“เจสสิก้าจ้า...เจสสิก้าคนสวย” ฉันต้องเรียกชื่อใหม่ของนางให้ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นอาจโดนตบอย่างที่นางขู่ไว้
“เออดี อย่าให้ต้องพูดซ้ำ ไม่งั้นแม่ตบปากแตก”
เห็นไหมเพื่อน ๆ อีจันมันร้าย อย่าให้มันรู้เชียวนะว่าฉันแอบเรียกนางว่าอีจัน ก็นะ คนมันติดชื่อเก่า จะให้เปลี่ยนปุ๊บปั๊บทำได้ที่ไหนกันเล่า
แต่ก็นั่นแหละ นางขู่ไว้ ฉันได้แต่บ่นและบอกกับตัวเองไว้ตลอดว่าท่องไว้ เจสสิก้า เจสสิก้า
“โหดอะ”
เจสสิก้า หรือนังจัน มันคือเพื่อนในสาขานี้แหละ ใจนางเป็นหญิง กายนางก็เกือบหญิง ถ้าไม่มีส่วนเกินที่เป็นพวงออกมา
พวงสวรรค์ที่นิยายอีโรติกชอบเรียกกันนั่นแหละ แต่นางอยากเอาออกเหลือเกิน ต่อไปจะได้ไม่ต้องแต๊บว่างั้น
สรุปคือนางเป็นสาวสองที่สวยไม่แพ้ผู้หญิงเลยค่ะ ถ้าเดินไปด้วยกัน คนอาจจะมองนางมากกว่ามองฉันเสียอีก ทั้งที่ฉันก็สวยนะ ไม่ได้หลงตัวเอง เพราะมีคนบอกหลายคนแล้วว่าสวย สวยจริง ๆ นะไม่ได้พูดเล่น
“เออ ๆ ...นังเจส มึงดูคำใบ้กูซิ” ฉันเรียกเพื่อนให้ช่วยดูคำใบ้ของพี่รหัส วันนี้เราต้องไปตามหาสายรหัส ทำไมต้องให้ตามหาด้วยนะ บอก ๆ ให้จบ ๆ ไป จะได้มีเวลาไปตามหาผู้ชายอย่างพี่เต็งหนึ่ง
“กูว่า มึงต้องไปแถวร้านกาแฟไหม ดูจากคำใบ้”
“เข้มกว่าเอสเพรสโซ ก็พี่นี่แหละ” นั่นสินะ ใบ้มาขนาดนี้ คงมีแต่แถวนั้นแหละมั้งที่น่าจะใกล้เคียงคำใบ้มากที่สุด
ร้านกาแฟในมหาวิทยาลัย
ฉันกับเจสสิก้ามาถึงร้านกาแฟชื่อดังในมหาวิทยาลัย บอกเลยคนแน่นมาก
“นี่เขาขายหรือแจกฟรี คนมาอะไรกันเต็มร้าน” เจสสิก้าบ่น ฉันก็พยักหน้าเห็นด้วยกับมันนั่นแหละ เคยชิมรสชาติมาแล้ว ร้านกาแฟนี้บอกได้เลยว่ารสชาติไม่ได้ดีกว่าร้านข้างนอกเลย แต่ทำไมคนเยอะกว่าร้านข้างนอกมหาวิทยาลัยน่ะเหรอ
ถูกกว่าเหรอ? เปล่าเลย ราคาแพงกว่าร้านดัง ๆ เสียอีก
ใกล้กว่า? อันนี้ก็พอฟังขึ้นบ้าง
บรรยากาศดีกว่า? อันนี้ถ้ารวมพนักงานของร้านเข้าไปด้วยก็น่าจะใช่
นั่นแหละ จุดขายของเขาคือพนักงานล้อหล่อ หล่อแบบนี้ไม่อยากเรียกชื่อเลย อยากเรียกว่า ‘ที่รัก’
ขอย้ำอีกครั้งนะว่า พนักงานหล่อทุกคน ย้ำว่าหล่อทุกคน ตั้งแต่เด็กเสิร์ฟไปจนถึงผู้จัดการร้าน
งานดีมากแม่!!
ทำไมน่ะเหรอ เพราะนี่คือแหล่งรวมคนหล่อของมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้ แค่พนักงานเสิร์ฟ พนักงานรับออร์เดอร์ต้องเป็นระดับเดือนของแต่ละคณะเท่านั้น
ส่วนบาริสตานั้น นอกจากความหล่อแล้ว ต้องเรียนดีด้วย ใช่ว่าจะเรียกใครไก่กาแถวนี้มาชงก็ได้ซะเมื่อไหร่ จึงทำให้ร้านกาแฟคนแน่นในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ต้องมีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง แต่ถ้ามีสองข้อจะรับพิจารณาเป็นพิเศษ
หนึ่ง ต้องมีตำแหน่งเดือนคณะรับประกันความหล่อ
สอง ต้องเป็นหนุ่มหล่อของดีแต่ละคณะ ซึ่งต้องบอกว่ามีแมวมองในมหาวิทยาลัยอย่างพวกเอกนิเทศนั่นแหละคอยจับตามองความสวยความหล่อของผู้คนทั้งมหาวิทยาลัย
คิดดูแล้วกันว่าที่ร้านแน่นขนาดนี้ เพราะรสชาติกาแฟหรือความหล่อของหนุ่ม ๆ
แล้วถ้ามีคำถามว่าหล่อขนาดนั้นจะมาเดินเสิร์ฟกาแฟทำไม ที่นี่ไม่ใช่แค่เด็กเสิร์ฟกาแฟนะทุกคน ใช่ว่าใครจะเข้ามาทำงานร้านนี้ก็ได้
ใครจะมาทำงานที่นี่ ต้องผ่านการเชื้อเชิญโดยผู้จัดการร้านเท่านั้น และผู้จัดการร้านต้องไปเชิญด้วยตัวเองด้วย
ร้านกาแฟแห่งนี้เป็นร้านกึ่งการกุศล รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย กำไรครึ่งหนึ่งจะบริจาคให้โรงพยาบาลที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่หนุ่มหล่อเหล่านี้ไม่ปฏิเสธที่จะมาร่วมงาน ก็แหงละ เอาเงินไปทำบุญ ใครไม่ช่วยก็แปลกแล้ว หล่อแล้วยังใจบุญอีก
“นังนาย คนหล่อละลานตาไปหมด กูไม่รู้จะดูใครเลย” เพื่อนเจสของฉันกระซิบกระซาบด้วยดวงตาลุกวาว ประกายตาของเพื่อนเจิดจ้ายิ่งกว่าครั้งไหน ๆ
“นังเจส มึงเก็บความแรดของมึงไว้ก่อน กูให้มาตามหาพี่รหัส ไม่ใช่มาหาผัว” ไม่อยากจะบ่นมันเลยจริง ๆ แต่ก็อดไม่ได้ ความแรดของมันเกินชะนีจริง ๆ อย่างฉันเสียอีก
“ถ้ากูได้ผัวเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ กูยอมไม่เอาพี่รหัส” ดู ๆ มันพูดไม่รักษาหน้าตาเพื่อนที่เดินมาด้วยเลยสักนิด
“เจริญละ แววจะไม่จบของมึงเห็นชัดมาก” ฉันเบะปากว่าเพื่อนสนิทที่ตอนนี้แววเรียนจบของนางเริ่มสั่นคลอน
“แหม นังนาย กูล้อเล่นไหม ไปหาพี่รหัสมึงกันเถอะ” พอได้ชื่นชมผู้ชายหล่อเต็มสองตา เพื่อนฉันก็หันกลับมาสนใจ สิ่งที่ทำให้เราสองคนมายืนอยู่ตรงนี้
“เริ่มจากตรงไหนดี” เราสองคนมองหน้ากันว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี
“ต่อแถวซื้อกาแฟก่อนแล้วกันมึง” ข้อเสนอของนังเจสก็ใช้ได้อยู่ เราสองคนเลยมายืนขาแข็งต่อแถว นี่มันร้านกาแฟจริง ๆ ใช่ไหม แล้วคนก่อนหน้าพวกเรานี่จะสั่งกาแฟหรือจะมองหน้าผู้ชายกัน คนสวยเริ่มเหนื่อยแล้วนะ
“เฮียคิดอะไรอยู่คะ” เสียงหวานถามผมในตอนที่เราสองคนมากางเต็นท์ตอนอยู่ในจุดชมวิวของไร่ “คิดถึงความรักของเรา” “คิดว่าไงคะ” “คิดว่าเฮียหลงเมียมาก” ผมลูบแขนคนตัวเล็กเพราะตอนนี้อากาศเย็นเริ่มโรยตัวปกคลุมทั่วพื้นที่ตามพื้นที่สูงทางภาคเหนือ “แหม ปากหวานจริง” เมียรักว่าพร้อมทั้งจูบลงบนอกแกร่งของผม เนี่ย ว่าผมปากหวาน แต่ตัวเองชอบทำอะไรหวาน ๆ แบบนี้ตลอด “แล้วหนูนายล่ะ หลงเฮียไหม” “บอกเลยว่ามาก” แล้วเธอก็จูบคางของผมหลาย ๆ ครั้ง การกระทำขี้อ้อนของเธอทำให้ผมอดใจไม่ไหว มอบจูบเร่าร้อนให้คนในอ้อมกอดต้องร้องห้าม “อือ...อือ...เฮียพอก่อน” “ก็เมียอ่อยเก่ง” “เฮียว่าหนูเหรอ” “ไม่ได้ว่า เฮียชม ดูสิ แค่ได้กลิ่นหนู เฮียก็แข็งแล้ว” ผมจับมือเธอมาวางตรงส่วนที่บอกว่าแข็งและพร้อมทำงาน “โอ๊ย! จะหื่นไปไหนเนี่ย พอก่อน ตั้งแต่กลับมาเกาะเชจู เรายังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย นอกจากอุดอู้อยู่แต่บ้าน” นี่ก็เกือบเดือนแล้ว ตั้งแต่กลับจากเกาะเชจู เราก็รู้ว่ายังไม่ท้อง เมื่อไม่ท้อง เราก็ต้องขยันเพิ่มขึ้น
“หนูแค่ดีใจ พี่นายบอกว่าพี่หนึ่งขอแต่งงานแล้ว” “ใช่น่ะสิ เมียฉันเรียนจบแล้วก็ต้องแต่งงานมีลูก”เดี๋ยว ๆ แต่งงานน่ะใช่ แต่มีลูกฉันคงต้องขอเวลาหน่อย หลังจากเรียนจบแล้วเราสองคนก็กลับไปอยู่เชียงรายกัน โดยผับของเฮียหนึ่งก็ยังทำเป็นปกติ แต่ให้หุ้นส่วนดูแลเป็นหลัก แม่แท้ ๆ ของเฮียหนึ่งทำไร่ผักและสวนดอกไม้เมืองหนาว ไร่ของเราสองอยู่ไม่ห่างกัน ใช้เวลาเดินทางแค่สิบนาทีเท่านั้นเราสองคนจัดงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่ไร่ของเฮียหนึ่ง หลังจากฉันเรียนจบได้เพียงสองเดือน งานแต่งงานของเรามีเฉพาะคนในครอบครับแค่สองครอบครัว เราไม่ได้เชิญแขกมากมาย เพราะเราต้องการบรรยากาศของครอบครัว ให้เป็นงานแต่งงานที่อบอุ่น แม้แต่เพื่อน เราก็เชิญเฉพาะคนสนิทเท่านั้นน้ำตาของเจสสิก้ากับลักศิกาในวันแต่งงานของฉัน ฉันยังจำได้ดี ทั้งสองร้องไห้ยิ่งกว่าเป็นเจ้าสาวเสียเอง หนูนิดเองก็มาร่วมงาน แต่น้องมาแค่แป๊บเดียว แล้วก็บอกว่าจะไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อนต่อหลังจากงานแต่งของเราจบลง แผนการหนีเที่ยวของเราก็เริ่มขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เราทั้งสองเรียนหนักและแทบไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศกันเลยเราสองคนมีแผนจะเที่ยวทั่
“ยินดีครับ” ฉันมองหน้าเพื่อนกับท่านรองประธาน ทำไมทั้งสองเหมือนไม่ได้พูดเรื่องการสมัครงานเลยนะ ความหมายของทั้งสองคือเรื่องนี้ไหม หรือเรื่องอื่น เทอมสุดท้ายของการเรียน เวลาส่วนมากหมดไปกับโพรเจกต์ แต่เวลาเรียนมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น แต่เพราะเป็นโพรเจกต์จบทำให้ทั้งฉันและเพื่อนต้องทำงานกันยันเช้าหลายต่อหลายครั้ง นำเสนอโพรเจกต์กันหลายรอบกับอาจารย์ที่ปรึกษา ทั้งโดนสั่งแก้ สั่งให้ทำใหม่ไม่รู้กี่ร้อยรอบ ทุกอย่างมันกดดันมากจริง ๆ ความกลัวไม่จบพร้อมเพื่อนทำให้ฉันร้องไห้ออกมา “จะเครียดทำไม เดี๋ยวเฮียช่วย” นั่นคือคำพูดของคนข้างกาย ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็พร้อมช่วยเสมอจริง ๆ “หนูรักเฮีย” “ถ้ารักเฮียก็ขึ้นให้บ่อย ๆ แค่นั้นแหละที่เฮียต้องการ” คำพูดของเขาทำให้ฉันหัวเราะทั้งน้ำตา เป็นเสียอย่างนี้แหละ กำลังจะซึ้งก็พาเข้าเรื่องทะลึ่งตลอดบทส่งท้าย กาลเวลา “จบสักที” ทันทีที่เกรดตัวสุดท้ายออก ความกังวลใจของฉันกับเจสสิก้าก็หมดลง ตอนนี้เราสองคนเรียนจบแล้ว จบจริง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าการเรียนตลอดสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยจะให้อะไรมากขนาดนี้ฉันได้อะไรมากมายจากการ
“กรี๊ด!!!” เสียงกรี๊ดดัง ๆ ของคนบ้า เกิดมาเพิ่งเคยเห็นคนบ้าของจริงก็ครั้งนี้แหละ “คุณ นี่โรงพยาบาลนะ” หมอเจ้าของไข้พยายามห้าม “อีบ้า! อีสำออย แก้วบาดแค่นี้” นอกจะด่าว่าฉันแล้ว ยังจะปรี่เข้ามาหาฉันอีก “โอ๊ย! อีบ้า มึงตบกูทำไม” ก่อนที่คนบ้าจะถึงตัวฉัน ยายลักไม่รู้เข้ามาในห้องตอนไหน กระชากยายป้าผีโพงนั่นและตบหน้าอย่างแรง “มึงจะทำพี่กู กูแค่ทำเพราะป้องกันตัว” “โอ๊ย!” เสียงตบอีกครั้งดังขึ้นบนแก้มข้างเดียวกัน เสียงกรีดร้องของคนโดนตบยังดังไม่หยุด แต่ผู้ชายที่เหลือดูเหมือนไม่มีใครเข้าไปช่วยยายน้ำเน่านั่นสักคน “มึงออกไปเลยถ้าไม่อยากโดนกูกระทืบตายก่อน” ยายลักถลกแขนเสื้อขึ้น บอกได้คำเดียวว่าพร้อมมีเรื่อง เสียงร้องไห้ของยายน้ำเน่าหายไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล “ขอบใจมากลัก” ฉันเอ่ยขอบคุณน้องรหัสของตัวเอง เพราะยายน้ำเน่าเป็นผู้หญิง เฮียหนึ่งจึงไม่กล้าลงมือเอง แต่น้องรหัสฉันเป็นผู้หญิงไง ผู้หญิงตบผู้หญิงมันก็แค่เรื่องทะเลาะวิวาท “เสียดายน่าจะได้ตบมากกว่านี้ ถ้าไม่เกรงใจคุณหมอ ลักตบมันหน้าแหกแล้ว”ฉันโคลงศีรษะกับค
“เดี๋ยวเฮียไปรับ” “ค่ะ” ฉันยิ้มให้กับโทรศัพท์ แต่ยังไม่ทันจะกลับเข้าไปในห้องก็เจอคนที่ไม่อยากเจอ “นึกว่าตาฝาด ที่แท้ก็เมียคนปัจจุบันของเต็งหนึ่งนี่เอง” ป้าน้ำฟ้าน้ำเน่า มาตอนไหนเนี่ย “ค่ะ ขอตัวนะคะ” ฉันไม่อยากมีเรื่องเพราะอีกแค่เดือนเดียวก็จะฝึกงานจบแล้ว “เดี๋ยว ช่วยไปหยิบเครื่องดื่มมาให้หน่อยสิ” “หา!!” ฉันมาเป็นนักศึกษาฝึกงาน ไม่ใช่คนรับใช้ ที่นี่ก็มีบริกรคอยบริการเดินกันเต็มงาน ทำไมต้องให้ฉันไปหยิบให้ “เอ้า เร็วสิ ฉันคอแห้งแล้ว” เอาวะ ทนอีกนิดเดียว เดี๋ยวก็ฝึกงานเสร็จ ฉันก็เลยจำเป็นต้องไปหยิบเครื่องดื่มให้ยายน้ำเน่านี่ “นี่ค่ะ” ฉันเดินกลับมาพร้อมแก้วน้ำในมือ “อี๋ ไม่อร่อยเลย เอาแก้วอื่นมาสิ” หล่อนจิบแค่นิดเดียวแล้วก็บอกว่าไม่อร่อย ให้ฉันไปเอาแก้วใหม่มาอีกที ฉันจำเป็นต้องเดินกลับไปในงาน เพื่อเอากลับมาให้คู่หมั้นท่านรองประธาน “นี่ค่ะ” ฉันยื่นแก้วน้ำสีสวยให้คนตรงหน้า รู้ว่าหล่อนแกล้งฉันนั่นแหละ “อี๋ อันนี้ก็ไม่อร่อย ไปเอามาใหม่สิ”ฉันพยายามอดกลั้นความโมโหไว้ พร้อมเดิน
เมียผมก็คงไม่ต่างจากยายลัก ขอให้เรียนจบก่อน แต่ผมนี่สิอยากแต่ง เมียผมเนี่ยสวยมากระดับดาวมหาวิทยาลัยเลยนะครับ แล้วรุ่นน้องปีหนึ่ง ปีสอง ขายขนมจีบเยอะมาก บางคนพอรู้ว่าหนูนายคบผมก็ถอยไปบ้าง บางพวกคิดว่ากูไม่สน เผื่อฟลุก แล้วไหนจะพวกต่างมหาวิทยาลัยอีก อย่าให้พูด แล้วยังมีไอ้เด็กเวรนั่นอีก ไอ้ต้นไม้ ไอ้เด็กเปรต บทที่ 42 ฝึกงานคอนโดเต็งหนึ่ง เวลาผ่านไปเร็วมากจนตอนนี้ฉันเข้าปีสี่แล้ว พวกเรากำลังอยู่ในช่วงฝึกงาน ฉันได้ฝึกงานที่บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำแห่งหนึ่ง เราใช้เวลาฝึกงานประมาณสี่เดือน คือฝึกเทอมหนึ่งทั้งเทอม จากนั้นก็กลับไปเรียนต่อเทอมสอง บางสาขาก็ฝึกเทอมสอง แล้วแต่ว่ามหาวิทยาลัยกำหนดว่าจะเป็นแบบไหน “นังเจส เร็วสิ จะสายแล้วเนี่ย มาฝึกงานวันแรกก็งามไส้ไหมล่ะแก” ฉันเร่งเพื่อนสาวสุดสวยที่มาด้วยกัน เราสองคนนี่ตัวติดกันยิ่งกว่าคู่แฝด เห็นนายที่ไหนก็เห็นเจสสิก้าที่นั่น “เออ ก็รีบอยู่เนี่ย” วันแรกเจสสิก้าก็จะสายเสียแล้ว เราสองคนรีบวิ่งเข้าไปรายงานตัวทันเวลาพอดี พอดีแบบพอดีมาก ๆ “สวัสดีครับ พี่ต้านะครับ มีหน้าที่ดู