้านพานให้ใจดวงน้อยสั่นขึ้นมาอย่างหนัก ไม่เคยเลยที่ต้องใกล้ชิดกับผู้ชายในระยะนี้ อุ้งมือหนาคว้าหมับที่ปลายคางมนก่อนจะดันให้เชิดขึ้น ส่งผลให้ดวงตากลมสวยประสานเข้ากับดวงตาคมกริบไปโดยปริยาย "จำได้รึเปล่าว่าเธอเคยยื่นข้อเสนออะไรให้กับฉัน" ฮันนี่สั่นศีรษะรัวๆ แม้มันจะทำได้อย่างยากลำบาก ใบหน้าของเธอแทบจะขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เธอก็จำเป็นต้องปฏิเสธเพราะเธอไม่ได้รู้จักเขาจริงๆ นึกแล้วนึกอีก นึกยังไงก็ไม่มีทางนึกออก เธอไม่รู้จักเขา ไม่เคยพบหน้า ไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรกันทั้งนั้น เธอต้องใช้อะไรอธิบายเขาถึงจะเข้าใจเธอ! "ถ้าเธอจำไม่ได้ ฉันก็จะเป็นคนทบทวนความจำให้กับเธอเอง" นัยน์ตาดำสนิทเกรี้ยวกราดจ้องมองที่เรียวปากเอิบอิ่ม แว๊บหนึ่งที่มาเฟียหนุ่มหงุดหงิดเพราะความดึงดูดของหญิงสาวเบื้องหน้า ความเด็ดเดี่ยวทว่ามีบางอย่างที่มากกว่านั้นในดวงตา ใบหน้าที่สวยเฉี่ยวจนหาตัวจับได้ยาก ทุกอย่างลงตัว มันไม่แปลกที่ซานย์ นายแพทย์หนุ่มจากโรงพยาบาลชื่อดังที่อดีตเคยเป็นเพื่อนรักของเขาจะรักผู้หญิงคนนี้จนหมดหัวใจ และไม่แปลกหากผู้ชายเฮงซวยที่เธอพูดถึงซึ่งมีดีกรีเป็นคนที่เธอเคยคบหาในภายหลังจะอาลัยอาวรณ์ เสียดายนักหนา หึงหวงแม้ในตอนที่เขาถึงตัวเธอด้วยการโดนข้อมือ มันไม่มีหรอก มันไม่มีอะไรแปลกเลย! "ข้อเสนอของเธอ มันคือการท้าทายให้ฉันลอง" "ละ ลอง...ลองอะไรอ่ะ" ดวงตากลมสวยสั่นระริก ไม่กล้าแม้จะขยับริมฝีปากเพื่อเอ่ยออกมาดังๆ กลัวเหลือเกินว่าหากเธอขยับปากมาจนเกินไป ปากของเธอมันจะสัมผัสและประกบเข้ากับริมฝีปากหยักได้รูปของชายแปลกหน้าที่เพิ่งจะพบเจอกัน "ลองช่วงชิมร่างกายทุกสัดส่วนของเธอ ลองเปิดรับเซ็กซ์ของเธอ ยอมรับสัมผัสจากเธอ นี่คือข้อเสนอของเธอ..." ------- เรื่องมันเป็นไงมาไงนะ รอลุ้นไปด้วยกันนะคะ ^^~@หนึ่งเดือนต่อมา “ยัยดี!” ทับทิมโบกไม้โบกมือทักทายเพื่อนสาวที่โดดเด่นตั้งแต่ตอนก้าวขาเข้ามาในร้านนั่งชิลที่ทับทิมเป็นคนนัดหมาย สายตาหลายต่อหลายคู่หันมามองที่ซีดีด้วยความสนใจ แม้สถานที่จะไม่ใช่ผับที่คนจะเยอะมาก แต่ด้วยความที่ร้านมีดีเรื่องอาหารอร่อย บรรยากาศได้ แม้จะเป็นแค่ร้านนั่งชิลคนก็เยอะไม่ต่างกัน “ไม่ได้เจอกันในรอบเดือน เพื่อนฉันสวยขึ้นมากจ้า” ทับทิมจีบปากจีบคอชมเพื่อน ถึงจะไม่ได้เจอกันแต่เธอกับซีดีพูดคุยกันตลอด รู้ข่าวคราวของเพื่อนรักตลอด รู้ว่าตอนนี้ซีดีมีรักที่ดี เป็นรักที่สวยงามที่ควรค่าแก่การรักษาเป็นที่สุดเลย “แกก็ว่าเกินไป ฉันก็เหมือนเดิมไหม” นิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมไปทัดที่ใบหูเล็กก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนที่นั่งตรงข้ามกัน “ดื่มอะไรดี วันนี้ผัวแกมีงานนี่?” “อือ เห็นว่าสองสามวันนี้งานจะยุ่งหน่อย ทำงานให้เจ้านายน่ะ” “แล้วมาเที่ยวกับฉันนี่คือบอกผัวปะ?” “บอกว่ามากินข้าวกัน แล้วฉันก็จะสั่งข้าวจริงๆ” ซีดีหันไปโบกมือเรียกพนักงานให้เข้ามารับออเดอร์ สั่งเมนูอาหารจานเดียวง่ายๆ ทำคนที่ชวนเพื่อนเพราะความเหงามองตามตาเป็นประกาย“มาร้านนั่งชิลคือแกจะมาทานข้าว?”“อือ แกเอาด้วยไหมล่ะ”“
“เวลาแบบนี้คือมันต้องมืดมากแล้วนะคะ แต่ทำไมในความมืดมันถึงมีความสว่างอยู่ล่ะ” ซีดีกวาดสายตามองออกไปรอบๆ ตัวเองที่ถูกปกคลุมด้วยเสียงธรรมชาติ มีลมพัดเบาๆ ในขณะที่แสงจันทร์บนฟ้าทำหน้าที่ให้ความสว่างแม้จะเป็นเวลากลางคืนก็ตาม “นานเหมือนกันที่ฉันไม่ได้อยู่กับบรรยากาศแบบนี้ อยู่ที่กรุงเทพนานเกินไป” “สรุปอยากกลับมาอยู่ที่นี่แบบจริงจังแล้วใช่ไหมคะ” “ก็อยากนะ อยากใช้เวลาชีวิตบ้าง อยากมีความรักมีความสุขแบบที่คนอื่นเขามี” “ไม่นึกเลยค่ะว่าจะเห็นคุณในมุมแบบนี้” แว๊บหนึ่งที่ซีดีลอบมองเสี้ยวใบหน้าคม แม้จะเห็นไม่ชัดมากแต่ตลอดเวลาที่คุยกันก็สัมผัสได้ถึงความสุขผ่านน้ำเสียงจริงๆ “ขอโทษนะ…” ตากลมสวยที่กวาดมองออกไปรอบๆ และจมูกเชิดรั้นที่สูดรับอากาศบริสุทธิ์หยุดชะงักก่อนจะตวัดสายตาไปหาอาชาทันที “ขอโทษเรื่องอะไรคะ” “ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ฉันเคยคิดหักห้ามใจตัวเอง พยายามที่จะไม่รู้สึกอะไรกับเธอ ไหนจะใช้คำพูดแบบไม่แคร์เธออีก ทุกอย่างมันก็เป็นเพราะฉันหากฉันไม่คิดและทำแบบนั้นเรื่องระหว่างเรามันอาจจะเดินเร็วกว่านี้ก็ได้” “แต่สุดท้ายมันก็ทำให้เรายอมรับหัวใจตัวเองไม่ใช่เหรอคะ อย่างน้อยการที่คุณทำแบบนั้น มันก็ทำ
“ให้ฉันได้ดูแลเธอนะ ซีดี” คนถูกขอน้ำตาคลอเบ้า ข้าวปลายังไม่ตกถึงท้องด้วยซ้ำแต่กลับรู้สึกอิ่มเอมขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “เธอเข้าใจที่ฉันพูด รับรู้ในสิ่งที่ฉันต้องการอธิบายใช่ไหม” คนที่เม้มริมฝีปากกดใบหน้ารับ ไม่กลัวแล้วไม่ว่าจะอุปสรรคหรือใครหน้าไหนที่เคยคิดร้ายกับเธอ ความรู้สึกเหล่านั้นไม่มีเหลือ แค่มีเขาเธอก็รู้สึกปลอดภัย “พ่อกับแม่ไม่มีปัญหาและไม่ติดขัดอะไรอยู่แล้ว ลูกชายมีความรับผิดชอบชาวบ้านเขาก็จะว่าพ่อแม่สอนมาดี แต่อย่าลืมสิ ว่าบ้านเรามันยังมีประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานนะ” “ประเพณีเหรอครับ?” อาชาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ผู้เป็นแม่เองก็ชักสงสัยไม่ต่างกัน“ประเพณีอะไรเหรอพ่อ” “ก็ประเพณีที่ลูกสะใภ้ต้องบอกความรู้สึกและความในใจที่มีต่อลูกชายเราไง จำไม่ได้เหรอว่าตอนที่แม่เข้ามาเป็นสะใภ้บ้านพ่อ แม่ก็เคยผ่านประเพณีนี้มาเหมือนกัน” หางคิ้วของอาชากระตุกตอบรับ ประเพนงประเพณีอะไรไม่เคยได้ยินทั้งนั้น แต่สถานการณ์มันกำลังบ่งบอกว่าพ่อกำลังช่วยลูกชัดๆ พ่อคงเห็นว่าลูกชายรักเขามาก รักจนพร้อมยกทุกอย่างให้เขานั่นแหละ ถึงยอมออกแรงช่วยขึ้นมา “แม่ ยังไม่แก่เท่าไหร่เลยมาทำเป็นหลงเป็นลืมดูทำเข้
“ครับ เมีย!” เสียงตอบรับที่ชัดถ้อยชัดคำส่งผลให้คนเป็นพ่อแม่หันมองหน้ากันแทบจะทันที เรื่องนี้มันอาจจะเป็นไปได้ เกิดขึ้นได้ แต่มันแปลกตรงที่เด็กคนนี้พิเศษแบบไหนถึงทำให้ลูกชายของพวกเขาหลงรักได้ “อึ้งกันเลยเหรอครับ ลูกสะใภ้ของพ่อน่ารักไหมครับ” “เรื่องน่ารักมันก็น่ารัก แต่ไปรักกันตอนไหนก่อน”“ตอนไหนไม่สำคัญ แต่ตอนนี้รักกันแล้วโอเคไหมครับ” ไม่ว่าเปล่า อาชาตวัดแขนขึ้นโอบบ่าของคนตัวเล็กประกอบคำพูด ใบหน้าคมคายผุดรอยยิ้มจางๆ ถึงจะเป็นภาพที่ค่อนข้างแปลกตาแต่ว่าคนเป็นพ่อแม่ค่อนข้างถูกใจ “หน้าบ้านยุงเยอะ พ่อว่าเราเข้าบ้านกันดีไหม” “ไปๆ เข้าบ้านกันลูก” ผู้เป็นแม่ยิ้มหวานให้คนรักของบุตรชาย จากนั้นก็ปล่อยให้พวกผู้ชายลากกระเป๋าเข้าบ้าน คนเป็นแม่ทำหน้าที่จูงมือสะใภ้สาวเข้าบ้านพร้อมกัน “บ้านพ่อกับแม่เก่าหน่อยนะ เราอยู่กันแบบบ้านๆ ไม่ค่อยจะเหมือนคนกรุงเทพหรอก หนูอยู่ที่กรุงเทพใช่ไหมลูก” “ใช่ค่ะ” ซีดียิ้มรับก่อนจะกวาดสายตามองออกไปรอบๆ บ้าน ยอมรับว่าทุกมุมภายในบ้านแตกต่างจากคอนโดมิเนียมของอาชามาก แต่ทุกมุมบ้านกลับสะอาดสะอ้านเช่นกัน “นั่งก่อนลูก มุมนี้พ่อกับแม่ชอบใช้นั่งๆ นอนๆ ดูทีวีจ้ะ” คนเป็นแม่ดึง
“ไม่มีวันเลิกอยู่แล้ว” “ตอนนี้คุณก็พูดได้สิ คำตอบของเขามันไม่ใช่อุปสรรคนี่คะ” “เราไม่ควรมานั่งโกรธกันนะ ที่ฉันไปดูเพราะอยากรู้เผื่อมีสิ่งที่ต้องแก้ไข ทำขนาดนี้แล้วคงรู้ใช่ไหมว่าฉันรักมากแค่ไหน” มือหนาเลื่อนเข้ามาประคองแก้มนิ่ม ส่วนคนที่กำลังหงุดหงิดอยู่ได้แต่ปัดมือนั้นออกห่างทันที “หนูอยากกลับแล้วค่ะ” “แต่ฉันยังมีอีกที่ที่อยากพาเธอไป” “จะพาหนูไปดูดวงที่สำนักไหนอีกหนูไม่อยากไปแล้ว หนูเหนื่อยมาก อยากนอน อยาก…” “ฉันจะพาเธอไปที่บ้านของฉัน” คำตอบที่ดังแทรกขึ้นทั้งที่ซีดียังไม่ทันจบประโยคส่งผลให้เธอชะงัก ตากลมสวยกระพริบถี่ๆ ถึงมันจะตรงต่อใจแต่เธอก็ผิดหวังไปแล้วเช่นกัน“อะไรนะคะ” “ฉันจะพาเธอไปที่บ้านของฉัน ไปรู้จักกับพ่อแม่ของฉันให้เป็นเรื่องเป็นราว” เสียงยืนยันกระตุ้นให้ซีดีลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยความยากลำบาก มือเรียวยกขึ้นมาลูบใบหน้าของตัวเองเบาๆ ถึงกับไปไม่เป็นเลย“พ่อแม่ของฉันมีลูกแค่คนเดียว เดี๋ยวพาเธอไปฝากเป็นลูกสาวอีกคนดีไหม” “ไม่ได้จะพาไปเพราะหนูกำลังโกรธคุณใช่ไหม”“ตั้งใจจะพาไปอยู่แล้ว ถือโอกาสไปเยี่ยมบ้านด้วยเลย” “แล้วบ้านคุณอยู่ที่ไหนคะ ต้องนั่งรถไกลไหม ต้องเตรียมตั
“นี่มันวิสัยของคนแก่มีเมียเด็กค่ะ” “แก่แล้วไง มีหัวใจเหมือนกัน” ซีดีคลี่ยิ้มตอบรับคนที่หาเรื่องเถียงแบบข้างๆ คูๆ “เอาเป็นว่าหนูตามใจคุณก็ได้ค่ะ ท้องตอนไหนก็ตอนนั้นโอเคนะคะ” อาชาเคาะปลายนิ้วกับหน้าขาของตัวเองอย่างคนที่กำลังใช้ความคิด แว๊บหนึ่งที่อยู่ดีๆ หนึ่งเหตุการณ์ที่มันเคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ประเดประดังเข้ามาในหัว เอาวะ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยคาถา ไอ้อาชาสู้ตาย! “อิ่มมาก หนูบอกแล้วว่าขนมจีนร้านนี้อร่อยและได้เยอะมาก ไว้วันหลังเรามาทานกันอีกนะคะ” “สั่งห่อกลับบ้านขนาดนี้ฉันคิดว่าเธอจะอิ่มอีกหลายวันเลยนะ เพิ่งกินมาหมาดๆ ความอยากไม่หายเลย?” “แฮ่ๆ ของชอบนี่คะ” ซีดียิ้มกว้างอวดลักยิ้มเล็กๆ บนแก้ม ตาเป็นประกายเมื่อเห็นขนมจีนน้ำยาอีกชุดที่อยู่ในมือ “เธออยากไปที่ไหนต่อหรือเปล่า” “หนูไม่มีธุระที่ไหนต่อแล้วค่ะ คุณมีงานเหรอคะ” “ไม่เชิงกับว่ามีงาน เอาเป็นว่าถ้าไม่ได้ไปที่ไหนต่อฉันมีที่ที่หนึ่งที่อยากพาเธอไป” “ที่ไหนคะ” ตากลมสวยตวัดมองคนรักด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนหน้านี้คุยกันเรื่องทายาทสืบสกุล อย่าบอกนะว่าเขาจะพาเธอไปเจอคนที่บ้าน พ่อเขาแม่เขา ญาติพ