Chapter 5
[5/1] เวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที ชายหนุ่มที่อาสาตัวไปเรียกเพื่อน ก็เดินกลับเข้ามาหาญารินพร้อมกับคนที่เธอต้องการเจอตัว ร่างเพรียวบางลุกขึ้นยืนออกจากโซฟาที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ พร้อมกับเดินเข้าไปหาชายทั้งที่เพิ่งเดินเข้ามาด้านใน เธอนึกอยากจะขอบคุณคนที่ชื่อโอมเสียจริงที่ช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ นอกจากจะหล่อมากแล้วยังใจบุญใจกุศลอีกพ่อคุณทูนหัว “เธอมาที่นี่คงไม่ใช่เพราะว่าจะมาดูเขาแข่งรถกันหรอก ใช่ไหม?” “กว่าจะเจอตัวได้นะคุณ รู้ไหมว่าวันนี้ฉันต้องเจอกับอะไรบ้าง ห๊ะ!?” ทันทีที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากันและกัน ทั้งญารินและเจ้านายหนุ่มก็เริ่มมีปากมีเสียงกันอีกเช่นเคย ญารินอยากจะด่าคนตรงหน้าให้เหมือนกับที่เธอโดนพี่ชายของเขาเรียกไปอบรมสั่งสอนในช่วงเช้าของวันนี้ ดูสิว่าเขาจะรู้สึกเหมือนที่เธอรู้สึกบ้างไหม “พี่ชายคุณเรียกให้คุณกลับบริษัทให้ได้เลยวันนี้ จนฉันต้องหอบสังขารมาถึงที่นี่ยังไงเล่า!” ประโยคสนทนาระหว่างณัฐกานต์และหญิงสาว อยู่ในสายตาของอัครเดชในตอนนี้ ซึ่งเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมญารินถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับเพื่อนของเขาได้โดยไม่เกรงกลัวเลย ก่อนที่ประโยคต่อไปจะทำให้เขาเริ่มเข้าใจอะไรๆ มากยิ่งขึ้น “เหอะ! เงินที่พี่ชายฉันให้มาคงจะหนักมากพอสมควรสินะ ถึงได้ลงทุนลงแรงมาตามฉันถึงที่นี่ เธอกลับไปเถอะ อีก 2 ชั่วโมงฉันจะลงแข่งแล้ว อ่อ! กลับไปแล้วก็อย่าลืมโทรไปฟ้องพ่อฉันด้วยล่ะ ฉันจะได้โดนด่าทีเดียวพร้อมกัน 2 คนเลย” “ฉันกลับแน่ค่ะ แต่เมื่อคุณกลับกับฉันเท่านั้น” “เดี๋ยวก่อนๆ นะ ทั้งสองคนเลย คือ อย่างนี้นะครับคุณญาริน ผมว่าวันนี้ไอ้ณัฐคงจะกลับไปไม่ได้หรอกครับ งานนี้สำคัญกับเรามากจริงๆ ถ้ามันชิ่งกลับเอาตอนนี้พวกผมก็ซวยกันหมดเลยนะครับคุณ รวมทั้งทีมงานและสปอนเซอร์ด้วย คือตอนนี้คุณคงไม่เข้าใจ แต่ผมว่ารอให้มันแข่งเสร็จก่อนไม่ได้หรอครับ” อัครเดชรับบทเป็นทนายอาสาเข้ามาไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย ก่อนที่จะลงมวยกันเลยเถิดไปมากกว่านี้ เท่าที่เขาฟังบุคคลทั้งสองโต้งเถียงกันแล้ว คาดว่าคงจะไม่จบง่ายๆ แน่นอน “แข่งเสร็จก็คงกลับไปไม่ทันงานที่บริษัทหรอกค่ะคุณ ถ้าจะพูดเข้าข้างเพื่อนคุณขนาดนี้ ไม่รู้แหละค่ะ! งั้นฉันก็จะอยู่ที่นี่ จะตามราวีกันไปแบบนี้แหละ! ไหนๆ กลับไปก็โดนว่าอยู่ดี” จากที่จะรับบทเป็นคนดี ทว่าตอนนี้โดนผลักไสให้เป็นผู้ร้ายเข้าข้างเพื่อนสนิทของเขาเสียอย่างนั้น ส่วนญารินเองก็ดูอารมณ์ร้อนเหมือนกัน เพราะวันนี้ทั้งวันเธอเจอแต่เรื่องที่ทำให้ปวดหัว ‘ท่องไว้ญาริน 3 ล้านๆ เธอต้องทำมันให้ได้’ ณัฐกานต์เองเมื่อได้ยินหญิงสาวพูดแบบนั้นก็เลยหงุดหงิดขึ้นไปกันใหญ่ แต่แล้วไงใครอยากอยู่รอก็ช่างมันปะไร ถ้าเขาไม่กลับก็คือไม่กลับ ไม่อยู่ทำงานที่บริษัทวันเดียวมันไม่ทำให้กำไรของพ่อหายไป 10 ล้านหรอก “ยัยบ้าเอ๊ย! ช่างแม่งเถอะ เราไปกันเถอะ ถ้าใครอยากอยู่ก็อยู่ไปสิ” “อ่าๆ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณเลขาฯ สุดสวย” ว่าจบก็ชวนเพื่อนของเขาออกไปจากตรงนี้เลย ทิ้งไว้ให้ญารินยืนหัวร้อนอยู่ในห้องนี้คนเดียว “คอยดูเถอะ ไอ้เจ้านายบ้าเอ๊ย!” (YARIN TALK) ขณะที่เจ้านายของฉันเดินออกจากห้องรับแขกไปพร้อมกับเพื่อนของเขาแล้ว ฉันได้แต่ยืนอึ้งไปกับคำพูดของเขาที่ไม่แม้แต่จะใส่ใจใครบนโลกนี้เลย คนอะไรเอาแต่ใจตัวเองชะมัด สาธุเถอะ! สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเกิดมาชาตินี้ขอให้ลูกอย่าได้มีสามีนิสัยแบบอิตาบ้านี่เลย ขอร้องล่ะ ไหนๆ วันนี้ก็คงจะไปไม่ทันเข้างานตอนบ่ายแล้ว งั้นขอทำอะไรสนุกๆ แก้เผ็ดเจ้านายคนนี้หน่อยก็แล้วกัน อยากแข่งรถมากนักใช่ไหม? ได้เลยเดี๋ยวแม่จัดให้ เริ่มจากตรงไหนก่อนดีนะ งั้นเดินตามทั้งสองคนนั้นออกไปด้วยเลยก็แล้วกัน โอเค ตอนนี้ฉันเดินตามสองคนนั้นมาจนถึงจุดที่เขาทั้งสองกำลังยืนเช็ครถกันอยู่ ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นรถคันนี้สินะที่จะใช้ลงสนาม คนที่ชื่อโอมเพื่อนสนิทของเจ้านายฉันกำลังเช็คเครื่องยนต์อยู่กระโปรงรถด้านหน้า ส่วนคุณณัฐก็กำลังเช็คอะไรสักอย่างอยู่ด้านในรถ และในตอนนี้ไม่รู้ว่าตัวฉันเองคิดอะไรอยู่ ถึงได้เปิดประตูรถออกมาแล้วแทรกตัวเข้าไปนั่งประจำจุดผู้โดยสาร “เฮ๊ย! เธอจะเข้ามาทำไม!?” “ก็ฉันบอกแล้วไงว่าถ้าคุณยังยืนยันจะอยู่ที่นี่ ฉันก็จะอยู่ด้วย” คุยกันดีๆ ไม่ชอบนักก็ต้องเอาแบบนี้แหละ ขืนกลับเข้าบริษัทโดยไม่มีเขากลับไปด้วยก็โดนคุณนาฟด่าอยู่ดี สู้อยู่ที่นี่กวนประสาทเขายังจะดีซะกว่า “เธอมันบ้า!” ในตอนนี้อีกคนมองหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง ดูเหมือนเขาจะหัวเสียไม่น้อย จนทุบมือหนาเข้าไปที่พวงมาลัยรถ “แล้วไง” ส่วนฉันเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าให้หรอกนะ บอกเลยวันนี้ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง “แล้วไง? เธออยากรู้จริงๆ ใช่ไหม หื้ม?” “นะ ...นี่คุณ” แต่ในขณะที่ตัวฉันมั่นใจว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าอีกคน พอเจอคำพูดของเขาพร้อมทั้งสายตาเริ่มมองมาที่ฉันเหมือนกับตอนที่อยู่ในโรงแรมของเขาไม่มีผิด จนตอนนี้ฉันเริ่มหวาดผวาขึ้นมา กลัวว่าเขาจะเล่นสกปรกเหมือนที่ผ่านมา ไวเท่าความคิดของฉันเลย เพราะตอนนี้มือหนาของเขาเริ่มลูบไล้ตรงหน้าท้องของฉัน และนิ้วแกร่งที่สอดเข้ามาด้านในเสื้อเชิ้ตผ่านตรงช่องว่างระหว่างกระดุมเม็ดเล็ก “คุณอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ นี่มันไม่ได้มีแค่คุณกับฉันนะ” “แปลว่าถ้ามีแค่เรา เธอจะยอมงั้นหรอ?” “อย่ามาคิดเองเออเอง เอามือของคุณออกไป! ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนมาช่วย” ไอ้คนบ้า! เอะอะอะไรก็ฉวยโอกาสตลอด ทั้งๆ ที่เพื่อนของเขาก็อยู่แถวๆ นี้ด้วย “เห็นปากดีแบบนี้ ....อยากรู้จังเลยว่าเกิดอยู่บนเตียงลีลาจะดีขนาดไหน” ดูเขาพูดเข้าสิ โอ๊ย! แม่จ๋าหนูอยากถอนตัว “เอ่อ ฉันว่าฉันกลับก่อนดีกว่าค่ะ วันนี้คุณคงไม่สะดวก” แพ้อีกแล้ว ...แพ้เขาอีกแล้วหรอเรา เล่นเกมแบบนี้ทีไรฉันไม่มีทางสู้เขาได้เลย เอาวะ! กลับไปตั้งหลักกันก่อนก็ได้ “หื้ม? ไม่อยู่ต่อหน่อยหรอ ฉันไม่ว่าอะไรเธอหรอกนะถ้าจะอยู่ต่อน่ะ แต่มันคงต้อง.... มี ‘อะไร’ แลกกันซักหน่อย หึๆ” “ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ ฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่า” ปึ่กก! หลังจากลงจากรถของเขามาได้ฉันก็รีบวิ่งแจ่นออกมาเลย โดยที่ระหว่างวิ่งออกมาก็เห็นท่าทางมึนงงเพื่อนเขาเหมือนกัน คงจะงงล่ะสิว่าฉันเข้าไปในรถตอนไหน แต่เดี๋ยวก่อนนะ ตอนนี้ฉันว่าฉันเริ่มหลงทางเข้าแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งมาอยู่ที่ไหนแล้ว สนามแข่งมีซุ้มมากมายหลายที่ผู้คนก็เยอะมาก ฉันกำลังพยายามตั้งสตินึกคิดให้ได้ก่อนว่าจะออกจากงานได้อย่างไร ตุ๊บ!! ขณะที่เดินหมุนตัวและมองหาทางออกอยู่นั้นก็ได้ชนเข้ากับใครที่ไหนก็ไม่รู้ จนอีกฝ่ายที่ถูกชนโดนแก้วน้ำที่ตัวเองถือมาด้วยเลอะเต็มๆ ใส่เสื้อของเขา “ว้าย! ตายแล้วฉันขอโทษค่ะ คุณเป็นอะไรมากไหมคะ? ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะ” ฉันรีบขอโทษผู้ชายทรงอ้อนแอ้นตรงหน้า พร้อมกับหยิบเอาทิชชู่ในกระเป๋าสะพายของตัวเอง เข้าไปเช็ดน้ำที่หกเลอะใส่เสื้อเขาอย่างเร็ว “กรี๊ดดดด!!” เอาแล้วไง เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูแบบนี้ เขาคงไม่พอใจฉันอยู่แน่ๆ เลย ทำไงดีญาริน ฮือออ “เอ่อ คะ คุณ คือว่าฉันในขอโทษจริงๆ นะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ ฉันยินดีรับผิดชอบคุณเลยค่ะ จะให้ฉันซักเสื้อมาคืนคุณก็ได้นะคะ” “ในที่สุด!” จู่ๆ ชายทรงอ้อนแอ้นก็พูดอะไรออกมาแบบที่ทำให้ฉันมึนงงไปกับคำพูดของเขา “คะ?” “ในที่สุด!!!” นี่เขาโดนน้ำหกใส่จนเพี้ยนไปแล้วงั้นหรอ 0_0 “??” “ในที่สุดฉันก็เจอเธอแล้ว แม่นางฟ้านางสวรรค์ส่งมาโปรดของเจ้” คนทีเรียกตัวเองว่าเจ้า ดูเหมือนจะไม่ได้ให้ความสนใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ฉันชนเขาเลย แถมยังทำท่าทางดีใจอะไรบางอย่างเมื่อมองหน้าฉัน “คุณพูดกับฉันอยู่รึเปล่าคะ?” “Of course!! ใช่สิจ๊ะ นี่เจ้กำลังคุยกับหนูอยู่” “เอ่อ คือเรื่องเมื่อกี้นี้ฉันขอโทษจริงๆ นะคะ และก็ยินดีชดใช้หากคุณต้องการ” เรื่องเมื่อกี้นี้ฉันผิดเต็มๆ เลยที่ไม่ดูทางจนเผลอทำความเดือดร้อนให้เจ้สาวสองคนนี้ “เจ้ไม่เป็นไรมากหรอกจ้ะหนู แต่! ถ้าหนูยินดีจะชดใช้เจ้ เจ้ก็พร้อมรับค่ะ” "หนูชื่ออะไรหรอ?" "ญารินค่ะ" "ว้าวชื่อเก๋มากกก นี่เจ้ชื่อผักหวานนะ" “แล้ว... ฉันจะชดใช้ยังไงคะ?” “ตามเจ้มา!!! หุ๊ๆๆ” ยังไม่ทันที่จะได้ตอบตกลงเลยว่าจะไปไหม แต่กลับโดนอีกฝ่ายดึงแขนของฉันให้เดินตามเขาไปทางด้านเต็นท์ขนาดใหญ่ และฉันก็ไม่รู้ว่าข้างในเต็นท์นั้นคืออะไร แล้วเขาจะพาฉันไปทำอะไรที่นั่น คิดแล้วก็แอบหวั่นว่าเจ้คนนี้จะทำอะไร จนกระทั่งเดินมาถึงด้านในเต็นท์ ฉันก็เลยถึงบางอ้อแล้วตอนนี้ ช่างแต่งหน้าและผู้หญิงสวยๆ มากมายถูกจับเข้าคู่ให้พอดีกับช่างแต่งหน้าพร้อมกับบรรเลงงานศิลป์ลงบนใบหน้าแต่ละคนให้สะสวย ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นพริตตี้ในงานแข่งรถครั้งนี้แน่นอนเลย “มาๆๆ เข้ามานั่งตรงนี้นะหนู” “อ้าว! อิเจ้ผักหวาน นี่มึงไปหาพริตตี้ที่ไหนมาแทนน้องชมพู่ได้วะนั่น โอ้โห... นี่มึงเล่นจ้างดารา เซเลบฯ เลยหรอ?” “ไม่ใช่ๆๆ อะ เอ่อ.. คือหนูไม่ใช่ดาราเซเลบค่ะ” ดูเหมือนตอนนี้ฉันเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าเจ้คนที่ชื่อผักหวานพาฉันมาที่นี่ทำไม ปฏิเสธตอนนี้จะทันไหมนะ ฮือออChapter 32[32/2]@มิลาน, ประเทศอิตาลี่วันนี้ญารินมีนัดคุยงานถ่ายแบบงานชิ้นสำคัญในชีวิตของเธอเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากการเดินแบบแล้วเธอก็ไม่เคยได้มีโอกาสได้ขึ้นปกหนังสือนิตยสารเลยสักครั้ง ต้องขอบคุณโรสมากๆ ที่ทำให้ความฝันของญารินได้กลายเป็นจริงสักทีก่อนหน้านี้โรสได้รับการติดต่อให้จัดหานางแบบในสังกัดให้มาถ่ายนิตยสารจากแบรนด์เสื้อแบรนด์หนึ่งที่เป็นฝีมือของคนไทยเองโดยที่เจ้าของแบรนด์ให้โจทย์กับโรสมาว่าจะต้องเป็นหญิงหน้าไทย แต่ยังมีโครงหน้าที่ดูทันสมัยด้วย เนื่องจากแบรนด์นี้ใช้ผ้าไทยหลายชนิดมาตัดทำเป็นชุด แต่ยังเพิ่มดีไซน์ผสมผสานให้ทันสมัยตามแบบของผู้หญิงยุคใหม่ซึ่งจากโจทย์ที่ให้มาโรสไม่สามารถนึกถึงใครอื่นได้เลย นอกจากญารินนางแบบหน้าไทยสวยเก๋เซ็กซี่คนนี้ เธอคือตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่ เหมาะสมกับแบรนด์ VANIDEE ที่สุดแล้วภายในร้านอาหารสัญชาติอิตาเลี่ยนที่ตั้งอยู่ในคอมเพล็กซ์ Museo del Novecento ทำให้เราสามารถมองออกไปด้านนอกแล้วเห็นทิวทัศน์อันงดงามได้อย่างประทับใจของ Piazza del Duomo หรือที่เรียกกันว่าจัตุรัสหลวง“วิวสวยจังเลยนะคะพี่โรส” ญารินนั่งมองวิวด้านนอกจากในร้านอาหารแห่งนี้ด้วยความร
Chapter 32[32/1]“คุณหนูคะ คุณยุวดีกลับมาแล้วค่ะ ท่านเรียกให้ไปพบค่ะ” ขณะที่พี่น้องสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ ก็มีหญิงแม่บ้านชาวอิตาเลี่ยนวัยกลางคนเดินมาเรียกณัฐกานต์ก่อน“แม่? ครับๆ เดี๋ยวผมไป”“ท่านรออยู่ที่ห้องรับแขกนะคะ”“ขอบคุณครับ” ณัฐกานต์หันไปบอกแม่บ้าน เธอรับคำพร้อมกับเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่นั้นอีกครั้งเขายังอยากนั่งคุยกับผู้เป็นพี่ชายต่ออีกสักพัก ถ้านอกจากออสโม่กับแม่นมที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็กแล้ว ทั้งตระกูลนี้ก็คงมีพี่ชายคนนี้นี่แหละที่เขาพอจะพูดคุยด้วยกันได้ทุกเรื่องจริงๆ“ไปหาแม่เถอะ ฉันขอนั่งอยู่แบบนี้สักพักก่อน” ภัทรกาฬบอกน้องชายแบบนี้เพราะกลัวว่ายุวดีจะรอนานเรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัวภัทรกาฬเองก็รับรู้ เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกชัดเจนแบบณัฐกานต์ว่าไม่พอใจกับสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำไว้แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่ของพวกเขาก็ยังรักลูกเสมอ เพียงแต่พวกท่านไม่ได้แสดงออกมาในรูปแบบเหมือนที่ครอบครัวอื่นเขาปฏิบัติกัน หวังว่าสักวันน้องชายของเขาจะมองพวกท่านทั้งสองในอีกมุมที่เขาได้มองบ้าง“อย่าคิดมากนะเฮีย” ณัฐกานต์รับคำจากพี่ชาย พลางลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไป แต่ก่อนจะไปเขา
Chapter 31[31/2]สวนดอกไม้ดอกกุหลาบและดอกคาเดนเยียร์จากหลังคฤหาสน์ ทำให้ทรรศนียภาพของที่นี่น่ามองขึ้นไปอีก โดยรวมแล้วทั้งดอกไม้ทั้งสวนองุ่นที่ถัดออกไปบวกกับวิวทิวทัศน์สวยๆ ที่มีภูเขาเป็นฉากกั้นอยู่ ถ้าใครได้มาตรงที่แห่งนี้ก็คงจะยอมกลับละสายตาไปไหนนอกจากทรรศนีภาพที่สวยงามแล้ว ยังมีเจ้าของสวนคนใหม่นั่งอยู่ที่สวนนี้ด้วย ตอนนี้ณัฐกานต์มองจากด้านหลังของคนที่นั่งตรงโต๊ะหินอ่อนจากทางประตู ก่อนจะก้าวขาเดินไปหาคนคนนั้น“ไง... นั่งชมนกชมไม้ ดูสบายจังนะเฮีย” ร่างสูงเดินเอามือไปวางบนไว้ไหล่พี่ชายของตัวเองที่กำลังนั่งอยู่“ได้ยินปู่บอกว่าแกมาทำธุระหรอ?”“ใช่” ว่าแล้วก็นั่งลงบนโต๊ะนั่งข้างๆ กับพี่ชาย“ธุระอะไรของแก? งานสาขานี้พ่อก็บินไปกลับเป็นว่าเล่นแล้ว”“ธุระส่วนตัวน่ะ ถ้าแค่งานของเขา... ผมคงไม่ลงทุนมาขนาดนี้หรอก ไม่ใช่เฮียนี่”แน่นอนว่าถ้าเกิดเป็นงานที่บริษัทของพ่อตัวเอง ณัฐกานต์ไม่มีวันมาทำขนาดนี้ให้หรอก ลำพังแค่ทำงานที่บริษัทให้ทุกวันนี้ก็มากเกินพอแล้วกำไรจะมากหรือน้อยเงินเดือนของเขาก็ยังเท่าเดิมอยู่ดี แม้จะมีปันผลทุกๆ ไตรมาสให้อยู่แล้วก็เถอะ อย่างไรเขาก็คงไม่ได้มากเท่าพี่ชายอยู่แล้ว“ธุระ
Chapter 31[31/1]@โรม, ประเทศอิตาลี่ณัฐกานต์เดินทางมาถึงที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของเศรษฐีไร่องุ่นคนเก่าแก่ในย่านกรุงโรม ด้านหลังของคฤหาสน์หลังใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยไร่องุ่นและโรงหมักไวน์ขนาดใหญ่ และทั้งหมดนี้กินเนื้อที่ไปหลายร้อยไร่โดยประมาณ ซึ่งทรัพย์สินทุกอย่างในที่แห่งนี้เป็นของออสโม่ปู่ของเขาเองชายหนุ่มนั่งรถจากสนามบินมาถึงที่นี่ใช้เวลาไม่นานมาก ตอนแรกคิดว่าจะบินตรงไปมิลานเลย ทว่าพอลองมาคิดใหม่เขาอยากจะแวะมาที่นี่ก่อน เพื่อมาเยี่ยมปู่และพี่ชายของตัวเอง เพราะไม่ได้เจอทั้งสองคนนานมากแล้วพอทำธุระที่นี่แล้วเสร็จก็จะรีบไปมิลานเลยทันที เพราะนอกจะไปหาญารินแล้วเขาก็คิดว่าจะไปดูความเป็นอยู่ของยุวดีสักหน่อย ได้ข่าวว่าช่วงนี้ธุรกิจของผู้เป็นแม่กำลังเติบโตไปได้สวยเลยรถ SUV สุดหรูอย่าง Rolls-Royce Black Badge รุ่นปี 2022 ราคาในไทยโดยประมาณอยู่ที่ 41 ล้าน แต่ราคาที่อิตาลี่ไม่รู้ว่าขึ้นไปเท่าไหร่บ้างแล้วตอนนี้คนขับรถของคฤหาสน์ออกมารับณัฐกานต์ที่สนามบิน ตอนนี้กำลังขับเคลื่อนและชะลอความเร็วลงเพื่อเลี้ยงเข้าสู่คฤหาสน์กาเซียโน่ของเศรษฐีคนดังในย่านนี้ ก่อนจะลงจากรถแล้วเข้าไปหาเจ้าของบ้านที่ตอนนี้รอต้อนร
Chapter 31[31/2]สวนดอกไม้ดอกกุหลาบและดอกคาเดนเยียร์จากหลังคฤหาสน์ ทำให้ทรรศนียภาพของที่นี่น่ามองขึ้นไปอีก โดยรวมแล้วทั้งดอกไม้ทั้งสวนองุ่นที่ถัดออกไปบวกกับวิวทิวทัศน์สวยๆ ที่มีภูเขาเป็นฉากกั้นอยู่ ถ้าใครได้มาตรงที่แห่งนี้ก็คงจะยอมกลับละสายตาไปไหนนอกจากทรรศนีภาพที่สวยงามแล้ว ยังมีเจ้าของสวนคนใหม่นั่งอยู่ที่สวนนี้ด้วย ตอนนี้ณัฐกานต์มองจากด้านหลังของคนที่นั่งตรงโต๊ะหินอ่อนจากทางประตู ก่อนจะก้าวขาเดินไปหาคนคนนั้น“ไง... นั่งชมนกชมไม้ ดูสบายจังนะเฮีย” ร่างสูงเดินเอามือไปวางบนไว้ไหล่พี่ชายของตัวเองที่กำลังนั่งอยู่“ได้ยินปู่บอกว่าแกมาทำธุระหรอ?”“ใช่” ว่าแล้วก็นั่งลงบนโต๊ะนั่งข้างๆ กับพี่ชาย“ธุระอะไรของแก? งานสาขานี้พ่อก็บินไปกลับเป็นว่าเล่นแล้ว”“ธุระส่วนตัวน่ะ ถ้าแค่งานของเขา... ผมคงไม่ลงทุนมาขนาดนี้หรอก ไม่ใช่เฮียนี่”แน่นอนว่าถ้าเกิดเป็นงานที่บริษัทของพ่อตัวเอง ณัฐกานต์ไม่มีวันมาทำขนาดนี้ให้หรอก ลำพังแค่ทำงานที่บริษัทให้ทุกวันนี้ก็มากเกินพอแล้วกำไรจะมากหรือน้อยเงินเดือนของเขาก็ยังเท่าเดิมอยู่ดี แม้จะมีปันผลทุกๆ ไตรมาสให้อยู่แล้วก็เถอะ อย่างไรเขาก็คงไม่ได้มากเท่าพี่ชายอยู่แล้ว“ธุระ
Chapter 30[30/1]ก่อนที่จะเดินทางข้ามทวีปไปในวันพรุ่งนี้ คนที่บอกว่าจะเคลียร์งานของตัวเองให้เสร็จทันก่อนจะขึ้นเครื่อง ทว่าตอนนี้ยังมะงุมมะงาหราอยู่กับกองเอกสารที่ต้องเซ็นจนป่านนี้เป็นเวลา 1 ทุ่มกว่าแล้ว ท่านรองประธานบริษัทหนุ่มหล่อไฟแรงก็ยังไม่ได้ลุกออกไปไหนเลยLine~Dar.runnn : กลับเพ้นท์เฮ้าส์ยังคะ? น้องดาอยากไปหาDar.runnn : วันนี้คุณย่าบ่นๆ คิดถึงพี่ณัฐด้วยนะ ถ้าว่างๆ ก็อยากให้พี่แวะมาคุณย่าบ้างDar.runnn : พรุ่งนี้เลยดีไหมคะ วันหยุดด้วยน่าจะเหมาะเลย น้องดาจะได้ทำกับข้าวไว้เผื่อเสียงโทรศัพท์ข้างๆ ตัวณัฐกานต์ดังขึ้น สายตาคมเหลือบไปมองการแจ้งเตือนบนหน้าจอ ถึงได้รู้ว่าเป็นใครที่ส่งมาวันนี้ทั้งวันดารันยังไม่ได้มาหาเขาเลย ซึ่งถ้าปกติแล้วเธอจะมาที่นี่แทบทุกวัน โดยมาพร้อมกับของกินตลอดและในแต่ละครั้งที่มาหาณัฐกานต์ก็ไม่เคยห้ามเลยสักครั้ง ตั้งแต่ตอนที่ญารินยังอยู่รวมถึงตอนที่เธอไม่อยู่ที่นี่แล้วร่างสูงไม่ได้หยิบสมาร์ตโฟนสีเซียร่าบลูของตัวเองขึ้นมาตอบแต่อย่างใด ก่อนจะหันหน้ากลับไปสนใจงานของตัวเองต่อ เพราะเขาต้องรีบทำเวลาให้ทันก่อนขึ้นเครื่องในวันพรุ่งนี้@มิลาน, ประเทศอิตาลี่ญารินได้